ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 801 เพื่อนของฉันเป็นนายก

ผลประโยชน์จากหัวใจของโพไซดอนทำให้ร่างกายของฉินสือโอวในตอนนี้แข็งแรงจนไม่มีอะไรมาเทียบได้ ทุกวันนี้เขาทานอะไรก็เจริญอาหารไปหมด นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็กลับมามีพละกำลังเหมือนเดิม ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าใจเรื่องระบบการรักษาของแคนาดาได้อย่างลึกซึ้งเท่าไรนัก
แต่พอวินนี่ตั้งครรภ์ ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ครั้งก่อนวินนี่ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจเช็กร่างกายอีกรอบ ต่อให้ถือบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสที่มีข้อมูลเงินบริจาคนับล้านของเขารวมอยู่ด้วยก็ตาม ทุกคนก็ต้องเข้าแถวรอเกือบทั้งวันเหมือนกันหมด
ฉินสือโอวรับเรื่องนี้ไม่ค่อยได้ ผู้อยู่อาศัยในเมืองยิ่งต้องรับไม่ได้อย่างแน่นอน เนื่องจากพวกเขาไม่มีข้อมูลการบริจาคเงินเลย
สิ่งที่ต้องรู้คือการไปพบแพทย์ในแคนาดานั้นแตกต่างจากที่ประเทศจีน เว้นแต่ว่าจะอยู่ในภาวะฉุกเฉิน ไม่อย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล และยังต้องนัดแพทย์ประจำครอบครัวก่อนด้วย
ทุกครั้งที่มาที่นี่ สิ่งที่ผู้คนต้องทำเป็นอย่างแรกคือเลือกแพทย์ประจำบ้านที่เหมาะสมตามอาการของตัวเอง จากนั้นก็ทำการนัดแพทย์ล่วงหน้า รายงานตัว ตรวจร่างกายและปรับข้อมูลการรักษาของตัวเองให้สมบูรณ์
ดังนั้นเมื่อรู้สึกไม่สบาย ชาวแคนาดาจะต้องติดต่อกับแพทย์ประจำครอบครัวเพื่อนัดเวลาตรวจโรคก่อน
หลังจากแพทย์ประจำครอบครัวตรวจขั้นแรกแล้ว ถ้าได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคธรรมดาทั่วไป ก็จะเขียนใบสั่งของแพทย์ให้ทันที เพื่อให้ผู้ป่วยไปรับยาได้ที่ร้านขายยาร้านไหนก็ได้ด้วยตัวเอง
แต่ถ้าหากต้องการตรวจร่างกายในเชิงลึกเพื่อการวินิจฉัยโรค แพทย์ประจำครอบครัวจะออกแบบฟอร์มตรวจสุขภาพหรือแบบฟอร์มการส่งต่อผู้ป่วยให้ เพื่อแนะนำผู้ป่วยให้กับสถาบันตรวจร่างกายเฉพาะทางหรือสำนักงานแพทย์เฉพาะทางเพื่อทำการวินิจฉัยต่อไป
ในระหว่างนั้น การตรวจสอบทางเคมีก็จะต้องนัดหมายไว้ การรายงานการตรวจร่างกายต้องใช้เวลารอเฉลี่ยถึงสองสัปดาห์ แพทย์เฉพาะทางและการเข้ารับการรักษาอย่างละเอียดในโรงพยาบาลจะต้องทำการนัดหมายไปเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามการนัดหมายทุกอย่างหากนัดหมายจนถึงคนสุดท้ายแล้ว ก็จะเห็นหรือไม่ว่าพระเจ้าทรงอวยพรเพียงใด
แม้ว่าจะเป็นแพทย์ประจำครอบครัวก็ตาม ก็ต้องนัดล่วงหน้าก่อน ไม่ใช่ว่าจะเข้ามาพบแพทย์ได้เลย แน่นอนว่าถ้าแพทย์ประจำครอบครัวมีคนไข้น้อย จึงจะสามารถให้บริการกับคุณได้โดยตรง แต่สถานการณ์แบบนี้มีน้อยนักที่จะได้เห็น
หลายๆ คนที่รู้สึกไม่สบาย ก็จะนัดพบแพทย์ แต่มักจะถูกแจ้งกลับมาว่ามีคนไข้รายอื่นได้นัดไว้ก่อนแล้ว หลังจากวันนั้นไม่กี่วันถึงจะสามารถพบแพทย์ได้
เหตุการณ์นี้เป็นสิ่งที่น่าเกลียดมาก โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ล้วนเป็นโรคที่เกิดขึ้นชั่วคราว หลังจากอดทนรอไม่กี่วันจนถึงเวลาพบแพทย์ อาการก็มักจะหายไปแล้ว หมอก็จะเอาคำว่า “ไม่มีอาการแล้ว” มาเป็นข้ออ้างในการไม่จ่ายยาที่ได้เตรียมไว้ให้ นี่จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนพูดอะไรไม่ออกอย่างถึงที่สุด
นอกจากนี้ เนื่องจากแคนาดาเข้มงวดกับการจัดยาตามใบสั่งยาของแพทย์เป็นอย่างมาก และจะไม่ให้มีเหตุการณ์ “จ่ายยาผิด” เด็ดขาด ในทางตรงกันข้าม ต่อให้มีเงินก็ไม่สามารถซื้อยากินเองได้ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว
ตอนที่ฉินสือโอวเพิ่งมาเกาะแฟร์เวล เออร์บักก็ได้เตรียมกล่องยาเล็กๆ ให้กับเขาด้วย เพื่อให้เขาจัดการดูแลตัวเองได้อย่างเต็มที่ ยามที่ตัวเองปวดหัวตัวร้อนหรือไปกระแทกกับอะไรเข้า จะให้รอหมอทุกอย่าง? สู้ไปรอพระเจ้าไม่ดีกว่าเหรอ
เกือบทุกครัวเรือนในเมืองแฟร์เวลจะมีการเตรียมเก็บกล่องยาเล็กๆ ไว้เสมอ ความต้องการคลินิกชุมชนนั้นมีมาก แต่ยังไม่เคยเจอหมอที่เหมาะสมกับที่นี่เลย ดังนั้นจึงทำให้เรื่องนี้ล่าช้าออกไปอีก และตอนนี้ชักชวนโอดอมได้แล้ว ฉินสือโอวจึงรู้สึกว่านี่ถือเป็นโอกาสที่ดีอย่างหนึ่ง
พอได้ยินฉินสือโอวพูดเช่นนั้น โอดอมก็ไม่ปฏิเสธและไม่ได้ถามเงินเดือนหรือสวัสดิการอะไรทั้งนั้น เขาเพียงแค่ลูบที่คางเบาๆ แล้วพูดว่า “ขอเวลาให้ผมพิจารณาอีกสักหน่อยแล้วกัน ก่อนสุดสัปดาห์หน้าผมจะให้คำตอบคุณ”
ถ้าในประเทศจีน การเชิญบุคคลใดๆ ก็ตามมาทำงานโดยไม่ถามเกี่ยวกับเงินเดือนหรือสวัสดิการเลย แต่กลับพูดแค่ว่าขอพิจารณาดูก่อน นั่นหมายความว่าเชื่อถือไม่ได้แน่นอน
แต่ที่แคนาดาไม่เหมือนกัน ในเมื่อบอกว่าขอพิจารณาดูก่อน นั่นก็คือขอพิจารณาดูก่อนจริงๆ พวกเขาจะพิจารณาเฉพาะเงื่อนไขที่จำเป็นเท่านั้น ถ้าคิดว่าเงินเดือนหรือสวัสดิการไม่ใช่เงื่อนไขที่จำเป็น ก็จะไม่ถาม
นี่คือความแตกต่างทางวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศ ซึ่งชาวจีนจะรู้กาลเทศะ แต่ชาวแคนาดาจะตรงไปตรงมา
หลังจากแยกกับโอดอม ฉินสือโอวไปซื้อกาวน้ำแล้วกลับมาท่าเรือ ซึ่งที่เหลือก็มีแค่การซ่อมแซมเรือประมง จากนั้นก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสมบูรณ์
ชาร์คใช้แปรงถูทำความสะอาดตรงชื่อเรือ ‘ฟลาวเวอร์ฟอกซ์’ หลังจากนั้นจึงทาด้วยสีขาวแล้วต้องพ่นสีน้ำมันสีน้ำตาลเทา เพื่อแสดงถึงความรู้สึกเก่า นอกจากนี้ยังติดสนิมและเปลือกหอยเพิ่มอีกเล็กน้อย เพื่อให้ดูเหมือนว่ามันจมอยู่ใต้น้ำมาเป็นเวลานาน
ปลายเดือนสิงหาคม การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีที่ยาวนานต่อเนื่องมาจนเกือบหนึ่งรอบของฤดูกาลก็มาถึงช่วงสิ้นสุดแล้ว ทั้งสองฝ่ายต้องทำการกล่าวปราศรัยครั้งสุดท้ายในทีวี และส่วนที่เหลือก็คือคะแนนลงเสียงจากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จากนั้นกลุ่มผู้นำรุ่นใหม่ของเซนต์จอห์นก็จะออกมาทำการประกาศผล
การกล่าวปราศรัยครั้งสุดท้ายไม่ใช่การแข่งขันกันปราศรัย แต่ก็จะต้องทำหลายวันอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองฝ่ายจึงเปรียบเหมือนกับนัดกันออกมาทะเลาะกัน วันนี้อ็อกเฟอร์จะได้ลงสถานีโทรทัศน์ก่อนและพรุ่งนี้จะเป็นแฮมเล็ต ผู้ลงสมัครทั้งสองจะต้องอธิบายวิธีการบริหารของตัวเองและพิสูจน์ความสามารถในบริหารปกครองของตัวเองอย่างสุดความสามารถ และเพื่อโจมตีและสงสัยในวิธีการและความสามารถของฝ่ายตรงข้าม เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
เมื่อก่อนฉินสือโอวเคยดูการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เขาฟังอย่างไรก็ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เหล่าผู้ลงสมัครเลือกตั้งพูดคืออะไร เขาเพียงแค่ดูพวกเขาโบกมือไปมา กำหมัดและส่งเสียงร้องในหอประชุมเท่านั้น เพื่อให้รู้สึกว่ามีอำนาจ
การปราศรัยในเมืองเล็กๆ จะไม่เป็นแบบนั้น สำนวนภาษาที่สวยงามและอำนาจที่เปล่งออกมาจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะไม่สนใจคำพูดสวยหรูของผู้สมัครลงเลือกตั้ง พวกเขาอยากรู้แค่ว่าในอนาคตอีกไม่กี่ปีข้างหน้ารัฐบาลจะวางแผนทำอะไร จะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจดีขึ้น จะสร้างโครงการบริหารเทศบาลอย่างไร จะช่วยผู้เสียภาษีประหยัดเงินได้อย่างไร และสุดท้ายจะต้องลดภาษีลงได้ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งสมบูรณ์แบบที่สุด
เออร์บักเปลี่ยนภาพลักษณ์การเลือกตั้งให้กับแฮมเล็ต เมื่อก่อนเขามักจะสวมเสื้อกั๊กสไตล์อังกฤษเพื่อแสดงออกถึงความสง่ามาโดยตลอด แต่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสุดท้ายก็ได้เริ่มขึ้น บางครั้งแฮมเล็ตก็จะสวมเสื้อยืดธรรมดาสบายๆ บางครั้งก็สวมกางเกงยีน บางครั้งยังสวมชุดทำงานเพื่อพยายามแสดงถึงด้านการทำงานขั้นพื้นฐานของตัวเอง
ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อช่วงสุดท้าย แฮมเล็ตมีคำติดปากอื่นๆ อีกประโยคหนึ่งคือ ‘ผมรู้ว่าพวกคุณขาดอะไร เพราะเพื่อนรอบตัวของผมก็ขาดสิ่งนั้น’
สำหรับฉินสือโอวแล้วมันเป็นคำพูดที่จอมปลอมเล็กน้อย แต่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งต่างชื่นชอบกับคำพูดของแฮมเล็ตมาก เพราะไม่กี่ปีก่อนหน้านี้พวกเขาถูกอ็อกเฟอร์หลอกหรือจะพูดว่าถูกหลอกจนการเงินถึงขั้นวิกฤต จึงต้องการให้คนที่รู้และเข้าใจในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนมาช่วยพวกเขาปฏิบัติหน้าที่ ไม่ใช่ว่าวันๆ จะเป็นแค่นักการเมืองที่อยู่แต่ในห้องทำงานเพื่อเป็นผู้นำพวกเขา
ปลายเดือนสิงหาคม การลงคะแนนเสียงจะเริ่มขึ้นอย่าเป็นทางการ โดยในเซนต์จอห์นจะแบ่งเป็นสองสถานที่หลักในการลงคะแนนเสียง ที่หนึ่งจะอยู่ที่ตึกของรัฐบาล ส่วนอีกที่หนึ่งจะอยู่ที่จัตุรัสอนุสรณ์นิวฟันแลนด์ ซึ่งรัฐบาลแคนาดาและรัฐบาลท้องถิ่นจะส่งคนมาควบคุมดูแล
นอกจากนี้ยังมีสถานที่ในการลงคะแนนเสียงที่กระจัดกระจายออกไปบางส่วน แม้แต่เขตชุมชนที่มีประชากรผู้อาศัยจำนวนมากก็ยังมีสถานที่ลงคะแนนเสียง ซึ่งเป็นสิ่งที่สะดวกต่อประชาชน
ในด้านกฎหมาย ประชาชนที่มีอายุสิบแปดปีขึ้นไปจะมีสิทธิ์ในการเลือกตั้ง แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีแค่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งบางส่วนเท่านั้นที่สามารถใช้สิทธิ์นี้ของตัวเองได้ ที่หลายคนสามารถใช้ได้เพราะไม่ได้ให้ความสนใจกับการเมืองและทำงานที่อื่นจนไม่มีเวลาไปลงคะแนน อย่างไรก็ตามผู้ที่งดออกเสียงก็มีไม่น้อย
วันจันทร์สุดท้ายของเดือนสิงหาคม การลงคะแนนเสียงเริ่มอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ถึง 20.00 น.
เนื่องจากเมืองแฟร์เวลเป็นฐานเสียงของแฮมเล็ต ดังนั้นจึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ในการลงคะแนนเสียง ซึ่งจะอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ของสำนักงานรัฐบาลเมือง
เหล่าชาวบ้านที่มาล้วนเป็นหน้าเป็นตาให้กับแฮมเล็ตเป็นอย่างมาก พอถึงเวลาสิบโมงตรงก็เริ่มทยอยพากันไปต่อแถวก่อน ฉินสือโอวก็พาวินนี่ไปด้วยเช่นกัน เมื่อถึงที่นั่นมองดูแล้ว ทุกคนล้วนเป็นคนที่รู้จักคุ้นเคยกันทั้งนั้นและยังมีนักท่องเที่ยวกำลังถือกล้องถ่ายรูปอยู่ เห็นได้ชัดว่าวิธีเลือกตั้งด้วยการลงคะแนนเสียงแบบนี้เป็นสิ่งที่แปลกใหม่มากสำหรับพวกเขา
ประชาชนในเมืองที่กำลังเข้าแถวอยู่มีสีหน้าและท่าทางที่ดูผ่อนคลายมาก เพราะใครๆ ก็รู้ว่าแฮมเล็ตชนะแล้ว!
……………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset