บทที่ 33
เปิดโปงใบหน้าที่แท้จริงของเสี่ยวเข่อลี่
ช่วงเวลาที่คุยกันอย่างมีความสุขผ่านไปแล้ว
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของจางเข่อเหรินก็ดังขึ้นมาและทุกคนก็เงียบลง
สีหน้าของจางเข่อเหรินเปลี่ยนไปในทันที “โอเค…ฉันจะไปที่นั่นทันที…โอเค…”
ตอนที่นั่งอยู่ด้วยกันแล้วแม่เธอรับโทรศัพท์ มู่หรงเสวี่ยก็เดาได้อยู่แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น มันเกือบจะถึงเวลาที่เสี่ยวเข่อลี่จะมาบอกแม่เธอแล้วว่าเธอเกิดอุบัติเหตุ ถึงแม้แม่ของเธอจะไม่ใช่ผู้ปกครองของเสี่ยวเข่อลี่ แต่พ่อแม่ของเสี่ยวเข่อลี่ตายหมดแล้ว ตอนนี้เสี่ยวเข่อลี่อยู่ในบ้านของมู่หรงและคนที่ เสี่ยวเข่อลี่ ลักพาตัวไม่ใช่คนอื่นแต่เป็นเธอเอง เธอจะต้องบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่เธอ
จางเข่อเหรินเดินเข้ามาหามู่หรงเสวี่ย มองตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วจึงถามออกมา “เสี่ยวเสวี่ย เกิดอะไรขึ้น? เสี่ยวเข่อลี่ เด็กนั่นบอกว่าลูกถูกลักพาตัวและขังไว้โดยพวกโจรห้าคน แต่ลูกอยู่ที่นี่นี่? เกิดอะไรขึ้นลูกรู้หรือเปล่า?”
มู่หรงเฟิงหัวตกใจมาก “อะไรนะ?! ลักพาตัวเหรอ?”
มู่หรงเสวี่ยมองไปที่โม่จื่อเหวินและพูดออกมา “พี่จื่อเหวิน พี่เปิดเครื่องบันทึกเสียงของเราได้เลย พ่อกับแม่จะได้รู้เรื่อง”
โม่จื่อเหวินพยักหน้าและเปิดโทรศัพท์เพื่อเล่นที่บันทึกเสียงมา
“ผู้หญิงที่ชื่อเสี่ยวเข่อลี่ เธอขอให้พวกเราลักพาตัวคุณมู่หรง…”
หลังจากที่ได้ฟังบทสนทนาก็ไม่มีอย่างอื่นที่จะเข้าใจได้อีก
จางเข่อเหรินคิดว่าเธอคิดมากไปเองที่ไม่ชอบเสี่ยวเข่อลี่ แต่เสี่ยวเข่อลี่ก็ได้ทุกอย่างเหมือนกับเสี่ยวเสวี่ยในเรื่องของเสื้อผ้า, อาหาร,ที่อยู่หรือแม้แต่การเดินทาง เธอเป็นคนเลี้ยงเสี่ยวเข่อลี่มากับมือเองเลย ถ้าโม่จื่อเหวินไปช่วยลูกสาวเธอไม่ทัน ตอนนี้ก็คงไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวเสวี่ย
“เสี่ยวเข่อลี่นี่กล้ามากจริงๆ แม่รู้ว่าเธอไม่ใช่คนธรรมดาๆแต่ไม่คิดว่าเธอจะโหดร้ายขนาดนี้ทั้งๆที่อายุยังน้อย”
มู่หรงเฟิงหัวโกรธอย่างมาก เด็กสาวนั่นกล้าที่จะทำร้ายลูกสาวของมู่หรงเฟิงหัว “เสี่ยวเสวี่ย ลูกจะทำยังไง?! พ่อพร้อมเสมอเพื่อลูกนะ”
โม่จื่อเหวินรออย่างเงียบๆอยู่ที่ด้านข้าง เขากำลังรอคำสั่งของมู่หรงเสวี่ย
มู่หรงเสวี่ยคิดอยู่สักพักพร้อมทั้งกัดปากไปด้วย ถึงแม้เธออยากที่จะปล่อยให้เสี่ยวเข่อลี่ถูกขังไปตลอดชีวิตแต่ถึงแม้ตระกูลมู่หรงจะไม่ประกันตัวเสี่ยวเข่อลี่ เสี่ยวเข่อลี่ก็ยังออกมาได้อยู่ดี ในความทรงจำของเธอเสี่ยวเข่อลี่มีคนคอยสนับสนุนและก็มีเยอะด้วย เสี่ยวเข่อลี่มักจะได้รับความช่วยเหลือในเรื่องการจัดการปัญหาใหญ่ๆเสมอ อย่างไรก็ตามเธอก็ยังหาอำนาจที่อยู่เบื้องหลังเสี่ยวเข่อลี่ไม่ได้จนกระทั่งเธอตายซะก่อน ในเหตุการณ์นี้จะปล่อยให้ตระกูลมู่หรงมารับโทษกับเรื่องนี้ได้ยังไง
หลังจากที่ญาติของเธอสารภาพ ตระกูลมู่หรงก็คงจะสงสารและมองว่าเสี่ยวเข่อลี่ทำผิดพลาดครั้งใหญ่เพราะหล่อนยังเด็กและพ่อแม่ของเสี่ยวเข่อลี่ก็ตายหมดแล้ว ตราบใดที่เสี่ยวเข่อลี่มาสารภาพกับเธอว่าทำผิดพลาด ตระกูลมู่หรงก็พร้อมที่จะให้โอกาสเสี่ยวเข่อลี่ได้เริ่มใหม่และส่งไปเรียนต่างประเทศ
ไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ! เสี่ยวเข่อลี่ยังไม่บรรลุนิติภาวะดังนั้นจึงถูกตัดสินแบบผู้ใหญ่ไม่ได้ เธอจะไม่ใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างสถานการณ์ให้ตระกูลมู่หรง
“พ่อคะ แม่คะ ไปรับเข่อลี่กลับมา” หลังจากที่คิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว มู่หรงเสวี่ยก็พูดออกไปทันที กลุ่มคนจ้องตรงมาที่ มู่หรงเสวี่ยทันที นี่มันใจดีไปหรือเปล่า?! ลูกสาวที่รักของเธอใจดีเกินไป ตอนนี้เธอมีแผนที่จะปล่อยเสี่ยวเข่อลี่ไปโดยไม่พูดอะไรเลย แม่หนูนี่อยากจะแก้ไขอะไรหรือเปล่า? ยังไงซะมันก็ใจดีเกินไป เมื่อเขาและภรรยาแก่ตัวลงก็จะปกป้องเธอไม่ได้อีก แบบนั้นเสี่ยวเสวี่ยจะไม่ถูกรังแกจนตายงั้นเหรอ?!!!
มู่หรงเฟิงหัวคิดเหมือนกับจางเข่อเหริน ไม่ใช่เรื่องดีเลยที่ลูกสาวของเขาใจอ่อนขนาดนี้! มู่หรงเสวี่ยรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมาที่เธอ นี่เธอพูดอะไรผิดไปงั้นเหรอ?!! ด้วยสีหน้าที่แสดงถึงการตัดสินใจที่แน่นอนแล้ว
โม่จื่อเหวินมองท่าทางที่น่ารักนี้และคิดว่าไม่ว่า มู่หรงเสวี่ยจะตัดสินใจอย่างไร เธอก็คงจะมีเหตุผลของตัวเองแน่ๆ จากวิธีที่เธอจัดการกับพวกโจรเมื่อวาน เขาก็รู้ได้เลยว่ามู่หรงเสวี่ยไม่ใช่คนโง่และจะไม่ยอมให้ใครมารังแกเธอได้ตามอำเภอใจ เขาคิดว่ามันคงยังมีเรื่องอื่นที่ต้องคิดอีก
โม่จื่อหลินออกไปเล่นกับป้าหวู่ก่อนที่พวกเขาจะคุยกันเรื่องนี้ เขาอ่อนแอและพวกเขาไม่สามารถทนให้ดวงตาที่บริสุทธิ์ต้องมาเห็นเรื่องสกปรกแบบนี้ได้
จางเข่อเหรินกังวลเมื่อคิดถึงชีวิตที่น่าสงสารของลูกสาวเมื่อพวกเขาแก่ตัวลง “เสี่ยวเสวี่ย เสี่ยวเข่อลี่ทำร้ายลูกอย่างมากเลยนะ แล้วลูกจะปล่อยให้เธอลอยนวลไปงั้นเหรอ? ลูกไม่อยากให้เส้นสายของตระกูลมู่หรงไปต้อนรับเสี่ยวเข่อลี่ในคุกหน่อยเหรอ?”
ตอนนี้ทุกคนจ้องมาที่จางเข่อเหริน
มู่หรงเฟิงหัวหัวเราะออกมาเป็นคนแรก ภรรยาของเขา อ่า ช่างอ่อนไหวจริงๆ แล้วแบบนี้เขาจะไม่รักเธอได้ยังไง!
มู่หรงเสวี่ยมองมาที่แม่ของเธออย่างพูดอะไรไม่ออกแต่ในที่สุดเธอก็เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงมีท่าทางแบบนั้นตอนที่เธอบอกว่าจะปล่อยเสี่ยวเข่อลี่ไป แม่คิดว่าเธอใจดีเกินไป เธอเดาว่าพ่อกับแม่คงไม่เข้าใจสิ่งที่เธอหมายถึง
เธอควรจะทำยังไงดี? หัวใจเธออบอุ่นไปหมด! มันช่างอบอุ่นจริงๆ ครอบครัวที่รักของเธอ! แล้วเธอจะปล่อยให้ เสี่ยวเข่อลี่ เข้ามายุ่งในชีวิตเธอได้ยังไง
มู่หรงเสวี่ยทำปากขยุกขยิก เธอดูเหมือนคนโง่จริงๆ! ในชีวิตที่แล้วเธอนี่โง่จริงๆ “พ่อคะ แม่คะ คือหนูมีวิธีอื่นที่จะจัดการกับเสี่ยวเข่อลี่ พ่อกับแม่สบายใจได้”
มู่หรงเฟิงหัวฟังซึ่งก็ยังไม่เข้าใจ แต่ลูกสาวของมู่หรงเฟิงหัวไม่ใช่คนอ่อนแอจึงพยักหน้าอย่างมีความสุข “ฮ่าฮ่า! นี่สิลูกสาวพ่อ”
จางเข่อเหรินไม่สนใจเรื่องพวกนั้น ตราบใดที่ลูกสาวเธอไม่ถูกรังแกง่ายๆ “โอเค แม่จะไปรับแม่เด็กโหดเหี้ยมคนนั้นเอง” จางเข่อเหรินลุกขึ้นหยิบกระเป๋าอย่างวางท่าและพร้อมที่จะไปเจอแม่เด็กสาวไร้หัวใจแล้ว ก่อนหน้านี้เธอเคยดีกับเสี่ยวเข่อลี่เธอจะพยายามไม่ทำอะไรให้ต่างไปจากเดิม แต่ที่คาดไม่ถึงคือเธอเป็นหมาป่าสาว เสี่ยวเข่อลี่กล้ามาทำร้ายลูกน้อยของเธอ ถึงแม้เธอจะไม่เห็นด้วยที่เสี่ยวเสวี่ยบอกว่าจะปล่อยเสี่ยวเข่อลี่ไปแต่เธอก็ทำอย่างอื่นได้ใช่ไหม?!
มู่หรงเฟิงหัวเสนอตัวที่จะขับรถไปส่งเธออย่างกับเป็นเด็กเล็กๆแต่เธอก็ปฏิเสธไป เธอจึงให้คนขับรถไปส่งที่สถานีตำรวจที่เสี่ยวเข่อลี่อยู่ในเมือง B เสี่ยวเข่อลี่ทำตัวเอง เธอควรจะวางตัวแบบไหน เธอมีความคิดอยู่ในใจแล้ว
ผู้กำกับฟางแห่งสถานีตำรวจเขตคือชายอายุประมาณ 50 พร้อมใบหน้าที่เป็นมิตร เขาได้รับแจ้งข่าวเมื่อเช้าและได้ตรวจสอบตัวตนและสถานะของเสี่ยวเข่อลี่แล้ว เพราะรู้จักกันเป็นพิเศษ เขาไม่ได้ทำให้เด็กสาวอับอายตอนที่เขาสอบสวน เมื่อได้รู้ว่าภรรยาของมู่หรงเฟิงหัวจะมา เขาก็อยู่รอโดยไม่ไปไหน โดยไม่ทำให้เป็นที่สงสัยมากนักจางเข่อเหรินจึงบอกให้คนขับรถรอเธออยู่ในรถ และเธอจะเดินเข้าไปในสถานีคนเดียว
“คุณนายมู่หรง เป็นยังไงบ้างครับ? ผมเป็นผู้กำกับของสถานีนี้ เชิญทางนี้เลยครับ” ผู้กำกับฟางกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม แม้เขาไม่จำเป็นต้องทักทายด้วยความอ่อนน้อม แต่บางคนก็อยู่ในสถานะที่สามารถจะแสดงอาการแบบนี้ได้ ตัวอย่างเช่นผู้หญิงสาวสวยที่อยู่ตรงหน้าเขาที่ไม่สนใจอะไรเลย ดังนั้นเขาจึงรีบนำทางเธอไป
“สวัสดีค่ะ ผู้กำกับฟาง ขอร้องเถอะค่ะฉันกำลังรีบไม่มีเวลามานั่งเล่น เสี่ยวเข่อลี่อยู่ที่ไหนคะ?” สายตาของจางเข่อเหรินมองผู้กำกับฟางอย่างพอใจ เขาสุภาพและไม่ประจบประแจง เสี่ยวเข่อลี่ถูกขังอยู่ในห้องสอบสวนสำหรับผู้เยาว์และกันให้เฉพาะญาติเท่านั้นที่เข้าไปได้
ทันทีที่เสี่ยวเข่อลี่เห็นจางเข่อเหรินกำลังเดินเข้ามา เธอก็ลงไปนั่งคุกเข่าและร้องไห้เป็นเผาเต่าทันที ดวงตาที่กลมโตของเธอทั้งแดงและบวม และผมของเธอก็ออกจะยุ่งเหยิงซึ่งเพิ่มความน่ารักเข้าไปอีก ถ้าจางเข่อเหรินไม่รู้ความจริงก็คงไม่เชื่อว่าเด็กสาวน่ารักแบบนี้จะโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้ “คุณป้าคะ! ไม่ใช่หนูนะคะ หนูไม่ได้ทำ หนูถูกใส่ร้าย…”
สีหน้าของจางเข่อเหรินที่มองหลานสาวดูเยือกเย็น จริงๆแล้วเธอต้องเป็นคนดูแลเสี่ยวเข่อลี่ ถึงแม้เธอจะไม่ชอบเด็กสาวเท่าไรและเพราะพวกเธอเป็นป้าหลานกัน แล้วเธอจะปล่อยทิ้งเสี่ยวเข่อลี่ได้ยังไง แต่เด็กสาวคนนี้ก็ไม่ควรมาทำร้ายลูกสาวของเธอ
“บอกฉันมาสิ ว่าคนอื่นใส่ร้ายเธอยังไง? ว่าไง?” น้ำเสียงเห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ
เสี่ยวเข่อลี่ลุกลี้ลุกลน เธอไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างถูกวางแผนไว้ แต่เมื่อเช้าตอนที่เธอไปหาชายหน้าบาก เธอก็พบว่าพวกเขาทั้งหมดถูกมัดไว้กับเสา ในตอนนั้นเธอรู้สึกแย่มากจึงหันหลังกลับและอยากที่จะหนีไป แต่ก่อนที่เธอจะไปถึงประตูก็มีพวกการ์ดมาล้อมรอบเธอไว้แล้ว
อะไรนะ?! แม้แต่ผู้กำกับฟางที่ได้รับรายงานมาอย่างดีก็ยังรู้สึกว่าเด็กสาวคนนี้ยังเด็กและเต็มไปด้วยแผนการ
ตอนที่เขาไปถึงที่เกิดเหตุเมื่อเช้านี้ เด็กสาวเพิ่งจะวิ่งออกมาจากโกดังรกร้าง สีหน้าเธอหวาดกลัวและร้องให้ช่วย “ช่วยด้วย! ข้างในมีพวกโจรที่อยากจะลักพาตัวฉัน…”
ถ้าเขาไม่ได้รับเทปบันทึกเสียงที่เป็นหลักฐานเมื่อเช้านี้ เขาก็คงจะคิดว่าเด็กสาวคนนี้ถูกพวกโจรจับตัวมาแน่ๆและสีหน้าของเธอก็ไม่มีอะไรผิดปกติเลยด้วย เขาสั่งให้จับกุมเธอด้วยใบหน้าที่เย็นชา
เดี๋ยวนี้เด็กๆโหดร้ายขนาดนี้ได้ยังไง
ผู้กำกับฟางถอนหายใจเบาๆและไม่ได้พูดอะไร ไม่ช้าก็เร็วเด็กนั่นจะต้องถูกปล่อยตัว คำพิพากษาของผู้เยาว์จะถูกดีเลย์ออกไป
เสี่ยวเข่อลี่ร้องไห้อย่างแปลกใจ ร้องไห้อย่างน่าสงสาร “คุณป้า หนูไม่รู้จริงๆนะคะ เมื่อเช้าอยู่ดีๆหนูก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าเสี่ยวเสวี่ยถูกลักพาตัวและบอกให้หนูไปที่โกดังรกร้าง ทันทีที่หนูได้ยินหนูก็กังวลมากจึงรีบออกไปทันที หนูไม่รู้จริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น คุณป้า…” ในตอนนี้เสี่ยวเข่อลี่ไม่คิดว่าจะมีเทปบันทึกเสียง
เสี่ยวเข่อลี่ยิ่งร้องไห้มากขึ้นไปอีก ทั้งเสียง ทั้งน้ำตา จางเข่อเหรินแอบคิดในใจว่า: แสดงได้ดีมาก!
จางเข่อเหรินที่รู้สึกว่าได้เห็นมาพอแล้ว ในที่สุดก็พูดออกมาอย่างเหลืออด “พอได้แล้ว นี่มันอะไรกันเนี่ย?”
จางเข่อเหรินหยิบเทปบันทึกเสียงที่โม่จื่อเหวินให้เธอมาและกดปุ่มเปิด
ทุกประโยคในเทปบันทึกเสียงชัดเจนมาก โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายพร้อมทั้งเสียงหัวเราะดังลั่นก็ได้ยินอย่างชัดเจน
จบแล้ว!
เสี่ยวเข่อลี่ถึงกับหน้าซีดและทรุดลงไปกับพื้น น้ำตาของเธอยังค้างอยู่ในตา ร่างทั้งร่างดูเหมือนจะไร้สติอย่างห้ามไม่ได้ “มีอะไรจะพูดอีกไหม? แม่หลานสาว “แสนดี” ของป้า ฉันกล้าพูดเลยว่าตระกูลมู่หรงดูแลเธออย่างดี เธอทำแบบนี้ทำไม?” จางเข่อเหรินไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมเสี่ยวเข่อลี่ถึงทำแบบนี้
เสี่ยวเข่อลี่โง่หรือไง?!! ไม่เลย ในความคิดของจางเข่อเหริน เสี่ยวเข่อลี่ฉลาดอย่างมาก เธอต้องการการปกป้องดูแลจากตระกูลมู่หรง แล้วเธอโง่ขนาดนี้จนทำเรื่องที่จะทำให้ตระกูล มู่หรงเสื่อมเสียได้ยังไง?!