ภาพอาทิตย์อัสดงที่มงต์มาจูร์นี้ไม่ถือว่าเป็นผลงานคลาสสิกของแวนโก๊ะ แต่เพราะภาพนี้เป็นภาพตอนที่เขาเปลี่ยนสไตล์วาดภาพ ฉะนั้นจะต้องมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์แน่นอน นอกจากนั้นแล้วภาพนี้ยังมีลายเซ็นของแวนโก๊ะด้วย แบบนี้ถ้าพวกเบลคจะตั้งราคาสูงก็ไม่ถือว่าเกินไป
ที่จริงแล้วภาพแท้ของแวนโก๊ะ ไม่ว่าจะขายไปด้วยราคาเท่าไรก็เป็นเรื่องปกติทั้งนั้น นิวยอร์กในตอนต้นปีใหม่ร่วมกับบริษัทซัทเทบีส์ลอนดอนจัดการประมูลขึ้นครั้งหนึ่ง ตอนนั้นในงานประมูลก็มีผลงานเลซาลิสก็องของแวนโก๊ะ สุดท้ายรูปนั้นถูกประมูลไปด้วยราคาหกสิบหกล้านสามแสนดอลลาร์สหรัฐ
แต่ราคาของภาพพวกนี้ยังคงห่างกับภาพภาพเหมือนของนายแพทย์กาแช ภาพนี้ในตอนนั้นก็เคยถูกประมูลไปด้วยราคาสูงถึง 8,250 ดอลลาร์สหรัฐที่นิวยอร์ก และ ‘ตอนนั้น’ ก็หมายถึงปี 1990 ถ้าคำนึงเรื่องเงินเฟ้อและค่าเงินดอลลาร์ลดลง ถ้าคิดเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐในวันนี้ มูลค่าของภาพภาพเหมือนของนายแพทย์กาแชก็ประมาณ 15.3 พันล้านดอลลาร์!
ฉินสือโอวบอกราคากับอาฟิฟ เขาไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธในทันที แต่ต้องการ ‘พิจารณา’ ดูก่อน
คุยเกี่ยวกับอาทิตย์อัสดงที่มงต์มาจูร์เสร็จทั้งสองฝ่ายก็แยกย้าย วันที่สองฉินสือโอวก็พาเหล่าชาวประมงกลับไปที่ท่าเรือสโนว์ดิค เตรียมออกทะเลต่อ
พวกเหล่าประมงแทบจะทนรอไม่ไหวอยู่นานแล้ว พอถึงสโนว์ดิคก็ถอดชุดสูทออกอย่างระมัดระวังทันที แต่พวกเขาล้วนแต่เป็นชายฉกรรจ์ที่ไร้ความละเอียดอ่อน ไม่รู้จักการเก็บรักษาเสื้อสูท สุดท้ายก็เป็นวินนี่ที่ช่วยพวกเขาเอาไปแขวนเก็บไว้ให้
วินนี่ลาพักหนึ่งอาทิตย์ ครั้งนี้กะว่าจะออกทะเลกับฉินสือโอวสักครั้ง
โชคของพวกเขาไม่เลว ตั้งแต่เรือฝ่าพายุคราเคน18 ออกมาได้ สภาพอากาศที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ก็ดีมากมาตลอด อย่างมากก็มีลมระดับสามสี่ ระลอกคลื่นทะเลนุ่มนวล แสงแดดสาดส่อง เหมาะที่จะออกทะเลไม่น้อย
ฉินสือโอวกับคนอื่นๆ เพิ่งจะก้าวเท้าไปขึ้นเรือฮาวิซทก็มีชาวประมงเข้าใกล้เพื่อกระชับความสัมพันธ์ ตอนแรกเขานึกว่าพวกเขามาหาผู้รอดชีวิตจากเรือแนสแกสที่พวกเขาช่วยไว้ ปรากฏว่าพอเหล่าชาวประมงอ้าปากพูดถึงได้รู้ว่าไม่ใช่เรื่องนั้น
“เฮ้ กัปตันหนุ่ม ปกติเวลาพวกคุณจับกุ้งมังกรใช้เหยื่ออะไรเหรอ?” ชาวประมงมีอายุดูท่าทางใจดีคนหนึ่งถามขึ้น ชาวประมงคนอื่นๆ ก็ต่างก็หูผึ่งรอฟัง
ฉินสือโอวจัดสายเคเบิลพลางตอบแบบไม่ใส่ใจ “ตอนแรกก็ใช้เครื่องในสัตว์ ตอนหลังเปลี่ยนไปใช้หมึกกล้วยกับปลาหมึกกระดอง ทำไมเหรอ?”
“โอ้ๆ ไม่มีอะไร ฉันอยากจะพูดว่าฉันก็ชอบเหยื่อที่เป็นเครื่องในสัตว์ กุ้งมังกรชอบ!”
“ใช่แล้วเพื่อน กุ้งมังกรชอบกินของพวกนี้”
“งั้นใช้แค่เครื่องในสัตว์อย่างเดียวเหรอ? ได้เติมอะไรอย่างอื่นลงไปไหม? คุณก็รู้ ตอนนี้มีเรืออย่างน้อยพันลำที่ใช้อันนั้นเป็นเหยื่อ แต่ก็ไม่ค่อยได้อะไรกลับมาเท่าไร”
“ไม่มีของอย่างอื่น พวกเราใช้เครื่องในสัตว์แช่แข็ง เติมอะไรลงไปไม่ได้ไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ๆ กัปตันหนุ่ม แต่คุณต้องมีเคล็ดลับอะไรแน่ๆ ไม่อย่างนั้น คุณก็รู้ ไม่มีทางที่คุณจะทำให้กุ้งมังกรกับปลาแฮดดัคมารุมรักเรือคุณได้หรอก”
มองดูสีหน้าคาดหวังของเหล่าชาวประมงฉินสือโอวก็ยิ้มออกมา เขารู้จุดประสงค์ของคนพวกนี้ อยากรู้เคล็ดลับที่เขาตกกุ้งมังกรกับปลาค็อดได้มากมายแบบนี้ แต่แน่นอนว่าเขาบอกไม่ได้
จัดการทุกอย่างเสร็จ เรือฮาวิซทก็เตรียมออกจากท่า ปรากฏว่าเรือเพิ่งออกจากท่า พรรคพวกเรือประมงประมาณสามสี่สิบลำก็แล่นตามหลังมาราวกับฝูงหมาป่าที่เล็งวัวป่าอเมริกาเหนือที่อ้วนท้วน
เรื่องแบบนี้ปกติมาก หลายวันมานี้ที่ท่าเรือมีการกระจายข่าวลือเกี่ยวกับเรือฮาวิซทตลอด อย่างเช่นครั้งแรกที่พวกเขาออกทะเลก็หาได้ห้าแสนกว่า ออกทะเลครั้งที่สองได้ล้านกว่า!
สำหรับเหล่าชาวประมงที่อยากร่ำรวยจากอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์แล้ว ผลงานของเรือฮาวิซทถือว่าเหลือเชื่อ! พวกเขาจะเชื่อสนิทว่าเรือฮาวิซทเจอที่ลับที่กุ้งมังกรกับปลาแฮดดัคมารวมตัวกัน เลยอยากพากันตามไปขอส่วนแบ่งด้วย
พวกแลนซ์ไม่อยากให้พวกนั้นแย่งที่จับปลาล้ำค่าที่ฟาร์มปลาตัวเองอุตส่าห์เจอจึงหาทางสลัดพวกที่ตามมาทิ้งไป
แต่ทะเลกว้างใหญ่ไพศาล เรือฮาวิซทก็ไม่ถือว่าเร็ว แน่นอนว่าสลัดพวกชาวประมงที่ตามมาด้านหลังไม่ได้
เห็นวินนี่อยู่บนเรือ ดวงตาของแลนซ์ก็กลอกไปมาอย่างมีเลศนัยแล้วพูดขึ้น “เฮ้ กัปตัน ทำไมไม่พาคุณวินนี่ไปเที่ยวเขตทะเลแปร์เซสักหน่อยล่ะ? ไปดูหินประหลาดเซนต์ลอว์เรนซ์เสียหน่อย นั่นมันจุดชมวิวท่องเที่ยวที่รองลงมาแค่ท่าเรือสโนว์ดิคเลยนะ”
ฉินสือโอวพิจารณาคำแนะนำของแลนซ์ก็รู้สึกว่าข้อเสนอนี้ไม่เลว ควรจะพาวินนี่ไปวนดูแถวเขตทะเลที่หินแปร์เซตั้งอยู่เสียหน่อย วินนี่ขึ้นเรือมาไม่ใช่เพื่อทำงานหาเงิน
หินแปร์เซหรือเรียกอีกชื่อว่าเพอเซ่ ร็อก เป็นหินโค้งตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถูกยกเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของธรรมชาติของแคนาดา ฉินสือโอวเคยได้ยินมานานแล้ว ตอนนี้ได้ไปดูก็ดี
ดังนั้นเรือฮาวิซทจึงหันไปทางเหนือ แล้วแล่นไปทางแถบทะเลแปร์เซอย่างยิ่งใหญ่
จากท่าเรือสโนว์ดิคตามชายฝั่งทะเลไปทางเหนือประมาณหนึ่งร้อยกว่ากิโลเมตร แนวเขาหินลูกหนึ่งก็ปรากฏขึ้นราวโผล่ออกมาจากทะเล ทอดแนวยาวไปบนผิวน้ำ รอบๆ มีคลื่นเข้าซัดไม่หยุดหย่อน น้ำทะเลมากมายสาดกระเซ็น แต่เขาหินก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย!
ประมาณตรงกลางของเขาหินลูกนี้ จู่ๆ ตรงกลางของหินก็กลวง กลายเป็นประตูหินโค้งที่สูงถึงสิบสี่สิบห้าเมตร
วินนี่หยิบเอากล้องมาถ่ายรูป แลนซ์พูดกับฉินสือโอวว่า “ว่ากันว่าเมื่อร้อยยี่สิบกว่าปีก่อนวิวที่นี่สวยกว่านี้อีก ตอนนั้นมีประตูหินโค้งใหญ่แบบนี้สองอัน น่าเสียดายที่โดนลมโดนฝนจนประตูหินอันหนึ่งพังลงไปแล้ว ไม่รู้ว่าอันที่เหลือจะทนไปได้นานแค่ไหน”
ฉินสือโอวยักไหล่ก่อนจะตอบ “พลังของเวลายิ่งใหญ่มาก ไม่ว่าจะเป็นของที่แข็งแกร่งแค่ไหน สุดท้ายต่อหน้าเวลาแล้วก็จะหายไปอยู่ดี”
ชมรอบๆ เขาหินครู่หนึ่ง ฉินสือโอวก็ปล่อยแพเล็กลงแล้วพาวินนี่ออกจากเขตฟาร์มเข้าไปใกล้เขาหิน พวกเขาลอดผ่านใต้ประตูหินโค้ง ชื่นชมเขาหินใหญ่ยักษ์ในระยะใกล้ ตื่นตาตื่นใจกว่าเดิมอีก!
ถ่ายรูปมาพอแล้ว ฉินสือโอวก็สั่งการเรือให้เข้าไปในเขตศูนย์กลางของอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ จิตสำนึกโพไซดอนตามไอซ์สเกตกับบอลหิมะไปหากุ้งมังกรกับฝูงปลาค็อด
ก่อนหน้านี้ที่ตัดสินใจมาเที่ยวแถวๆ เขาหินแปร์เซไม่ใช่แค่อยากดูแนวหินประหลาดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ยังเพราะเรือที่ตามหลังเรือฮาวิซทมามันเยอะเกินไป เรือที่มากมายขนาดนี้ต่อให้เจอฝูงกุ้งฝูงปลาตอนนี้ก็ไม่พอแบ่งให้ทุกคน
ตอนแรกฉินสือโอวหวังว่าพวกชาวประมงที่ตามมาจะหมดความอดทนแล้วจากไปเอง แต่ความจริงพิสูจน์แล้วว่าเหล่าชาวประมงช่างมีความอดทนจริงๆ ตอนออกจากท่าก็มีเรือตามมายี่สิบกว่าลำ สุดท้ายตอนที่เรือฮาวิซทแล่นจากไปจากเขาหิน ก็ยังคงมีเรือยี่สิบกว่าลำเหมือนเดิม
นั่นทำให้ฉินสือโอวค่อนข้างรำคาญ เขาเลือกฝูงกุ้งมังกรฝูงหนึ่งไว้แล้ว บอลหิมะไปเจอเมื่อคืนวานนี้ อยู่ตรงบริเวณอ่าวน้ำลึก ที่นี่ได้รับผลกระทบจากแบคทีเรียค่อนข้างน้อย ขนาดของฝูงกุ้งไม่เลว
แต่ถ้าไม่สามารถสลัดเหล่าชาวประมงทิ้งไปได้ ต่อให้เจอฝูงกุ้งที่โตกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์ ต้องถูกแย่งไปหมดแน่นอน
………………………………………………
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 449 เรือประมงที่ตามหลังมา
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!