นอกจากตั๋วตั่วน้อยแล้วเด็กคนอื่นๆ ที่อายุน้อยที่สุดก็สิบขวบแต่ละคนฉลาดซุกซนอย่างกับลิง
ชาร์คน้อยและกอร์ดอนกล่าวหากันไปมาไม่กี่ครั้งก็เริ่มผลักกันพูดไปด่าไปต้องการจะสู้กัน
ตั๋วตั่วตกใจจนหน้าน้อยๆ ขาวซีดเชอร์ลี่ย์เลยอุ้มเธอออกจากพวกเด็กๆ ไปแล้วพูดอย่างหงุดหงิด “หุบปากกันให้หมดเลย! ใครกล้าลงมือฉันจะให้หู่จือกับเป้าจือกัดคนนั้น!”
กอร์ดอนมองพาวลิส “เพื่อน พวกเขารังแกคนอย่างพวกเรา หรือว่าเธอไม่คิดจะช่วย?”
ชาร์คน้องก็หาผู้ช่วย “พระเจ้ารู้ คราเคนน้อย ปกติพวกเราถูกรังแกมากพอแล้ว วันนี้ต้องจัดการเรื่องทั้งหมด!”
มิเชลรู้สึกกลัวเลยยกมือพลางพูดอย่างขมขื่น “โอเค โอเค ใจเย็นๆ เถอะเพื่อนๆ ฉันไม่อยากได้เปลือกหอยสองอันนั้นแล้วโอเคไหม? พวกเธอไม่ต้องทะเลาะกัน! คุณพ่อโอเคยบอกว่าการทะเลาะเป็นสิ่งไม่ดี!”
เชอร์ลี่ย์พาตั๋วตั่วมาไว้อีกด้านแล้วเดินไปถามพาวลิสและคราเคนน้อยด้วยหน้าเคร่งขรึม “พูดมาสิว่าเปลือกหอยสองอันนั้นไม่ได้อยู่ในมือพวกนายสองคน?”
“พระเจ้าเป็นพยานได้ว่าฉันบริสุทธิ์!” พาวลิสพูด
คราเคนน้อยชูไม้กางเขนที่คอขึ้นมา “ถ้าฉันเอาไปขอให้พระเจ้ามาลงโทษฉัน!”
ฉินสือโอวที่อยู่ไม่ไกลเห็นแล้วก็กลอกตา พระเจ้าท่านคงยุ่งมาก แต่จะให้พวกเด็กๆ ทะเลาะกันต่อไปก็ไม่ได้ เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องเล็กแต่ก็เป็นเรื่องใหญ่กระทบกับความเชื่อใจกันระหว่างพวกเด็กๆ อย่างนั้นก็ไม่ดี
แต่ว่าตอนนี้ไม่สามารถค้นตัวเด็กๆ ได้แม้จะชัดเจนว่าเปลือกหอยอยู่บนตัวพวกเขาแต่ศักดิ์ศรีและความเคารพในตัวเองนั้นสำคัญกว่าเปลือกหอยสองอันนั้น เรื่องที่คลุมเครือนี้ยังสามารถใช้วิธีอื่นในการจัดการได้หากไปทำลายศักดิ์ศรีของพวกเขาเพราะเรื่องนี้ก็จะมีผลกระทบอย่างมาก
ฉินสือโอวคิดแล้วก็เดินมาแขนหนึ่งคล้องอยู่ที่ไหล่ของชาร์คน้อยอีกแขนคล้องอยู่ที่ไหล่ของกอร์ดอนแล้วพูด “โอเคโอเค พวก ไม่ต้องวุ่นวายแล้วเรื่องนี้เอาไว้ก่อน ไปเถอะพวกเราไปย่างสาหร่ายกินกันดีกว่า ลุงชาร์คของพวกเราย่างไปเยอะเลย”
แล้วเขาก็เปลี่ยนเรื่องพูด “กินมื้อเที่ยงแล้วรอน้ำให้อุ่นฉันจะพาพวกเธอไปที่ที่ดีที่หนึ่ง ที่นั่นมีหอยเชลล์และหอยตลับเยอะมากถึงตอนนั้นพวกเธอสามารถเก็บได้ตามใจชอบเลย เป็นไง?”
“จริงหรอ อยู่ที่ไหน?” คราเคนน้อยถามอย่างตั้งตารอ
ฉินสือโอวขยิบตาให้เขาแล้วพูด “นี่เป็นความลับ กินข้าวเสร็จพวกนายก็จะรู้”
ขึ้นฝั่งแล้วฉินสือโอวก็ให้พวกเขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เชอร์ลี่ย์พูดอย่างรีบร้อน “ถ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าก็จะหาเปลือกหอยของมิเชลไม่เจอแล้ว”
ฉินสือโอวตบไหล่เชอร์ลี่ย์พลางพูด “วางใจเถอะ ฉันมีวิธีที่จะหาได้”
ชาร์คหาเตาเล็กๆ มาและวางพัดลมไว้ข้างๆ เปิดพัดลมปรับมุมให้ดีก่อน ฉินสือโอวถามเขา “นายทำอะไร?”
ชาร์คอธิบาย “สาหร่ายจีฉ่ายมีน้ำเยอะเกินไป แค่ย่างอย่างเดียวจะย่างได้ไม่แห้งต้องใช้ลมแรงๆ เป่าอยู่ตลอด อย่ามองว่าพัดลมของผมตัวนี้เล็กนะ ที่จริงมันหมุนได้เร็ว ใช้ในการย่างสาหร่ายจีฉ่ายได้ดีมาก”
เขาพูดพลางเอาสาหร่ายแผ่นหนึ่งมาฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ ตามรอยแล้ววางกระจายไปบนตะแกรงย่าง จากนั้นวางบนเตาย่างด้วยถ่าน ในขณะเดียวกันพัดลมก็เริ่มหมุนอย่างรวดเร็วด้วยแรงลมที่แรงมากแต่เพราะเลือกวางในมุมที่พอดีลมจึงพัดไม่โดนถ่านด้านล่าง
ซีมอนส์เตอร์เอาสาหร่ายคอมบุที่เก็บมามาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เสียบไม้แล้วก็เอาเตาเล็กๆ มาเริ่มย่าง ที่ฟาร์มปลามีสาหร่ายคอมบุเป็นสาหร่ายคอมบุแอตแลนติกเหนือจำนวนหนึ่งที่ฉินสือโอวปลูก ตอนนี้เริ่มเก็บออกขายแล้วแต่เขารอข่าวจากบัตเลอร์สาหร่ายคอมบุพวกนี้เลยยังไม่ได้เคลื่อนย้าย
การย่างสาหร่ายคอมบุนั้นไม่ยุ่งยากเท่าสาหร่ายจีฉ่ายซีมอนส์เตอร์ทาน้ำมันมะกอกที่ด้านบนเอาไปย่างไฟสักครู่แล้วโรยงาและผงยี่หร่าที่ด้านบนก็ได้แล้วไม่ต้องใส่ซอส การกินสาหร่ายคอมบุย่างคือกินรสชาติธรรมชาติดั้งเดิมของมัน
พอสุกแล้วไม่กี่ไม้ฉินสือโอวเดินถือไปแบ่งให้วินนี่กับหลิวซูเหยียนก่อน เหมาเหว่ยหลงถือเบียร์บลูริบบ้อนมาโยนให้เขาเปิดฝาแล้วนั่งลงบนชายหาดดื่มเบียร์ไปกินสาหร่ายคอมบุไปพร้อมชมอย่างไม่ขาดปาก “อื้ม อร่อย! ที่แท้สาหร่ายคอมบุก็อร่อยได้ขนาดนี้เลยเหรอ? รสชาติไม่เลวเลยจริงๆ”
ฉินสือโอวกัดไปคำหนึ่งสาหร่ายคอมบุนี้ไร้ซึ่งกลิ่นคาวเนื้อเยอะกัดเข้าไปในปากเล้วเหมือนกินเหลียงผี[1]แต่สดกว่าและเพราะเป็นสาหร่ายคอมบุที่สดใหม่เลยชุ่มช่ำมาก
นั่งตากลมทะเลอยู่บนหาดมองวิวท้องฟ้าและทะเลบรรจบกันอยู่ไกลๆ ฉินสือโอวและเหมาเหว่ยหลงกระดกเบียร์มองท้องฟ้าสีครามที่อยู่ไกลๆ เงียบๆ อย่างใจลอย
ดื่มเบียร์หมดไปหนึ่งกระป๋องเหมาเหว่ยหลงก็อุทานออกมา “แม่เจ้า การลาออกครั้งนี้ของฉันเป็นสิ่งที่ถูกต้องจริงๆ มาหาแกที่นี่มีความสุขมาก! มองทะเลสีมรกตฟ้าสีครามเล่นกับเด็กๆ และเลี้ยงหมาอีกสองตัววันนี้ช่างสวยงามไร้ที่สิ้นสุดเลย”
ฉินสือโอวบีบกระป๋องเบียร์โยนออกไปแล้วพูดอย่างภาคภูมิ “แน่นอน นายไม่ดูล่ะว่านี่เป็นชีวิตที่ใครเลือก”
หู่จือและเป้าจือที่กำลังจับปลากันอย่างสนุกสนานเห็นกระป๋องเบียร์ถูกโยนมาบนหาดก็ทิ้งปลาในปากตัวเองโดยพร้อมกันไม่ได้นัดหมายพุ่งไปที่กระป๋องเบียร์อันนั้นอย่างรวดเร็วแล้วเริ่มแย่งกัน
หู่จือพุ่งไปด้านหน้าสุดดูแล้วเกือบจะงับถึงกระป๋องเบียร์เป้าจือกระโดดขึ้นแล้วไถลไปตามหาดทรายที่ลื่นยื่นอุ้งเท้าไปด้านหน้าแตะกระป๋องเบียร์ก่อนครู่หนึ่งก็กระทุ้งออกไป
หู่จือทำเสียงดัง ‘กร๊อบ’ ทีหนึ่งผลสุดท้ายก็งับไปถึงกระป๋องเบียร์มันจามฟึดฟัดอย่างไม่พอใจเป้าจือใช้หัวชนปีนขึ้นไปจากข้างๆ ตัวมัน ตัวหลังไม่ยอมรั้งท้ายกระโดดกลับไปยืนขึ้นเหมือนคนพลางขู่สองทีและยื่นอุ้งเท้าไปข่วนพี่ชาย
เสี่ยวหลัวปอที่อยู่ไม่ไกลกำลังประชันฝีมือกับปลาพอลลอคตัวหนึ่งในที่สุดมันก็หาคู่ต่อสู้ในการล่าที่เหมาะสมได้แล้ว มันทั้งคลานทั้งกระโดดเข้าใกล้ปลาพอลลอคแยกเขี้ยวกัดปลาพอลลอคอยู่บ้างกระชากลากถูแสดงความเก่งกาจของตัวเอง
การต่อสู้ของหู่จือและเป้าจือกระทบมันเจ้าตัวแสบเลยวิ่งมาดูมันตั้งใจมองกระป๋องเบียร์ที่รออยู่บนชายหาดอย่างสงบอันนั้นแล้วคาบไว้ในปากวิ่งเอาไปให้ฉินสือโอวอย่างมีความสุข
ฉินสือโอวหัวเราะอุ้มเสี่ยวหลัวปอไว้ในอ้อมกอดแล้วจูบแรงๆ ไปสองครั้ง เสี่ยวหลัวปอคายกระป๋องเบียร์แล้วใช้อุ้งเท้าดันฉินสือโอวออกอย่างรังเกียจยกหางขึ้นราวกับเสาธงเล็กๆ พลางวิ่งไปสู้กับปลาพอลลอคต่อ
ทางด้านหู่จือในที่สุดก็เอาชนะเป้าจือน้องชายได้ผลสุดท้ายหันกลับมาก็งงงวย กระป๋องเบียร์ล่ะ?
สาหร่ายจีฉ่ายแผ่นหนึ่งย่างครึ่งชั่วโมงกว่าถึงจะสุกและกระบวนการทำก็ไม่รวดเร็วเหมือนพวกสาหร่ายโนริ
ฉินสือโอวลองชิมไปหนึ่งคำรสชาติสดอร่อยเหมือนกันและมีกลิ่นหอมหวานที่สาหร่ายโนริทั่วไปไม่มีเคี้ยวแล้วสู้ฟันเป็นอาหารเลิศรสอย่างหนึ่ง
หลิวซูเหยียนพูดจากความรู้สึกหลังกินเข้าไป “ฉันเข้าใจสิ่งที่เสี่ยวฉินพูดเมื่อครู่แล้ว เป็นความจริง ที่นี่ไม่เพียงแต่ทัศนียภาพดีรสชาติอาหารดียิ่งกว่า”
วินนี่หัวเราะ “อาหารที่คุณได้กินตอนนี้ยังน้อย อยู่ที่นี่ให้นานหน่อย สักปีหนึ่งได้เป็นดีที่สุด เพราะหนึ่งปีสี่ฤดูก็จะได้กินอาหารที่ไม่เหมือนกันน่ะ”
หลิวซูเหยียนมองวินนี่อย่างซาบซึ้งแล้วพูด “ขอบคุณ”
วินนี่ฉีกสาหร่ายจีฉ่ายย่างเป็นแผ่นเล็กๆ ป้อนให้ตั๋วตั่ว ตั๋วตั่วกินคำใหญ่อย่างชอบใจเป็นที่สุดใบหน้ากลมๆ เต็มไปด้วยรอยยิ้มชอบใจ
……………………………………
[1] เหลียงผี อาหารจีนเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวผัดน้ำมันเผ็ด
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 580 มองท้องฟ้าอย่างเงียบสงบ
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!