บทที่ 197 สิบล้าน
โดย
Ink Stone_Fantasy
ปกติแล้ววินนี่จะกินอาหารแค่เพียงเล็กน้อย แต่อาหารกลางวันที่กินในวันนี้คือปลาที่เธอตกขึ้นมาด้วยตัวเอง ดังนั้นเธอจึงทุ่มเทกับการกินเป็นอย่างมาก เธอได้กินเนื้อปลาแมคเคอเรลไปหนึ่งชิ้น และเนื้อปลาเก๋าสืออีกสองชิ้น จากนั้นก็ใช้มือหนึ่งลูบคลำไปที่ท้องเล็กๆและเอานิ้วมือของอีกมือหนึ่งชี้ไปที่ลำคอ
นี่คือท่าทางที่แสดงให้เห็นว่าตัวเองได้กินจนอิ่มแล้วของคนแคนาดาที่พบเห็นได้บ่อย โดยมีความหมายว่าอาหารได้ดันขึ้นมาจนถึงคอหอยแล้ว แต่ทว่าเมื่อฉินสือโอวเห็นวินนี่ทำท่าทางเช่นนี้ บางตำแหน่งในร่างกายของเขาจึงกระเหี้ยนกระหือรือขึ้นมา เขาแอบคิดไม่ดีขึ้นมาในใจว่า ถ้าหากต่อไปวินพูดกับเขาเช่นนี้อีก เมื่อบางตำแหน่งได้ดันมาถึงลำคอแล้วก็ควรที่จะรู้สึกสบายมากขึ้น
ขณะที่คิดเช่นนั้นอยู่ ฉินสือโอวก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาในช่วงเวลาสั้นๆ จากนั้นจึงรีบทำเสียงหายใจดังออกมาและกินอย่างตะกละตะกลามเพื่อระงับจิตใจและอารมณ์ที่ผิดปกติไปของตนเอง
วินนี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงพยายามบอกให้เขากินให้ช้าลงหน่อย ฉินสือโอวจึงหาเหตุผลมาอ้างเรื่อยเปื่อย โดยบอกกับเธอว่าเขากินข้าวกับอีวิลสันหลายครั้งแล้วจึงทำให้เคยชินกับการกินอาหารอย่างเร่งรีบ
วินนี่เชื่อเขาอย่างสนิทใจ เพราะจากที่เธอเห็น ไม่ว่าใครก็ตามที่กินข้าวกับอีวิลสันแล้วหลายครั้งต่างก็จะมีนิสัยหรือความเคยชินเช่นนี้ เพราะถ้าหากคุณลงมือกินช้า ถ้าเช่นนั้นคุณก็จะสามารถทำได้แค่เลียก้นจาน
หลังจากที่กินอาหารเสร็จแล้ว วินนี่ก็เอาถ้วยชามไปทำความสะอาดและจัดเก็บไว้ในห้องครัว จากนั้นก็กลับมานั่งที่บนโซฟาแล้วมองดูท้องเล็กๆอันแบนราบด้วยความงุนงง เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็เอ่ยขึ้นมาว่า “พระเจ้า ฉันยืนยันได้แล้วว่า มื้อนี้ทำให้ท้องของฉันอิ่มจนพุงกาง จะทำยังไงดี?”
ฉินสือโอวหัวเราะและบอกกับเธอว่าผมจะนวดให้คุณเอง ในขณะที่พูดอยู่ก็เอามือยื่นออกไป วินนี่ยิ้มหัวเราะและขัดขวางเขาไว้ ฉินสือโอวจึงผิวปากออกมาหนึ่งที ฉงต้า หู่จือและเป้าจือที่กำลังติดใจอยู่กับรสชาติอาหารที่อร่อยอยู่นั้นก็ได้โผเข้ามาหาเขาพร้อมกัน
ในขณะที่วินนี่กำลังหัวเราะคิกคักอยู่นั้น เธอไม่ทันที่จะได้ระวังตัว สุดท้ายฉินสือโอวจึงมีโอกาสได้สัมผัสท้องเธออย่างสะดวกสบาย
ช่วงเวลาที่ทั้งสองคนกำลังหยอกล้อกันอยู่นั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา เมื่อฉินสือโอวเห็นว่าเป็นเบอร์ของแอนโทนี่ ไวท์ ผู้จัดการทั่วไปของสำนักงานบัญชีเดลเลอร์ สาขาออตตาวาได้โทรศัพท์เข้ามา เขาจึงรีบรับสายทันที
ไวท์มักจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ช้าและเร็วจนเกินไป เขาบอกกับฉินสือโอวว่า “คุณฉิน สวัสดีครับ ผมได้ส่งรายละเอียดใบเสร็จทั้งหมดเกี่ยวกับภาษีในไตรมาสที่ 2 ไปในอีเมลของคุณแล้วนะครับ ถ้าคุณมีเวลาก็ตรวจสอบดูสักหน่อย หากมีตรงไหนที่ไม่เข้าใจก็โทรศัพท์หาผมได้ทุกเวลา และถ้าหากไม่มีปัญหาอะไร ถ้าอย่างนั้นคุณก็จำหมายเลขบิลและหมายเลขซีเรียลประกันของผู้มีถิ่นที่อยู่อาศัยในประเทศนี้ และไปที่ซีอาร์เอประจำท้องถิ่น ทำตามระเบียบขั้นตอนต่างๆก็ได้แล้ว”
ซีอาร์เอคือกรมสรรพากรของแคนาดา (Canada-Revenue-Agency) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงด้านภาษีเงินได้ของธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กอย่างธุรกิจของฉินสือโอว
และใช่แล้ว แม้ว่าฉินสือโอวจะอ้างว่ามีฟาร์มปลาที่มีมูลค่าหลายร้อยล้านหยวน แต่ในความเป็นจริงแล้วในแคนาดาธุรกิจแบบนี้จะถือว่าเป็นแค่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก นอกจากนี้ในการกำหนดไม่ได้ขึ้นอยู่กับมูลค่าของธุรกิจเป็นเกณฑ์เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีการเสนอตำแหน่งหน้าที่งานอีกด้วย
ฉินสือโอวได้เข้าอินเทอร์เน็ตไปดูอีเมล พูดแล้วก็รู้สึกละอายใจ ในความเป็นจริงแล้วรายได้ในไตรมาสที่2นั้นมาจากการประมูลสินค้า แต่การชำระภาษีไม่ใช่เพียงแค่ชำระภาษีการประมูลงานศิลปะ แต่ในแคนาดาแค่เพียงซื้อผัก ซื้อข้าวหรือซื้อเส้นก๋วยเตี๋ยวก็ต้องชำระภาษีเช่นกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการซื้อรถ ภาษีเหล่านี้ต่างก็เอามารวมเข้าด้วยกัน
แม้ว่าเขาจะมีทรัพย์สมบัติมาก แต่ก่อนที่ฉินสือโอวจะเปิดใบเรียกเก็บภาษีขึ้นมาดู เขาก็ยังรู้สึกตื่นกลัวเล็กน้อย กลัวว่าทรัพย์สินของครอบครัวครึ่งหนึ่งจะหลุดลอยหายไป
นี่ไม่ใช่การพูดเกินจริงเลยแม้แต่น้อย ข้อแรกคือ ภาษีของการประมูลงานศิลปะนั้นสูงมาก โดยคิดเป็นสัดส่วนที่เยอะจนน่าหวาดกลัวถึง 22% ในตอนแรกฉินสือโอวได้เงินจากการประมูลประมาณหกสิบล้านดอลลาร์แคนาดา ซึ่งภาษีที่ต้องจ่ายก็คือสิบสามล้านดอลลาร์แคนาดา!
หากแปลงเป็นเงินหยวนจะเป็นเท่าไรกันนะ? หกสิบห้าล้านหยวน! ทั้งหมดหกสิบห้าล้านหยวน!
นอกจากนี้ ฟาร์มปลายังติดหนี้รัฐบาลอยู่อีก ในครั้งนี้คงจะต้องชำระพร้อมกับภาษีอย่างแน่นอน แต่เพียงแค่นี้แฮมเล็ตก็ไว้หน้าเขามากแล้ว โดยที่ไม่เคยไล่ตามก้นทวงเงินจากเขาเลย
สุดท้ายเมื่อเปิดใบเรียกเก็บภาษีขึ้นมาดู จำนวนเงินที่เขาต้องชำระภาษีทั้งหมดก็คือ 10,855,542 ดอลลาร์แคนาดา ซึ่งก็คือสิบล้านกว่า แต่ไม่ถึงสิบเอ็ดล้าน
จิตสำนึกของฉินสือโอวคิดว่าต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ เพราะแค่ภาษีของการประมูลงานศิลปะก็ควรจะเป็นสิบสามล้านดอลลาร์แคนาดาแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงภาษีที่เขาซื้อรถ ซื้อเรือยอชต์อีก ดังนั้นภาษีควรที่จะสูงขึ้นกว่านี้ถึงจะถูก
บนใบเรียกเก็บภาษีได้แสดงให้เห็นชุดตัวเลขที่ถี่ยิบ ฉินสือโอวมองดูจนตาลาย วินนี่จึงเอ่ยถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงอธิบายทั้งหมดให้เธอฟัง
“คุณต้องจ่ายค่าภาษีสิบเอ็ดล้านดอลลาร์แคนาดาเหรอ? วินนี่อ้าปากค้างเพราะความตกใจ ถึงแม้ว่าเธอจะคุ้นเคยกับเหล่ามหาเศรษฐี แต่หลังจากที่ได้ยินจำนวนเงินนี้ก็ทำให้เธอรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ฉินสือโอวเกาศีรษะและเอ่ยออกมาว่า “น่าจะเป็นสิบสี่สิบห้าล้านนะ? ดูเหมือนจะคำนวณผิด”
วินนี่มองดูเอกสารและอธิบายขึ้นมาว่า “ไม่ผิดหรอก สำนักงานบัญชีเดลเลอร์ไม่น่าจะคิดภาษีผิด ไม่ต้องมามองฉัน ไม่ใช่ว่าฉันมีความเชื่อมั่นในตัวพวกเขา แต่ประโยคนี้คือสโลแกนของพวกเขา อ้อ ฉันดูเข้าใจแล้ว พวกเขาดำเนินการหลีกเลี่ยงภาษีให้กับคุณ”
“คุณได้เสนอตำแหน่งหน้าที่งานสามอย่าง นั่นก็คือรับเลี้ยงเด็กสี่คนและเยาวชนที่มีพัฒนาการทางสมองช้าอีกหนึ่งคน อีกทั้งพวกเด็กๆและเยาวชนคนนี้ต้องประสบกับความเคราะห์ร้ายเพราะความละเลยของรัฐบาลในประเทศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถหลีกเลี่ยงภาษีได้มากนอกจากนี้คุณยังเลี้ยงสุนัขแลบราดอร์อีกสองตัว นี่ก็สามารถที่จะหลีกเลี่ยงภาษีได้เช่นกัน”
ฉินสือโอวหัวเราะชอบใจออกมา “อย่ามาล้อเล่นเลย เลี้ยงสุนัขก็สามารถหลีกเลี่ยงภาษีได้เหรอ?”
วินนี่พยักหน้าอย่างจริงจังและเอ่ยออกมาว่า “แน่นอนสิ เพราะว่าสุนัขที่คุณเลี้ยงคือแลบราดอร์ ซึ่งเป็นสัตว์พื้นเมืองของรัฐนิวฟันด์แลนด์ กฎหมายภาษีได้กำหนดไว้แล้วจริงๆ ถ้าหากคุณสนับสนุนในการคุ้มครองสัตว์เลี้ยงที่เป็นสายพันธุ์ของท้องถิ่นก็สามารถที่จะหลีกเลี่ยงภาษีได้ นี่เป็นการส่งเสริมให้คนในท้องถิ่นอนุรักษ์สัตว์สายพันธุ์พื้นเมืองของตัวเอง”
เมื่อได้ยินดังนั้นฉินสือโอวจึงเกาหัว มิน่าล่ะที่เกาะแฟร์เวลแทบจะเลี้ยงสุนัขแลบราดอร์กันทุกบ้าน
เดลเลอร์คู่ควรที่จะเป็นสำนักงานบัญชีชั้นนำระดับโลก พวกเขามีความชำนาญในการหลีกเลี่ยงภาษีเป็นอย่างมาก ฉินสือโอวซื้อลูกปลา ซ่อมแซมท่าเรือ สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่ไม่ต้องจ่ายภาษี แต่ยังสามารถหลีกเลี่ยงภาษีได้อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อลูกปลา สำนักงานบัญชีได้ใส่สมญานามให้กับเขาว่า “ผู้ใจบุญที่มีความกระตือรือร้นในการฟื้นฟูฟาร์มปลาในนิวฟันด์แลนด์ให้กลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง” ซึ่งในส่วนนี้สามารถประหยัดเงินภาษีได้เกือบหนึ่งล้านดอลลาร์แคนาดา
แค่ใบเสร็จแสดงรายการภาษีเงินได้ใบเดียว ฉินสือโอวจะต้องจ่ายเงินให้กับสำนักงานบัญชีเดลเลอร์เป็นจำนวนเงินถึงแปดหมื่นดอลลาร์แคนาดา แต่ทว่ามันก็คุ้มค่ามากจริงๆ หากในตอนแรกเขาเลือกที่จะประหยัดเงินในส่วนนี้ ถ้าเช่นนั้นเขาก็จะต้องจ่ายเงินภาษีอย่างน้อยยี่สิบห้าเท่าของเงินส่วนนี้
ในเมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องชำระค่าภาษี ในช่วงบ่ายฉินสือโอวเห็นว่าสำนักงานสรรพากรของเมืองแฟร์เวลได้เปิดทำการอยู่ เขาจึงจะเอาบัตรธนาคารไปชำระค่าภาษีที่นั่นเสียเลย
สุดท้าย เมื่อเขาขับรถมาถึงกรมสรรพากร ก็มีกลุ่มคนที่สวมใส่เสื้อผ้าที่เป็นระเบียบเรียบร้อยเข้ามาพอดิบพอดี ซึ่งกลุ่มคนจีนที่มีลักษณะสง่าผ่าเผยเหล่านี้ได้มาเยี่ยมชมรัฐบาลเมืองที่ตั้งอยู่ข้างๆ ในจำนวนนั้นได้มีแฮมเล็ตและเออร์บักยืนเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆด้วย
นี่คือการพบเจอเพื่อนร่วมชาติที่มาท่องเที่ยวศึกษาดูงาน ไม่ว่าอย่างไรฉินสือโอวก็จะต้องขึ้นไปทักทายเสียหน่อย
แฮมเล็ตแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายรู้จักกัน โดยบุคคลที่เป็นหัวหน้าในการนำคณะศึกษาดูงานในครั้งนี้ชื่อว่า ‘เอี๋ยนตงเหล่ย’ ซึ่งเป็นผู้ชายที่สวมแว่นตา ดูแล้วมีวิชาความรู้และมีความสง่า มีอายุราวๆสี่สิบปีและมีลักษณะนิสัยเฉพาะตัวที่ดี แค่ดูก็รู้แล้วว่าเขาได้ถูกอบรมเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี
ฉินสือโอวได้จับมือกับเขา และคิดว่าเขาเป็นแค่พวกเจ้าของบริษัทการท่องเที่ยว สุดท้ายเขาก็ต้องตกตะลึงเมื่อแฮมเล็ตได้พูดแนะนำให้เขารู้จัก เพราะว่าบุคคลท่านนี้เป็นคนที่มีภูมิหลังที่ดีมาก เขาเป็นประธานของสมาคมช่วยเหลือคนแคนาดาเชื้อสายจีนแห่งนิวฟันด์แลนด์
สมาคมช่วยเหลือคนแคนาดาเชื้อสายจีน (Canadian-Chinese-Societies) มีชื่อย่อว่าซีซีเอส ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองที่มีชื่อเสียงมากในแคนาดา เป็นหน่วยงานที่เป็นหัวใจสำคัญของคนแคนาดาเชื้อสายจีนและชาวจีนโพ้นทะเล เมื่อขณะที่ฉินสือโอวไปทำวีซ่า สถานทูตก็ได้บอกกับเขาไว้หนึ่งประโยคว่า “เมื่อเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่าพึ่งไปหาตำรวจหรือทนายความ ให้ไปหาซีซีเอสก่อน”
ดังนั้นจึงเป็นการแสดงให้เห็นว่ากลุ่มการเมืองกลุ่มนี้มีศักยภาพมากเพียงใดในแคนาดา
ฉินสือโอวไม่เข้าใจว่าเกาะแฟร์เวลเป็นสถานที่ที่ทั้งเล็กและทรุดโทรมขนาดนี้ อีกทั้งยังเป็นแค่เส้นทางบุกเบิกการท่องเที่ยวเฉพาะในประเทศ แต่ทำไมถึงสามารถไปกระตุกความสนใจของคนใหญ่คนโตขนาดนี้ได้ แต่ในตอนนี้ไม่เหมาะที่จะเอ่ยถามออกมา เขาจึงทำได้เพียงแค่เก็บความสงสัยไว้ในใจ
“คุณฉินมาที่นี่มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ?” เอี๋ยนตงเหล่ยพูดออกมาอย่างสุภาพ “ไม่จำเป็นต้องเกรงใจหรอกครับเพราะว่าเราเป็นเพื่อนร่วมชาติกัน คุณควรจะเข้ามาทักทายสักเล็กน้อย เชิญคุณยุ่งกับงานของคุณก่อนเถอะครับ เสร็จงานแล้วค่อยมาคุยกันก็ได้ครับ”
ฉินสือโอวได้สะบัดใบเรียกเก็บภาษีที่ถืออยู่ในมือและเอ่ยขึ้นว่า “ผมมาที่นี่เพื่อชำระภาษี ไม่ได้มีธุระอะไรมาก ถือว่าเป็นพรหมลิขิตที่ได้มาพบเจอคนชาติเดียวกัน ยังไงก็ต้องมาพูดคุยสักเล็กน้อย”
แค่ได้ยินคำพูดนี้ แววตาของแฮมเล็ตก็เป็นประกาย และรีบเอ่ยถามขึ้นว่า “ฉิน ชำระเงินภาษีไปเท่าไร?”
คนแคนาดากับคนเชื้อสายจีนนั้นแตกต่างกัน คนเชื้อสายจีนจะให้ความสำคัญกับการปกปิดเรื่องทรัพย์สิน โดยเฉพาะเมื่อมีคนนอกอยู่ด้วย แต่สำหรับคนแคนาดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อนบ้านชาวอเมริกันของพวกเขาคนพวกนี้จะแตกต่างจากคนเชื้อสายจีนมาก พวกเขามีความตรงไปตรงมา และยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเงินแล้ว ต้องมีความเปิดเผย ไม่สามารถที่จะหลบๆซ่อนๆได้
ฉินสือโอวนั้นมีสติปัญญาที่เฉียบไว เขาได้เอาใบเรียกเก็บภาษียื่นให้กับแฮมเล็ต เมื่อท่านนายกเทศมนตรีได้ดูเพียงครู่เดียว แววตาก็ได้เป็นประกายคล้ายกับไฟดักปลาขึ้นมาทันที “พระเจ้า สิบล้านแปดแสนดอลลาร์แคนาดา?”
คนที่มาศึกษาดูงานที่อยู่รอบๆและสามารถฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่อง ต่างก็แสยะปากออกมาทันที
……………………………………………………….