พอได้ยินว่าฉินสือโอวจะไปเป็นแขก บูลก็ร้อนรนขึ้นมา เขาเอ่ยถาม “กัปตัน คุณจะไปจริงๆ เหรอ?”
พูดถึงคำเรียก ลูกน้องของฉินสือโอวเรียกเขาอยู่สองแบบ ชาร์ค ซีมอนสเตอร์ นีลเซ็นและเบิร์ดเรียกเขาว่า ‘บอส’ ส่วนพวกบูล แลนซ์และคนอื่นๆ จะเรียกเขาว่า ‘กัปตัน’ น่าสนใจดีเหมือนกัน
ฉินสือโอวพูดยิ้มๆ ในขณะที่เท้าไม้เท้าอยู่ “แน่นอน นายไม่ต้อนรับเหรอ? ฉันยังไม่เคยไปเป็นแขกที่บ้านนายเลยนะ ไม่ควรอย่างยิ่ง”
บูลเกาหัวที่เต็มไปด้วยผมก่อนจะตอบ “งั้นผมต้องไปเตรียมตัวดีๆ หน่อย ตายแล้ว บ้านผมไม่มีของดีอะไรจริงๆ”
ฉินสือโอวพูดอย่างไม่พอใจ “เพื่อน นายหมายความว่าอย่างไร? ถึงแม้ว่าฉันจะไปเป็นแขกในนาม แต่ฉันแค่อยากไปสังสรรค์กับนาย นึกว่าฉันจะต้องได้กินอาหารหรูๆ หรือไง? เหล้าก็เอาเป็นไอซ์เบียร์นิวฟันด์แลนด์ละกัน ฉันชอบ”
ไอซ์เบียร์นิวฟันด์แลนด์ถูกกว่าเบียร์ธรรมดาอย่างพวกบัดไวเซอร์ หรือริบบิ้นฟ้าเสียอีก ของดีราคาถูก เป็นของรักของพวกกะลาสีและชาวประมง
แต่ฉินสือโอวกล้าพูดได้เลยว่าบูลไม่จัดเตรียมแบบนั้นแน่ๆ นี่เป็นนิสัยอย่างหนึ่งของคนนิวฟันด์แลนด์ สำหรับคนสำคัญที่จะมาเป็นแขกครั้งแรก พวกเขาจะต้อนรับเป็นอย่างดี ต่อให้สนิทกันแค่ไหนก็จะทำแบบนั้น
เลือกวันดีไม่สู้เลือกวันสะดวก แลนซ์ตะโกนบอกว่าคืนนี้ทุกคนไปกินข้าวบ้านบูล ฉินสือโอวให้พวกเขาไปเลือกของในฟาร์มปลาได้ตามสบาย ตอนกลางคืนทำอะไรกินได้ก็ทำเลย
บูลรีบร้อนกลับบ้านไปเตรียมตัว แลนซ์ดึงเขาไว้แบบมีลับลมคมใน ไม่รู้ว่าพูดอะไรบ้าง แต่ใบหน้าของบูลปรากฏสีหน้าตื่นเต้นออกมาทันใด
ฉินสือโอวกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วพาวินนี่ เออร์บักและเด็กๆ ไปบ้านของบูล
เขาไม่ยินดีไปเป็นแขกบ้านชาวประมงคนอื่น เพราะทางเขาวุ่นวายเกินไป คนเยอะไม่พอยังพาเจ้าพวกหู่เป้าฉงหมาป่ามาด้วยอีก ดีที่มาสเตอร์ขี้เกียจขยับตัว ไม่อย่างนั้นพาเต่าอัลลิเกเตอร์ สแนปปิ้งไปบ้านคนอื่นคงทำเอาคนจ้องจนตาหลุด
บูลโทรหาเขา บอกเขาว่าอย่าไปในเมือง ให้ไปที่เป็นท่าเรือในเมืองแทน
ฉินสือโอวงง พอถึงท่าเรือเขาก็เห็นแลนซ์คาบไปป์ที่เป็นเอกลักษณ์รอเขาอยู่แล้ว เรือบรรทุกสินค้าก้นแบนลำหนึ่งจอดเทียบท่าคอยอยู่
เรือบรรทุกสินค้าก้นแบนเป็นเรือขนส่งระยะสั้นที่ใช้ในแม่น้ำหรือทะเล ปกติแล้วแรงม้าจะต่ำ แต่เนื้อที่กลับกว้างขวาง นอกจากห้องคนขับก็เป็นห้องเก็บสินค้ากับดาดฟ้าเรือกว้างๆ
ตอนนี้ดาดฟ้าเรือลำนั้นถูกเก็บกวาดจนสะอาด บนนั้นมีพวกโต๊ะเก้าอี้และเก้าอี้ผ้าใบวางอยู่ ยังมีเตาอบ หม้อ ดูท่าว่าเย็นคงจะกินข้าวบนเรือกัน
ภายใต้แสงอาทิตย์อัสดงยังคงมีนักท่องเที่ยวมาดูพระอาทิตย์ตกริมทะเลแถวๆ ท่าเรือ พวกเขาต่างมองไปรอบๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น เห็นได้ชัดว่ายังใหม่กับการกินข้าวแบบนี้
ฉินสือโอวและคนอื่นๆ ขึ้นเรือ บูลพูดด้วยรอยยิ้มเริงร่า “ยินดีต้อนรับสู่การเป็นแขกของชาวประมง กัปตัน ยินดีต้อนรับครับ!”
บนดาดฟ้า ชาร์คกับแซ็กกำลังทาน้ำมันกับซอสลงบนเนื้อย่าง กลิ่นหอมหวนของเนื้อย่างอบอวลไปทั่วเรือ ยิ่งปนกับยี่หร่ากับผงพริกแล้วยิ่งช่วยกระตุ้นความอยากอาหารมากไปอีก
เบิร์ดขับรถกระบะบรรทุกเบียร์เป็นถังๆ มา อีวิลสันลงไปช่วย มือขวากอดถังหนึ่ง ไหล่ซ้ายก็แบกอีกถังหนึ่ง จากนั้นก็ยกขึ้นเรือมาแบบสบายๆ
ปลาอีโต้มอญแสนซวยถูกเอาลงกระทะ ปลาตัวนี้ดูตัวไม่เล็ก ยาวหนึ่งเมตรกว่าๆ ที่จริงแล้วเพราะรูปร่างปลาชนิดนี้แบนไม่เหมือนกับปลาทูน่าที่ลำตัวนูนออกมา ฉะนั้นน้ำหนักจึงไม่มาก หนักแค่ประมาณสิบกว่ากิโลกรัมเท่านั้น
แอนนากับภรรยาของแลนซ์ตั้งกระทะทอดหัวหอมสไตล์ฝรั่งเศสอยู่ที่ท้ายเรือ นี่เป็นขนมก่อนอาหารที่คนแคนาดาชอบกินมากๆ เมื่อก่อนฉินสือโอวก็เคยทอด แต่มันต้องระวังความแรงของไฟและเวลาทอดมากๆ นิดเดียวก็ไฟแรงเกิน ไม่ก็ไม่สุก เพราะฉะนั้นทำเองครั้งหนึ่งไม่อร่อยเขาก็เลยไม่ทำอีก
หัวหอมทอดทำง่ายมาก เอาหัวหอมทั้งลูกมาหั่นแว่น พอออกมาก็จะเป็นห่วงกลม พอจุ่มแป้งที่ผสมด้วยแป้งมันฝรั่งกับไข่ก็เอาลงทอดในกระทะได้เลย แต่ต้องกะเวลาเอาออกจากกระทะให้ดี
พอเอาออกมาแล้ว หัวหอมทอดก็กินได้หลายแบบ แอนนาเตรียมซอสไว้มากมายเช่น ซอสมะเขือเทศ ซอสช็อกโกแลต น้ำจิ้มซีฟู้ด ซอสพริก น้ำสลัดเป็นต้น ชอบอันไหนก็จิ้มอันนั้น
ของแบบนี้ทอดก็กินเลย ฉินสือโอวยกจานเล็กๆ มา ในนั้นมีผงพริกกับผงยี่หร่า เอาหัวหอมที่ทอดเสร็จลงไปคลุกสักหน่อย ถูกปากเขาพอดี
นอกจากหัวหอมทอดแล้ว แอนนายังเตรียมไก่ทอดเอาไว้ด้วย อันนี้ไม่เหมือนของในร้านฟาสต์ฟู้ด ใช้น้ำมะนาว พริกไทยดำกับเกลือหมักไว้ก่อนแล้ว ทั้งดีต่อสุขภาพทั้งอร่อย
ในน้ำมะนาวมีกรดซิตริก สิ่งนี้สามารถปรับสมดุลกลิ่นคาวของไขมันในเนื้อไก่ได้ ครอบครัวในแคนาดามักจะใส่ลงไปนิดหน่อยเวลาปรุงเนื้อ
พาวลิส ชาร์คน้อยและคนอื่นๆ ชอบกินมันฝรั่งทอดกับกุ้งทอดมากกว่า กินไปก็สังสรรค์กันไปอยู่บนเรือ วินนี่กำลังดูพวกเขาเป็นพิเศษ กลัวว่าเด็กพวกนี้จะไม่ระวังจนตกน้ำ
การรวมตัวกินข้าวของคนแคนาดาต่างกับคนจีน พวกเขาจะไม่รอให้กับข้าวทำเสร็จแล้วคนมาพร้อมหน้าค่อยเริ่มกิน ปกติจะออกแนวบริการตัวเอง ทุกคนล้วนมีอะไรทำเลยได้กินไปด้วย
แน่นอนว่าฉินสือโอวไม่ทำอะไรเลย วันนี้เขาก็คือมากินดื่มฟรี
บูลเทเหล้าแก้วโตให้เขา ถือว่าแก้วใหญ่มาก ถ้วยคริสทัลมีขนาดเต็มลิตร ทุกครั้งที่ฉินสือโอวยกขึ้นมาก็จะนึกถึงตอนเด็กๆ เวลาป้อนน้ำให้วัวที่บ้าน
ชาร์คกับซีมอนสเตอร์ชอบดื่มเบียร์เป็นที่สุด พอเทเต็มแก้วก็ยกซดไปครึ่งหนึ่งในรวดเดียวทันที
ฉินสือโอวหยิบเนื้อน่องวัวย่างมาหนึ่งไม้ ทำปากแจ๊บๆ เขาวิ่งไปหาชาร์ค อย่างไรเสียเนื้อย่างที่ชาร์คทำก็อร่อยกว่า
ความชอบที่คนแคนาดามีต่อเนื้อย่างและเบียร์นั้นมากจริงๆ ขอแค่เป็นการรวมตัวกินข้าวก็ขาดบาร์บีคิวไม่ได้แน่ๆ เนื้อย่าง ข้าวโพดย่าง ไส้กรอกย่าง แซนด์วิชย่าง บะหมี่ย่าง แม้กระทั่งไอศกรีมย่าง…
แซ็กให้ฉินสือโอวชิมมันฝรั่งอบกับซอสน้ำผึ้งของเขา มันฝรั่งอเมริกาลูกกลมโตแต่ละลูกถูกหั่นกากบาท อบจนสีเหลืองส้มเป็นเงา ฉินสือโอวกัดไปคำหนึ่ง รสชาติออกหวานเลี่ยน เหมาะกับผู้หญิง
แน่นอนว่าถูกปากฉงต้ามากกว่า พอฉินสือโอวให้มันชิมหนึ่งชิ้นมันก็เขยิบไปข้างๆ แซ็กไม่ยอมไปไหน
แซ็กอบไปหลายถาดอยากจะเปลี่ยนผักอื่นบ้าง แต่ฉงต้าไม่ยอม ผลักถังมันฝรั่งไปให้เขา แซ็กเห็นสถานการณ์ไม่ดีอยากจะไปจากตรงนั้น แต่ตอนนี้จะไปไหนได้ ฉงต้ากอดขาเขาไว้แล้วดึงกลับมา
บูลยุ่งอยู่กับการดูแลแขก ฉินสือโอวให้เขากินอะไรหน่อยก็โอเคแล้ว ไม่มีใครหิวแน่นอน
มือหนึ่งถือเบียร์อีกมือหนึ่งถือเนื้อย่าง บูลเข้ามาขอบคุณฉินสือโอว เขาโบกมือเป็นนัยว่าไม่จำเป็นต้องพูดถึงแล้วเอ่ยถาม “บ้านนายที่ฟาร์มปลาแกธเธอริงสร้างไปถึงไหนแล้ว?”
บูลตอบอย่างคาดหวัง “ยังไม่ได้เริ่มเป็นทางการเลย ผมไม่คิดจะสร้างเป็นวิลล่าแบบดั้งเดิม ผมซื้อแผ่นไม้อัดแบบที่คล้ายๆ ร้านเครื่องดื่มเย็นของคุณ เอามาใช้ทำเป็นวิลล่าหลังเล็กๆ”
แน่นอนว่าวิลล่าไม้อัดไม่แข็งแรงทนทานเท่าบ้านที่ใช้ไม้แท้ ปูนและคอนกรีตสร้าง แต่ฉินสือโอวรู้ว่าจะสร้างวิลล่าสักหลังก็ไม่ใช่ถูกๆ สถานการณ์การเงินของบูลยังไม่ถึงขั้นนั้น
คุยเล่นกันไป ดวงจันทร์ก็ลอยเด่นขึ้นไปบนฟ้า ดวงดาวที่ส่องประกายแวววาวเผยกายออกมา แสงจันทร์อบอุ่นส่องไปบนผิวน้ำ คลื่นซัดสาดกระเซ็น ลมทะเลพัดผ่าน ฉินสือโอวรู้สึกว่ากินข้าวแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
……………………………………………
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 690 เป็นแขกบ้านชาวประมง
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!