พอกลับมาถึงวิลล่า อีวิลสันก็กำลังนั่งยองๆ อยู่หน้าประตู ร่างกายขนาดใหญ่เกินมนุษย์ขดตัวเข้าหากันจนกลายเป็นก้อนใหญ่ๆ เหมือนหินก้อนยักษ์ในมหาสมุทรไม่มีผิด
พอมองเห็นฉินสือโอว เขาก็ ‘ฟึบ’ ลุกขึ้นมาทันที ลูกหมาป่าขาวที่ถูกเสื้อขนเป็ดห่อไว้ที่ร้องจิ๊ดๆ ฮือๆ ร้องงึมๆ งำๆ มาตลอดทาง พออีวิลสันปรากฏตัวขึ้น มันก็หดตัวลงไปในเสื้อผ้าทันที ไม่ส่งเสียงออกมาแม้แต่นิดเดียว
วินนี่รออยู่ที่ห้องรับแขกอย่างกระสับกระส่าย พอฉินสือโอวกับคนอื่นๆ เดินเข้ามา เธอก็พนมมือไว้ที่อกแล้วพูดขึ้นมาว่า “พระเจ้าคุ้มครอง ดีจริงๆ ที่พวกคุณไม่เป็นอะไร เอ๊ะ นี่ตัวอะไรเหรอคะ?”
ฉินสือโอววางเสื้อผ้าลงไปบนโซฟา ลูกหมาป่าขาวยื่นหัวออกมามองดูรอบๆ เมื่อเห็นว่ารอบๆ ตัวมันมีแต่สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัว ทั้งคนทั้งสุนัขทั้งหมี มันก็หดตัวเข้าหากันแล้วซ่อนตัวเองอยู่ในห่อผ้า
วินนี่นั่งยองๆ อยู่ด้านหน้าโซฟาและเปิดห่อผ้าออกอย่างเบามือ พอเธอเปิดมันออกลูกหมาป่าขาวก็ถดตัวไปข้างหลัง จนสุดท้ายก็ถอยจนก้นของมันติดกับพนักพิงของโซฟา หมาป่าขาวตัวน้อยปลุกใจให้ฮึกเหิมแล้วอ้าปากส่งเสียงร้องอย่างกล้าหาญ “บรู๋ว…”
“น่ารักจังเลย!” วินนี่ร้องขึ้นมาอย่างมีความสุข เธอยื่นมือออกไปเขี่ยหัวลูกหมาป่าขาว หมาป่าตัวน้อยรู้สึกว่าตัวเองถูกหยามศักดิ์ศรี จึงอ้าปากเล็กๆ ด้วยความโมโห
‘งับ’ วินนี่ยื่นมือออกปิดปากมัน
ในที่สุดลูกหมาป่าขาวรู้แล้วว่าตัวเองมีกำลังอยู่เพียงน้อยนิด มันจึงมุดตัวอยู่ในมุม ระทมทุกข์อยู่อย่างเงียบๆ
“เฮ้ พวกคุณจับลูกหมาป่าขาวตัวนี้มาได้ยังไงเหรอคะ? พระเจ้า ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ!” วินนี่ถามขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ
ฉินสือโอวอธิบายเหตุการณ์ในตอนนั้นให้เธอฟัง วินนี่ก็ถึงบางอ้อทันที “เข้าใจแล้ว พ่อหมาป่าขาวกับแม่หมาป่าขาวเห็นว่าในฟาร์มมีเป็ดไก่อยู่เยอะแถมยังเชื่องอีกต่างหาก พวกมันเลยอยากพาลูกมาฝึกล่าอาหาร แต่กลับโดนพวกหู่จือซุ่มโจมตีเสียก่อน ลูกหมาป่าขาวเลยหนีออกมาจากฟาร์มไม่ทัน”
“ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นล่ะครับ” ฉินสือโอวก็เดาว่าน่าจะเป็นแบบนี้ ระหว่างสองพ่อแม่หมาป่าขาวมีตัวหนึ่งที่เปียกน้ำทั่วทั้งตัว แต่อีกกลัวกลับไม่ได้เป็นอะไร เห็นได้ชัดว่าถูกพวกหู่จือโจมตีระหว่างทาง รอจนหมาป่าตัวหนึ่งพาลูกหมาป่าเข้าไปข้างในฟาร์มแล้ว จึงเข้าจู่โจมขณะที่หมาป่าอีกตัวยังอยู่ข้างนอก
วินนี่หยิบเอาไดร์เป่าผมมาหนึ่งเครื่อง ปรับเป็นลมเบาๆ อุ่นๆ เป่าขนให้ลูกหมาป่าขาวจนแห้ง ลูกหมาป่าขาวเห็นของที่ดูเหมือนปืนกระบอกโตเล็งมาที่ตัวเอง มันก็อ้าปากส่งเสียงร้องขึ้นมาอีกครั้ง
“ฮูๆ!” ลมอุ่นๆ พัดออกไป จนผิวนุ่มๆ บนปากของลูกหมาป่าขาวสั่นสะบัดไม่หยุด ทำให้มันตกใจจนต้องเอาอุ้งเท้าขึ้นมาจับปากไว้
วินนี่เป่าขนไปพร้อมๆ กันหวีขนสีขาวให้ลูกหมาป่า เธอพูดด้วยความตื่นเต้นปนดีใจว่า “ฉิน พวกเราตั้งชื่อให้มันเถอะนะคะ บ้านของเรามีเด็กน้อยเพิ่มขึ้นมาอีกตัวแล้ว”
พวกหู่จือเป้าจือกับฉงต้าได้ยินประโยคนี้ก็พากันหูตั้งทันที พวกมันมองไปที่วินนี่อย่างระแวดระวัง ไม่เอาน่า บ้านของพวกเราจะมีสัตว์เลี้ยงมาแย่งความรักกับพวกมันเพิ่มอีกตัวอย่างนั้นน่ะเหรอ?
ฉินสือโอวจึงอธิบายว่า “ไม่ได้หรอกครับ วินนี่ หมาป่าขาวควรจะอยู่ที่เทือกเขาเคอร์บัล พวกเราต้องปกป้องพวกมัน รอจนฟ้าสว่างแล้วค่อยพามันไปปล่อยในป่าเล็ก เอามันไปคืนให้กับพ่อแม่หมาป่าขาว”
วินนี่มองลูกหมาป่าขายอย่างอาลัยอาวรณ์ เธอตัดสินใจอย่างยากลำบาก “โอเค คุณพูดถูกค่ะ ฉิน แต่ว่าเด็กน้อยตัวนี้น่ารักมากจริงๆ ฉันชอบมันมาก”
“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้คุณนอนกอดมันเถอะครับ ฮ่าๆ คืนนี้จะได้อยู่กับมันอย่างมีความสุขไง” ฉินสือโอวพูดพร้อมรอยยิ้ม
เขาแค่พูดเล่นๆ แต่วินนี่ดันทำอย่างนั้นจริงๆ พอเป่าขนลูกหมาป่าขาวจนแห้งทั้งตัวแล้ว เธอก็พามันกลับไปยังห้องนอน วางมันลงบนเตียงอุ่นๆ
ตาสีดำแป๋วของลูกหมาป่าขาวจ้องมองไปที่ทั้งสองคน มันคิดอยากจะหนี แต่พอยืนขึ้นก็สัมผัสได้ถึงความนุ่มอุ่นของที่นอน จึงไม่กล้าจะกระโดดลงไป
วินนี่กอดลูกหมาป่าขาวเอาไว้ ส่วนฉินสือโอวก็หลับตาเตรียมตัวนอน กอดไว้ก็ดีเหมือนกัน ถ้าปล่อยไว้ข้างนอกตอนกลางคืนก็อาจจะโดนพวกหู่เป้าฉงแกล้งจนตายก็ได้
แต่ปรากฏว่าหลับตาลงได้ไม่นาน อยู่ดีๆ วินนี่ก็พูดขึ้นมาว่า “ฉิน ฉันคิดชื่อให้มันได้แล้ว”
ฉินสือโอวลุกขึ้นมา เขาใช้มือลูบผมเงาสลวยของวินนี่แล้วพูดกับเธออย่างอ่อนโยนว่า “เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอครับ ว่าจะปล่อยมันไป?”
“คืนนี้เราจะได้เรียกชื่อมันได้ไงคะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยเอามันไปส่ง แต่คืนนี้มันต้องมีชื่อเรียกนะคะ”
“โอเคครับ คุณตั้งชื่อให้มันว่าอะไรล่ะ? เสี่ยวป๋าย? ป๋ายป๋าย?”
“ไม่ใช่ค่ะ ชื่อว่าโลโบต่างหาก!” วินนี่พูดกับเขาอย่างเบิกบานใจ
“หัวไชเท้า?! (ภาษาจีนออกเสียงว่า หลัวปอ) วินนี่ คุณล้อผมเล่นใช่ไหม? แต่จะว่าไปแล้วมันก็ดูเหมือนหัวไชเท้าสีขาวๆ เหมือนกันนะ” ฉินสือโอวหัวเราะเสียงดัง เขาคิดว่าชื่อที่เขาตั้งให้หู่จือกับเป้าจือก็ไร้สาระมากแล้ว แต่พอเทียบกัน วินนี่ก็ยิ่งแย่กว่าเขาเสียอีก
วินนี่ก็พูดกับเขาอย่างงอนๆ ว่า “พูดอะไรไร้สาระ ฉันหมายถึงโลโบ Lobo! ราชาหมาป่าโลโบ!”
ราชาหมาป่าโลโบเป็นเรื่องเล่าของทวีปอเมริกาเหนือ มีชื่อเสียงในยุคบุกเบิกฝั่งตะวันตกของอเมริกา มันคือหมาป่าสีเทาตัวหนึ่งที่มีร่างกายแข็งแรงบึกบึน สติปัญญาเฉียบแหลมโดดเด่นกว่าใครทั้งหมด มันนำฝูงหมาป่าให้อยู่รอดภายใต้การต่อสู้กับมนุษย์
ในตอนนั้นพวกคาวบอยในฝั่งตะวันตกของอเมริกาต่างก็อยากจะกำจัดมัน แต่ก็ทำอะไรมันไม่ได้ ราชาหมาป่าโลโบนำฝูงหมาป่าของมันวิ่งทะยานไปทั่วเขตเคอร์รัมพาว์อย่างยโสโอหังเป็นอย่างยิ่ง เพียงแค่ได้ยินชื่อของมันผู้คนก็พากันกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ ถึงแม้ว่าในท้ายที่สุดแล้วมันจะตายด้วยกับดักของคาวบอย เพราะช่วยชีวิตบลังก้าคู่ชีวิตของมันเอาไว้ ด้วยการสละชีวิตของมันเอง โลโบทำได้เพียงใช้ความน่าเกรงขาม มาข่มขู่อเมริกาเหนือให้เกิดความกลัว
วินนี่ตั้งชื่อที่มาจากความกล้าหาญให้กับลูกหมาป่าขาว ด้วยความรักและความปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง
ฉินสือโอวเข้าใจในทันที หลังจากนั้นเขาก็หลับตาลงแล้วนอนต่อ นี่เกี่ยวกับผมตรงไหนกันล่ะ? เพราะไม่ว่ายังไงพรุ่งนี้เจ้าตัวเล็กนี่ก็ไสก้นไปแล้ว
ขณะที่เขากำลังจะเคลิ้มหลับ วินนี่ก็ผลักเขาหนึ่งครั้ง เธอพูดอย่างสะลึมสะลือว่า “อย่ากวนสิคะ นอนเถอะ”
ฉินสือโอวรู้สึกแปลกๆ เขากวนอะไรใครนะ? ผมก็จะนอนเหมือนกัน โอเคไหม?
เขาขยับออกมาให้ไกลจากวินนี่อีกนิด ผ่านไปสักพักวินนี่ก็ผลักเขาอีกครั้ง น้ำเสียงของเธอเริ่มไม่ดีแล้ว “นอนเฉยๆ ได้ไหมคะ? เลิกอมได้แล้ว ฉันง่วงมากๆ แล้วนะ”
ฉินสือโอวเปิดโคมไฟตั้งโต๊ะ แล้วถามเธอว่า “ผมอมอะไร… เวรแล้ว!”
ใต้แสงไฟที่ส่องสว่าง ฉินสือโอวเห็นหัวของราชาหมาป่าตัวน้อยกำลังซบอยู่บนหน้าอกของวินนี่ ปากของมันดูดอมจุดสีแดงอ่อนจนเกิดเสียงดังจ๊วบๆ อย่างเพลิดเพลิน
ฉินสือโอวตกใจจนตัวโยน เขารีบลากลูกหมาป่าขาวออกมา แล้วตะโกนพูดกับวินนี่ว่า “เด็กโง่ของผม ห้ามไม่ให้คุณนอนกอดมันคุณก็ดื้อจะกอด อีกนิดจะไม่เหลือเต้านมแล้ว คุณรู้ตัวหรือเปล่าเนี่ย?”
ราชาหมาป่าน้อยไม่พอใจที่ถูกลากออกมา ขาทั้งสี่ข้างปัดป่ายไปมา ปากก็ ‘มุบมิบๆ ’ ร้องอ่าฮู้ๆ สุดชีวิต
วินนี่ไม่กลัวเลยสักนิด ทั้งยังหัวเราะคิกๆ คักๆ ไม่หยุด เธอดึงสายเดี่ยวชุดนอนขึ้น จากนั้นก็กระโดดลงไปจากเตียงแล้วพูดขึ้นมาว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ก็แค่เด็กน้อยที่กำลังหิว เดี๋ยวฉันจะลงไปอุ่นนมวัวให้มันสักหน่อย”
เป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่อนมวัวถูกยกมา ราชาหมาป่าตัวน้อยก็หดอุ้งเท้าแล้วนอนฟุบลงตรงด้านหน้าจานแล้วเลียกินนม ‘แจ๊บๆ แจ๊บๆ’ อย่างมีความสุข
ฉินสือโอวมองมาจากด้านหลัง ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าลูกหมาป่าผอมแห้งตัวนี้เหมือนหัวไชเท้าหนึ่งหัว
ต่อมาวินนี่ก็มีความรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน ทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างลังเล ในที่สุดวินนี่ก็พูดกับเขาด้วยความพ่ายแพ้ว่า “ช่างเถอะ ไม่ต้องเรียกมันว่าโลโบแล้ว เรียกว่าหลัวปอก็ได้ ยังไงก็ออกเสียงคล้ายๆ กันอยู่ดี”
ราชาหมาป่าตัวน้อยเงยหน้าขึ้น มันกะพริบตาปริบๆ มองพวกเขาทั้งสองด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ แล้วหมอบลงไปเลียนมวัวอย่างสบายใจต่อ
ในห้องนอน หู่เป้าฉงหันมาสบตากัน พวกมันลุกขึ้นยืนอย่างเงียบเชียบ หลังจากนั้นก็แกล้งทำท่าทางไม่มีอะไรแล้วล้อมตัวเข้ามา พวกมันทั้งเบียดทั้งชน จนราชาหมาป่าตัวน้อยไม่เหลือแม้แต่เงา พวกมันสามตัวที่เหลืออยู่ก็พากันหมอบลงตรงจานแล้วเลียนมที่อยู่ข้างในจนหมดเกลี้ยงด้วยความรวดเร็ว
………………………………………
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 402 ราชาหมาป่าหัวไชเท้า
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!