ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 367 ความอัศจรรย์ของกุ้งพยาบาล

เมื่อตอนเย็นนกทะเลจำนวนมากบินอพยพไป แต่ยังหลงเหลือนกอีกจำนวนหนึ่งอยู่ในพื้นที่
นกพวกนี้คำนวณคร่าวๆ มีประมาณ 5-6 พันตัวโดยส่วนใหญ่เป็นลูกนก ส่วนนกแก่ที่บินไม่ได้มีแค่ประมาณ 1 พันตัว
ยามค่ำของฤดูใบไม้ร่วงอากาศเริ่มหนาวแล้ว พวกลูกนกเดินตามนกแก่อยู่ริมฝั่งรวมกลุ่มกันอยู่ตรงชายหาดเพื่อสร้างความอบอุ่นให้กัน แต่ตัวยังคงสั่นเพราะความหนาว
ชาร์คส่ายหน้า “นกจมูกหลอดหางสั้นมาพร้อมกระแสลมหนาว พวกมันเลือกช่วงเวลานี้ในการอพยพ นั่นอธิบายได้ว่ากระแสลมหนาวใกล้จะพัดมาถึงแล้ว ไม่อย่างนั้นพวกมันคงไม่รีบจากไป พอกระแสลมหนาวมาถึง พวกมันจะไม่มีวิธีสร้างความอบอุ่นแล้วก็หนาวจนแข็งตาย”
ฉินสือโอวลูบไล้เส้นผมสลวยของวินนี่ และยิ้มอย่างมั่นใจ “วางใจเถอะ ฉันมีวิธีอยู่ พวกเราสามารถช่วยให้พวกมันมีชีวิตรอดผ่านฤดูหนาวนี้ไปได้”
วินนี่มองเขาอย่างคาดหวัง ชาร์คมองเขาด้วยสีหน้าที่ยากจะเชื่อ “มันยากมากนะบอส ยากเหมือนการได้เห็นซานตาคลอสในวันฮาโลวีน ถ้านกจมูกหลอดหางสั้นมีวิธีเอาชีวิตรอดจากฤดูหนาวได้ พวกมันก็คงไม่ต้องอพยพอย่างยากลำบากทุกปี”
ฉินสือโอวรู้ดีว่ามันยาก แต่เขาไม่สามารถทำให้วินนี่เสียใจได้? ไม่มีทางอื่นนอกจากลงมือจัดการกับความยากนั้นซะ
วินนี่ราวกับรู้สาเหตุที่เขารับปาก เธอโอบรอบคอเขาและพูดด้วยน้ำเสียงทรงเสน่ห์ “ถ้าคุณมีวิธีช่วยชีวิตลูกนกพวกนี้ คืนนี้ฉันจะยอมสวมเครื่องแบบแอร์โฮสเตส”
ได้ยินอย่างนั้น สายตาของฉินสือโอวก็ลุกวาวทันที
เมื่อเปรียบเทียบกับผู้หญิงแคนาดาคนอื่นๆ วินนี่เจออะไรมาเยอะกว่ามาก ตัวอย่างเช่น แต่ไหนแต่ไรฉินสือโอวอยากให้เธอแต่งเครื่องแบบแอร์โฮสเตสเวลาที่พวกเขามีกิจกรรมโรแมนติกร่วมกันในห้อง แต่วินนี่ก็หาเหตุผลหลีกเลี่ยงได้ตลอด เขาจึงยังไม่เคยได้สัมผัสความสุขในรูปแบบนี้เลย
ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว ฉินสือโอวตบหน้าอกเบาๆ แน่นอนว่าเขาต้องช่วยลูกนกจมูกหลอดหางสั้นพวกนี้ให้มีชีวิตรอดผ่านฤดูหนาวไปให้ได้
หลังทางอาหารค่ำ ฉินสือโอวนอนลงบนเตียงคุมจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเข้าไปในฟาร์มปลา
เมื่อลงสู่ทะเล สิ่งแรกที่เห็นคือผู้อยู่อาศัยรายใหม่ใต้ก้นทะเล กุ้งตัวเล็กโปร่งแสงสวยงามกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่ง
กุ้งพวกนี้สร้างรังอยู่กันอย่างเบียดเสียดระหว่างร่องแนวปะการังที่ก้นทะเล ชัดเจนว่าพวกมันอาศัยอยู่ที่นี่ ลำตัวของกุ้งเป็นประกายและโปร่งแสง ด้านบนมีลายทางสีขาวขุ่นกับจุดสีม่วงอมน้ำเงิน ดูงดงามและน่ารักในเวลาเดียวกัน
ฉินสือโอวพินิจพิเคราะห์ดูกุ้งพยาบาลพวกนี้ ถ้าจะพูดให้ถูกพวกมันไม่ควรถูกเรียกว่ากุ้งเปปเปอร์มินต์ กุ้งเปปเปอร์มินต์ดำรงชีวิตอยู่ในเขตทะเลแคริบเบียนมหาสมุทรแปซิฟิก ทั้งสองชนิดมีสายพันธุ์ใกล้ชิดกันเหมือนเป็นกุ้งพยาบาลชนิดหนึ่ง มีลักษณะคล้ายคลึงกันความสามารถใกล้เคียงกัน เลยถูกเรียกว่ากุ้งเปปเปอร์มินต์แต่กลับเป็นกุ้งเมืองหนาวไม่ใช่กุ้งเขตร้อน
หลังจากที่กุ้งน้อยพวกนี้เก็บกวาดถ้ำเสร็จก็มานอนแผ่อยู่หน้าถ้ำ บนหัวของพวกมันมีหนวดยาวอยู่คู่หนึ่ง เมื่อพวกมันขยับตัว หนวดก็จะสั่นเหมือนกับกลุ่มแพลงก์ตอนที่ก้นทะเล ซึ่งดึงดูดปลาทะเลที่กินเจ้าสิ่งนี้เป็นอาหารให้มาหาได้อย่างง่ายดาย
ปลาแฮร์ริ่ง 2-3 ตัวว่ายเข้ามาอย่างช้า ๆ พวกมันลองว่ายเข้าไปหากุ้งเปปเปอร์มินต์ หลังจากทั้งสองเข้าใกล้กันกุ้งเปปเปอร์มินต์ก็ปืนขึ้นไปอยู่บนตัวของปลาเพื่อค้นหาปรสิตที่อยู่บนตัวก่อนจะดึงออกทีละตัวๆ
ร่างกายของปลาทะเลทุกตัวมีปรสิต เพียงแต่บางชนิดไม่อันตรายถึงชีวิตจึงอาศัยอยู่บนร่างของพวกมันตลอด แต่บางชนิดก็อันตรายถึงชีวิต เช่นเมื่อก่อนปลาเรนโบว์เทราต์ของฉินสือโอวเคยเป็นโรคหนอนสมอ ซึ่งเป็นโรคปรสิตที่รุนแรงมาก
ในเวลานั้นถ้าฟาร์มปลามีกุ้งเปปเปอร์มินต์ฉินสือโอวก็คงไม่ต้องใช้พลังแห่งโพไซดอน แม้ว่ากุ้งเปปเปอร์มินต์จะมีขนาดเล็ก แต่ก็จัดการกับหนอนสมอได้เก่งที่สุด
ปลาแฮร์ริ่งเหมือนรู้ว่ากุ้งพวกนี้กับพวกมันมีผลประโยชน์ร่วมกัน ตอนที่พวกมันอยู่บนหัว พวกปลาแฮร์ริ่งจะเปิดเหงือกทั้งสองข้าง ตำแหน่งพวกนี้เนื้อเยื่อค่อนข้างเน่าเปื่อย กุ้งเปปเปอร์มินต์มีก้ามที่แหลมคมอยู่คู่หนึ่งเหมือนมีดผ่าตัดคอยตัดสิ่งเหล่านี้
เมื่อช่วงบ่ายฉินสือโอวได้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับกุ้งพยาบาลพวกนี้ บางข้อมูลการวิจัยกล่าวว่า เหตุผลที่ปลาทะเลเปิดเหงือกหรือแสดงให้เห็นปรสิตตอนที่อยู่ใกล้กับกุ้งพยาบาล เพราะกุ้งพยาบาลปล่อยสารฮอร์โมนบางชนิดส่งสัญญาณให้ปลาทะเลทำแบบนั้น
เพียงแต่ข้อมูลการวิจัยพวกนี้เป็นแค่การคาดเดาเท่านั้น นอกจากนี้พวกเขายังไม่ค้นพบฮอร์โมนชนิดนี้อย่างเป็นรูปธรรม
ด้วยการใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนทำให้ตอนนี้ฉินสือโอวรู้ว่ามันไม่ใช่แบบนั้น กุ้งพยาบาลไม่ได้ปล่อยสารใดๆ ออกมา การที่ปลาทะเลให้ความร่วมมือทั้งหมดนั้นเป็นเพียงเพราะสัญชาตญาณโดยธรรมชาติล้วนๆ ที่ทำให้มันทำเช่นนั้น
เหมือนกับมนุษย์ ปลาทะเลก็รักชีวิตของมันเหมือนกัน ภายใต้ธรรมชาติมันก็ปรารถนาที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น
นอกจากกุ้งเปปเปอร์มินต์ ยังมีกุ้งสเตโนพุสอีกที่ตามมูลของนกจมูกหลอดหางสั้นมาด้วย
กุ้งสเตโนพุสในมหาสมุทรแอตแลนติกทวีปอเมริกาเหนือคือกุ้งสเตโนพุสหลังเหลืองด้านหลังของกุ้งชนิดนี้มีสีเหลืองอ่อน พวกมันเป็นแพทย์ขนาดเล็กในฟาร์มปลา
มันน่าสนใจมากเมื่อเทียบกับกุ้งเปปเปอร์มินต์ กุ้งสเตโนพุสหลังเหลืองเป็นเหมือนหมอเท้าเปล่า พวกมันเดินไปมาอย่างไม่หยุดหย่อนอยู่ก้นฟาร์มปลาคอยมองหาปลาทะเลตัวที่มีปรสิตอยู่บนร่างหรือที่มีเนื้อเยื่อเสียหาย
กุ้งสเตโนพุสหลังเหลืองพวกนี้กระจายอยู่ทั่วก้นทะเลเคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูง เมื่อพบปลาทะเลที่มีปรสิตจะเข้าไปใกล้และเริ่มกำจัดปรสิตพวกนี้ออก
มหาสมุทรก็มีด้านที่อ่อนโยนของมันไม่ว่าจะเป็นกุ้งสเตโนพุสหลังเหลืองหรือกุ้งเปปเปอร์มินต์ทั้งตัวเล็กและอ่อนแอไม่มีกำลังพอที่จะปกป้องตัวเองได้ แต่ด้วยวิธีการรักษานี้ปลาทะเลเกือบทั้งหมดล้วนไม่สร้างความลำบากให้กับพวกมัน ไม่มีปลาตัวไหนไล่จับกุ้งตัวเล็กพวกนี้กินเป็นอาหาร
แน่นอนว่าถ้าพวกมันเจอปูและหอยเชลล์ก็จะกลายเป็นอีกเรื่อง สิ่งมีชีวิตเปลือกแข็งและสิ่งมีชีวิตที่ขาเป็นปล้องพวกนี้เป็นศัตรูทางธรรมชาติของพวกมัน
ฉินสือโอวเจอกุ้งพวกนี้ก็ส่งพลังแห่งโพไซดอนเข้าไป เขาหวังว่ากุ้งพวกนี้จะสามารถมีชีวิตอยู่ในฟาร์มปลาต่อไปได้เป็นเวลานาน เขาต้องการให้กุ้งพยาบาลพวกนี้มีจำนวนมากขึ้นเพื่อที่ฟาร์มปลาของเขาจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องโรคปรสิต
เรื่องนี้จะยากมากเมื่อกุ้งพยาบาลพวกนี้พบว่าที่ฟาร์มปลาไม่มีแร่ฟอสฟอรัส พวกมันจะค่อยๆ ทยอยจากไปเพราะไม่อย่างนั้นพวกมันก็ตาย แร่ฟอสฟอรัสเป็นหนึ่งในแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของพวกมัน
ด้วยเหตุนี้ทำให้ฉินสือโอวยิ่งต้องคิดหาวิธีช่วยชีวิตพวกลูกนกจมูกหลอดหางสั้น แค่มีลูกนกจมูกหลอดหางสั้น 5-6 พันตัวในฟาร์มปลาก็มีมูลสัตว์เพียงพอที่จะดึงดูดให้พวกกุ้งพยาบาลอยู่ที่นี่ต่อไปได้
นอกจากกุ้งพยาบาลยังมีกุ้งอีกชนิดที่ถูกดึงดูดมา นั่นก็คือกั้งตั๊กแตน คนแคนาดาชอบเรียกพวกมันว่ากุ้งตั๊กแตนตำข้าว แต่ในประเทศจีนเรียกพวกมันว่ากั้ง
พูดถึงกั้ง สิ่งที่คนในประเทศจีนคิดถึงคงเป็นกุ้งที่ตอนมีชีวิตมีเปลือกโปร่งใสและเมื่อปรุงสุกจะกลายเป็นสีแดงสด กั้งในฟาร์มปลาของฉินสือโอวไม่ใช่กั้งธรรมดาๆ แบบนั้น
กั้งที่ฉินสือโอวเห็นทั้งตัวของมันมีสีสันสดใสอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ตอนที่ไม่เคลื่อนไหวพวกมันดูสงบนิ่ง แม้แต่เขายังคิดว่านี้เป็นแนวปะการังที่สวยงาม
กั้งชนิดนี้มีชื่อเรียกว่า กั้งตั๊กแตนเจ็ดสี ความสวยงามติดอันดับหนึ่งในสิบของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในมหาสมุทร ทั้งร่างปกคลุมไปด้วยเกราะหนาบนเปลือกมีลักษณะเหมือนตกแต่งด้วยผ้าไหม สีฟ้า สีเหลือง สีแดง สลับกัน ช่างเป็นสิ่งที่สวยงาม
เมื่อพลังแห่งโพไซดอนไหลเข้าสู่พวกกั้งตั๊กแตนเจ็ดสี ฉินสือโอวคาดหวังว่าพวกมันทั้งหมดจะสามารถมีชีวิตอยู่ในฟาร์มปลาได้ กั้งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการกำจัดขยะโดยเฉพาะซากของหอยเชลล์ที่ตายแล้ว
แม้ว่าบ่อยครั้งที่พวกกั้งตั๊กแตนมีลักษณะเฉื่อยชา แต่ความเป็นจริงพวกมันเป็นยอดฝีมือ พวกมันแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ประเภทแรกคือกั้งตั๊กแตนสายเจาะอีกประเภทคือกั้งตั๊กแตนสายบดขยี้
ถ้าเป็นกั้งตั๊กแตนสายบดขยี้ก้ามส่วนหน้าของพวกมันจะเหมือนค้อนขนาดเล็ก ค้อนที่สามารถทุบเปลือกของหอยเชลล์และกระดองของปูแตกได้โดยที่ก้ามของมันไม่เป็นอะไร ความห้าวหาญนี้ไม่มีใครเทียบได้!
……………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset