ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 492 บุชน้อยฝึกบิน

ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังฟื้นตัว สำหรับดินแดนที่อยู่เหนือสุดอย่างนิวฟันด์แลนด์ ฤดูใบไม้ผลิมาถึงช้ามาก แต่ก็ทำให้ดูมีค่ามากกว่าเดิม
เกาะแฟร์เวลมีสภาพอากาศที่ไม่เลว ตั้งอยู่ที่ทางใต้สุดของนิวฟันด์แลนด์พอดี เนื่องจากอิทธิพลของกระแสน้ำอุ่น สภาพอากาศของเกาะจึงค่อนข้างคล้ายกับบอสตัน ฤดูใบไม้ผลิมาถึงเร็ว ปลายเดือนมีนาคมก็เริ่มมีนกขมิ้นบินถลาและพฤกษาก็เริ่มผลิใบแล้ว
ฉินสือโอวออกจากบ้านพักในตอนเช้า มองไปทางพุ่มไม้เล็กๆ ที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวในระยะไกล แล้วหันกลับมามองบุชที่อยู่บนไหล่ของตน เขายิ้มแล้วพูดว่า “นกขมิ้นบินถลาพฤกษาผลิใบในเดือนกุมภาพันธ์ ฉันและคุณพบกันที่ทะเลสาบตะวันตก…”
วินนี่รวบผมเป็นหางม้าไว้ด้านหลัง เธอพูดขึ้นว่า “คุณกำลังพูดพร่ำเพรื่ออะไร อย่าดัดแปลงบทกวีโบราณ คุณต้องเคารพภูมิปัญญาของบรรพบุรุษของคุณ!”
ฉินสือโอวหันไปลูบหน้าของเธอหนึ่งที จากนั้นหัวเราะแล้วพูดว่า “ฉันให้ความเคารพอย่างมากในใจ ไปกันเถอะ ที่รัก ไปดูท่าทางการบินของบุชกัน!”
เบิร์ดตรวจสอบเครื่องยนต์และเครื่องมือของเครื่องบิน เพราะต้องการปล่อยบุช เขาจึงเอาประตูของเฮลิคอปเตอร์ออก เพื่อให้ฉินสือโอวสามารถปล่อยบุชออกไปได้ตลอดเวลา
เดิมทีบุชเกาะบนไหล่ของฉินสือโอว เมื่อเห็นเบิร์ดเอาประตูเฮลิคอปเตอร์ออก มันตื่นตัวในทันที หลังจากส่งเสียงร้อง ‘กากา’ สองครั้ง ก็อยากกระโดดลงพื้น
ฉินสือโอวหัวเราะเสียงดัง แล้วอุ้มบุชขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เบิร์ดรอให้เขาคาดเข็มขัดนิรภัยแล้วจึงออกบิน
บุชส่งเสียงร้องเสียงดังราวกับอยู่ในโรงฆ่าสัตว์ มันกระพือปีกอย่างแรง ทั้งเหยียดทั้งขาเท้าในเวลาเดียวกัน อยากสลัดฉินสือโอวให้หลุดแล้ววิ่งหนีไป
เห็นได้ชัดว่า การบินที่ไม่ประสบความสำเร็จครั้งก่อนนั้นมีผลกระทบต่อจิตใจของบุชเป็นอย่างมาก ทำให้มันจดจำและนำมาเป็นบทเรียนในตอนนี้
แต่น่าเสียดายที่มันเป็นแค่อินทรีหัวขาวอ่อนวัย ไม่แรงเยอะเหมือนพ่อและแม่ของมัน หลังจากที่ฉินสือโอวกอดมันไว้ ไม่ว่ามันจะดิ้นยังไงก็ดิ้นไม่หลุด
วินนี่นั่งอยู่ข้างๆ คอยปลอบใจบุช ฉินสือโอวไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด เพราะเขากำลังใส่หูฟัง แต่บุชเริ่มผ่อนคลาย มันไม่ต่อต้านแล้ว
เฮลิคอปเตอร์บินวนอยู่ในอากาศในระยะที่สูงเหนือระดับน้ำทะเลเกินสิบเมตร ความสูงนี้กำลังเหมาะสม แต่ถ้าตกลงไปบนผิวน้ำก็จะทำร้ายบุชได้เหมือนกัน
ฉินสือโอวไม่สามารถโยนมันออกไปแบบนี้ได้ เฮลิคอปเตอร์ยังคงบินวน ทำให้เกิดลมแรง เมื่อเป็นอย่างนั้น เขาจึงคลานไปที่ประตูเครื่องบินเพื่อจะปล่อยบุชลง
แต่เข็มขัดนิรภัยผูกฉินสือโอวไว้ เขาขยับไปมาและรู้สึกไม่ค่อยสบาย จึงปลดเข็มขัดนิรภัยออก และหมอบอยู่ตรงประตูอย่างระมัดระวัง และยื่นบุชออกไป
หลังจากยื่นแขนออกไปแล้ว ฉินสือโอวมองออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกเสียใจ
เขาคิดมาโดยตลอดว่าความกลัวในความสูงของเขานั้นได้บรรเทาลงมากแล้ว แต่ตอนนี้เขารู้สึกไม่สบายใจมากกว่าเดิมเพราะเครื่องบินบินขึ้นและบินลงอย่างไร้น้ำหนัก
เมื่อก่อนฉินสือโอวนั่งเฮลิคอปเตอร์อยู่บ่อยๆ เพราะความสูงในการบินที่ไม่สูงมาก เวลาเขามองไปข้างนอกจึงไม่รู้สึกอะไร
แต่สถานการณ์ในครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ไม่มีการป้องกันจากประตูเครื่องบิน เมื่อเขายื่นหน้าออกไปก็รู้สึกชาไปทั้งตัว
ลมที่เกิดจากการบินวนพัดมาโดนตัวของเขา ความรู้สึกวิงเวียนผุดขึ้นมาในหัวของเขาทันที ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองกำลังตกลงไปจากบนฟ้า…
เมื่อมีอาการวิงเวียนอย่างนี้ ฉินสือโอวเริ่มนั่งนิ่งๆ ไม่ได้ เขาพยายามปกป้องตัวเอง แต่กลับไม่ได้ผลอะไร เขาโน้มตัวไปข้างหน้า และร่วงลงไปกับบุช
“ไม่!!!” ขณะที่วินนี่กำลังกรีดร้อง ฉินสือโอวก็หล่นลงไปจากบนฟ้าแล้วจริงๆ
ฉินสือโอวโบกแขนของเขาด้วยความตื่นตระหนก และบุชก็ถูกเขาโยนทิ้งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขาดิ้นรนอยู่บนทิ้งฟ้าอยู่พักหนึ่ง เสียง ‘ตู้ม’ ดังขึ้น เขาได้ตกลงไปในน้ำแล้ว
หลังจากตกลงไปในมหาสมุทร ฉินสือโอวกลับสงบลง น้ำในต้นฤดูใบไม้ผลิยังคงเย็นมาก แต่ฉินสือโอวไม่รู้สึกอะไร การมีอยู่ของหัวใจโพไซดอนทำให้เขาเสมือนปลาได้น้ำ ไม่นานเขาก็โผล่หัวออกมา
ฉินสือโอวยืดหัวออกมาจากน้ำ เขายื่นมือออกมาเช็ดน้ำทะเลบนหน้า แล้วเงยหน้ามอง ร่างที่แข็งแกร่งร่างหนึ่งที่กำลังบินวนอยู่บนหัวเขา
ในที่สุดบุชก็บินได้แล้ว!
ในตอนนี้ ความเร็วในการบินของนกอินทรีหัวขาวไม่เร็วเท่าไร เส้นทางการบินก็คดเคี้ยวไปมา แต่เมื่อมันบินอยู่ในอากาศกลับมีความสง่างาม ความสง่างามนี้ตกทอดมาจากบรรพบุรุษอินทรีทะเลหัวขาวของมัน มันซ่อนอยู่ในสายเลือด ในที่สุดวันนี้มันก็ปรากฏขึ้น!
บุชบินวนอยู่บนผิวน้ำทะเล เมื่อเห็นหัวของฉินสือโอวโผล่ออกมา มันก็พุ่งลงมาในทันที แล้วยืนบนหัวของฉินสือโอว และส่งเสียงร้อง ‘กากา’ อย่างภาคภูมิใจ ท่าทางของมันดูยโสมาก
เห็นฉินสือโอวไม่เป็นอะไร วินนี่ที่หมอบอยู่ตรงประตูเครื่องบินก็รู้สึกโล่งอก จากนั้นเธอก็หัวเราะเสียงดัง ตอนนี้ฉินสือโอวเอียงอายมาก เดิมทีเขาอยากเห็นบุชเป็นตัวตลก แต่ตอนนี้กลับถูกบุชหยามสักงั้น
ชาวประมงที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่บนท่าเรือรีบขับเรือยอชต์เข้าไปหา ฉินสือโอวตะโกนใส่พวกเขาว่า “ฉันไม่เป็นอะไร ไม่ต้องกังวล ให้ตายเถอะ แกไปไกลๆ เลยบุช!”
ฉินสือโอวโบกมือ บุชย่ำเท้าอย่างแรงบนหัวเขาหนึ่งทีทำให้เขาจมลงไปในน้ำ และใช้แรงน้ำกระพือปีกแล้วบินลงมา
ในขณะนี้เอง มิสเตอร์บีนโลมาปากขวดปรากฏตัว ปลาคาร์ฟตัวหนึ่งกระโดดออกจากน้ำ หัวลื่นๆ ของมันชนเข้ากับบุชที่ไม่ได้ตั้งตัวพอดี
ราวกับว่ากำลังโยนลูกโบว์ลิ่ง บุชที่รู้สึกภาคภูมิใจเมื่อครู่ถูกชนกระเด็นและตกลงไปในน้ำทะเล
ฉินสือโอวรีบพูดชมมิสเตอร์บีน โลมาน้อยยื่นหน้าออกมาและส่งเสียงร้อง สายตามองไปที่บุชที่ตกลงไปในน้ำ
สำหรับลูกบุญธรรมที่ตนเองเพิ่งรับไม่นานนี้ ฉินสือโอวรู้สึกพึงพอใจกับมันมาก เด็กคนนี้ฉลาด เมื่อเห็นบุชรังแกเขาก็รีบตรงเข้ามาช่วย
สมแล้วที่เป็นสัตว์ปีกที่แข็งแกร่งที่สุดในท้องทะเล หลังจากบุชตกลงไปในน้ำ มันดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่งแล้วกระพือปีกบนผิวน้ำ แล้วขึ้นบินอีกครั้ง
บุชบินขึ้นด้วยความยากลำบากอีกครั้ง มันโกรธมาก เดิมทีนกอินทรีหัวขาวก็ดูเหมือนโกรธตลอดเวลาอยู่แล้ว บวกกับท่าทางแกร่งกล้าของมัน และตอนนี้มันกำลังเต็มไปด้วยความโกรธ จึงทำให้ดูมีพลังมากกว่าปกติ
บุชบินบนผิวน้ำอย่างรวดเร็ว มันส่งเสียงคำราม ‘กากา’ แต่มิสเตอร์บีนไม่กลัว มันยื่นหัวออกมาจากน้ำ แล้วพ่นน้ำไปทางบุชเพื่อยั่วโมโห
ในฐานะที่เป็นเจ้าแห่งผิวน้ำ บุชเริ่มรู้สึกโมโห มันจำเป็นต้องรักษาความยิ่งใหญ่ของตระกูลอินทรีหัวขาวของตน มันเล็งไปที่เรแกน และพุ่งเข้าใส่
และในขณะนั้นเอง ปากขนาดใหญ่สองปากปรากฏขึ้นที่ด้านซ้ายและด้านขวาของมิสเตอร์บีน พวกมันอ้าปากเผยให้เห็นฟันแล้วกัดไปที่บุช
บอลหิมะและไอซ์สเกตซุ่มอยู่ข้างๆ ตลอดเรื่อยมา!
โชคดีที่บุชไหวพริบดี เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีมันก็รีบกระพือปีกและเบรกตัวในอากาศ จึงไม่เกิดโศกนาฏกรรมที่ต้องตกลงไปในปากของวาฬเบลูกาหรือฉลามเสือทราย
เรือยอชต์ได้แล่นเข้ามาแล้วในเวลานี้ ชาร์คและแลนซ์ดึงแขนของฉินสือโอวเพื่อลากเขาขึ้นไปบนเรือ
หลังจากขึ้นเรือแล้วฉินสือโอวผิวปากเสียงดังใส่บุชหนึ่งครั้ง บุชส่งเสียงร้อง ‘กากา’ ใส่สามพี่น้องในท้องทะเลอย่างไม่เต็มใจ จากนั้นก็บินลงมา
การทะเลาะกันในครั้งนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ความขัดแย้งระหว่างเจ้าแห่งท้องฟ้าในฟาร์มและเจ้าแห่งมหาสมุทรตัวน้อยเหล่านั้นเพิ่งเริ่มขึ้น
……………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset