ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 630 เพื่อนร่วมชาติผู้อยากกลับบ้าน

พอได้ยินที่ฉินสือโอวพูด หลัวจื้อเวยก็ส่ายหัวแล้วพูดกับพวกเขา “น้องชายทั้งหลาย พวกนายกำลังมองแต่ปัจจุบัน ไม่ได้มองไปถึงอนาคต”
เขาหยุดไปพักหนึ่ง จากนั้นก็พูดออกมาอย่างทอดถอนใจ “ที่จริงฉันกับภรรยาอยู่ที่แฮมิลตันไปวันๆ ก็ไม่เลวเหมือนกัน นอกจากฟาร์ม พวกเราก็มีบ้านหลังใหญ่อยู่ในเมืองด้วย มันเป็นบ้านเดี่ยว แค่สวนดอกไม้ก็ร้อยตารางเมตรกว่าๆ แล้ว รายได้ต่อปีก็ไม่น้อยเลย แต่ว่านะ ยังไงซะแคนาดาก็ไม่ใช่แคนาดาของคนจีน คนจีนอย่างเรากลับสู่บ้านเกิดเมืองนอนตอนชราแล้วคงจะดีกว่า การพัฒนาที่จีนก็ไม่เลวเหมือนกัน”
“ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าเมื่อก่อนที่จีนมีเงื่อนไขปัจจัยไม่ดีเท่าไร การอพยพมาประเทศที่พัฒนาแล้วพวกนี้เลยยังพอเข้าใจได้ แต่ตอนนี้ประเทศของเราเข้มแข็งมั่งคั่งแล้ว สภาวะการจ้างงานก็ไม่เลว ระดับคุณภาพชีวิตก็สูงขึ้น ทำไมถึงได้อยากออกจากประเทศมาหาความลำบากที่แคนาดาล่ะ?” หลัวจื้อเวยพูดไปด้วยส่ายหัวไปด้วย
ฉินสือโอวไม่รู้ว่าเขาควรจะอธิบายยังไงดี ที่หลัวจื้อเวยพูดก็มีเหตุผล อย่ามองแค่ว่าแคนาดาเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วแถมยังมีพื้นที่กว้างขวางมีประชากรบางเบา ในความเป็นจริงแล้วสภาวะการจ้างงานของพวกเขายังเคร่งเครียดกว่าที่จีนเสียอีก
พวกเกาะพ่อแม่กิน ชื่อเรียกแบบนี้ปรากฏขึ้นในประเทศจีนไม่เกินห้าหกปี แต่ที่แคนาดากลับมีคำนี้มาสิบกว่าปีแล้ว คนหนุ่มสาวหลายคนหางานทำหลังเรียนจบไม่ได้ ทำได้แค่อาศัยพ่อแม่เพื่อมีชีวิตรอด นี่กลายเป็นปัญหาอย่างหนึ่งในสังคมของแคนาดา
แน่นอนล่ะว่าแคนาดามีสวัสดิการสังคมที่ดีมาก คนหนุ่มสาวที่หางานทำไม่ได้จะได้รับเงินชดเชยและค่าครองชีพจากรัฐบาล พวกเขาสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างไม่มีปัญหา ดังนั้นภาษีที่แคนาดาหักจากธุรกิจและบุคคลที่มีรายได้สูงถึงได้มากมายขนาดนั้น นั่นเป็นเพราะกลุ่มคนที่พวกเขาต้องเลี้ยงดูมีจำนวนมากเกินไปนั่นเอง
โอวหยางไห่ได้ยินที่หลัวจื้อเวยกับภรรยาพูดก็ถามขึ้นมา “ถ้าผมเดาไม่ผิด พี่ใหญ่หลัวกับพี่สะใภ้ขายฟาร์มเพราะจะกลับประเทศใช่ไหมครับ?”
หลัวจื้อเวยพยักหน้าด้วยท่าทางเคร่งขรึมแล้วตอบเขากลับไป “ใช่ น้องโอวหยาง พ่อแม่ของเรายังอยู่ที่นั่น แถมช่วงหลายปีมานี้พวกเราก็เห็นว่าเศรษฐกิจกับตำแหน่งในระดับนานาชาติของประเทศแม่กำลังเจริญรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว พวกเราเลยคิดว่าถ้ากลับบ้านเกิดตอนนี้คงจะมีอนาคตและความก้าวหน้าที่สว่างไสวยิ่งกว่า”
ไช่หมิงเจวียนก็พูดเสริมขึ้นมาเช่นกัน “นอกจากนี้ลูกของเราก็กำลังจะเข้าเรียนชั้นมัธยมปลายพอดี ฉันกับสามีอยากให้เขาได้รับการศึกษาตามแบบของประเทศจีนแท้ๆ เรียนมัธยมปลายที่แคนาดาไม่ดีเท่าไร เรียนไปก็ไม่ค่อยมีประโยชน์!”
เวลาที่สองสามีภรรยาชาวจีนที่อพยพมาเกือบยี่สิบปีคู่นี้พูดถึงประเทศจีนช่างเต็มไปด้วยความรู้สึกรุนแรง พวกเขาพูดด้วยความจริงใจ ฉินสือโอวจึงพูดอะไรไม่ได้มาก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องฐานะกับความคิดของทั้งสองฝั่งที่แตกต่างกัน ที่จริงแล้วถ้าหากไม่มีเงิน เขาก็เลือกที่จะอยู่ที่จีนเหมือนกัน
คนผิวเหลืองจนๆ มาอยู่ในแคนาดาก็เท่ากับทารุณตัวเองนั่นล่ะ ถึงแม้ว่าจะทำงานที่ลำบากที่สุด เหนื่อยที่สุด เป็นงานที่ไม่มีเกียรติที่สุด ก็ไม่อาจอยู่รอดต่อไปได้อยู่ดี
สังคมแบบทุนนิยมก็โหดร้ายแบบนี้แหละ!
หลังจากคุยกันเรื่องชีวิตประจำวันง่ายๆ ไปแล้ว หลัวจื้อเวยกับไช่หมิงเจวียนก็เริ่มแนะนำดินฟ้าอากาศ ประเพณีนิยม รวมทั้งจิตใจของชาวเมืองกับนโยบายการทำฟาร์มของแคนาดาให้เหมาเหว่ยหลงฟัง ฉินสือโอวก็ตั้งใจฟังอย่างละเอียดไปด้วย เขาก็วางแผนจะลงทุนทำฟาร์มเช่นกัน ตอนนี้ได้เรียนรู้อะไรไว้บ้างก็ถือว่าเป็นเรื่องดี
พอแนะนำเรื่องที่เกี่ยวข้องกับฟาร์มคร่าวๆ ไปแล้ว หลัวจื้อเวยก็สรุปออกมา “ถึงฉันจะไม่สนับสนุนให้เพื่อนร่วมชาติในตอนนี้มาที่แคนาดาเพราะแคนาดาไม่ใช่สวรรค์ แต่ถ้าพวกนายมีเงินสดสำรองเลยอยากมาทำฟาร์ม แบบนั้นก็ไม่เลวเหมือนกัน ตอนนี้การเพิ่มมูลค่าที่ว่างของฟาร์มในออนแทรีโอก็ไม่เลวเลย”
ก่อนมาที่นี่ฉินสือโอวก็เคยศึกษาเรื่องนี้มาแล้วเหมือนกัน ตั้งแต่ปี 2010 จนถึงตอนนี้ มูลค่าฟาร์มของรัฐออนแทรีโอเพิ่มสูงขึ้นถึง 37.5% จากการวิจัยของกระทรวงการเกษตร ในอนาคตมูลค่าของฟาร์มจะสามารถเพิ่มสูงขึ้นไปได้อย่างมีเสถียรภาพ
ที่จริงแล้วไม่ใช่เพียงแต่รัฐออนแทรีโอเท่านั้น มูลค่าฟาร์มของที่ราบแพร์รีก็กำลังเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน เพียงแค่ไม่ได้มากมายเกินความคาดหมายแบบรัฐออนแทรีโอ
ก่อนหน้านี้ก็มีรายงานการวิเคราะห์ที่ตีพิมพ์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาวิจัยผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและอสังหาริมทรัพย์ด้านการเกษตรกล่าวเอาไว้ว่าหลังจากวิเคราะห์พื้นที่เกษตรสำคัญของออนแทรีโอและทางใต้ของรัฐออนแทรีโอแล้ว ก็พบว่าโดยเฉลี่ยแล้วราคาของพื้นที่การเกษตรในพื้นที่เหล่านี้จะเพิ่มขึ้น 22% ถึง 25% ในทุกๆ ปี และยังมีพื้นที่บางส่วนที่มีอัตราเพิ่มขึ้นสูงถึง 32% – 36% ในทุกๆ ปีเลยทีเดียว
นี่คือการเพิ่มระดับที่สูงขึ้นมากทีเดียว เนื่องจากก่อนปี 2010 ทุกๆ ปีฟาร์มในรัฐออนแทรีโอจะมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นแค่ 3% ถึง 7% เท่านั้น
นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของการเพิ่มมูลค่าที่ดินในรัฐออนแทรีโอยังมีลักษณะแพร่หลายเป็นอย่างยิ่งด้วย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่การเกษตรดีๆ หรือพื้นที่รกร้างที่มีดินจืด ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้พวกมันมีความคึกคักอยู่ตลอด ขอเพียงผู้ขายโปรโมตการขายสักนิดสักหน่อยก็จะตกลงซื้อขายได้อย่างราบรื่นแล้ว
นอกจากนี้การขายส่วนบุคคล ตัวอย่างแบบที่ไม่วางขายบนตลาดในตอนนี้ก็กำลังเป็นที่แพร่หลายมากๆ มีการค้าขายนับล้านที่ซึ่งล้วนแต่เป็นคนคุ้นเคยกันทั้งนั้น ระหว่างเกษตรกรในพื้นที่นั้นแค่จับมือกันก็ช่วยให้ลุล่วงไปด้วยดีแล้ว
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดผลลัพธ์ข้อนี้ก็คงเพราะการค้นหาจากเพื่อนร่วมชาติจากจีน เมื่อไม่กี่ปีมานี้ที่จีนเริ่มเกิดการอพยพอย่างบ้าคลั่ง คนมีเงินจำนวนมากล้วนแต่อยากไปยุโรปหรือไม่ก็อเมริกาเหนือ หนึ่งในนั้นแคนาดาก็ถือเป็นตัวเลือกอันดับแรกของชาวจีนจำนวนมาก
เพื่อที่จะคุ้มครองเศรษฐกิจในประเทศ แคนาดาจึงยุติเงินทุนผู้อพยพย้ายถิ่นฐานเพื่อรักษาแรงงานอพยพที่มีทักษะเอาไว้ หรือพูดอีกอย่างก็คือคนมีเงินบางส่วนในประเทศจีนถ้าคิดจะโบกธนบัตรเพื่อคว้าเอากรีนการ์ดของแคนาดาก็นับเป็นเรื่องที่ยากมากๆ แต่ถ้าคุณมีทักษะพิเศษอยู่อย่างเต็มเปี่ยม นั่นถึงจะคุยกันง่ายหน่อย
เพียงแต่ว่านโยบายการอพยพโยกย้ายถิ่นฐานของแคนาดามีช่องโหว่อยู่ ก็จริงอยู่ที่เงินทุนผู้อพยพของรัฐไม่อนุมัติ แต่หลังจากซื้อฟาร์มแล้วการอพยพก็กลับกลายเป็นเรื่องง่ายดายไปทันที ขอเพียงซื้อที่ดินผืนหนึ่งที่สอดคล้องกับนโยบายมาบุกเบิกทำฟาร์ม แบบนั้นก็สามารถอพยพได้แล้ว
สาเหตุข้อนี้ส่งเสริมให้เกิดกระแสซื้อฟาร์มของคนในจีน พอหลัวจื้อเวยกับภรรยาพูดถึงเรื่องนี้ก็ถึงกับส่ายหัวไม่หยุด การอพยพก็เหมือนกับเมืองที่ถูกล้อมไว้ คนในเมืองอยากออกไปอย่างสุดชีวิต ส่วนคนที่อยู่ด้านนอกก็พยายามเต็มที่ที่จะเบียดกันเข้ามา
นอกจากนี้การลอยตัวของราคาสินค้าก็ส่งผลกระทบต่อราคาที่ดินเพาะปลูกเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าราคาของพื้นที่เพาะปลูกในรัฐออนแทรีโอจะเพิ่มสูงขนาดนี้ แต่ช่องว่างการเพิ่มสูงของราคาพื้นที่ส่วนใหญ่ก็ยังค่อนข้างกว้างอยู่ เนื่องจากสถานที่เหล่านี้เป็นที่ดินที่อุดมสมบูรณ์และยังมีปริมาณผลิตผลทางการเกษตรสูงมากอีกด้วย
ราคาของฟาร์มมาเธอร์เอิร์ธค่อนข้างสมเหตุสมผล ราคาหนึ่งหมื่นดอลลาร์แคนาดาต่อหนึ่งเฮกตาร์ ทั้งฟาร์มมีขนาดพื้นที่ 1200 หมู่ 80 เฮกตาร์ ก็ต้องใช้เงินประมาณสามล้านสองแสนดอลลาร์แคนาดา ราคานี้รวมบ้าน อุปกรณ์ทางการเกษตรและพืชเศรษฐกิจของฟาร์มที่มีอยู่ในตอนนี้ไว้หมดแล้ว
หลัวจื้อเวยกับภรรยาวางแผนจะติดป้ายประกาศขายฟาร์มตั้งแต่ปีก่อนแล้ว ราคานี้เป็นราคาที่พวกเขาตั้งไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ต่อมาสถานะการเป็นนักเรียนของลูกชายเกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อย จึงไม่ได้ทำการค้าขายในทันที จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ในที่สุดพวกเขาก็แก้ไขปัญหาของลูกชายได้แล้ว พวกเขาจึงตั้งใจจะขายฟาร์มเพื่อกลับไปอยู่ที่จีน
ฟาร์มของพวกเขามีชื่อเสียงในพื้นที่เป็นอย่างมาก เนื่องจากสองสามีภรรยาดูแลอย่างเอาใจใส่ นอกจากนี้ราคาที่พวกเขาให้กับฟาร์มก็ยังเรียกได้ว่าเป็นราคาที่มีมโนธรรม ที่ผ่านมาก็มีคนมาถามซื้ออยู่เรื่อยๆ แต่หลัวจื้อเวยก็ไม่ได้ขายออกไป จนกระทั่งครั้งนี้ที่โอวหยางไห่เข้ามาเยี่ยมถึงได้เห็นแก่หน้าของเขา
พอเริ่มรู้เรื่องนี้ ฉินสือโอวก็รู้สึกประทับใจมาก เขาคิดว่าตัวเองได้พบกับเพื่อนร่วมชาติที่มีจิตใจดีงามมาก
แต่ต่อมาพอเห็นท่าทางเคารพนบนอบที่สองสามีภรรยามีต่อโอวหยางไห่ แค่แป๊บเดียวเขาก็เข้าใจได้ว่าพวกเขาน่าจะพอรู้เรื่องภูมิหลังของโอวหยางไห่อยู่บ้าง การขายฟาร์มราคาต่ำให้เขาก็นับว่าเป็นน้ำใจอย่างหนึ่ง คิดว่าพอกลับประเทศไปแล้วพวกเขาคงยังต้องให้โอวหยางไห่ช่วยจัดการธุระให้อีกเล็กน้อย
แน่นอนว่านี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าพูดถึง ผู้คนบนโลกนี้ต่างก็วิ่งเต้นเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น เขาเองก็ไม่ได้ใสสะอาดขนาดนั้น จะไปว่าคนอื่นทำตัวเน่าเหม็นก็ไม่ได้
หลังจากพูดเรื่องนโยบายและมูลค่าของฟาร์มไปแล้ว หลัวจื้อเวยกับภรรยาก็พาทั้งสามคนขึ้นรถยนต์ไฟฟ้าของฟาร์ม แล้วเริ่มเยี่ยมชมฟาร์มแห่งนี้
…………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset