การปรากฏของปะการังน้ำลึกทำฉินสือโอวประหลาดใจ เกินคาดมาก
ตอนนั้นเองเขาถึงเข้าใจความรู้สึกของบิลลี่ตอนเห็นปะการังน้ำลึกที่ฟาร์มปลาเขา มันเหลือเชื่อมาก เกินสามัญสำนึกไปแล้ว!
ปะการังน้ำลึกค่อนข้างมีค่า พวกมันจะกระจายอยู่ในพื้นที่เล็กๆ ใช้เวลานานกว่าจะเป็นรูปร่าง ไม่สามารถทำซ้ำได้ และการลงไปเก็บในทะเลลึกก็ไม่ใช่เรื่องง่าย มันเลยไม่ใช่ของราคาถูก
ไม่เหมือนปะการังน้ำตื้นที่มีเยอะในน่านน้ำออสเตรเลียและทะเลแปซิฟิกใต้ สถานที่หลักๆ ที่มีปะการังน้ำลึกมีสามที่คือ เมดิเตอร์เรเนียน รอบๆ ฮาวายจนถึงเกาะมิดเวย์ และน่านน้ำไต้หวันถึงเกาะทางใต้ของญี่ปุ่น
สามที่นี้ล้วนเป็นบริเวณที่มีโอกาสการปะทุของภูเขาไฟแผ่นดินไหวบ่อยที่สุดในโลก ส่วนใหญ่มักเป็นภูเขาไฟก้นทะเล และชีวิตใหม่ที่เกิดขึ้นหลังการระเบิด คือสาหร่ายอันอุดมไปด้วยเหล็ก แมงกานีส แมกนีเซียมและธาตุอื่นๆ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการเกิดปะการัง
นอกจากสถานที่เหล่านี้ ก็ยังมีน่านน้ำอีกหลายแห่งที่มีปะการังน้ำลึก แต่มีจำนวนน้อย ไหนจะที่ยังไม่ค้นพบอีก เรืออับปางบนโลกนี้มีสามล้านลำ แต่ปะการังน้ำลึกทั้งหมดรวมกันยังไม่ถึงสามหมื่นด้วยซ้ำ แถมทั้งสองอย่างก็อยู่ในทะเลลึก ถ้าให้เลือกหาเรืออับปางทะเลยังมีโอกาสมากกว่าอีก
ปะการังที่อยู่ตรงหน้าฉินสือโอวมีขนาดค่อนข้างเล็ก ไม่ถึงหนึ่งพันตารางเมตร ปะการังสูงต่ำไม่เท่ากัน มีแค่ตรงกลางที่สูงสองเมตรกว่า ส่วนรอบข้างสูงไม่ถึงครึ่งเมตร นอกจากความสูง สีสันก็แตกต่างกัน รอบนอกพวกมันเป็นสีขาว ด้านในมีสีชมพูเล็กน้อย และตรงกลางเป็นสีแดงเข้มเหมือนเปลวไฟ
ซึ่งเป็นเรื่องปกติ หลักๆ สีของปะการังน้ำลึกแบ่งได้ห้าสี มีสีแดงเข้ม สีชมพูอ่อน สีชมพู สีซีด สีขาว ยิ่งซึมซับธาตุเหล็ก แมงกานีส แมกนีเซียมเยอะสีก็จะยิ่งเข้ม และยิ่งสีเข้ม ราคาก็สูงตาม
การที่สามารถหาปะการังเจอแถวฟาร์มปลาตัวเองได้ ทำฉินสือโอวรู้สึกอยากขอบคุณปู่รองที่คอยอวยพรเขาอยู่บนสวรรค์จริงๆ ถ้าบอกว่าปะการังน้ำตื้นนั้นมาจากการแนะนำของคุณปู่ หมายความว่าปะการังน้ำลึกนี้ย่อมต้องเป็นฝีมือคุณปู่ด้วยแน่นอน
เพราะปะการังน้ำลึกเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีวงจรชีวิตยาวนานที่สุด โดยเฉพาะปะการังสีแดง มีวงจรชีวิตถึงสิบล้านปี จึงมีคำกล่าวในตลาดเครื่องประดับว่า ‘ปะการังพันปีสีชาดหมื่นปี’
ประโยคนี้หมายความว่าอะไรงั้นเหรอ? คำตอบง่ายๆ ใช้เวลาพันปีปะการังน้ำลึกถึงจะเจริญเติบโตต้นหนึ่ง และยังต้องรออีกหมื่นปีถึงจะดูดซึมธาตุเหล็ก แมงกานีส แมกนีเซียมจนเป็นสีแดงได้
ต่อให้ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนฝืนธรรมชาติ เขาก็ยังไม่มั่นใจว่าตัวเองต้องใช้เวลากี่สิบปีกว่าจะได้ปะการังแบบนี้
เขานำจิตสำนึกแห่งโพไซดอนห่อหุ้มป่าปะการังไว้ สัมผัสได้ถึงความอ่อนล้าแต่เปี่ยมด้วยพลัง เป็นเครื่องยืนยันว่าพลังชีวิตไม่มีปัญหาอะไร คิดดูแล้วก็ไม่น่าแปลกใจ ปะการังน้ำลึกนั้นเป็นที่รู้จักในฐานะสิ่งมีชีวิตที่มีประสิทธิภาพที่สุดในทะเล ต้องการสารอาหารเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอต่อการอยู่รอดแล้ว
เพื่อปกป้องป่าปะการังนี้ ฉินสือโอวจึงรีบส่งพลังโพไซดอนให้ ปรากฏว่าแม้เขาจะส่งพลังเข้าไปจนเหนื่อย แต่ปะการังน้ำลึกนี้กลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย พลังชีวิตก็ไม่เพิ่มขึ้น
นี่คงเป็นความต่างระหว่างปะการังน้ำลึกและน้ำตื้น ถ้าให้พลังโพไซดอนเท่ากับขนาดพื้นที่ของปะการังน้ำตื้น ก็น่าจะขยายเพิ่มได้สักครึ่งหนึ่ง
แต่อย่างน้อยพลังโพไซดอนก็พอมีประโยชน์กับปะการังพวกนี้อยู่ คือช่วยเร่งการขยายพันธุ์ของมัน ซึ่งเป็นหนึ่งในความสามารถของปะการังอยู่แล้ว โพลิปที่อยู่รอดมาได้ถึงพันปีแล้วยังสามารถเพิ่มจำนวนได้อีก
มองอย่างนี้แล้วเหมือนว่า ไม่ว่าจะตะพาบพันปีหรือเต่าแปดพันปี ก็เหมือนหยุดอยู่กับที่ไปเลย
เนื่องจากใช้พลังโพไซดอนไปเยอะมาก ฉินสือโอวเลยง่วงนอนมาก จึงดึงจิตสำนึกกลับแล้วเข้านอน สุดท้ายเขาก็กลับไปดูป่าปะการังนั้นอีกรอบอย่างอาลัย เพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ฝัน แล้วหลับตาลง
รุ่งเช้าฉินสือโอวได้ยินเสียงตะโกนจากด้านนอก พอตื่นแล้วเขาก็ขยี้ตาเดินออกไปนอกวิลล่า เป็นบูลที่จ้องเขาทั้งตาแดง พร้อมตะโกนอย่างตื่นเต้นว่า “กัปตัน คุณทายดูสิว่าผมไปเจออะไรมา?!”
ฉินสือโอวจำความตื่นเต้นยามได้เจอปะการังน้ำลึกได้ เลยถามไปโดยไม่รู้ตัว “บ้าน่า นายก็เจอปะการังน้ำลึกแล้วเหรอ?”
บูลมองเขาด้วยความประหลาดใจ “ปะการังน้ำลึก? ปะการังน้ำลึกอะไรครับ?”
ฉินสือโอวแอบด่าความง่วงจนเลอะเลือนของตัวเองในใจ เขาเพียงหัวเราะตอบว่า “ไม่มีอะไร ฉันพูดไปเรื่อยน่ะ ทำไมเหรอ นายไปเห็นอะไรมาถึงตื่นเต้นขนาดนั้น? ตานี่แดงหมดแล้ว เจอทองหรือไง?”
บูลหัวเราะตอบว่า “เปล่าครับ ตาผมแดงเพราะผมทำงานกะดึกทั้งคืนต่างหาก ตามผมมาสิกัปตัน เดี๋ยวผมให้ดูเวทมนตร์แห่งท้องทะเล!”
เขาเดินตามบูลไปทั้งสงสัย ฉินสือโอวเดินเลียบชายฝั่ง ไกลออกไปนั้นเขาก็มองเห็นฉากเวทมนตร์
บนชายหาดริมทะเล ปลาตัวยาวสีเงินขาวกำลังบิดตัวไปมา แสงแดดยามเช้าส่องกระทบเป็นประกายบนตัวพวกมัน สะท้อนแสงเป็นสีสันสวยงาม!
ฉินสือโอวมองไปรอบๆ และพบว่ามันมีปลาชนิดนี้อยู่ทั่วชายฝั่งเลย หางของปลาบางตัวติดอยู่ในทราย และบางตัวก็กระโดดวนเป็นวงกลม เหมือนกำลังมีความสุข
หลังอยู่บนหาดได้ไม่นาน ปลาสีเงินตัวยาวพวกนี้ก็พยายามดิ้นกระโดดกลับลงทะเลไป ฉินสือโอวมองอยู่อย่างนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง พวกมันกลับลงน้ำไปได้ แต่มีส่วนน้อยที่ยังดิ้นรนอยู่บนหาดอย่างเหนื่อยอ่อน
ปลาบรู๊ก ซิลเวอร์ไซด์!
ฉินสือโอวศึกษาเรื่องสิ่งมีชีวิตในทะเลทั่วโลก แล้วค่อนข้างประทับใจปลาในอเมริกาเหนือ
ปลาบรู๊ก ซิลเวอร์ไซด์อาศัยอยู่นอกชายฝั่งอเมริกาเหนือ พวกมันเหมือนกับปลาไข่ที่จะวางไข่ในทรายแล้วพึ่งแสงอาทิตย์ในการฟักตัว
เดือนมีนาคมถึงเดือนสิงหาคมของทุกปี จะสามารถเห็นปลาพวกนี้กระโดดขึ้นมาจากทะเลเพื่อขยายพันธุ์ ที่ฉินสือโอวเห็นเอาหางจุ่มทรายนั่นก็คือตัวเมียนั่นเอง มันกำลังวางไข่อยู่ และตัวที่กระโดดไปมารอบๆ ก็เป็นตัวผู้ที่ปล่อยน้ำเชื้อผสมพันธุ์
ปลาไข่จะต่างจากปลาบรู๊ก ซิลเวอร์ไซด์ตรงที่มีพละกำลังมากกว่า พวกมันไม่จำเป็นต้องพึ่งคลื่นในการขึ้นชายหาด ทุกครั้งที่พวกมันขยายพันธุ์ร่างกายจะแอบหลั่งฮอร์โมนประเภทหนึ่งเพื่อกระตุ้นพลัง ทำให้มันสามารถกระโดดขึ้นมาบนฝั่งได้เอง
พอหลังขยายพันธุ์ปลาบรู๊ก ซิลเวอร์ไซด์จะไม่เหลือกำลังพอกระโดดกลับทะเล พวกมันจึงต้องพึ่งน้ำขึ้นช่วงกลางคืนถึงจะลงน้ำได้
ปลาบรู๊ก ซิลเวอร์ไซด์ถือเป็นปลาที่น่าสนใจมาก พวกมันกับแมงกะพรุนมีความสามารถแบบเดียวกัน แมงกะพรุนสามารถทำนายการเกิดพายุได้ล่วงหน้าถึงสิบห้าชั่วโมง ขณะที่ปลาบรู๊ก ซิลเวอร์ไซด์ทำนายการเกิดน้ำขึ้นครั้งใหญ่ได้ล่วงหน้าสิบวัน
ด้วยผลงานชิ้นเอกของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ ไข่ของปลาชนิดนี้ใช้ความอุ่นจากแสงอาทิตย์ฟักไข่ในทราย ซึ่งต้องใช้เวลาสิบวัน ดังนั้นพวกมันจึงมาก่อนล่วงหน้าสิบวันเพื่อขึ้นฝั่งวางไข่ และสิบวันต่อมาลูกปลาก็สามารถกลับลงทะเลได้
แต่ที่ฉินสือโอวไม่เข้าใจคือ ทำไมหลังจากนั้นสิบวันถึงมีน้ำขึ้นได้?
จากประสบการณ์ของเขาและพยากรณ์อากาศ ช่วงนี้จะมีแต่น้ำลง และน้ำลงก็ไม่น่าจะขึ้นมาถึงบนหาดไกลขนาดนั้น แล้วปลาบรู๊ก ซิลเวอร์ไซด์มันกลับลงทะเลได้ยังไงกัน…?
……………………………………………………
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 680 ปลาวางไข่บนฝั่ง
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!