บทที่ 119 ลูกชายของปีศาจร้าย
โดย
Ink Stone_Fantasy
สายฝนยังไหลรินลงมาไม่หยุด ฉินสือโอวลองติดเครื่องดู รถไม่ได้มีปัญหาอะไร เพียงแต่ฐานของรถถูกขูดเป็นรอยนิดหน่อย แต่ส่วนอื่นๆของรถต่างก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
“เฮ้ อีวิลสัน ขึ้นรถสิ เดี๋ยวฉันเลี้ยงพิซซ่า” ฉินสือโอวเปิดประตูด้านหลังของรถแล้วเรียกเขา
มนุษย์ยักษ์อีวิลสันแต่งตัวเหมือนกันกับคนไร้บ้าน เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ก็เปียกตลอดทั่วทั้งตัว ทั้งน้ำโคลนและน้ำเสียในร่องระบายน้ำก็เปียกรวมกันไปหมด ดูไปแล้วไม่มีส่วนไหนเลยที่เข้ากันได้กับรถคาดิลแลควัน ที่แสนจะหรูหราฟู่ฟ่าคันนี้
ฉินสือโอวจะไม่ให้อีวิลสันขึ้นรถก็ได้ ถึงแม้รถคาดิลแลควัน จะนับว่าเป็นรถที่หรูหราอย่างมากในยุโรปและอเมริกา แต่หากถูกทำให้เปื้อนถึงอย่างไรก็คงรู้รู้สึกรังเกียจอยู่ดี
ทว่า ฉินสือโอวไม่สนใจ เขาเป็นมหาเศรษฐีร้อยล้านเชียวนะ! รถคันละสามแสนดอลลาร์มันจะสักเท่าไรกันเชียว? มิหนำซ้ำยังเปื้อนแค่นิดหน่อย เมื่อครู่นี้อีวิลสันไม่ลังเลที่จะลงไปในร่องระบายน้ำเพื่อช่วยเขาหามรถขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ หากฉินสือโอวยังคิดจะแบ่งแยกชนชั้นหรือเหยียดหยามอะไรอย่างนั้นก็คงจะเกินไปแล้ว
อีวิลสันเบิกตาโตราวกับกระดิ่งทองแดงของเขาพินิจพิเคราะห์รถอย่างละเอียด เขาเกาศีรษะแล้วพูดพึมพำว่า “พวกเขาไม่ให้ พวกเขาไม่ให้อีวิลสันนั่งรถ”
ฉินสือโอวไม่อยากจะเปียกฝนแล้ว เขาจึงยิ้มและพูดว่า “เพื่อน นี่รถนะ ก็มีไว้ให้คนนั่งนั่นล่ะ รีบขึ้นรถเร็ว ไม่อย่างนั้นพิซซ่าจะเย็นหมดนะ”
ประโยคสุดท้ายเขาก็แค่พูดเล่นไปอย่างนั้นเอง ไม่คิดเลยว่าจะมีผลขนาดนั้น อีวิลสันรีบมุดตัวเข้ามาในรถด้วยความรวดเร็ว แล้วพูดขึ้นว่า “พิซซ่าจะเย็นไม่ได้นะ ถ้าเย็นแล้วก็จะไม่อร่อย ไม่หอมแล้ว”
และก็เป็นเพราะว่าที่นั่งด้านหลังของรถคาดิลแลควัน ทั้งสูงอีกทั้งยังกว้างขวาง ไม่เช่นนั้นรถทั่วๆไป คงไม่สามารถจุมนุษย์ยักษ์ได้แน่ๆ
เมื่อนั่งอยู่ในรถแล้ว อีวิลสันก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็น มองไปทางนั้น มองดูทางนี้ เขาเห็นว่าบนที่นั่งข้างคนขับมีเฟรนช์ฟรายส์อยู่หนึ่งห่อ ตาของเขาก็เป็นประกายขึ้น มือของเขาก็ยืดยาวออกมาเหมือนลิง เขาหยิบเอาห่อมันฝรั่งขึ้นมาฉีกออกแล้วกินเข้าไปคำโต
ฉินสือโอวยิ่งรู้สึกว่าสมองของหมอนี่ผิดปกติ หรือว่า….เขาโง่กันแน่?
กลับมาถึงในเมืองอีกครั้ง ฉินสือโอวขับรถไปยังร้านพิซซ่ามังกี้ เมื่อลุงมังกี้เจ้าของร้านเห็นอีวิลสันมุดออกมาจากรถคาดิลแลควัน ก็ถึงกับตกตะลึงอย่างหนัก เขาถามว่า “ฉิน เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย? นายให้เจ้าหมอนี่ขึ้นรถงั้นเหรอ?”
ฉินสือโอวยิ้มตอบเขา “ไม่เอาน่า เพื่อน ก็แค่รถคันหนึ่ง ทำไมอีวิลสันจะขึ้นไม่ได้กันล่ะ?”
ยิ่งเข้าใจชาวตะวันตกมากเท่าไร ฉินสือโอวก็ยิ่งผิดหวังมากขึ้นเท่านั้น แท้จริงแล้วแคนาดาก็ไม่ใช่ที่ที่มีประเพณีของสังคมที่ไร้เดียงสาขนาดนั้น ไม่เว้นแม้กระทั่งที่เมืองเล็กๆแห่งนี้ การแบ่งแยกทางชนชั้นมีอยู่ทุกที่จริงๆ ความรู้สึกเห็นอกเห็นใจของผู้คนก็เป็นสิ่งที่มีอย่างจำกัด
“พิซซ่า กินพิซซ่า!”อีวิลสันพูดกับฉินสือโอว ลูกกระเดือกหนาใหญ่ขยับขึ้นลง ท้องก็ส่งเสียงร้องโครกครากออกมา
ฉินสือโอวควักเอาโรเบิร์ต แลร์ด บอร์เดน (บุคคลสำคัญบนธนบัตร 100 ดอลลาร์แคนาดา) ออกมาสองใบ บอกเป็นนัยๆว่ามังกี้ให้ไปทำพิซซ่า
พอดิบพอดี กับที่พิซซ่าของตอนเช้าที่เพิ่งจะออกจากเตา ลุงมังกี้ยิ้มพร้อมทั้งยกมันขึ้นมา
อีวิลสันเห็นพิซซ่าที่เพิ่งออกมาจากเตาใหม่ๆ ก็ร้องขึ้นว่า “ผมอยากได้พิซซ่าซิซิลี ไม่เอาพิซซ่าหน้าเนื้อไก่ซอสกระเทียม!”
“รู้แล้วรู้แล้ว เอานี่พิซซ่าซิซิลี!” ลุงมังกี้พูดปลอบอีวิลสัน
พิซซ่าชนิดนี้เป็นเมนูขึ้นชื่อของร้านพิซซ่ามังกี้ แป้งพิซซ่าบางกรอบแต่กลับนุ่มหนึบเป็นอย่างยิ่ง ท็อปปิ้งข้างบนก็เยอะเสียจนน่าตกใจ ไส้กรอกเผ็ดอิตาลีสไตล์แคนาดา ไส้กรอกอิตาลี เบคอนกรอบๆ เนื้อวัวบด แฮม รวมไปถึงเห็ดน้ำหมากสีแดง กลิ่นหอมเป็นอย่างยิ่ง
ถึงแม้ว่าตนเองจะทานข้าวเช้ามาแล้ว แต่เมื่อได้กลิ่นหอมๆของพิซซ่าที่เพิ่งออกจากเตา ฉินสือโอวก็อดความอยากอาหารไว้ไม่ได้ เขาคิดว่าจะสั่งอะไรทานสักหน่อย
ขณะที่ฉินสือโอวกำลังจะสั่งพิซซ่า อีวิลสันที่กำลังกินอย่างตะกรุมตะกรามก็หยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วส่งให้กลับฉินสือโอว พูดด้วยเสียงคลุมๆเครือๆว่า “พิซซ่าซิซิลีอร่อย อร่อยที่สุดเลย กินนี่สิ!”
ถึงแม้ฉินสือโอวจะรู้สึกซึ้งใจกับความหวังดีของอีวิลสัน แต่เมื่อมองเห็นคราบบนฝ่ามือของมนุษย์ยักษ์ เขาก็ทานไม่ลงจริงๆ จึงพูดออกไปว่า “ขอบคุณมาก เพื่อน แต่ว่าฉันอยากจะสั่งพิซซ่าคาลาเบรสสักหน่อยน่ะ”
“อื้ม พิซซ่าคาลาเบรสก็อร่อย แต่ว่าเนื้อน้อยไปหน่อย” อีวิลสันพยักหน้า ดึงเอาพิซซ่าชิ้นนั้นกลับมายัดเข้าไปในปากทั้งชิ้น
พิซซ่าคาลาเบรสต้องใช้เตาอบไม้เพื่อตบให้ความร้อน ด้านบนมีแยมผลไม้ และแผ่นไส้กรอก จากนั้นจึงอบด้วยความร้อนสูงเก้าร้อยองศาและโรยหน่อไม้น้ำจากทะเลสาบออนแทริโอลงไป รสชาติอร่อยเกินคำบรรยาย ฉินสือโอวได้ทานครั้งแรกก็ตกหลุมรักรสชาติของมันทันที
เขาก้มตัวลงหาเคาท์เตอร์ ฉินสือโอวถามเสียงเบาว่า “ลุงมังกี้ อีวิลสันก็ไม่ใช่คนในเมืองใช่ไหม? เล่าเรื่องเขาให้ผมฟังหน่อยสิ ผมอยากรู้เรื่องของเขามากๆ”
ลุงมังกี้ทำทีมองซ้ายขวาแล้วแกล้งเปลี่ยนเรื่อง “เอ๊ะ ฉันเอาผงงาไปวางไว้ไหนกันนะ? ให้ตายสิ ฉันเหมือนคนแก่ความจำเสื่อมเลย”
ฉินสือโอวหัวเราะขึ้นมา เขาพูดออกมาว่า “ลุงมังกี้ คุณคงรู้ว่าผมรวยมาก แต่คุณคงไม่รู้ว่า ที่เมืองนี้กำลังจะริเริ่มกิจการการท่องเที่ยว โดยมีผมเป็นคนนำร่อง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากประเทศผมเข้ามา คุณเชื่อไหมว่า ผมมีวิธีที่จะทำให้นักท่องเที่ยวพวกนั้นไม่มาเจอพิซซ่าของคุณ?”
เมื่อได้ฟังอย่างนี้ ลุงมังกี้ก็แกล้งโง่ต่อไปไม่ได้แล้ว เขายิ้มเจื่อนๆแล้วพูดว่า “ฉิน นายเป็นคนจิตใจดี ฉันว่านายคงจะไม่อยากให้คนแก่ๆคนหนึ่งเดือดร้อนหรอกใช่ไหม?”
ฉินสือโอวตอบเขากลับไปว่า “ผมแค่อยากรู้ว่าเรื่องของอีวิลสันเป็นยังไงกันแน่ เขาก็เป็นคนดีคนหนึ่ง ไม่ใช่เหรอ? แต่สถานการณ์ของเขาไม่ค่อยดีเลย ผมอยากช่วยเขา แต่เงื่อนไขแรกก่อนจะช่วยเขา คือผมต้องรู้เรื่องทั้งหมดก่อนว่าเป็นมายังไง!”
ลุงมังกี้มองไปที่อีวิลสัน ที่ยังคงนั่งตะกรุมตะกรามทานพิซซ่าอยู่เหมือนเดิม ลุงมังกี้เอาพิซซ่าซิซิลีไปส่งให้เขาอีกถาด เมื่อกลับมาแล้วจึงส่งสัญญาณให้ฉินสือโอวมานั่งข้างๆ แล้วพูดเสียงเบาว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็หวังว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมา”
เขาถอนหายใจ แล้วพูดต่ออีก “ถ้าพูดถึงอีวิลสัน ก็ต้องพูดเรื่องพ่อของเขา เซนท์ วาร์ยัก เมื่อยี่สิบปีก่อน วาร์ยักเป็นคนที่ตัวใหญ่กำยำที่สุดในเมืองนี้ เขาสูงถึงสองเมตร ร่างกายกำยำสูงใหญ่ จากนามสกุล ‘วาร์ยัก’ ของเขา นายคงจะพอเดาได้ว่า เขาเป็นลูกหลานของโจรสลัดไวกิ้ง”
“ถึงแม้ว่าวาร์ยักจะแข็งแรงมาก แต่เจ้าหมอนั่นกลับไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย เขาชอบทะเลาะวิวาท หาเรื่องใส่ตัว รังแกคนที่อ่อนแอกว่า สรุปได้ว่า ในสายตาของฉัน เขาเป็นไอ้สารเลวคนหนึ่งนั่นเอง!”
“แต่เรื่องต่อจากนี้ก็พิสูจน์แล้ว่า เขาไม่ใช่คนเลว แต่เขาเป็นปีศาจที่ชั่วร้าย! เขามีน้องสาวอยู่หนึ่งคน เป็นผู้หญิงที่ดีมาก ต่างกันกับเจ้าปีศาจร้ายนี่อย่างเห็นได้ชัด ฉันไม่เคยเข้าใจเลย เด็กที่เกิดจากพ่อแม่คนเดียวกัน ทำไมอีกคนถึงเป็นนางฟ้า แล้วทำไมอีกคนถึงได้เป็นซาตาน!”ลุงมังกี้ถอนหายใจแล้วส่ายหัว
“เพราะชื่อเสียงแย่ๆและความยากจนของวาร์ยัก จึงไม่มีผู้หญิงคนไหนยอมแต่งงานกับเขาเลย จนกระทั่งอายุสามสิบ เขามันอันธพาลแท้ๆ! ผู้หญิงทุกคนล้วนแต่หลบวาร์ยักอยู่ไกลๆ ยกเว้นนางฟ้าจูเลียน้องสาวของเขา
“ต่อมามีอยู่ช่วงหนึ่ง ที่พวกเราเจอแค่วาร์ยัก แต่กลับไม่เจอจูเลียแล้ว วาร์ยักบอกว่าเธอหนีไปกับไอ้หนุ่มหน้าอ่อนคนหนึ่งแล้ว พวกเราเข้าใจเธอจริงๆ อีกทั้งยังดีใจแทนเธอมากๆ ดีใจที่เธอหลุดพ้นจากพี่ชายปีศาจ!”
“น่าเสียดาย ที่ความดีใจของพวกเราศูนย์เปล่า” ดวงตาที่ขุ่นมัวของลุงมังกี้จ้องมองไปที่ม่านฝนนอกหน้าต่าง “ฉันจำได้ว่า วันนั้นก็มีฝนตกแบบนี้ สถานีตำรวจนครเซนต์จอห์นส่งตำรวจฝ่ายปราบปรามอาชญากรรมให้บุกเข้าไปที่บ้านของวาร์ยัก เดิมทีพวกเขามาเพื่อที่จะตรวจสอบคดีปล้นและคดีฆาตกรรมเท่านั้น คดีนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวาร์ยัก แต่พวกเขากลับค้นพบอีกคดีหนึ่ง นั่นก็คือจูเลีย……”
“เขาฆ่าน้องสาวของตัวเอง?”ฉินสือโอวขมวดคิ้วถาม
ลุงมังกี้ส่ายหัวอย่างเศร้าๆ สายตาของเขามองไปที่อีวิลสัน “ถ้าหากเป็นแค่เรื่องการฆาตกรรม จะถึงกับเป็นปีศาจร้ายเหรอ?”
ฉินสือโอวมองไปที่อีวิลสัน มองไปที่รูปร่างของเขา คิดไปถึงสติปัญญาที่ต่ำและชื่อ ‘ลูกชายของปีศาจร้าย’ ของเขา สายตาของฉินสือโอวก็แข็งกร้าวขึ้นมา “คุณอย่าบอกนะว่า ไอ้สารเลวชิงนรกมาเกิดนั่น ทำเรื่องที่เลวยิ่งกว่าสัตว์แบบนั้นกับน้องสาวของตัวเอง?!”
“ถูกขังอยู่สองเดือน ที่ชั้นใต้ดิน ไอ้สารเลวที่สมควรไปลงนรกนั่น! ตอนที่จูเลียถูกพบตัวอีกครั้ง เธอก็เสียสติไปแล้ว!”ลุงมังกี้ถอนหายใจ
“หลังจากที่วาร์ยักถูกจับ จูเลียก็ใช้ชีวิตด้วยสติและจิตใจที่ล่องลอยอยู่แปดเก้าเดือน หลังจากคลอดอีวิลสันแล้ว ในคืนหนึ่งที่พายุโหมกระหน่ำเธอก็เดินลงทะเลไป……” ลุงมังกี้ปิดหน้าไว้ “พระเจ้า ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่เลวร้ายแบบนี้ขึ้นกันนะ?!”
ฉินสือโอวเข้าใจแล้วว่าทำไมตอนที่เขาถามเรื่องของอีวิลสันจากซีมอนสเตอร์กับชาร์ค สองคนนั้นถึงได้เงียบไป
สำหรับชาวคริสต์แล้ว ทั้งสองเรื่องล้วนแต่เป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ เรื่องชู้สาวของญาติสนิทและการทำแท้ง อีกทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองแห่งนี้นั้น ก็น่ากลัวเสียยิ่งกว่าสองข้อนี้เสียอีก
ฉินสือโอวตบไหล่ของลุงมังกี้แล้วพูดกับเขาว่า “ขอโทษด้วยจริงๆ คุณผู้ชาย ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า จะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ผมไม่ควรทำให้คุณต้องกลับไปคิดถึงเรื่องนี้เลย“
ลุงมังกี้ยิ้มเจื่อน “ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก เรื่องพวกนี้ฉันจำมันขึ้นใจ เพียงแต่ฝังมันไว้ หลอกตัวเองว่าลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ในความเป็นจริง ใครจะลืมได้ลงจริงๆกันหรือ?”
“แล้วอีวิลสันโตขึ้นมาได้ยังไงครับ? แล้วก็ชื่อของเขา……” ฉินสือโอวจุ๊ปาก evilson ลูกของปีศาจร้ายน่ะ มิน่าล่ะถึงได้ถูกตั้งชื่อแบบนี้
ลุงมังกี้ถอนหายใจอีกครั้ง “ในตอนแรกเขาถูกส่งไปที่สถานสงเคราะห์ ต่อมาพบว่าสติปัญญามีปัญหา แถมยังกินจุมากๆ สถานสงเคราะห์ก็ปฏิบัติต่อเขาอย่างทารุณ ต่อมาคุณวินเซนต์นายกเทศมนตรีคนก่อนจึงไปรับเขากลับมา เมื่อเป็นเช่นนั้นทุกๆครอบครัวจึงช่วยกันส่งอาหารไปให้เขากินอย่างไม่ขาด เลี้ยงจนเขาโตมา”
“แต่นายคงจะรู้แล้วว่า ปริมาณการกินของอีวิลสันน่ากลัวเกินไป สมองก็ใช้การได้ไม่ดี เศรษฐกิจในเมืองเล็กๆแห่งนี้นับวันก็ยิ่งแย่ เหตุผลหลายๆข้อรวมกัน ทำให้สุดท้ายก็ไม่มีใครยอมรับเขาไปเลี้ยง”
ฉินสือโอวทำหน้านิ่วคิ้วขมวด “สติปัญญาของอีวิลสันไม่ค่อยสูงก็จริง แต่เขาไม่ได้โง่เขลาแบบที่คิดไว้ขนาดนั้น ในความคิดของผม เขาแค่ความคิดสติปัญญายังไม่โตเต็มที่ ถ้าหากว่ามีคนสอน เขาน่าจะสามารถทำงานที่ใช้แรงกายได้ แล้วก็น่าจะทำได้ดีด้วย”
ในคืนวันวิคตอเรีย อีวิลสันเคยเจอเขาเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น จนกระทั่งตอนนี้เพียงแค่เห็นเขาครั้งเดียวก็สามารถจำเขาได้แล้ว เห็นได้ชัดว่าความจำของเขาไม่ได้มีปัญหา
เมื่อสักครู่นี้ที่ยืนคุยกันอยู่บนถนน เขาพบว่าอีวิลสันมีความลำบากในการสื่อสาร แต่ก็สามารถสนทนาได้อย่างปกติ เพียงแต่ต้องใช้ความอดทนและเวลาก็เท่านั้น
พูดเรื่องพวกนี้ตอนนี้ก็คงจะไม่มีประโยชน์ อีวิลสันก็โตแล้ว สามารถพึ่งพาตัวเองในการใช้ชีวิตได้ ไม่ต้องอาศัยการเลี้ยงดูของคนอื่นแล้ว
ฉินสือโอวมีความคิดหนึ่ง ก็คือการพาเจ้ายักษ์นี่กลับไปด้วย หลังจากที่เขาแน่ใจแล้วว่าสติปัญญาของหมอนี่มีปัญหาความคิดนี้ของเขาก็ยิ่งถูกเร่งเร้า เขามีความลับมากเกินไป ไม่สามารถป่าวประกาศให้คนทั่วไปรับรู้ได้ แต่จะให้ลงมือเองก็ไม่ค่อยสะดวกแถมยังไม่เหมาะสมเท่าไร
อย่างเช่นเขาเตรียมพร้อมที่จะไปงมก้อนโลหะเงินแล้ว แต่ถ้าให้เขาไปทำเรื่องนี้เอง ก็คงจะเหนื่อยเปล่า อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพต่ำอีกต่างหาก หากเป็นคนอื่นแล้ว เขาก็ไม่ไว้ใจจริงๆ เนื่องจากมีหลายสิ่งที่เขาอธิบายไม่ได้
หากแต่ว่า ถ้ามีคนอย่างอีวิลสันอยู่ในมือแล้ว คนที่สติปัญญาไม่ค่อยสูงนักเช่นนี้ ก็น่าจะเป็นคนที่สามารถรักษาความซื่อสัตย์ได้อย่างแน่นอน เช่นนั้นหลายๆเรื่อง ก็คงจะจัดการได้อย่างง่ายดาย
จากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรต่อ ฉินสือโอวกำลังไตร่ตรองว่าจะรับอีวิลสันกลับไปอย่างไรดี ส่วนลุงมังกี้ก็กำลังย้อนคิดถึงอดีต มีเพียงแต่เสียงเคี้ยวอาหารคำใหญ่และเสียงเลียริมฝีปากของอีวิลสันเท่านั้นที่ยังคงดังอยู่
รอจนกระทั่งอีวิลสันอิ่ม ฉินสือโอวก็จ่ายเงิน แล้วพูดกับลุงมังกี้ว่า “เตรียมจ้างพนักงานเสิร์ฟไว้สักคนสิ การท่องเที่ยวของเมืองนี้น่าจะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว พอถึงตอนนั้นผมจะช่วยทำโฆษณาดีๆให้ร้านพิซซ่าของคุณด้วย”
“ฉันก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน”ลุงมังกี้ยิ้มแล้วพูดกับเขา
ฉินสือโอวและอีวิลสันออกจากร้านมาด้วยกัน เขาขึ้นไปบนรถ ส่วนอีวิลสันยืนอยู่ที่หน้าประตูร้านพิซซ่า น้ำฝนสาดลงมาใส่ตัวเขา ใบหน้าของเขาไร้ซึ่งความรู้สึก ดูคล้ายกับรูปปั้นหนึ่งอัน
ในตอนที่ฉินสือโอวกำลังจะเปิดประตูรถ ทันใดนั้นอีวิลสันก็พูดด้วยเสียงดังทุ้มออกมาว่า “เฮ้ ถ้ารถของนายตกลงไปในร่องอีก นายช่วยไปบอกฉันทีได้ไหม?”
เมื่อเห็นท่าทางกระวนกระวายใจของอีวิลสัน ฉินสือโอวก็หัวเราะออกมา เขาเปิดประตูทางด้านหลังแล้วพูดว่า “เพื่อน ถ้าอย่างนั้นทำไมนายไม่ขึ้นรถมากับฉันล่ะ? ไปทำงานที่ฟาร์มปลาของฉันเถอะ ฉันว่า นายน่าจะมีความสามารถพอจะจับปลาได้นะ ใช่ไหม?”
“จะได้กินข้าวจนอิ่มใช่ไหม?” อีวิลสันถามเสียงเบา
ฉินสือโอวตอบเขากลับไปว่า “ฉันไม่ปล่อยให้คนงานของฉันต้องอดอยากหรอก”
เดิมทีเขาอยากจะลองทดสอบก่อนว่าอีวิลสันจะพูดจาระมัดระวังพอไหมแล้วค่อยพาเขากลับไปที่ฟาร์มปลา แต่ตอนนี้ เขาก็ใจอ่อนเสียแล้ว
รถคาดิลแลควันเปลี่ยนทิศทางเพื่อขับออกจากตัวเมือง ลุงมังกี้นั่งอยู่ที่ด้านหน้าของหน้าต่างมองตามท้ายรถคาดิลแลคไปอย่างเงียบๆ ไม่รู้ว่าในใจของเขากำลังคิดอะไรอยู่
…………………………………………