บิลทำงานได้อย่างราบรื่น เขาสั่งจองเถาองุ่นรีสลิ่ง องุ่นดำ องุ่นแดง กาแบร์เนโซวีญงและสายพันธุ์อื่นๆ ที่มีชื่อเสียงแบบสำเร็จรูปแล้วมาจากเมืองแฮลิแฟกซ์ รัฐโนวาสโกเชีย หลังจากได้ใบจองแล้วจะมีเรือเข้ามาส่งสินค้า
แฮลิแฟกซ์เป็นเมืองแห่งการท่าเรือ ที่อยู่ไม่ไกลจากเซนต์จอห์น หากมีการสั่งซื้อสินค้าในวันเดียวกัน รับประกันเลยว่าจะต้องมีสินค้าจัดส่งให้ในวันถัดไปอย่างแน่นอน
นีลเซ็นกับแลนซ์และคนอื่นๆ ทำเครื่องหมายตามระยะห่างในไร่องุ่น และด้านหลังจะมีเครื่องตอกเสาเข็มค่อยๆ ตามมาติดๆ เพื่อนำไม้ที่มีความหนาบางไม่เท่ากันแต่ละท่อนมาปักลงดิน
ไม้เหล่านี้บางท่อนมีความหนาแค่เท่าแขนของผู้ใหญ่ บางท่อนก็มีความหนาเท่าต้นขาและมีความยาวประมาณสองเมตร ซึ่งความสูงประมาณนี้จะเหมาะกับการเจริญเติบโตของเถาองุ่นและถ้าสูงกว่านี้จะทำให้การเก็บองุ่นไม่สะดวก
สำหรับฉินสือโอวแล้ว ไม้ที่ใช้ตอกเสาเข็มลงเพื่อค้ำยันเหล่านี้ล้วนเป็นไม้ดีชั้นหนึ่ง ส่วนใหญ่จะมาจากต้นไป๋หยาง ต้นไวท์เบิร์ช ต้นสน ต้นสนลาร์ช ต้นโอ๊กและต้นเมเปิล ถ้าไม้เหล่านี้อยู่ในประเทศแน่นอนว่าราคาจะแพงมาก แต่ที่เซนต์จอห์นกลับบอกว่าไว้ว่า ไม้เหล่านี้มีราคาถูกมาก ถูกอย่างกับแจกให้ฟรีๆ
และเรื่องนี้ยังเกี่ยวกับสภาพของประเทศแคนาดา ทรัพยากรป่าไม้ในแคนาดามีความอุดมสมบูรณ์มาก สัดส่วนของการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่ามีเกือบ 100% พื้นที่ป่าครอบคลุมถึง 4.4 ล้านตารางกิโลเมตรและพื้นที่ผลิตป่าไม้ 2.86 ล้านตารางกิโลเมตร โดยแบ่งสัดส่วนเป็น 44% และ 29% ตามพื้นที่ของประเทศ มีพื้นที่ป่าไม้สะสม 24.7 พันล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณการกักเก็บไม้มีทั้งหมด 17.2 3 พันล้านลูกบาศก์เมตร
ทำให้ทราบว่าในปี 2005 พื้นที่ป่าไม้ทั่วโลกครอบคลุมพื้นที่ถึง 4 พันล้านเฮกตาร์ พื้นที่ป่าของแคนาดามีพื้นที่มากกว่า 400 ล้านเฮกตาร์ ซึ่งเฉลี่ยพื้นที่ป่าต่อคนคือ 7. 25 เฮกตาร์!
ดังนั้น ภายใต้สถานการณ์นี้ราคาไม้ในแคนาดาจึงมีราคาต่ำเป็นปกติ
หลังจากมาถึงแคนาดา สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกตื่นเต้นมากคือประเทศนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ
สำหรับแหล่งทรัพยากรน้ำจืด แหล่งพลังงานไฟฟ้าและแหล่งทรัพยากรป่าไม้ในปัจจุบัน เดิมทีชาวแคนาดาไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเห็นคุณค่า หรือต้องประหยัด สวนสาธารณะหลายแห่งใช้ตะเกียง เช่นเดียวกับสวนสาธารณะบางแห่งกลับยังเปิดน้ำพุตลอด 24 ชั่วโมง
ฉินสือโอวมองดูชาร์คกับซีมอนสเตอร์ขับรถแทรกเตอร์และรถกระบะไปมาบนที่ราบ ทางฝั่งเขาไม่มีปัญหาอะไร เขามองเห็นเจ้าหลัวปอกำลังเล่นทรายนุ่มๆ อยู่ในไร่ของตัวเอง จึงเผลอยิ้มออกมาพลางถือไม้มาเสียบลงดิน
ตอนนี้เจ้าหลัวปอโตขึ้นเล็กน้อย พวกมันเป็นหมาป่าขาวจึงไม่กลัวความสูง แต่ปัญหาคือมันยืนอยู่บนยอดไม้ไม่ได้ เพราะความยาวที่ตัดมาของไม้สั้นเกินไปและร่างเล็กตัวอ้วนของมันทำได้แค่ขดตัวเท่านั้น นี่เป็นการป้องกันการหกล้มของมัน
เมื่อเป็นเช่นนี้พอมันยืนไม่มั่นคงก็จะรู้สึกไม่สบายตัว มันจึงร้องตะโกนขึ้นด้วยความโศกเศร้า เมื่อวินนี่หันกลับมา สิ่งที่เห็นคือฉินสือโอวผู้เจ้าเล่ห์กับเจ้าหลัวปอจอมน้อยใจ
วินนี่ขึ้นมากอดเจ้าหลัวปอแล้วผลักฉินสือโอวอย่างแรงให้ฉินสือโอวกลับเข้าไปดูหนังในวิลล่า
ฉินสือโอวกลับกอดและจูบวินนี่อย่างไม่อาย หลังจากเจ้าหลัวปอเท้าถึงพื้นมันก็กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง มันขยายปากเล็กๆ ของมันออกแล้วกัดเชือกรองเท้าของฉินสือโอวพลิกไปมาให้ขาด
ฉินสือโอวก็ถูกมันกัดอยู่ครู่หนึ่งจนทำตัวไม่ถูก ทางที่ดีเขาควรจะพาหู่จือและเป้าจือไปเดินเล่นบนชายหาด
เมื่อเห็นฉินสือโอวกำลังออกไป ฉงต้าจึงสะบัดก้นเดินตามออกไปด้วย
ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว ในที่สุดฉงต้าก็มีท่าทีครึกครื้นขึ้นมาเล็กน้อย ไม่รู้ว่าสาเหตุเป็นเพราะช่วงนี้เป็นช่วงติดสัดของมันหรือเปล่า ช่วงนี้ไม่ทำอะไรนอกจากวิ่งไปทั่วทุกที่ ซึ่งเมื่อก่อนก็ไม่เป็นแบบนี้
หู่จือและเป้าจือกระโดดโลดเต้นอยู่บนหาดทราย พวกมันใช้ขาออกแรงขุดทราย จึงทำให้บางครั้งเห็นไข่ของนกจมูกหลอดหางสั้นสีเทาขี้เถ้าอยู่ใบสองใบ จากนั้นพวกมันจึงคาบไว้ในปากอย่างตื่นเต้นแล้วเอาไปให้ฉินสือโอว
ฉินสือโอวหัวเราะพร้อมลูบที่หัวของเจ้าแลบราดอร์ทั้งสองอย่างเอ็นดู และเมื่อคลำดูในกระเป๋าก็เจอเนื้อสองสามชิ้น จึงเอาออกมาใส่ปากเจ้าสองตัวนี้
ฉงต้ากะพริบตาปริบๆ มันยื่นหน้าออกมาร้องใส่หู่จือและเป้าจือแล้วแลบลิ้นเลียปากของหู่จือ เพราะมันก็อยากกินเนื้อชิ้นนั้นเหมือนกัน
หู่จือมีสีหน้าที่รังเกียจจึงถอยออกมา แล้วใช้ขาปัดปาก เหมือนกับว่าต้องการจะปัดน้ำลายของฉงต้าออก
ฉินสือโอวเห็นเช่นนั้นจึงหัวเราะดังขึ้น ฉงต้าอ้าปากออกเพื่อที่จะกินเนื้อ แต่เขากลับเอาไข่ของนกจมูกหลอดหางสั้นให้มันดู แล้วบอกว่าไข่นกหนึ่งใบแลกกับเนื้อหนึ่งชิ้น
ฉงต้ามองดูชายหาดอันเงียบสงบอย่างสิ้นหวัง มันยื่นขาออกไปขุดทราย ผลคือไม่เจอไข่นกสักใบ
หู่จือและเป้าจือทำอย่างทำอย่างชำนาญ ดวงตาเล็กๆ ของมันจ้องที่ชายหาด เมื่อถึงช่วงวางไข่ของนกจมูกหลอดระยะแรก มันก็จะไปขุดหลุมไว้ก่อน จากนั้นก็วางไข่ไว้ในหลุมนี้
เนื่องจากตอนนี้ลมพัดแรงจนทรายปกคลุมไข่นก จะหาให้เจอจึงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ถ้ามองดูหลุมดีๆ จะเห็นว่ายังมีร่องรอยอยู่ เมื่อเจอหลุมก็จะเจอไข่นก
หู่จือและเป้าจือละเอียดรอบคอบมาก พวกมันมักจะหาหลุมทรายเจอเสมอ ซึ่งฉงต้ามีความอดทนกับสติปัญญาแบบนี้ที่ไหน? มันขุดทรายอย่างหน้ามืดตามัวขนาดนั้น นอกจากจะทำให้ฝุ่นพัดขึ้นแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
แต่อย่างไรก็ตามฉงต้าก็ไม่ได้โง่ หลังจากหามานานแต่ไม่ประสบความสำเร็จสักที มันจึงนั่งพักหายใจหอบบนชายหาด อยู่ๆ มันก็พบวิธีดีๆ ในการหาไข่นก นั่นก็คือ เฝ้าดูหู่จือและเป้าจือ
ขอเพียงแค่หู่จือและเป้าจือหาหลุมทรายเจอแล้วเริ่มขุด มันก็จะใช้ร่างกายที่แข็งแรงอ้วนท้วมของมันพรวดพราดเข้าไปแยกเจ้าสองตัวนี้ออกทันที แล้วยื่นขาของตัวเองออกมาขุดหลุมทรายนั้นเอง
หู่จือและเป้าจือโกรธมาก พวกมันทั้งสองจ้องฉงต้าอย่างเกลียดชังแล้วอ้าปากจะกัดฉงต้า แต่เมื่อนึกถึงความเป็นเพื่อนที่กินข้าวด้วยกันนอนด้วยกันทะเลาะกันในทุกๆ วัน จึงทำให้มันหุบปากลงอย่างด้วยความแค้นใจแล้วไปหาหลุมทรายอื่น
เดิมทีฉงต้าภูมิใจมาก แต่ไม่นานมันก็รู้สึกเสียใจที่ตัวเองทำแบบนี้
ไข่ของนกจมูกหลอดหางสั้นมีขนาดเล็กกว่าไข่ไก่ปกติ ขาเล็กๆ หู่จือและเป้าจือจึงไม่สามารถทำลายไข่นกในขณะที่ขุดทรายได้
ฝ่ามือใหญ่ๆ ของฉงต้าจึงไม่เหมาะสมเท่าไร เพราะอุ้งมือหมีเป็นหนึ่งในอาวุธที่มีกำลังต่อสู้มากที่สุดในป่าเขา ฝ่ามือที่กดลงหลุมทราย ต่อให้ห่างจากชั้นทรายแต่ก็สามารถทำให้โดนไข่นกแตกได้
คราวนี้ฉงต้าจอมซื่อบื้อ มันมองไปที่ทรายเหนียวๆ และไข่นกที่แตกละเอียดด้วยความสงสัยแล้วยกมือขึ้นอย่างงุนงง จากนั้นมันก็นั่งลงบนชายหาดและแล้วตกตะลึงขึ้นมาเล็กน้อย
ฉินสือโอวหัวเราะชอบใจใหญ่ หู่จือพลิกหาไข่แล้วเอาให้เขาอีก ฉินสือโอวจึงเอาชิ้นเนื้อแบ่งให้กับหู่จือ
หู่จือชำเลืองมองไปที่ฉงต้า แล้วปากของมันก็ขยับเคี้ยวเนื้อกินอย่างมีความสุข
ฉงต้าตะลึงไปพักหนึ่ง แล้วลุกขึ้นอย่างอิ่มอกอิ่มใจ สะบัดขาทั้งสี่ข้างแล้วพรวดพราดเข้าไปที่ด้านหลังของฝูงนกจมูกหลอดหางสั้น
เหล่านกจมูกหลอดหางสั้นเห็นผู้บุกรุกตัวโตตัวนี้แล้วจึงรีบส่งเสียงแควกๆ ขึ้นเพื่อเตรียมรุมโจมตีกลับ
คราวนี้ฉงต้าไม่ยอมจัดการเงียบๆ อีกแล้ว ขนสีน้ำตาลตามร่างกายมันตั้งชันขึ้นราวกับเข็มแหลม หัวใหญ่ๆ ของมันยื่นออกมาข้างหน้าแล้วอ้าปากกว้างพร้อมส่งเสียงคำรามด้วยความโมโห ‘โฮกโฮก!’
ความโมโหที่น่ากลัวของราชาแห่งป่าที่แสดงออกด้วยการคำรามออกมาขนาดนี้ ต่อให้อยู่ห่างถึงหนึ่งหรือสองร้อยเมตรก็ตาม ฉินสือโอวยังรู้สึกได้ถึงความดุเดือดกระหายเลือดของฉงต้าที่ส่งกลิ่นออกมา
หนึ่งปีกว่า ตัวของฉงต้าโตและสูงขึ้นมากกว่าเมตรครึ่งและมันคงหนัก 150 กิโลกรัมแล้ว ทั้งตัวมันล้วนมีแต่ไขมันอ้วน หัวโตๆ ปากใหญ่ๆ เท้าอ้วนๆ ถ้ามองเผินๆ มันอาจจะดูน่ารัก ไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่ถ้ามันโกรธหรือโมโหขึ้นมาเมื่อไร สิ่งที่มันจะแสดงให้เห็นกลับเป็นอารมณ์และท่าทางที่คลุ้มคลั่งขึ้นมา
ฝูงห่านที่อวดดีก่อนหน้านี้ก็วิ่งแตกตื่นหนีทันที พวกมันกระพือปีกค่อยๆ หนีออกไป เพราะลมหายใจดุเดือดของราชาแห่งป่าทำให้พวกมันตกใจกลัวอย่างถึงที่สุด!
ในขณะฝูงห่านที่วิ่งหนีอย่างตกใจกลัว อยู่ๆ ก็มีไข่ห่านฟองใหญ่ที่กระจัดกระจายก็ปรากฏขึ้นบนชายหาด ฉงต้าอ้าปากกว้างออกแล้วอมไข่ซ่อนไว้ในปากสองฟอง จากนั้นมันจึงวิ่งกลับมาหาฉินสือโอวอย่างมีความสุขแล้วเอาไข่ที่อยู่ในปากออกมา
เอา! เนื้อ! มา! กิน!
……………………………………….
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 571 ฉงต้าแสนรู้
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!