บทที่ 2 การเกิดใหม่
น่าเจ็บใจจริงๆ! เอ๊ะ! นี่ฉันยังไม่ตาย?! มู่หรงเสวี่ยค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆ แสงแดดอ่อนๆสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างที่อยู่เหนือหัวเตียง ห้องที่ตกแต่งด้วยโทนสีชมพูทำให้เธอรู้สึกแปลกใจ
เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ? สภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย นี่คือวันเกิดตอนที่เธออายุ 15 หลังจากที่แม่ของเธอตั้งใจหานักตกแต่งชื่อดังระดับโลกมาตกแต่งให้เธอเป็นพิเศษ แล้ว… ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงล่ะ?!! หรือว่าคนในตระกูลมู่หรงมาช่วยฉันอย่างงั้นเหรอ แต่… คุณพ่อคุณแม่… พวกท่านไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วนี่…
ในเวลาเดียวกัน เสียงเร่งฝีเท้าดังขึ้นด้านนอกประตู จากนั้นใบหน้าที่แสนคุ้นเคยก็ปรากฏขึ้น ผู้หญิงที่เดินเข้ามานั้น เธอเป็นคนที่สวยและสง่างามมาก เธอรีบเดินตรงเข้ามาหา มู่หรงเสวี่ยด้วยสีหน้าเป็นกังวล โดยไม่ลืมที่จะเรียกหมอที่อยู่ในชุดคลุมสีขาวทางด้านหลัง
“คุณหมอหวัง รบกวนตรวจสอบอาการของเธออีกครั้งได้ไหมคะ เสี่ยวเสวี่ยไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?” น้ำเสียงปนสะอื้นของเธอแสดงให้เห็นว่าหญิงคนนี้กำลังกังวลมากขนาดไหน
มู่หรงเสวี่ยจ้องมองหญิงสาวที่งดงามคนนี้อย่างโง่เขลา และไม่คิดที่จะขยับตัวเลย ผู้หญิงคนนี้คือมารดาของเธอ จางเข่อเหริน ท่านช่างงดงามและดูสาวเหมือนอย่างสิบปีก่อนไม่มีผิด
หมอคนนั้นตรวจสอบอาการเบื้องต้นของมู่หรงเสวี่ย แล้วหันไปพูดกับอีกฝ่ายว่า “ดูเหมือนว่าไข้จะลดลงนิดหน่อย คนไข้ได้สติแล้ว จากอาการของคนไข้ ตอนนี้ไม่น่าจะมีอะไรร้ายแรงค่ะ”
“ขอบคุณที่คุณมาทันเวลานะคะ คุณหมอหวัง” กล่าวจบ น้ำตาของคุณแม่จางได้เอ่อล้นออกมาอีกครั้ง
“แต่ว่าร่างกายของลูกสาวของคุณยังไม่แข็งแรงดี คุณอย่าลืมดูแลเรื่องอาหารการกินของเธอด้วยนะคะ แล้วก็ ต่อไปนี้ห้ามปล่อยให้เธอเล่นน้ำนานๆแบบนี้อีก ยังดีที่เธออายุไม่เยอะ ไม่งั้นอาการคงจะแย่กว่านี้…” ดร.หวังหยิบใบแนะนำออกมาจากกระเป๋าในขณะที่บอกเรื่องสำคัญกับอีกฝ่าย
หลังจากที่ได้ฟังคำแนะนำ สีหน้าของคุณแม่จางดูสับสนเล็กน้อย เผยความเศร้าโศกออกมาให้เห็นผ่านดวงตาของเธอ
อะไรคือ อยู่ในน้ำนานเกินไป? คุณแม่? … เอ๊ะ นี่ฉันกลับมาเกิดใหม่อย่างงั้นเหรอ?!!!
“เสี่ยวเสวี่ยลูกรัก เกิดอะไรขึ้นกับลูกกันแน่?” คุณแม่จางจ้องมาที่มู่หรงเสวี่ยด้วยสายตาคม ในดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจปนตกใจ เมื่อมองอีกครั้งจะสังเกตได้ว่ารูม่านตาขยายจนเห็นได้ชัด หรือว่าตอนนี้เธอเหนื่อยเกินไปจนมองอะไรผิดไปหรือเปล่านะ?
มู่หรงเสวี่ยคิดถึงชีวิตช่วงสุดท้ายของตัวเอง ตอนนี้เป็นช่วงก่อนที่จะขึ้นมัธยมปลาย อีกไม่กี่วัน เธอก็จะมีอายุครบ 15 ปีแล้ว
หนึ่งวันก่อนที่เธอจะป่วย เสี่ยวเข่อลี่พาเธอไปดูดาวโรงเรียน หยางเฟิง แข่งว่ายน้ำ ในตอนที่หยางเฟิงขึ้นมาบนฝั่ง จู่ๆเธอก็ถูกเสี่ยวเข่อลี่ใช้เท้าขัดเธอไปยังทางของหยางเฟิง แต่เพราะ หยางเฟิงยืนอยู่ห่างจากเธอไกลไปหน่อย ทำให้มู่หรงเสวี่ยล้มหน้าคะมำอยู่ตรงหน้าหยางเฟิงด้วยท่าที่ไม่น่ามองสักเท่าไร
ในเวลาเดียวกัน เสี่ยวเข่อลี่ได้ร้องอุทานออกมา “เสี่ยวเสวี่ย! ถึงเธอจะชอบหยางเฟิง แต่เธอไม่จำเป็นต้องทำท่าตื่นเต้นขนาดนี้เลยก็ได้นะ นี่เธอตื่นเต้นถึงขนาดล้มหน้าคว่ำเลยเหรอ?!!” เสี่ยวเข่อลี่ปั้นหน้าสงสารปนกังวลเรื่องมู่หรงเสวี่ยอย่างมาก
คงมีแค่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าน้ำเสียงที่อีกฝ่ายร้องออกมาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง หยางเฟิงเป็นคนที่หล่อมากๆ ถึงเขาจะเป็นคนเย็นชาแต่เขาก็เป็นถึงนายน้อยของตระกูลหยาง
ตระกูลหยางเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมือง เรียกได้ว่าเป็นตระกูลที่รวยที่สุดเลยก็ว่าได้ เป็นธรรมดาที่จะมีสาวๆมากหน้าหลายตาแอบชอบเขา พวกเธอจึงจัดตั้งกลุ่มแฟนคลับหยางเฟิง พวกเธอจะคอยไปเชียร์ตอนที่หยางเฟิงลงแข่งกีฬา
สาวๆพวกนั้นไม่พอใจในตัวเธอ ถึงขนาดว่าจับเธอโยนลงสระว่ายน้ำ มันเกือบจะรบกวนการแข่งขันของเขาเสียแล้ว ถึงจะมีคนมาช่วย แต่เธอก็ยังรู้สึกไม่โอเคอยู่ดี หลังจากนั้นบรรดาแฟนคลับของหยางเฟิงก็ยังสร้างปัญหาให้กับมู่หรงเสวี่ยนับครั้งไม่ถ้วน
หลังจากนั้น มู่หรงเสวี่ยได้ไถ่ถามเสี่ยวเข่อลี่ว่า ทำไมตอนนั้นเธอต้องขัดขาของเธอ ผลที่ได้ก็คือเสี่ยวเข่อลี่ตอบเธอด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อยว่าตอนนั้นคนเยอะมาก ทำให้เธอไม่เห็นว่าตัวเองกำลังขัดขาเธออยู่และเหตุผลอื่นๆที่เจ้าตัวพยายามสรรหาคำมาหลอกให้เธอหลงเชื่อ แล้วเธอก็หลงเชื่ออีกฝ่ายจริงๆ
ในตอนนี้ พอมานึกย้อนดูแล้ว เธอก็รู้ว่าถึงเสี่ยวเข่อลี่จะยังเด็กอยู่ แต่เธอก็มีเป้าหมายและคิดร้ายกับเธอเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว มู่หรงเสวี่ย เธอมองคนผิดไปจริงๆ!
เสี่ยวเข่อลี่ ฟางฉีฮัว การที่ฉันกลับมาเกิดอีกครั้ง เรียกได้ว่าเป็นคราวซวยของพวกแกแล้ว ฉันรับรองเลยว่าจะทำให้พวกแกต้องชดใช้มันด้วยเลือดและชีวิต!!!
“แม่คะ หนูคิดถึงแม่จังเลย!” มู่หรงเสวี่ยมองไปที่คุณแม่จางที่อยู่ตรงหน้า ราวกับได้เห็นสมบัติล้ำค่าที่หายไปได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
“เจ้าเด็กโง่เอ๊ย ต่อไปอย่าทำอะไรหุนหันแบบนี้อีกนะ แม่ตกใจแทบแย่…” คุณแม่จางได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากปากของเสี่ยวเข่อลี่ เธอคิดว่าตัวเองหละหลวมในเรื่องการอบรม มู่หรงเสวี่ย ต่อไปนี้เธอจะต้องดูแลและเอาใส่ใจลูกให้มากขึ้นกว่าเดิมเสียแล้ว
“นี่ เสี่ยวเสวี่ย ถึงเธอจะชอบหยางเฟิงขนาดไหนก็อย่าหุนหันอย่างนั้นสิ เธอรู้ไหมว่าฉันกับคุณป้าเป็นห่วงเธอมากเลยนะ”
เสี่ยวเข่อลี่ที่รีบเดินเข้ามาในห้องด้วยความร้อนรน ใบหน้าเผยความกังวลออกมา การแสดงครั้งนี้สุดยอดจริงๆ ในอดีตมู่หรงเสวี่ยไม่ได้นึกสนใจท่าทางหรือคำพูดของเสี่ยวเข่อลี่เลยเนื่องจากไข้ของเธอก็เพิ่งจะลด
แม่ของเธอก็คิดว่าเธอชอบหยางเฟิงจริงๆ หลังจากนั้น มู่หรงเสวี่ยก็มักจะทะเลาะกับแม่เพราะอีกฝ่ายไม่เชื่อใจเธอ และเพิ่มกฎให้เธอมากขึ้น ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างสองแม่ลูกจึงแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชาและมีเรื่องให้โต้เถียงกันอยู่เรื่อยมา
“เข่อลี่ เธอจะบอกว่าฉันชอบหยางเฟิงได้ยังไงกัน ในเมื่อเธอเป็นคนลากฉันไปดูเขาเอง…ไม่ใช่เหรอ? ก่อนหน้านี้ฉันไม่รู้จักหยางเฟิงเลยด้วยซ้ำ แล้วอย่างนี้ ฉันจะไปชอบเขาได้ยังไงล่ะ? อีกอย่าง คนที่ขัดขาฉันก็คือเธอนั่นแหละ!” เสี่ยวเข่อลี่ยังคงดึงดันเพราะอีกฝ่ายคิดว่าเธอจะต้องโง่เง่าเหมือนอย่างชีวิตเดิม ก่อนที่เธอจะกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง
ในอดีต เธอไม่ได้บอกเรื่องที่เสี่ยวเข่อลี่ขัดขาเธอให้แม่รู้ เดิมทีแม่เธอก็ไม่ชอบเสี่ยวเข่อลี่อยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะมู่หรงเสวี่ย อีกฝ่ายจะมาใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในบ้านของมู่หรงเสวี่ยได้ยังไง ถ้าไม่ใช่เพราะมู่หรงเสวี่ย ด้วยเหตุนี้เสี่ยวเข่อลี่จึงไม่ได้พบเจอความอดอยากอีกเลย
หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของมู่หรงเสวี่ย ดวงตาของ จางเข่อเหรินก็เย็นชาขึ้นมา เธอรู้ดีว่าเสี่ยวเข่อลี่มีจิตใจที่ไม่บริสุทธิ์ เด็กคนนี้ไม่เหมือนกับเสี่ยวเสวี่ย เธอเคยเห็นเรื่องบาดหมางต่างๆในตระกูลใหญ่มาไม่น้อย
ก่อนหน้านี้เธอคอยแนะนำเสี่ยวเสวี่ยเสมอว่าอย่าผูกมิตรกับเสี่ยวเข่อลี่มากเกินควร และสิ่งที่เธอคิดออกมาตรงกันข้ามเสมอ เพราะทุกครั้งที่เธอแนะนำลูกสาวที่น่ารัก เสี่ยวเสวี่ยมักจะเป็นฝ่ายทะเลาะกับเธอเสมอ เธอจึงไม่มีทางเลือกนอกจากปล่อยให้เธอได้ทำตามใจตัวเอง
“เสี่ยวเสวี่ย วันนั้นเป็นการแข่งขันว่ายน้ำของพวกเด็กมหาลัยต่างๆนะ ฉันก็แค่อยากจะชวนเธอไปเชียร์โรงเรียนของเราเท่านั้นเอง อีกอย่าง ในสนามก็มีคนตั้งเยอะแยะ ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าไปขัดขาเธอเข้าตอนไหน นี่เธอโกรธฉันรึเปล่า? ฉันขอโทษนะ ฉันเป็นคนผิดเอง เสี่ยวเสวี่ย เธอจะด่าฉันก็ได้นะ แต่อย่าถือโทษโกรธกันเลยได้ไหม?” สีหน้าของเสี่ยวเข่อลี่ซีดลงทันที และสีหน้าน่าสงสารทำให้เธอรู้สึกสงสาร และดูเหมือนว่ามู่หรงเสวี่ยจะหลงเชื่อเธอ ใครก็ตามที่ได้ยินแบบนี้ พวกเขาต่างก็ต้องคิดว่าเด็กสาวคนนี้ไม่ได้ตั้งใจทำมันจริงๆ ถ้ามู่หรงเสวี่ยไม่ปล่อยเธอไป เธอก็จะดูเป็นคนใจร้ายใจดำไปหน่อย แบบนั้นเธอก็คงรับมือกับญาติของเธอคนนี้ไม่ได้น่ะสิ
“คือ ฉันคิดว่าเธอชอบหยางเฟิง เพราะเมื่อวานเธอชมเขาทั้งวันเลยและก็เอาแต่พูดเรื่องความดีความชอบของเขาตั้งเยอะ ฉันไม่เคยเห็นเธอชมใครมากขนาดนี้มาก่อนเลยนะ”
มู่หรงเสวี่ยแสร้งทำเป็นใสซื่อ ทันทีที่ได้ยิน คนที่เหลือที่ยืนอยู่ใกล้ๆต่างก็เบนสายตาไปทางเสี่ยวเข่อลี่ พวกเขารู้สึกว่าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดา
สีหน้าของเสี่ยวเข่อลี่ดูกระด้างขึ้นแต่ก็ได้หายไปแทบจะทันที ถ้ามู่หรงเสวี่ยไม่ได้จ้องเธออยู่ เธอก็คงไม่รู้สึกตัว
“เราเป็นพี่น้องที่รักกันนะ ฉันก็แค่ชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย ฉันไม่ได้ชอบเขาสักหน่อย เสี่ยวเสวี่ย เธอเข้าใจผิดแล้ว” เสี่ยวเข่อลี่ ไม่พอใจมากจนแทบจะเก็บสีหน้าตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ น่าแปลกที่วันนี้มู่หรงเสวี่ยดูเหมือนจะแตกต่างไปจากเดิม
เธอมักจะพูดจี้ใจอีกฝ่ายมาตลอด หรือว่าเธอรู้ความจริงแล้ว? ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้!!! คนโง่อย่างนี้มักจะถูกเธอหลอกอยู่เสมอ แล้วจะรู้ความจริงได้ยังไง? อาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญก็ได้ เสี่ยวเข่อลี่ นี่เธออย่าคิดมากสิ!
“อ้าว จริงเหรอ? ก็ได้ ฉันเข้าใจแล้ว ตอนนี้ ฉันรู้สึกเพลียนิดหน่อย อยากพักผ่อนแล้ว” มู่หรงเสวี่ยที่เพิ่งจะรู้สึกตัว รู้สึกเพลียเล็กน้อย หนทางที่จะคิดบัญชีกับเสี่ยวเข่อลี่ยังอีกยาวไกล
“เสี่ยวเสวี่ยไม่ค่อยสบายเท่าไร ออกไปข้างนอกก่อนเถอะ วันนี้ให้เธอได้พักก่อนก็แล้วกันนะ” คุณแม่จางที่เห็นใบหน้าอ่อนเพลียของมู่หรงเสวี่ย ก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย
เมื่อได้ยินแบบนั้น เสี่ยวเข่อลี่และคนอื่นๆจึงเดินออกมาจากห้องของมู่หรงเสวี่ยด้วยความเป็นห่วง มีเพียงมู่หรงเสวี่ยที่ยังคิดถึงทุกอย่างที่เสียไปและรอการเอาคืน