ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 688 ปูก้ามดาบแปลกไป

หลังกินอาหารเย็นสไตล์สกอตแลนด์จนอิ่ม ฉินสือโอวก็บอกลาคู่สามีภรรยาแฮมเล็ตแล้วเดินทางกลับ
เขายังมีกองทุนติดตัวอยู่อีกเกือบร้อยล้าน แต่เดิมฉินสือโอววางแผนจะซื้อเครื่องบิน แต่มันมีโอกาสใช้น้อยเกินไป ไม่ค่อยคุ้ม ตอนนี้พอมีเรื่องของแฮมเล็ตเงินทุนของเขาจึงได้ใช้ประโยชน์เสียที
ไม่คิดว่ารัฐบาลแคนาดาจะสามารถเล่นแบบนี้ได้ แฮมเล็ตที่เป็นผู้ว่าราชการกลับต้องไปเข้าร่วมการเลือกตั้งนายกเซนต์จอห์นครั้งใหญ่ด้วย สำหรับคนที่คุ้นเคยกับแวดวงการเมืองจีนที่เป็นระบบเลื่อนตำแหน่งย่อมรู้สึกน่าเหลือเชื่อ
ความจริงการเมืองแคนาดาจะเล่นกันแบบนี้ ถ้าฉินสือโอวเข้าร่วมกับพรรคอื่นที่มีอิทธิพลและสนับสนุนภายในพรรคจนชนะ เขาก็สามารถร่วมเป็นผู้สมัครได้เช่นกัน นอกจากนี้ตัวแฮมเล็ตเองก็ไม่ได้เป็นแค่ผู้ว่าราชการ แต่ยังเป็นหนึ่งในสมาชิก 25 คนที่ทางสภาเมืองเซนต์จอห์นแต่งตั้งมาอีกด้วย
ที่เซนต์จอห์น สภาเมืองจะมีอำนาจในการตัดสินและบริหาร กล่าวได้ว่าสภาเมืองก็คือศาลากลางนั่นเอง และสมาชิกสภาล้วนเป็นผู้บริหารอำนาจที่แท้จริงของรัฐบาล
ซึ่งเป็นอีกอย่างที่แคนาดาเหมือนกับอเมริกา เทศบาลใช้ระบบรัฐสภาที่สืบทอดมาจากอังกฤษ นับว่าพบเห็นได้น้อยมากในโลก
ข้อดีของระบบนี้คือช่วยลดความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานตัดสินกับหน่วยงานบริหาร และยังสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้อีก แต่สิ่งที่ขาดไปอย่างหนึ่งคือนายกเทศมนตรีที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการสั่งการทำงานให้กับแต่ละแผนก
ไม่ว่าอ็อกเฟอร์ในตอนนี้หรือแฮมเล็ตที่จะได้รับเลือกมาภายหลัง ถึงพวกเขาจะกลายเป็นนายกเทศมนตรีก็ไม่ได้มีอำนาจขนาดนั้น จะทำอะไรต้องผ่านการตรวจสอบจากสภาเมืองเสมอ แน่นอนว่าพวกเขาเป็นแค่ผู้บัญชาการสภาเมืองเพียงในนามเท่านั้น
ดังนั้นแฮมเล็ตจึงไม่มีอำนาจพอจะขายเกาะแฟร์เวลให้ฉินสือโอวได้ และฉินสือโอวเองก็ไม่มีเงินพอที่จะซื้อเกาะอยู่ดี
เมื่อก่อนรัฐควิเบกเพิ่งประมูลเกาะเล็กๆ เกาะหนึ่งชื่อ ‘คีนอค (Kenauk)’ เกาะนี้มีทั้งกระท่อมไม้ซุง 13 หลัง ทะเลสาบส่วนตัว 70 แห่งและเกาะน้อยอีก 5 เกาะ มีพื้นที่ประมาณ 26,305 เฮกตาร์[1] ขายในราคา 96 ล้านดอลลาร์แคนาดา!
ส่วนพื้นที่ของเกาะแฟร์เวลนั้นมีขนาดห้าเท่าของคีนอค ไหนจะประชากรที่อยู่ถาวร ราคาจะสักเท่าไร? ห้าร้อยล้าน? หนึ่งพันล้านหรือห้าพันล้าน?!
ทว่าฉินสือโอวจำที่แฮมเล็ตสัญญาไว้ได้ เขาบอกว่าถ้าได้เป็นนายกเทศมนตรี จะทำให้เขารู้สึกเหมือนเกาะแฟร์เวลเป็นเกาะส่วนตัวของเขาเลย แบบนั้นก็ไม่เลวนะ
เมื่อกลับถึงวิลล่า วินนี่กำลังกอดหลัวปอดูโทรทัศน์ในห้องรับแขกขณะรอเขา พอเขามาถึง วินนี่ก็เข้าห้องครัวไปอุ่นซุปแก้เมาค้างเทให้เขาชามหนึ่ง
ซุปแก้เมาค้างนี้วินนี่ได้เรียนมาจากแม่ฉินสือโอวช่วงปีใหม่ โดยใช้หัวปลาซ่งกับขิงเป็นส่วนผสมหลัก ใส่เต้าหู้เส้น ผักดองเส้น หน่อไม้เส้น เห็ดหอมเส้น แล้วผสมเข้ากับไข่ขาว รสเค็มๆ เผ็ดๆ ทั้งอร่อยและช่วยแก้เมาค้างได้ดี
ฉินสือโอวจิบคำหนึ่งก่อนยกนิ้วโป้งให้ ที่จริงเขาไม่ได้ดื่มเยอะเท่าไร แต่ก็ไม่อยากปฏิเสธความหวังดีของวินนี่
เมื่อก่อนเวลาที่ฉินสือโอวยุ่งกับงาน เขาจะรู้สึกว่าถ้ามีภรรยาแสนสวยสักคนคอยอยู่ข้างๆ ตอนดึกก็คงวิเศษไปเลย ซึ่งวินนี่ก็ทำหน้าที่นี้ได้อย่างยอดเยี่ยม เพียงแต่เขาไม่ได้ทำงานจนดึกแต่กลายเป็นเข้าสังคมจนดึกดื่นแทน ทุกครั้งที่กลับบ้านมาและเห็นวินนี่ทำอาหารมื้อดึกรอเขาไว้ให้ ก็มักรู้สึกเต็มตื้นในใจเสมอ
หลายวันต่อมา แฮมเล็ตแวะเวียนมาหาฉินสือโอวเรื่อยๆ เพื่อส่งใบเสร็จ เป็นบันทึกค่าใช้จ่ายของเขาและกลุ่มเขาจากการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งต้องให้ผู้ลงคะแนนทุกคนที่ให้เงินทุนสนับสนุนเขาได้ดูกัน
ทว่าสำหรับผู้ลงคะแนนทั่วไปจะได้รับแค่พัสดุกับจดหมายขอบคุณฉบับหนึ่ง โดยที่แฮมเล็ตไม่ต้องไปเยี่ยมด้วยตัวเอง
ฉินสือโอวคอยติดตามสถานการณ์การเลือกตั้ง แต่ความสนใจของเขาก็ต้องไปอยู่ที่อื่นแทน เพราะช่วงนี้ปูก้ามดาบที่ฟาร์มปลาค่อนข้างแปลกๆ
ปูก้ามดาบเป็นการเรียกรวมๆ ของปูชนิดต่างๆ โดยทั้งหมดมีร้อยกว่าชนิด ปูส่วนใหญ่ของฟาร์มปลาต้าฉินเป็นพวกปูก้ามดาบหาดแอตแลนติก ปูก้ามดาบโคลนแอตแลนติก ปูก้ามดาบยาว ปูก้ามดาบหลังกระโดง และปูก้ามดาบสั้น
เจ้าปูเล็กพวกนี้ดูน่าสนใจมาก พวกมันมีตาที่เหมือนกับก้านไม้ขีดยื่นออกมาหนึ่งคู่ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์มาก
สิ่งที่พิเศษอีกอย่างคือ ก้ามของปูตัวผู้ไม่ได้ใหญ่เท่ากัน โดยทั่วไปก้ามด้านขวาจะมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ ส่วนด้านซ้ายก็มีขนาดเล็กมาก มันมักวางก้ามด้านขวาไว้ตรงหน้าอกคล้ายกับเกราะของนักรบ ดูน่าเกรงขาม ขณะที่ก้ามของตัวเมียกลับเล็กทั้งสองข้างอย่างน่าประหลาด
ปูก้ามดาบนั้นต่างจากปูเสฉวน ตามปกติพวกมันจะอาศัยอยู่ในหลุม ความลึกของหลุมขึ้นอยู่กับระดับน้ำและพื้นหลุมจำเป็นต้องเข้าถึงดินโคลนที่ชุ่มชื้นได้ด้วย
กองทรายเล็กๆ ที่นูนขึ้นมามากมายบนหาดของฟาร์มปลาคือตะกอนอาหารจากปูก้ามดาบ พวกมันกลืนขี้เลนทรายเข้าไปเพื่อดูดกินพวกสารประกอบอินทรีย์ ส่วนที่กินไม่ได้มันก็จะถ่มออกมานอกหลุม พอเวลาผ่านไปมันก็ค่อยๆ กองพะเนินสูงขึ้น
โดยทั่วไปพฤติกรรมของปูก้ามดาบจะขึ้นอยู่กับน้ำขึ้นน้ำลง เวลาน้ำขึ้นสูงก็จะซ่อนในหลุม พอน้ำลงจึงออกมาเดินหาอาหาร ซ่อมแซมหลุมบนชายหาด
แต่ช่วงไม่กี่วันมานี้ปูก้ามดาบในฟาร์มปลากลับเริ่มไม่ได้ใช้ชีวิตตามรูปแบบนั้น ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน น้ำขึ้นหรือน้ำลง ก็จะมีปูบางส่วนออกมาเดิน แถมยังดูท่าทางลังเลเหมือนกับอยากย้ายบ้านไปยังที่สูงกว่านี้กัน
ทีแรกยังไม่เยอะมาก แต่พอผ่านไปอาทิตย์หนึ่ง พวกปูก้ามดาบจู่ๆ ก็แทบแตกรัง ปูเล็กจำนวนมหาศาลผุดขึ้นจากหลุมรีบหนีไปทางหาดที่อยู่สูงทันที
เมื่อเห็นดังนั้น พวกชาวประมงเก่าอย่างชาร์คก็รีบไปบอกฉินสือโอว “บอส เดี๋ยวอาจจะมีน้ำขึ้นสูงก็ได้ พวกเราเตรียมตัวไว้ดีกว่า”
ความสามารถในการทำนายน้ำขึ้นลงของปูก้ามดาบนั้นแม่นมาก แม่นระดับไหนงั้นเหรอ? ไม่ว่าพวกมันกำลังทำอะไรอยู่ มันก็จะหยุดทุกอย่างแล้วรีบกลับเข้าหลุมตอนสิบนาทีก่อนน้ำขึ้นนั่นเอง
ไม่เพียงเท่านั้น กระดองของปูชนิดนี้ยังเปลี่ยนสีได้อีกด้วย ช่วงน้ำลงตอนกลางวันจะเปลี่ยนเป็นสีเข้ม และน้ำขึ้นตอนกลางคืนจะเปลี่ยนเป็นสีอ่อน ในบางพื้นที่เวลาของน้ำขึ้นน้ำลงมีการเลื่อนไปทุกๆ 50 นาทีของทุกวัน ซึ่งปูก้ามดาบในพื้นที่นั้นก็จะเลื่อนเวลาเปลี่ยนสีไป 50 นาทีเช่นกัน!
พวกชาวประมงเก่าต่างรู้เรื่องนี้ดี พวกเขาจึงใช้สีที่เปลี่ยนบนตัวของปูก้ามดาบในการตัดสินสถานการณ์น้ำขึ้นน้ำลง ซึ่งตอนนี้พวกปูก้ามดาบพากันย้ายบ้านไปอยู่หาดที่สูงกว่าเดิม แสดงว่าทะเลจะต้องมีน้ำขึ้นครั้งใหญ่แน่
ฉินสือโอวเองก็เข้าใจตรงนี้ แต่เขากลุ้มใจมาก เพราะเขาได้รับการยืนยันจากกรมอุตุนิยมวิทยาทางทะเลเซนต์จอห์นหลายครั้งแล้วว่าช่วงนี้ไม่มีมรสุมและกระแสน้ำขนาดใหญ่ผ่านมา วงโคจรการหมุนดวงดาวก็ปกติ ไม่น่าจะมีน้ำขึ้นครั้งใหญ่ได้
ท่าทางวิทยาศาสตร์กับสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตจะเกิดความขัดแย้งกันเสียแล้ว
สุดสัปดาห์เด็กๆ ไม่ต้องไปเรียน พอเห็นปูก้ามดาบมากมายที่โผล่บนหาด พวกเขาก็ไม่ไปเล่นบาร์เครื่องดื่มแล้ว วิ่งมาหยิบปูก้ามดาบไปเล่นต่อสู้แทน
พวกหู่เป้าฉงหลัวก็มาวิ่งวุ่นด้วย ฉงต้าก็สมกับฉายาจอมตะกละทำการวิ่งไปยัดปูเข้าปากไป ของอย่างนี้มันกินได้เพลินๆ เลย
ฉินสือโอวเองก็ตามไปที่ชายหาดเพื่อสังเกตพฤติกรรมแปลกๆ ของฝูงปูเช่นกัน
…………………………………………………
[1] 1 เฮกตาร์เท่ากับ 6 ไร่

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset