ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 373 การประมงล็อตแรก

ฉินสือโอวและวินนี่นับถือคู่สามีภรรยาสเตราส์จากใจจริง ในยามที่สามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับความตายและหายนะ ทั้งคู่ได้แสดงให้เห็นถึงความงดงามของความเป็นมนุษย์จนทำให้พวกเขาประทับใจอย่างแท้จริง
อันที่จริงต่อให้ครอบครัวสเตราส์ไม่มีเงิน ฉินสือโอวก็ตั้งใจจะนำจดหมายครอบครัวนี้ส่งคืนให้โดยไม่รับค่าตอบแทนอยู่แล้ว ถือเสียว่าเป็นการสร้างมิตรภาพกับครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่งเท่านั้นเอง
จุดประสงค์ของเขาบรรลุผลแล้ว เพราะแววตาของสองพ่อลูกสเตราส์ที่มองมายังเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม ตกเย็นฉินสือโอวเชิญพวกเขาร่วมรับประทานอาหารค่ำแบบกินเลี้ยงครอบครัวด้วยกันที่บ้าน ทั้งสองตอบตกลงอย่างยินดี โดยไม่ได้รีบกลับไปนิวยอร์กทันทีแต่เลือกที่จะอยู่ต่อ
ฝ่ายตรงข้ามเป็นถึงมหาเศรษฐีที่มีฐานะอย่างน้อยระดับสองสามพันล้าน ฉินสือโอวจึงรู้สึกว่าตัวเองควรตั้งใจให้การต้อนรับเสียหน่อย ด้วยเหตุนี้งานเลี้ยงครอบครัวจึงถูกจัดขึ้นมาอย่างดีเป็นพิเศษโดยวัตถุดิบที่ใช้ล้วนมาจากฟาร์มปลา
ไม่ต้องพูดถึงวัตถุดิบทองคำสามชนิดอย่างปลาลิ้นหมา ปูราชินีและปลาแซลมอนชัม ยังมีเป็ดพื้นเมืองย่าง ไก่ตัวเมียตุ๋น ชาร์คยังฆ่าหมูตัวหนึ่งด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่ฆ่าหมูที่เลี้ยงมากว่าครึ่งปี ตอนแรกฉินสือโอวตั้งใจจะฆ่าตอนมันได้สักปีหนึ่ง แต่ในเมื่อตอนนี้มีโอกาสเลยลองดูเสียหน่อย
น่าเสียดายที่เข้าช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ผักเกือบทั้งแปลงล้วนตายหมด ฉินสือโอวเก็บหัวไชเท้า กะหล่ำปลีมาได้ส่วนหนึ่ง นอกนั้นก็ไม่มีกับข้าวอะไรแล้ว
นี่จึงทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขามองไปที่ทุ่งผักร้างแล้วพูดกับซีมอนสเตอร์ “พรุ่งนี้ลองไปดูในเมือง แล้วซื้อพวกฟิล์มพลาสติกกับไม้ไผ่มาหน่อยนะ พวกเรามาสร้างเพิงปลูกผักใหญ่ๆ หลายๆ เพิงกัน ไม่อย่างนั้นพอถึงฤดูหนาวมีแต่กะหล่ำปลีกับหัวไชเท้ากินฉันก็ทนไม่ไหวหรอกนะ”
นอกจากนี้แล้ว ชาร์คยังเก็บถังจับปลาที่วางไว้ในน้ำลึกเมื่อหลายวันก่อนขึ้นมา ในนั้นมีปลาแลมป์เพรย์อ้วนท้วนอยู่หลายตัวสามารถนำมาทำอาหารได้เหมือนกัน
ช่วงบ่ายสองพ่อลูกสเตราส์นั่งเล่นกับหู่จือเป้าจืออยู่ในห้องรับแขก พวกเขาสองคนต่างเป็นคนรักสุนัข หลังจากเห็นหู่จือและเป้าจือที่แสนฉลาดก็รู้สึกต้องตาเข้าจึงหยอกเล่นกับพวกมันตลอดช่วงบ่าย
หู่จือและเป้าจือไม่สนใจผู้ชายซื่อๆ สองคนนี้ พวกมันอยากจะออกไปวิ่งเล่นกันเอง ฉินสือโอวจึงดุไปหนึ่งทีให้พวกมันอยู่เล่นเป็นเพื่อนแขก
เพราะอย่างนี้เจ้าเด็กน้อยสองตัวเลยได้แต่เล่นเกมโง่เง่าอย่างเก็บจานบิน ลุกขึ้นนั่งลงเป็นเพื่อนสองพ่อลูกสเตราส์อย่างเบื่อหน่าย พวกนี้ล้วนเป็นเกมที่พวกมันเล่นตอนอายุได้สองสามเดือนทั้งนั้น
ในตอนที่ฉินสือโอวนำผักกลับมา เคอร์ สเตราส์เอ่ยถามอย่างตื่นเต้น “สหาย สุนัขสองตัวนี้ของคุณเลี้ยงได้ดีจริงๆ ถ้าผมสนใจอยากจะซื้อ ขอถามหน่อยว่าคุณจะยอมตัดใจขายให้ไหม”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นหู่จือและเป้าจือก็มองไปยังฉินสือโอวอย่างตึงเครียดไปชั่วขณะ ดวงตาไม่กะพริบเลยแม้แต่น้อย
ฉืนสือโอวเผลอหัวเราะออกมา เขาย่อตัวลูบเจ้าเด็กน้อยสองตัวแล้วพูดกับเคอร์อย่างเด็ดเดี่ยว “ย่อมไม่ได้อยู่แล้ว นี่เป็นลูกของผมกับวินนี่ คุณก็น่าจะเข้าใจว่ามันเป็นเหมือนลูกจริงๆ ไม่ว่าคุณจะเต็มใจจ่ายด้วยอะไร ผมย่อมไม่ขายลูกตัวเองอยู่แล้ว”
หู่จือและเป้าจือยื่นหัวถูไปมาตามตัวฉินสือโอว มันทำตัวเชื่องๆ แสดงให้เห็นว่าพวกมันเป็นเด็กดี
เคอร์วางมืออย่างเสียดาย แต่เขาก็เข้าใจความรู้สึกของฉืนสือโอวจึงพูดออกมาอย่างทอดถอนใจ “ผมรู้ว่าผลมันต้องเป็นอย่างนี้ แต่เจ้าสองตัวนี้ยอดเยี่ยมมากเลยดังนั้นผมเลยอยากลองเสี่ยงถามดู”
สกอตต์ลูบหลังคอหู่จือ หู่จือสะบัดหัวหนีออกจากมือของสกอตต์อย่างไม่พอใจ สองอุ้งเท้าตะกายเอวฉินสือโอวรั้งเขาไว้ข้างกายราวกับกำลังกอดเขาไว้
“ที่บ้านผมก็มีสุนัขพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์หลายตัว ฉิน คุณสนใจที่จะจับคู่ให้เจ้าเด็กน้อยของพวกเราหรือเปล่า”
ฉินสือโอวรู้สึกสบายใจ จึงพูดว่า “หากมีโอกาสผมจะพาพวกมันไปเป็นแขกที่บ้านคุณ ถ้าพวกมันสนใจกันทุกอย่างก็ตกลงกันได้”
เขาเข้าใจความหมายของสกอตต์ มันคือการให้หู่จือกับเป้าจือไปผสมพันธุ์นั่นเอง ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติมากอยู่แล้ว เจ้าเด็กน้อยสองตัวล้วนเป็นตัวผู้ ตอนนี้ยังไม่ถึงวัยเจริญพันธุ์ เมื่อถึงวัยเจริญพันธุ์แล้วย่อมมีอาการกำหนัด พอถึงตอนนั้นค่อยถือโอกาสแสดงน้ำใจย่อมไม่มีปัญหา
“น่าเสียดายที่พวกมันยังเล็ก ไม่อย่างนั้นก็ได้โอกาสแล้ว” สกอตต์พูดแล้วหัวเราะไปด้วย
ฉินสือโอวเอ่ยถาม “โอกาสอะไรเหรอ”
เคอร์อธิบาย “พวกเราจะเชิญคุณไปร่วมงานแถลงข่าว ฉิน คุณก็รู้ จดหมายครอบครัวฉบับนี้มีความหมายต่อตระกูลพวกผมอย่างมาก ยิ่งใหญ่จนถึงขนาดที่ว่าพวกเราจะต้องจัดงานแถลงข่าว ถึงตอนนั้นคุณจะต้องมาร่วมงานในฐานะแขกผู้มีเกียรติ”
เรื่องนี้ฉินสือโอวตกลงรับปาก แต่เดิมเขาก็อยากผูกสัมพันธ์กับตระกูลสเตราส์อยู่แล้ว การร่วมมือกันจึงเป็นเรื่องที่สมควร
ตกเย็นรับประทานอาหารกัน บนโต๊ะเป็นอาหารหยาบๆ อย่างปูราชินีนึ่ง ปลาลิ้นหมาย่างถ่าน ห่านขาวอบทั้งตัว เป็ดย่างถ่านไม้ผล ไก่ตุ๋นเห็ดหอม อาหารส่วนใหญ่ที่ทำมาทั้งหมดล้วนเต็มไปด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของคนพื้นเมือง
เดิมทีฉินสือโอวอยากจะทำอาหารที่พิเศษและพิถีพิถันกว่านี้ แต่วินนี่ไม่แนะนำให้ทำอย่างนั้น เพราะในอเมริกามีงานเลี้ยงใดบ้างที่สองพ่อลูกสเตราส์ไม่เคยเข้าร่วม อาหารเลิศรสใดบ้างที่ไม่เคยได้ลิ้มลอง ไม่สู้ลองทำอาหารที่แสดงความเป็นเอกลักษณ์ของเมืองเล็กๆ ในเกาะแฟร์เวลดูอย่างเช่นอาหารหยาบๆ จำพวกนี้
วินนี่แนะนำได้ดีมาก สองพ่อลูกสเตราส์เอ่ยชมอาหารมื้อนี้ไม่ขาดปาก โดยเฉพาะปลาแลมป์เพรย์ผัดซอส หลังจากที่สองพ่อลูกเห็นเข้าดวงตาก็ส่องประกาย ราวกับจะเหมาปลาจานนี้อย่างไรอย่างนั้น
ในตอนที่ทานอาหารกัน เคอร์พูดอธิบาย “ตระกูลของพวกเราเป็นโรคตาบอดกลางคืน ปลาแลมป์เพรย์นั้นอุดมไปด้วยวิตามิน สำหรับพวกเราแล้วจึงเป็นทั้งอาหารและยา ปกติตอนอยู่ที่นิวยอร์ก ทุกอาทิตย์พวกเราจะกินปลาแลมป์เพรย์กันสักหนึ่งครั้ง น่าเสียดายที่ปัจจุบันของสิ่งนี้นั้นมีน้อยพวกเราจึงไม่ค่อยได้กินเท่าไร”
ฉินสือโอวกำลังคิดจะเข้าหานักธุรกิจฝีมือดีสักคน หลังจากที่เคอร์พูดจบเขาก็หาโอกาสทางธุรกิจทันที เขาเอ่ยถาม “ตอนนี้ปลาแลมป์เพรย์ที่นิวยอร์กน้อยมากเหรอ”
เคอร์พยักหน้าแล้วพูด “ใช่แล้ว แต่ก่อนปลาแลมป์เพรย์ตามร้านอาหารล้วนถูกนำมาจากฝรั่งเศสและสเปน ตอนนี้ปลาแลมป์เพรย์ในยุโรปลดลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นแม้จะเป็นในนิวยอร์กก็ยากที่จะหาอาหารเลิศรสจานนี้ได้”
ฉินสือโอวและวินนี่มองหน้ากันชั่วครู่ แล้วเขาก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างตื่นเต้น “ฟาร์มปลาของพวกเรามีเจ้าสิ่งนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว ถ้าหากพวกเราส่งปลาแลมป์เพรย์พวกนี้ไปนิวยอร์ก น่าจะมีตลาดใช่ไหม”
นับเป็นเรื่องน่าเสียดาย ตั้งแต่รับช่วงต่อจากฟาร์มปลา ฉินสือโอวเพียงลงทุนอย่างเดียวและยังไม่ได้ผลตอบแทนอะไรกลับมา เงินที่เขาหามาได้ด้วยการใช้ประโยชน์จากมหาสมุทรนั้นคล้ายว่ามาจากของเก่าในเรืออับปางทั้งสิ้น ถ้าหากว่าครั้งนี้สามารถหาเงินจากปลาแลมป์เพรย์ได้ ไม่ว่าจะเท่าไรก็ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างหนึ่ง
เคอร์เองก็ถามขึ้นมาอย่างตื่นเต้น “คุณแน่ใจเหรอ ปลาแลมป์เพรย์ไม่ได้จับง่ายๆ นะ”
ฉินสือโอวประมาณการแล้วเอ่ย “พวกเรามีวิธี น่าจะสามารถจัดหาได้ประมาณสองร้อยกิโลกรัมต่อวัน”
เคอร์พยักหน้าแล้วพูดว่า “ไม่มีปัญหา ผมจะช่วยพวกคุณติดต่อธุรกิจเอง ปลาแลมป์เพรย์นั้นไม่ว่าจะเป็นอาหารตะวันตกหรืออาหารญี่ปุ่นล้วนเป็นอาหารที่มีราคาสูง ผมคิดว่าผมสามารถหาราคาที่ไม่เลวให้คุณได้”
เมื่อมีปลาแลมป์เพรย์เป็นหัวข้อสนทนา บรรยากาศในโต๊ะอาหารก็ครึกครื้นขึ้นมาทันที ส่วนสกอตต์นั้นค่อนข้างเงียบ เขาเพียงยิ้มแล้วมองดูการสนทนาระหว่างทั้งสอง เคอร์นั้นกลับพูดคุยเก่งมาก การเลือกหัวข้อสนทนาทำให้ทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
จะอย่างไรวินนี่ก็เป็นผู้หญิง ย่อมให้ความสนใจต่อพวกดาราฮอลลีวูดอย่างมาก
นิวยอร์กไม่ได้อยู่ใกล้กับลอสแอนเจลิส แต่ว่ามันเป็นศูนย์กลางความบันเทิงของฮอลลีวูด เคอร์ย่อมรู้จักพวกดาราไม่น้อยอยู่แล้ว ทั้งยังรู้ความลับมากมาย แถมยังให้วิธีติดต่อของพวกดาราบางส่วนแก่วินนี่อีก ทั้งสองฝ่ายต่างสนทนากันอย่างเบิกบานใจ
…………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset