บทที่ 209 นี่แหละคือเสน่ห์
โดย
Ink Stone_Fantasy
เมื่ออยู่กับเบลค ฉินสือโอวได้พูดกับเขาว่า “เพื่อน ฉันขอบคุณในความหวังดีของนายมากจริงๆ แต่ถ้าไม่ได้มีธุระอะไร ฉันอยากจะขอตัวกลับก่อน วินนี่กำลังรอฉันอยู่”
เบลคตบไหล่ของเขาแล้วหัวเราะฮ่าๆ ออกมา “เพื่อน นายเป็นมหาเศรษฐีร้อยล้านที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายที่สุดและซื่อสัตย์ที่สุดที่ฉันเคยเจอมาเลย แต่ว่าคืนนี้ไม่ต้องใช้ชีวิตเรียบง่ายแล้ว สนุกหน่อย นายต้องทำอะไรสนุกๆหน่อย! ที่นี่คือแคนาดา น้องเอ๋ย ไม่ใช่เมืองจีนของนาย ที่นี่คือสวรรค์ของคนมีเงิน นายต้องรู้จักออกไปเปิดหูเปิดตารับสิ่งใหม่บ้าง คืนนี้อย่าเพิ่งสนใจภรรยากับสัตว์เลี้ยงของนายเลย คืนนี้ปาร์ตี้เป็นของนายนะ!”
ฉินสือโอวยักไหล่ เบลคจึงพูดขึ้นต่อทันทีว่าแบรนดอนก็กำลังรีบตามมา เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงไม่สามารถยืนยันที่จะกลับไปได้อีก เนื่องจากเขายังมีธุระที่ต้องปรึกษาหารือกับสองคนนี้อยู่
เมื่อมาถึงลานจอดรถ ทันใดนั้นเบลคก็ขยิบตาให้เขาอย่างปลิ้นปล้อนแล้วพูดกับเขาว่า “เพื่อน นายอยากจะขับรถเองไหม?”
ฉินสือโอวไม่ได้ตอบสนองอะไรกลับไปพักหนึ่ง เขายิ้มแล้วพูดว่า “รถของฉันจอดอยู่ที่เกาะแฟร์เวลน่ะ อีกอย่างคือ ฉันไม่มีใบขับขี่ด้วย”
เบลคอึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นเขาจึงโบกมือปัดๆไปมา “นายไม่ต้องไปสนใจเรื่องใบขับขี่หรอก เข้าใจไหม? แค่นายขับรถคันนี้ ไม่ว่าใครก็ต้องหลีกทางให้นายทั้งนั้น!”
ฉินสือโอวกำลังจะถามเขาว่าวันนี้เขาขับรถถังมาหรือเปล่า แต่ปรากฏว่าพอเบลคยกกุญแจรีโมทรถยนต์ออกมากดก็มีเสียงนุ่มๆดังติ๊ดๆพร้อมไฟที่ส่องสว่างขึ้นจากรถที่จอดอยู่ในส่วนท้ายสุดของโรงจอดรถ
เมื่อฉินสือโอวเดินข้ามไปดู ก็อดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้
ฐานของรถคันนี้ต่ำมาก ดังนั้นเมื่อสักครู่จึงโดนรถคันอื่นบังอยู่ ฉินสือโอวจึงมองไม่เห็นทุกด้านของรถ ถ้ามองจากข้างนอกแล้ว ส่วนลำตัวของรถเรียบง่ายและราบรื่นมาก มีความโค้งมันที่สวยงามและน่าประทับใจ เป็นสีดำทั้งคัน จากนั้นก็เสริมด้วยลายเส้นสีขาว
สีดำขอรถคันนี้ไม่ใช่สีดำที่เกิดจากการพ่นสีดำเงาของสีทารถยนต์ หากแต่มีสีดำสนิท แต่กลับมีเสน่ห์สวยงามอย่างน่าประหลาด ฉินสือโอวรู้ว่า ที่รถคันนี้มีลักษณะเช่นนี้ก็เพราะว่าวัสดุทั้งคันของมันมีส่วนผสมของคาร์บอนไฟเบอร์
ตอนที่เขาเดินมาถึงด้านหน้าของรถ ประตูทั้งสองข้างของรถก็ค่อยๆเปิดออก เหมือนกับนกตัวใหญ่ที่กางปีกทั้งสองข้างออก สวยงดงามจนดูไม่หวาดไม่ไหว
“พอร์ช 918 !” ฉินสือโอวชมเชย
ใช่แล้ว รถคันนี้คือ พอร์ช 918 สไปเดอร์ ซูเปอร์สตาร์ของวงการรถซูเปอร์คาร์ เมื่อก่อนฉินสือโอวแค่เคยเห็นจากทีวีและนิตยสาร ไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันนี้จะได้เจอของจริง เหมือนคำพูดของเสี่ยวเสินหยางที่ว่า แค่ได้เห็นก็ตายตาหลับแล้ว
สำหรับบรรดาคนรักรถทั้งหลายแล้ว ได้เห็นรถพอร์ช 918 ด้วยตาของตนเองล้วนถือว่าเป็นเรื่องที่เหมือนกับความฝัน เนื่องจากรถคันนี้แพงเกินไป ฉินสือโอวไม่รู้ราคาขายในแคนาดา แต่ราคาที่จีนนั้นก็เกือบจะสิบสี่ล้าน!
เมื่อเห็นท่าทางของฉินสือโอวแล้ว เบลคก็หัวเราะออกมา เขาโยนรีโมทกุญแจรถไปให้ฉินสือโอว แล้วพูดว่า “มาสิ ฉิน ไปลองวูฟ วอริเออร์ ของฉันกันเถอะ คืนนี้มันเป็นของนายแล้ว”
“วูฟ วอริเออร์? เป็นชื่อที่ไม่เลวเลย” ฉินสือโอวยิ้มออกมา แต่หากเขาก็ยังส่ายหัวแล้วพูดขึ้นมาว่า “ฉันไม่เคยขับรถซูเปอร์คาร์มาก่อน นายขับคงจะดีกว่า”
เบลคโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่ๆๆ เพื่อน ไม่ช้าก็เร็วเดี๋ยวนายก็มีซูเปอร์คาร์เป็นของตัวเอง แม็คลาเรน พี1 ลาเฟอร์รารี่ ปากานี ซอนดา อาร์ ไปจนถึง รถเอสเอสซี สิ่งที่นายต้องทำตอนนี้ ก็คือรับรู้ถึงความรู้สึกของการขับเคลื่อนที่ราวกับสัตว์ป่าไปก่อน ฉันรู้สึกเป็นเกียรติมาก ที่ได้เป็นคนนำนางเข้าสู้เส้นทางของรถซูเปอร์คาร์”
เนื่องจากเบลคจะปลุกเร้าเขาไม่หยุด ฉินสือโอวจึงขึ้นไปนั่ง ทำอย่างมากที่สุดก็เพียงขับไปอย่างช้าๆ
ทว่าพูดกันตามจริงแล้ว เขาไม่ได้อยากจะซื้อรถซูเปอร์คาร์เลยจริงๆ พื้นที่ในแคนาดากว้างใหญ่มหาศาล แต่ภายในหนึ่งปีก็มีหิมะตกไปแล้วทั้งหมดหกเดือน ถึงแม้นครเซนต์จอห์นจะมีอากาศอบอุ่น แต่ที่ท่าขายปลาเล็กๆแห่งนั้นจะสามารถขับรถสปอร์ตแล่นไปมาได้เหรอ? ถ้าซื้อรถสปอร์ตในประเทศนี้ ก็เหมือนกับพวกคนรวยที่เสียสตินั่นเอง!
ถ้าอยากจะแสวงหาความเร็ว ฉินสือโอวคงจะเลือกซื้อเรือเร็วเอฟวันขับควบไปในมหาสมุทรมากกว่า แบบนั้นถึงจะเหมือนทะเลที่กว้างใหญ่ที่แล้วแต่ปลาจะว่ายวน!
แต่ว่ารถพอร์ช ที่เคยใฝ่ฝันหาแม้ในยามหลับฝันก็อยู่ตรงหน้านี้แล้ว ไม่ลองสัมผัสสักครั้งก็คงจะเสียโอกาส ด้วยเหตุนี้จึงก้าวขึ้นรถไป
หากได้ขับรถหรูแบบนี้เป็นครั้งแรก ฉินสือโอวคงต้องปล่อยไก่ออกมาแน่ๆ พอดีที่เขาเข้าที่เข้าทางกับรถคาดิลแลควัน จึงทำให้เขามีประสบการณ์การขับรถหรูอยู่ก่อนแล้ว
เมื่อขึ้นมาบนรถเขาไม่ได้หารูเสียบกุญแจ หาพวงมาลัยและเกียร์รถเลยทันที ภายในห้องขับรถของพอร์ช 918 นั้นว่างเปล่า ดูแล้วน่าประหลาดมาก เขาใช้มือทำท่าทางส่งไปให้เบลค เบลคจึงเปิดที่ประทับลายนิ้วมือแล้วจึงวางนิ้วโป้งประทับลงไป
หลังจากนั้น ก็เหมือนอย่างกับรถทรานส์ฟอร์มเมอร์ส ภายในที่นั่งคนขับก็มีเสียง ‘ชึ๊บๆ’ ดังขึ้น พวงมาลัยก็ยื่นออกมา แท่นเกียร์ก็โผล่ออกมาเช่นกัน
เบลคพิสูจน์ลายนิ้วมือไปแล้วสองครั้ง รถก็สตาร์ทติดขึ้นมาทันที ว่ากันว่ามีเครื่องยนต์V8 618แรงม้า ที่ส่งเสียงต่ำ ‘ฮึ่มฮึ่ม’ อย่างมีพลังดั่งสัตว์ร้ายที่ตื่นจากการหลับใหล
ฉินสือโอวเหยียบคันเร่งและเข้าเกียร์อย่างสงบนิ่ง รถค่อยๆเพิ่มความเร็วและออกตัวไป
ตอนที่ขับออกมาจากพื้นที่ของลานจอดรถ เพิงของรถก็ค่อยๆเก็บเข้ามา เบลคหัวเราะฮ่าๆแล้วพูดว่า “ขับรถซูเปอร์คาร์ก็ต้องเปิดประทุนสิ เพื่อน สวมแว่นกันแดด แล้วสนุกกับมันหน่อย สนุกกัน!”
ฉินสือโอวแอบส่ายหัวในใจ ลูกเศรษฐีแคนาดาพวกนี้แปลกจริงๆ ตอนทำธุรกิจทั้งสงบนิ่งทั้งฉลาดเฉียบแหลม พออยู่ในเวลาส่วนตัวก็เหมือนคนบ้าดีๆนี่เอง
เห็นท่าทางเหมือนพวกฮิปปี้ของเบลคแล้ว ใครจะไปคิดว่าครั้งแรกที่เจอกับฉินสือโอวเขาจะมีบุคลิกภายนอกเป็นอัจฉริยะที่ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมกันล่ะ?
ถึงแม้รถในออตตาวาจะเทียบกับรถในเมืองใหญ่ในอเมริกาไม่ได้ แต่ก็จัดว่าอยู่ในชั้นแนวหน้าของอเมริกาเหนือ ดังนั้นฉินสือโอวจึงไม่กล้าที่จะขับเร็วเกินไป เขาขับรถไปข้างหน้าโดยที่ยังปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนอยู่
พวกเขาเซ็นสัญญาที่ดำเนินการโดยกรมการวางแผนทรัพยากรโลหะล้ำค่าแห่งแคนาดา ตั้งอยู่ที่บริเวณศูนย์กลาง คลองเดินเรือที่มีชื่อเสียงหลายเส้นก็พาดผ่านที่นี่ เหมือนกับมีดดาบที่แยกเขตพื้นที่ศูนย์กลางออกเป็นสองส่วน ครึ่งหนึ่งคือเขตคิวยู และเขตพื้นที่ปลายน้ำ
เขตพื้นที่ปลายน้ำคือเขตการรวมตัวของบริษัทและห้างหุ้นส่วนของออตตาวา ส่วนเขตคิวยูคือสถานที่ตั้งของหน่วยงานราชการและธนาคารรวมไปถึงสถาบันองค์กรต่างๆ เช่นนี้แล้วเมื่อขับออกไปจากเขตคิวยู ขับมุ่งหน้าไปตามถนนใหญ่เวลลิงตัน ทะลุผ่านคลองริดู เข้าไปสู่เขตปากแม่น้ำ ก็จะเข้าสู่ถนนใหญ่ริดูที่มุ่งหน้าออกไปนอกเมือง
แค่ครู่เดียวรถออดี้เอหก ก็ขับเข้ามา คนขับลดหน้าต่างลง แล้วยกนิ้วโป้งให้พวกเขา พร้อมกับพูดว่า “เป็นรถที่เยี่ยมยอดจริงๆ”
ฉินสือโอวยิ้มกลับไป เขายังคงขับรถต่อไปอย่างเรื่อยๆไม่ช้าไม่เร็วเกินไป เบลคกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง แต่หลังจากนั้นก็คิดๆอยู่สักพักแล้วแอบยิ้มออกมาโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
จากประสาทสัมผัสทั้งห้าที่ว่องไวของฉินสือโอว มีหรือที่เขาจะไม่สามารถสัมผัสได้ถึงท่าทางที่เปลี่ยนไป? ทว่าเขาก็ไม่รู้ว่าเจ้าหมอนี่ต้องการจะทำอะไร ดังนั้นจึงไม่ได้ตอบสนองอะไรกลับไป
ไม่นานนัก ความวุ่นวายของเขาก็มาถึง รถมอเตอร์ไซค์ตำรวจคันหนึ่งขับเข้ามาหาพวกเขา ไฟสัญญาณเตือนก็ร้องเสียง ‘วี๊หว่อๆ’ เข้ามาใกล้เพื่อบอกให้เขาจอดรถชิดกับริมถนน
ใจของฉินสือโอวเต้นตึกตัก ให้ตายเถอะตัวเขาเองไม่มีใบขับขี่ ครั้งนี้ขับรถตอนกลางคืนมามากจนเจอผีเข้าเสียแล้ว ว่าแต่ว่า ทำไมรถตำรวจคันนี้ถึงได้บอกให้เขาหยุดรถกันล่ะ? เขาไม่ได้ทำผิดกฎอะไรเลยด้วยซ้ำ
หลังจากตำรวจจราจรคนนั้นลงมาจากรถก็ไม่ได้ขอตรวจใบขับขี่ แต่กลับบอกเขาว่า “คุณครับ คุณขับรถช้าเกินไปหน่อย ขอให้ช่วยเร่งความเร็วขึ้นหน่อยนะครับ ขอคุณที่ให้ความร่วมมือครับ”
ฉินสือโอวก็ถึงกลับตะลึงตาค้าง ตำรวจจราจรของออตตาวาอยากจะดูการแข่งขันรถฟอร์มูลาวันหรืออะไรกันแน่? เมื่อสักครู่เขาขับรถด้วยความเร็วสี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง สำหรับการขับรถในเมืองแล้ว ความเร็วเท่านี้ก็นับว่าเร็วมากแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมตำรวจจราจรถึงได้ขอให้เขาขับรถเร็วขึ้นอีกหน่อยกันนะ?
ตำรวจจราจรคนนั้นไม่ได้ให้คำอธิบาย เขาล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปเซลฟี่อยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า ‘เป็นรถที่ดีจริงๆ’ แล้วจึงจากไป
รอจนเขาเดินไปแล้ว เบลคก็หัวเราะเสียงดังออกมา ฉินสือโอวมองเขาอย่างพิลึกและยากที่ที่จะเข้าใจ เขาถึงค่อยอธิบายว่า “เพื่อน นายต้องรู้ด้วยว่านายกำลังขับรถอะไรอยู่ รถซูเปอร์คาร์ชั้นหนึ่ง! ปริมาณความร้อนของเครื่องยนต์ที่รถคันนี้สร้างขึ้นนั้นน่ากลัวมาก นายต้องเพิ่มความเร็วให้มากขึ้นอีก เพื่อให้ระบายความร้อนได้สะดวก ไม่อย่างนั้นนานๆไปเครื่องยนต์จะเกิดการลุกไหม้ได้เอง! รถซูเปอร์คาร์ขับเข้ามาในเมือง ความเร็วที่ตำรวจจราจรยอมให้ขับได้คือห้าสิบไมล์!”
ขออธิบายตรงนี้ว่า การขับรถที่จีนจะใช้จำนวนกิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นมาตรฐาน ที่แคนาดาและอเมริกา จะใช้หน่วยวัดเป็น ‘ไมล์’
“ไมล์” ไมล์ในภาษาอังกฤษคือการอ่านออกเสียงง่ายๆของคำว่า “Mile” หรือ “Miles” หนึ่งไมล์เท่ากับหกกิโลเมตร ห้าสิบไมล์เท่ากับแปดสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง สำหรับการขับรถในเมืองแล้วการขับรถด้วยความเร็วเท่านี้ ก็นับว่าค่อนข้างน่ากลัวแล้ว
………………………………………………………..