วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 202 อันตราย!!!

“ฉันเป็นแขกของพวกคุณ หมายเลข015เย่ฉ่าวเฉิน”

“สวัสดีค่ะคุณเย่ ไม่ทราบว่าอยากให้เราช่วยอะไรคะ?”

“ของที่ฉันฝากไว้ที่บริษัทคุณ อยากถอนออกมา แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่ที่เมืองA ให้คนไปช่วยถอนได้ไหม?”

“ต้องขออภัยด้วยนะคะ ตามข้อบังคับของเรา คุณต้องมารับด้วยตนเอง ไม่สามารถให้คนอื่นมารับแทนได้”

เย่ฉ่าวเฉินรู้อยู่แล้วว่าผลลัพธ์ต้องเป็นแบบนี้ ยังไม่ทันวางสาย ก็มีหมัดลอยมา โชคดีที่เขาหลบทัน

“ เย่ฉ่าวเฉิน มึงจงใจสินะ เมื่อวานแกไม่คิดที่จะส่งแผนที่สมบัติที่สมบูรณ์แบบเลยใช่ไหม?” ชายผู้นั้นกำลังโกรธมาก

เย่ฉ่าวเฉินยื่นโทรศัพท์ให้เขาและเยาะเย้ย “คุณเฉา คุณกับฉันต่างก็อยู่ในหมากนี้ และเข้าใจถึงอันตราย ฉันมาเองคนเดียว แบบนี้จะไม่เหลือทางรอดให้ตัวเองไว้หน่อยได้ยังไง? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงขุมสมบัติมหาศาลแบบนี้”

ชายคนนั้นจ้องมองเขาด้วยความโกรธ ชักปืนขึ้นมาต่อหน้าเขา“ เย่ฉ่าวเฉิน มึงคิดว่ากูไม่กล้าฆ่ามึงหรอ? กูก็แค่ไม่เอาส่วนแบ่งครึ่งนั้น”

เย่ฉ่าวเฉินมองเขาและมือกอดอก เย่ฉ่าวเฉินรู้ว่าเขาไม่ยิงแน่นอน เพราะความโลภของเขามากเกินกว่าที่จะยอมไม่เอาส่วนแบ่งที่เหลือ

ขณะที่ชักปืนออกมา ผู้คุ้มกันก็เข้ามาพูดอะไรบางอย่างที่ข้างหูของลูกพี่ด้วยสีหน้าลุกลี้ลุกลน สีหน้าของซิ้งเฉาเปลี่ยนไป เขาวางปืนลงและพูดกับลูกน้องว่า “พามันขึ้นรถ”

“ครับ”

เย่ฉ่าวเฉินถูกผู้คุ้มกันผลักไปที่รถ เห็นว่ามีคนเจ็ดแปดคนในบ้านกำลังวิ่งมาที่รถ พวกเขา……เหมือนกำลังวิ่งหนี

หรือว่ามีคนเจอที่นี่?

เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกมีความหวัง เขาจำคำพูดของซิ้งเฉาได้ เรื่องของเขาได้มาจากคนอื่น หรือว่าตอนนี้ “คนอื่น” กำลังมา?

ในสถานการณ์ที่วุ่นวายแบบนี้ เขาสามารถหยิบปืนและขโมยรถหนีไปได้ แต่เขาไม่ไป เขาต้องรู้ให้ได้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือใคร

“เห้ย พวกแกวิ่งทำไมวะ มีคนตามหาพวกแกหรอ?” หลังจากที่รถแล่นไปที่ถนน เย่ฉ่าวเฉินยิ้มและถามผู้คุ้มกันข้างซ้ายเขา

ชายคนนั้นเหลือบมองเขา “แกนี่พูดมากจังวะ”

“ถึงยังไงก็ไม่มีไรทำนิ เห้ย พวกแกจะพาฉันไปไหน?” เย่ฉ่าวเฉินหันไปถามชายทางขวา

“ ถ้าแกพูดอีกคำ ฉันจะปิดปากแก” ผู้คุ้มกันขู่เขา

เย่ฉ่าวเฉินหุบปากอย่างไม่เต็มใจ

รถสี่ห้าคันกำลังวิ่งไปทางทิศใต้ ราวกับว่ามีเสือหมาป่าไล่ตามพวกเขาอยู่ เมื่อเห็นท่าทางของคนทั้งสองข้างและข้างหน้ายิ่งอยู่ยิ่งกระวนกระวาย ทำให้เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกว่ามือที่อยู่ข้างหลังก็จัดการได้ง่ายๆ

ซิ้งเฉาที่ปกติโหดร้ายมาก ถึงแม้จะสมองไม่มีไอคิว แต่ก็ไม่ใช่คนขี้ขลาดตาขาว แต่กลับถูกคนไล่ต้อนเหมือนกระต่ายถูกล่า เขานี่จัดการง่ายจริงๆ

หลังจากที่รถแล่นไปข้างหน้านานกว่าหนึ่งชั่วโมง เข้าสู่ใจกลางเมืองS เมืองเมื่อมีรถมากขึ้นความเร็วก็ช้าลง แต่ก็ง่ายต่อการจะกำจัดการไล่ตามของฝ่ายตรงข้าม

เย่ฉ่าวเฉินมองออกไปข้างนอกผ่านกระจกรถโดยบังเอิญ รถที่คุ้นเคยคันหนึ่งพุ่งเข้ามาในสายตา มองไปที่ป้ายทะเบียนรถ นี่รถของบ้านเขาไม่ใช่หรอ? น่าเสียดายที่ฟิล์มของรถบังมองไม่เห็นว่าใครอยู่ข้างใน แต่เขาเดาว่าน่าจะเป็นจางเหอพาคนตามมา

เขาหายตัวไป จางเหอกับผู้ดูแลหวังคงจะกังวลแทบตาย พวกเขาคงแทบพลิกแผ่นดินหา แต่ไม่รู้ว่าเวยเวยจะเป็นห่วงบ้างไหมนะ

เธอ……คงเป็นห่วงแหละ เพราะว่าตัวเองทำไปก็เพื่อช่วยเธอ ถึงยังไงแล้ว ก็เป็นเพราะแผนที่สมบัติที่อยู่ในมือทำให้เธอต้องเหนื่อยไปด้วย ตัวเองต้องช่วยเธอก็สมควรแล้ว

รถขับหมุนวนไปรอบๆเมืองSเป็นเวลานาน จากนั้นก็ไปจอดที่หน้าประตูตึกร้างสองชั้น ขณะนั้นเป็นเวลาเย็นแล้ว

เย่ฉ่าวเฉินถูกผลักเข้าไปที่ประตู ซิ้งเฉากำลังดื่มน้ำอย่างร้อนรน ดื่มเสร็จก็นั่งลงบนเก้าอี้และหอบ

เย่ฉ่าวเฉินนั่งลงบนเก้าอี้อีกตัว มองไปที่ซิ้งเฉาอย่างจริงจังและถามว่า “มีคนกำลังไล่ตามแกหรอ?”

เขาลืมตาและมองไปที่เย่ฉ่าวเฉินไม่พูด

“ให้ฉันลองทายดูสิ้” เย่ฉ่าวเฉินพูดพร้อมกับยกขาและเอียงศีรษะ “อีกฝ่ายกำลังเล็งแผนที่สมบัติในมือแกล่ะสิ ใช่ไหม?”

ชายคนนั้นก็ยังไม่พูด

เย่ฉ่าวเฉินพูดต่อ “แกเพิ่งได้แผนที่สมบัติ อีกฝ่ายก็ได้ข่าวทันที สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือ คนที่ไล่ตามแกให้แกมาแย่งแผนที่สมบัติไป เมื่อแกได้ไปก็เล่นตุกติก ทำให้อีกฝ่ายหงุดหงิด เพราะงี้……”

“มึงช่วยหุบปากได้ไหมวะ!” ชายคนนั้นตะโกนออกมาด้วยควมโกรธ

เย่ฉ่าวเฉินเห็นปฏิกิริยาของเขาก็รู้เลยว่าตัวเองทายถูก แถมอีกฝ่ายต้องมีอำนาจแข็งแกร่งมากแน่นอน แกร่งจนซิ้งเฉาทำได้แค่วิ่งหนี ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นเขาก็ยิ่งยังไปไม่ได้

ผ่านมาครึ่งวัน คนเป็นสิบๆคนอยู่ในอาการกระวนกระวายนอกจากเย่ฉ่าวเฉิน โชคดีที่สถานการณ์เย็นลง อีกฝ่ายก็ไม่ไล่ตามแล้ว

ท้องฟ้ามืดลงเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าผู้คุ้มกันไปซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาจากไหนสิบกว่ากล่องสำหรับมื้อเย็น ซิ้งเฉาโยนให้เย่ฉ่าวเฉินหนึ่งกล่อง เขาไม่เคยกินของพวกนี้เพราะมันมีสารปรุงแต่งหลายสิบอย่างในกล่อง อาหารแบบนี้จะไม่ปรากฏบนโต๊ะอาหารของเขาแน่นอน แต่เมื่อเวลาคนหิวโหย ใครจะมามัวเรื่องมากกันล่ะ?

บางส่วนพักกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป บางส่วนเฝ้า อากาศร้อนอบอวลไปด้วยกลิ่นของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

เย่ฉ่าวเฉินกัดคำนึงรู้สึกว่ากลืนไม่ลง ในขณะที่กำลังจะกินคำที่สอง ก็มีเสียงวุ่นวายดังมาจากข้างนอก

ซิ้งเฉาที่อยู่ข้างๆเขาชักปืนออกมาอย่างรวดเร็วและวิ่งออกไป แต่ก่อนที่เขาจะวิ่งไปที่ประตู ประตูก็มีเสียงดัง “ปั๊ง” มีคนเตะเข้ามาก่อน ทันใดนั้นก็มีปืนจ่อเข้าที่หัวเขาทันที

“อย่าขยับ วางปืนลง” ผู้มาเยือนมองไปรอบๆห้องด้วยสายตาเย็นชาและหยุดชั่วขณะเมื่อเขาเดินผ่านเย่ฉ่าวเฉิน

ซิ้งเฉาค่อยๆก้าวถอยหลัง ตะโกนใส่ผู้คนที่บุกเข้ามา “อย่าหุนหัน พวกเราวางปืนลงทั้งหมดแล้ว”

เวลาต่อมา มีชายอีกคนเดินเข้ามาที่ประตู สูงหล่อเหลาและสวมเสื้อยืดสีขาว แต่เย่ฉ่าวเฉินสามารถมองออกในทันทีว่าเสื้อยืดดูธรรมดา แต่มีราคาแพงมาก

เขาเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังหรือเปล่านะ? ทันใดนั้นก็ได้ยินเขาพูดว่า “เฉาจื่อกัง กล้าดีจังเนอะ กล้ามาแตะต้องของของเจ้านาย?”

ที่แท้คนที่ชื่อซิ้งเฉา ก็คือเฉาจื่อกัง

“จางเหิง อย่าเข้าใจฉันผิด ฉันจะกล้าเอาของของเจ้านายได้ยังไง” ความหยิ่งผยองของเฉาจื่อกังในช่วงสองวันที่ผ่านมาหายไปทั้งหมด กลายเป็นลูกแมวเชื่องๆตัวหนึ่ง

“แล้วแกวิ่งหนีอะไร” จางเหิงหยุนถามอย่างใจเย็นพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา

เฉาจื่อกังถูกปืนจี้อยู่ที่ขาไม่สามารถหนีไปไหนได้ ยิ้มและพูดหยอก “จางเหิง คุณช่วยบอกให้พี่ชายพวกนี้วางปืนลงก่อนดีไหม? มีอะไรก็ค่อยๆคุยกัน”

“ เจ้านายบอกให้แกไปเอาของ แต่แกกลับคิดจะโกงกิน ฉันไม่มีพี่น้องแบบนี้”

เฉาจื่อกังอธิบายด้วยรอยยิ้มที่น่าอึดอัดใจ “จางเหิง คุณเข้าใจผิดแล้วจริงๆ ฉันไม่มีความคิดนั้นเลย ฉันแค่คิดว่านานๆกว่าจะได้ออกมาที ก็อยากพักผ่อนเที่ยวให้อิ่มแล้วค่อยกลับไป”

รอยยิ้มของจางเหิงยิ่งสดใสขึ้น แต่รอยยิ้มนั้นไม่เข้าตา “งั้นแกอธิบายหน่อยสิ้ ทำไมโทรศัพท์แกถึงโทรไม่ติด? ”

“ฉัน……ฉันทำโทรศัพท์หาย” เฉาจื่อกังพูดตะกุกตะกัก

เย่ฉ่าวเฉินนั่งอยู่ไม่ไกล ตั้งใจฟังบทสนทนาของพวกเขาและกำลังกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จางเหิง? มันสะกดคำไหน? ไม่เคยจะได้ยินชื่อนี้เลย

“อ๋อ~ ทำโทรศัพท์หายแล้ว ตอนฉันไปหาแกที่บ้าน แกวิ่งหนีอะไรเอ่ย”

ดวงตาของเฉาจื่อกังร้อนรนเป็นไฟ ทันใดนั้นก็มองไปที่เย่ฉ่าวเฉินและพูดว่า “ตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าเป็นคุณ ฉันคิดว่าเป็นลูกน้องของเย่ฉ่าวเฉิน ดังนั้นก็เลยรีบออกมาจากที่นั่น”

ทันทีที่เขาพูดในสิ่งนี้ออกมา จางเหิงก็ชกเข้าที่หน้าท้องอย่างแรง รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไปหมด “เฉาจื่อกกัง แกคิดว่าฉันเป็นเด็กสามขวบหรอ? จะมาเชื่อนิทานหลอกเด็กแบบนี้”

เฉาจื่อกังก้มตัวลงและจับหน้าท้องของเขา “จางเหิง สิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริง”

จางเหิงชกเขาอีกครั้งแรงกว่าเดิม จนเย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้วขณะที่เขาฟัง “ฉันว่าแกคงลืมไปแล้วล่ะว่าทรยศเจ้านายสุดท้ายมันเป็นไง”

เฉาจื่อกังเงยหน้าขึ้นมองเขา “แกอยากฆ่าฉัน?”

“ไม่ใช่ฉันอยากฆ่า แต่เป็นเจ้านายที่อยากฆ่าแก ฉันก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น”

“แกไม่มีสิทธิ์นั้น ฉันอยากเจอเจ้านาย” เฉาจื่อกังตะโกนใส่เขา

“ตั้งแต่แกคิดจะทรยศเจ้านาย แกก็หมดโอกาสตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เฉาจื่อกัง เอาของคืนมา ฉันจะลงมืออย่างรวดเร็วไม่ต้องทนทุกข์ทรมานก่อนลงไปยมโลก…… ”

เฉาจื่อกังเงียบไปครู่หนึ่งและในที่สุดก็ถอนหายใจและพูดว่า “เอาล่ะ คราวนี้ฉันจะยอมรับ แต่พี่น้องเหล่านี้พวกเขาไม่เกี่ยวข้อง อย่าทำอะไรพวกเขา”

“ได้ ฉันรับปาก” จางเหิงสัญญาทันทีและเขาก็ไม่ได้อยากฆ่าคนมากขนาดนี้

เฉาจื่อกังยืดตัวขึ้นและเอื้อมมือไปหยิบแผนที่ขุมสมบัติจากกระเป๋าของเขา ใช้โอกาสตอนนี้ คนถือปืนไม่ระวัง เขารีบไปคว้าปืนจากนั้นก็ล้มลงในการชุลมุน

นี่เป็นเรื่องความเป็นความตาย เฉาจื่อกัง ใช้ทักษะเกือบทั้งหมดในการจัดการกับคนทั้งหมดที่จางเหิงพามา

และเย่ฉ่าวเฉินคนที่ถูกมัดกลายเป็นคนที่ไม่มีใครสังเกตเห็น สิ่งที่เขาทำได้มากที่สุดในระยะประชิดนี้คือหลีกเลี่ยงคนที่ชนเขาอย่างกะทันหัน

ไม่กี่นาทีต่อมา การชุลมุนสิ้นสุดลงด้วยกระสุนปืน เฉาจื่อกังถูกยิงเข้าที่หน้าอกและล้มลงกับพื้น ทันใดนั้นเลือดสีแดงก็เปื้อนกระเบื้องพื้น

“พวกมึงทุกคนอยากตายตามมันไปไหม?” จางเหิง เหลือบมองไปที่คนของเฉาจื่อกัง หลายสิบคนลังเลอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ก้มศีรษะของพวกเขาสำหรับคนเหล่านี้มันเป็นงานยากที่จะติดตามใครก็ได้ แต่จำเป็นต้องเอาชีวิตรอดจากความตายก่อน

จางเหิง พอใจกับการแสดงของพวกเขามาก ก้มตัวและพลิกกระเป๋ากางเกงของเฉาจื่อกัง และพบแผนที่ขุมสมบัติขาดครึ่งในกระเป๋าซ้ายของเขา

ของล้ำค่าขนาดนี้ เฉาจื่อกังต้องเอาไว้ใกล้ตัว เก็บไว้ที่ห้องหรือในรถเขาไม่ไว้ใจแน่นอน

จางเหิงวางแผนที่เข้าด้วยกันและดูอย่างระมัดระวัง เขาขมวดคิ้วเพราะเห็นว่าแผนที่นี้ยังไม่สมบูรณ์

จางเหิงเดินไปที่ฝั่งตรงข้ามของเย่ฉ่าวเฉิน โดยแยกโต๊ะออกจากเขาและท่าทีของเขาค่อนข้างใจดี“ คุณเย่ ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว”

เย่ฉ่าวเฉินนั่งบนเก้าอี้ วางมือบนหัวใจและมองไปที่เขาด้วยสายตาที่ไม่แยแส “ชมเกินไปแล้ว”

“ คุณเย่ ทำไมแผนที่อันนี้ถึงไม่สมบูรณ์?” จางเหิงมองเขาอย่างลังเล

เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะเยาะ “ฉันจะรู้ได้ยังไง? แต่ที่แน่ๆ ตอนที่ฉันเอาให้เฉาจื่อกังมันสมบูรณ์แบบแล้ว”

ร่องรอยความสงสัยคืบคลานผ่านดวงตาของ จางเหิงเขาไม่เห็นว่าแผนที่ขุมสมบัติหน้าตาเป็นอย่างไรและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเฉาจื่อกัง และเย่ฉ่าวเฉิน ตอนนี้เย่ฉ่าวเฉินบอกว่ามันสมบูรณ์แล้ว แล้วส่วนที่เหลือล่ะ?

รู้แบบนี้ไม่น่ารีบฆ่าเฉาจื่อกังเลย คนตายมันพูดไม่ได้

จางเหิงจ้องไปที่เย่ฉ่าวเฉินโดยไม่เห็นความตึงเครียดใดๆบนใบหน้าของเขา เขาพูดความจริงหรือว่าเขาใจกล้า จางเหิงเรียกลูกน้องของเฉาจื่อกังมาและถามเขาว่า “เฉาจื่อกังเคยบอกอะไรเกี่ยวกับแผนที่นี้ไหม?”

“ไม่เคย เขาไม่เคยพูดถึงแผนที่ต่อหน้าพวกเราเลย”

สายตาจางเหิงจ้องกลับไปที่เย่ฉ่าวเฉินอีกครั้ง เขาขี้เกียจพูดเรื่องไร้สาระและชักปืนออกมาจ่อที่ขมับของเขาโดยตรง“ ถ้าแกไม่พูด งั้นคุณเย่ก็ไม่มีค่าอะไรแล้ว ถ้าอย่างงั้นก็ไปอยู่กับเฉาจื่อกัง ระหว่างไปยมโลกพวกแกจะได้เป็นเพื่อนร่วมทางกันด้วย ”

เย่ฉ่าวเฉินกัดฟัน จางเหิงเป็นคนที่โหดเหี้ยม เขากล้าพูดกล้าทำแน่

“เอาล่ะ ฉันยอมรับว่าแผนที่นี้ไม่สมบูรณ์”

“ แล้วที่เหลือล่ะ?”

“ฉันเก็บมันไว้ในห้องนิรภัยในเมือง A” เย่ฉ่าวเฉินพูดอ้างคำนี้ออกไป ถึงยังไงก็ไม่มีใครเห็นอยู่ดี ดังนั้นเขาจึงสามารถวาดใหม่ได้ในตอนนั้น

จางเหิงจ้องมองเขาอย่างดุร้ายราวกับว่ากำลังตัดสินความจริงจากสิ่งที่เขาพูด

“คุณเย่ ฉันหวังว่าคุณจะไม่ล้อเล่นกับฉัน”

เย่ฉ่าวเฉินตะคอกอย่างเย็นชา“ ถ้าไม่เชื่อ แกก็ไปที่ห้องนิรภัยในเมือง A ตรวจสอบดูว่าฉันเก็บอะไรไว้ในนั้นก็ได้”

จางเหิงมีพิรุธและจ้องมองเขาโดยไม่พูด

เย่ฉ่าวเฉินยิ้มอย่างใจเย็น “คุณจางใช่ไหม ฉันอยากรู้จริงๆว่าเจ้านายของคุณคือใคร”

จางเหิงยิ้ม “ขอโทษด้วย อันนี้ฉันบอกไม่ได้”

“เหอะ ขโมยของๆฉัน แต่กลับไม่กล้าแม้แต่จะบอกชื่อ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นเจ้านายขี้ขลาดขนาดนี้ ทำไมกลัวเย่ฉ่าวเฉินอย่างฉันกลับไปแก้แค้นหรอ?”

เมื่อจางเหิงได้ยินคำพูดของเขา ดวงตาของเขาก็โหดร้ายมาก กำหมัดแน่นจะชกเขา เย่ฉ่าวเฉินปฏิกิริยาเร็ว ยกขาขึ้นเตะขอบโต๊ะอย่างรวดเร็วโต๊ะก็พุ่งเข้าไปหาจางเหิง เขารีบหลบไปอีกด้าน โต๊ะที่เต็มไปด้วยกล่องบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคว่ำ น้ำซุปและบะหมี่ก็กระจัดกระจาย ทำให้น้ำซุปจำนวนมากกระเด็นใส่จางเหิง

“เย่ฉ่าวเฉิน มึงรนหาที่ตายหรอ”

ทันทีที่จางเหิงพูดเช่นนี้ ปืนทั้งหมดก็เล็งไปที่เย่ฉ่าวเฉิน

เย่ฉ่าวเฉิน เหลือบมองอย่างเฉยชา “คุณจาง ถึงคุณจะเป็นนักเลงที่น่าเกรงขามขนาดไหน ต่อให้อยากเอาชีวิตฉัน ก็ต้องให้ฉันรู้ก่อนว่าจะตายเพราะฝีมือใคร”

จางเหิงหายใจเข้าลึกๆบังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์และยิ้มที่มุมปากพูดว่า “ คุณเย่ เรายังไม่ได้แผนที่สมบัติที่เหลืออยู่ เราจะปล่อยให้คุณตายได้อย่างไง? ดังนั้น คุณก็ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าเจ้านายพวกเราคือใคร”

เย่ฉ่าวเฉินรู้ว่าคำตอบต้องเป็นแบบนี้และยังคงเยาะเย้ยเขาต่อไป “ดูแล้วก็เป็นคนขี้ขลาดจริงๆ โอเค ฉันก็จะไม่ถามถึงคนขี้ขลาดแบบนี้ มันไม่สมกับเป็นคู่ต่อสู้ของเย่ฉ่าวเฉินแบบฉัน”

จางเหิงกำหมัดแน่น อยากต่อยเข้าไปที่หน้าของคนหยิ่งผยองคนนี้

“พวกแก พามันไปขังไว้ที่ห้อง พรุ่งนี้ออกเดินทางไปที่เมืองA” จางเหิงพูดอย่างโกรธ ๆ

“จะว่าไปแล้วแกก็ใจกล้ากว่าเฉาจื่อกัง เขาต้องการแผนที่สมบัติที่เหลืออยู่ แต่ไม่กล้าที่จะก้าวเข้าไปเมือง A ไม่รู้ว่าเขาเป็นเสือยังไงถึงไม่กล้าเข้าถ้ำเสือ? มันหนะทำการใหญ่ไม่ได้หรอก” เย่ฉ่าวเฉินถอนหายใจและตามผู้คุ้มกันไปที่ห้อง

……

ค่ำคืนที่มีแต่ความเงียบ

เย่ฉ่าวเฉินที่กำลังหลับก็ลืมตาขึ้นและค่อยๆลุกจากเตียง

ตอนที่เฉาจื่อกังเดินเข้าไปในอาคารสองชั้นนี้เขามาด้วยมือเปล่า หมายความว่าโทรศัพท์ของเขากับมู่เวยเวยต้องอยู่ในรถที่พวกเขานั่งมาเมื่อเช้า

เขาต้องเอาโทรศัพท์สองเครื่องนี้มาเพราะมีรูปถ่ายและวิดีโอของเด็กๆอยู่ในนั้น ถ้าคนพวกนี้ไปเจอเข้าเด็กๆต้องตกอยู่ในอันตรายแน่นอน

นอกจากนี้ ไหนๆจางเหิงก็จะไปเมือง A เขาจะให้ความบันเทิงกับเขาซะหน่อย งานนี้เขาจะต้องประทับใจ

แสงจันทร์ที่นอกหน้าต่างนั้นมืดครึ้มราวกับม่านเหมือนหมอก เย่ฉ่าวเฉินนั่งลงบนเตียงตั้งสติ ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วงและในวินาทีถัดมาเขาก็ปรากฏตัวในรถที่จอดอยู่ข้างนอกได้สำเร็จ

ภายใต้แสงจันทร์ เย่ฉ่าวเฉินรีบหาโทรศัพท์มือถือสองเครื่องที่ลิ้นชักด้านหน้าของรถ เครื่องหนึ่งแบตเตอรี่และปิดเครื่องไป แต่ของเขายังมีแบตเตอรี่เหลืออีกครึ่งหนึ่ง

เขารีบกดเบอร์ของจางเหอและโทรออก อีกฝ่ายอาจกำลังนอนหลับอยู่ใช้เวลาในการรับสายนานมาก

“ฮัลโหล?” เสียงของจางเหอดังขึ้น

“จางเหอ ฉันเอง” เย่ฉ่าวเฉินพูดเบาๆ

“คุณชาย คุณจริงๆใช่ไหม? คุณอยู่ที่ไหน? คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?” จางเหอถามอย่างตื่นเต้น

“ฉันไม่เป็นไร ตอนนี้แกต้องกลับไปที่เมือง A เพื่อจัดการ…… ” เย่ฉ่าวเฉินให้คำสั่งอย่างกระชับ จางเหอหยุดเงียบ และเมื่อเขาพูดจบ จางเหอก็ตอบว่า “คุณชาย วางใจได้เลย ฉันเข้าใจแล้ว ”

“ฉันจะเปิดตำแหน่งของโทรศัพท์มือถือและส่งตำแหน่งให้แกโดยอัตโนมัติทุกๆครึ่งชั่วโมง เดี๋ยวฉันจะถ่ายรูปรถพวกนี้ส่งให้”

“รับทราบ คุณชาย คุณก็ระวังตัวด้วยนะครับ อย่าเป็นอะไรไปนะ” จางเหอพูดด้วยความเป็นห่วง

“ฉันไม่เป็นไร” เย่ฉ่าวเฉินรู้ว่ามันไม่ใช่เวลาที่จะพูดอะไรมาก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ฉู่เหยียนเป็นอย่างไงบ้าง?”

“คุณฉู่กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว สองวันมานี้เธอโทรมาทุกวันเพื่อถามเกี่ยวกับคุณ เธอยังบอกอีกว่าเธอจะไปเมือง S ตามหาคุณ แต่ผู้ดูแลหวังห้ามไว้” จางเหอพูดตามความเป็นจริง

ทันใดนั้นหัวใจของเย่ฉ่าวเฉินก็อบอุ่นขึ้น “อย่าเพิ่งบอกเธอที่ฉันติดต่อกลับมา” กลัวว่าเธอจะกังวล

“เข้าใจแล้ว”

“ฉันวางสายก่อน” เย่ฉ่าวเฉินพูดจบก็วางสายโทรศัพท์ จากนั้นลงจากรถอย่างระมัดระวังและถ่ายรูปรถทั้งหมดแล้วส่งต่อให้จางเหอ ตั้งค่าตำแหน่งของโทรศัพท์มือถือ หลังจากทุกอย่างเสร็จแล้ว เขากำลังจะเข้าไปในห้อง ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ ถ้าเขาซ่อนโทรศัพท์ไว้ จางเหิงต้องจับได้ในพริบตาแน่

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เย่ฉ่าวเฉินได้บันทึกรูปภาพและวิดีโอของเด็กๆในโทรศัพท์ลงในกล่องจดหมายที่ทำงานของเขาจากนั้นจึงลบรูปภาพและวิดีโอทั้งหมด

สำหรับโทรศัพท์ของมู่เวยเวย……

วางไว้ในรถก่อน โทรศัพท์มือถือที่ไม่มีแบตเตอรี่คงไม่ดึงดูดความสนใจของพวกเขา เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นพรุ่งนี้เขาจะกลับมาเอาโทรศัพท์

กลับไปที่ห้องเล็ก เย่ฉ่าวเฉินนอนหลับอย่างสงบ รอการแสดงที่ดีจะเริ่มในวันพรุ่งนี้

……

ในตอนเช้าตรู่ รถห้าคันวิ่งจากเมือง S ไปยังเมือง A เย่ฉ่าวเฉินเปลี่ยนรถที่เขานั่งมาครั้งก่อน ในครั้งนี้ได้นั่งข้างจางเหิง จางเหิงคงกลัวว่าเขาจะหนีกลางคัน

บรรยากาศในรถอึดอัดเล็กน้อย เย่ฉ่าวเฉินพูดติดตลกว่า “คุณจาง ฉันขอพูดคำที่น่าเกียจหน่อยนะ เจ้านายของคุณขี้ขลาดและขี้กลัวขนาดนี้ ทำไมคุณยังตามทำงานให้เขา? คุณมาติดตามฉันก็ได้นะ ถึงตอนนั้นถ้าหาขุมสมบัติเจอ ฉันจะแบ่งให้แกก้อนโตเป็นไง?”

จางเหิงจ้องมองเขาและพูดอย่างดุดัน“ เย่ฉ่าวเฉินให้ฉันพูดอีกครั้งเจ้านายของเราไม่ได้ขี้ขลาด เขาแค่ไม่อยากเดือดร้อนทีหลัง อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแกกำลังคิดอะไรอยู่ แกแค่อยากรู้ชื่อเจ้านายของฉัน แล้วบอกทุกคนว่าเขาขโมยแผนที่ขุมสมบัติ เจ้านายของเราจะยังมีชีวิตที่สงบสุขได้ยังไง?”

เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะเบาๆ”คุณจาง อยู่ในความขี้ขลาดแบบนี้ วันหนึ่งสมองก็คงกระจุยไปกองอยู่บนพื้น แบบนี้ยังคิดจะมีชีวิตที่สงบอีกหรอ ฝันไปเถอะ”

“ เย่ฉ่าวเฉิน ฉันขอบอกไว้เลย ต่อให้แกจะยั่วยุยังไง ฉันก็ไม่มีวันบอก”

เย่ฉ่าวเฉินหันมาสบตา เปลี่ยนเรื่องและถามอีกครั้ง “คุณจาง ฉันอยากรู้มากคุณไม่กลัวหรอว่าไปเมืองAครั้งนี้ จะไปเสียเที่ยว?”

ในที่สุดจางเหิงก็หันกลับมาและจ้องเขา“ต่อให้ไปเมืองAต้องขึ้นน้ำลุยไฟยังไงฉันก็จะไป ยิ่งไปกว่านั้นในมือฉันยังมีแผนที่ของแกอีก ฉันไม่เชื่อหรอก ต่อให้ลูกน้องแกจะแอบซุ่มอยู่ พวกเขาก็ไม่คิดถึงชีวิตแกงั้นหรอ?”

เย่ฉ่าวเฉินถอนหายใจ “อันนี้ ฉันไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ บางทีพวกเขาอาจเห็นว่าฉันหายไปและตั้งหลักใหม่ ฉันกลับไปก็คงไปตายเปล่าๆ”

จางเหิงไม่อยากฟังเขาพูด เขาจึงนำกล่องยาที่ด้านหลังและเย่ฉ่าวเฉินจ้องที่เขาอย่างระมัดระวังและถามว่า “นี่มันคืออะไร?”

จางเหิงยิ้มอย่างชั่วร้าย“ เย่ฉ่าวเฉิน พลังของแกในเมือง A แข็งแกร่งเกินไป เพื่อให้แน่ใจว่าเราจะได้รับแผนที่ที่เหลืออย่างปลอดภัยแน่นอนว่า แกต้องเชื่อฟังมากกว่านี้”

“แกพูดความจริงมาเหอะ มันคืออะไร?” เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกกังวลเล็กน้อย อาการบาดเจ็บที่หัวไหล่ของเขายังไม่หายดี ถ้าสิ่งที่เขาฉีดเป็นสารเคมีพิษ ต่อให้เขาจะมีเก้าชีวิตก็คงช่วยไม่ได้อยู่ดี

จางเหิงยิ้มและพูดว่า “มันเป็นยาที่ทำให้แกอ่อนแอไม่มีแรง ไม่ต้องกลัว มันไม่มีผลข้างเคียงอะไรหรอก หลังจากรับแผนที่สมบัติแล้วให้นอนหลับให้สบาย ฤทธิ์ยาก็จะหายไปเอง”

เย่ฉ่าวเฉินไม่เชื่อเรื่องไร้สาระแบบนี้ แต่ตอนนี้เท้าและมือของเขาถูกมัดไว้ เขาไม่สามารถต่อต้านอะไรได้

“ จางเหิง ฉันสัญญาว่าจะให้ส่วนอื่นของแผนที่สมบัติกับแก ฉันไม่มีวันผิดสัญญาหรอก แกต้องมาใช้วิธีพวกนี้ด้วยหรอ?” เย่ฉ่าวเฉินตะโกนด้วยความโกรธ

จางเหิงหยิบเข็มฉีดยาออกมา ข้างในมียาใสๆ “เย่ฉ่าวเฉิน แค่พวกเราได้ในสิ่งที่เราต้องการ ต่อให้ใช้วิธีไหนแล้วมันสำคัญยังไง? กระบวนการยังไงมันไม่สำคัญ สิ่งที่พวกเราสนใจคือผลลัพธ์ ”

“แกมันไอ่สารเลว จางเหิงฉันเคารพแกในฐานะลูกผู้ชาย แต่ไม่คิดว่าแกก็ไม่ต่างอะไร ”

จางเหิงเพิกเฉยต่อคำพูดของเขาและพูดกับอีกคนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของเย่ฉ่าวเฉินที่ถือปืนจ่อหัวของเฉาจื่อกงเมื่อวานว่า “จับตัวมันไว้”

เย่ฉ่าวเฉินต่อสู้อย่างดุเดือดและยกเท้าขึ้นเพื่อเตะเข็มในมือของเขา แต่ถูกชายที่แข็งแกร่งด้านหลังจับไว้แน่น

“ จางเหิง แกอย่าตกมาอยู่ในมือฉันละกัน แกได้รู้ถึงตายทั้งเป็นแน่”

จางเหิงฉีดยาออกมาหยดหนึ่งและสองหยดและพูดอย่างเฉยชา”น่าเสียดาย ฉันคิดว่าคงไม่มีวันนั้น”

เมื่อเห็นว่าเข็มบางๆกำลังจะแทงลงไป เย่ฉ่าวเฉินจึงรีบพูดว่า “เดี๋ยวก่อน ฉันมีอะไรจะพูด”

จางเหิงขมวดคิ้ว “ แกอยากพูดอะไร?

เย่ฉ่าวเฉินหายใจเข้าลึกๆและพูดว่า “ตอนนี้เพิ่งก้าวเข้าสู่เมือง A ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองชั่วโมงเพื่อไปที่คลังสมบัติ แกต้องปล่อยผฉันไว้ก่อน เอาอย่างงี้ เมืองใกล้ถึงตู้นิรภัยในเมืองAแกค่อยลงมือ แบบนี้เป็นไง?”

อีกแค่สิบนาที สิบนาทีเท่านั้น

แต่จางเหิงจะให้โอกาสนี้กับเขาได้อย่างไร ยิ้มอย่างเศร้าหมอง“ คุณเย่เเงียบๆหน่อย เกรงว่ามันจะเข้าไปในหลอดเลือดแดงของคุณแล้ว บอกแล้วว่ายานี้มีไว้แค่ให้เราควบคุม ไม่มีผลใดๆบนร่างกายมากหรอก อย่ากังวลขนาดนี้สิ”

“จางเหิง!” เย่ฉ่าวเฉินตะโกนด้วยความโกรธ

เย่ฉ่าวเฉินต้องการย้ายทันที แต่มันอันตรายเกินไปตราบใดที่เขาหนีไปตอนนี้ ความลับของเขาจะถูกเปิดเผยออกมาทั้งหมด

จางเหิงฉีดยาลงบนกล้ามเนื้อของเย่ฉ่าวเฉิน ทันใดนั้นฤทธิ์ยาก็ทำงานอย่างรวดเร็ว

“จางเหิง ฉันจะไม่ปล่อยพวกแกไว้แน่” เย่ฉ่าวเฉินตะโกนใส่เขา

“คำนี้แกเคยพูดแล้ว” จางเหิงดูเฉยเมยและมุ่งเน้นไปที่การฉีดยาของเขา

ของเหลวเข้าสู่ร่างกายและขณะที่เลือดไหลเวียนไปยังทุกเซลล์ เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกว่าพลังในร่างกายของเขาหายไปอย่างรวดเร็ว สองนาทีต่อมาเขาไม่มีแรงแม้แต่จะยกมือขึ้น

แต่ยังโชคดีที่สมองของเขาไม่ได้รับผล

เมื่อมาถึงจุดตัดบนภูเขาในเมือง A รถคันแรกที่อยู่ข้างหน้าก็หยุดลงอย่างช้าๆ

จางเหิง ไม่พอใจกับการชะลอและถามรถคันข้างหน้าว่า “หยุดรถทำไม มีอะไรหรือเปล่า?”

“ลูกพี่ ข้างหน้ามีรถบรรทุกขนาดใหญ่พลิกคว่ำ ขวางทางไว้”

จางเหิงสงสัย ทำไมบังเอิญขนาดนี้?

“แกลงไปถามดู ใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะผ่านไปได้”

“ครับ ลูกพี่”

ความจริงมันเลวร้ายกว่าที่เขาพูดซะอีก รถบรรทุกลูกพีชและตะกร้าลูกพีชกระจัดกระจายอยู่บนพื้นมีชาวบ้านยี่สิบสามสิบคนจากบริเวณใกล้เคียงกำลังช่วยกันเก็บลูกพีช และมีตำรวจจราจรสี่ห้าคนกำลังช่วยเหลือ

ตำรวจจราจรเห็นรถอีกสองสามคันตามมาก่อนที่คนข้างหน้าจะลงมา เขาเดินขึ้นมาและพูดว่า “มีรถพลิกคว่ำข้างหน้า ผ่านไปไม่ได้”

“คุณตำรวจ ต้องใช้เวลานานแค่ไหน พวกเรากำลังรีบ”

“ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองชั่วโมง คุณดูสิลูกพีชมากมายขนาดนี้ หากคุณกำลังรีบคุณสามารถเลี้ยวไปรอบๆถนนบนภูเขาได้ แต่จะใช้เวลามากกว่านี้และอันตราย” ตำรวจจราจรพูดเตือน

คนขับรถคันข้างหน้าขมวดคิ้ว“ ทำยังไงดี?”

ตำรวจจราจรยิ้ม “วันนี้อากาศร้อน ทุกคนก็ไม่อยากลงไปช่วย เอาอย่างงี้ คุณกับเพื่อนๆของคุณก็ลงมาช่วยกันเก็บลูกพีช คนเยอะกำลังเยอะ รถจะได้ผ่านไปได้เร็วขึ้น”

“งั้น……ฉันขอคุยกับเพื่อนก่อน”

“รบกวนด้วยนะ” หลังจากที่ตำรวจจราจรพูดเสร็จ เดินไปที่เกิดเหตุเครื่องแบบของเขาก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ

รถคันข้างหน้าออกมาจากรถ เดินมาที่หน้าต่างรถของจางเหิงและกระซิบ “ลูกพี่ ตำรวจจราจรอยากให้เราลงไปช่วย”

จางเหิงไม่พูดอะไร “มีวิธีอื่นที่ไปเมือง A ไหม?”

“ตำรวจจราจรบอกว่ายังมีถนนบนภูเขา แต่ใช้เวลานานกว่านี้เราไม่รู้ว่าจะไปอย่างไรไม่มีจอแสดงผลในการนำทาง”

จางเหิงลังเล มองดูเวลาบนข้อมือของเขาและพูดว่า “ไปบอกให้พี่น้องลงจากรถไปช่วย เมื่อตำรวจจราจรถาม บอกว่าเราจะเดินทางไปเที่ยวที่เมือง A ถ้าถามเยอะกว่านี้ก็ไม่ต้องพูด ”

“ครับ ลูกพี่”

“เดี๋ยวก่อน” จางเหิงโผล่หัวของเขาและมองไปถนนที่วุ่นวายอยู่ไม่ไกล ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรผิดปกติเขาลดเสียงลงและพูดว่า “อย่าเอาปืนไป เดี๋ยวตำรวจจับได้”ในสถานการณ์ตอนนี้ เขาไม่อยากไปที่โรงพัก

“ เข้าใจแล้วครับ ลูกพี่”

หลังจากนั้น คนมากกว่าสิบคนในรถก็ออกมาช่วยกันหมด ยกเว้นจางเหิงและอีกคนที่อุ้มเย่ฉ่าวเฉินที่ไม่ขยับ แม้ว่าเย่ฉ่าวเฉินจะทรุดตัวลงบนเก้าอี้ด้วยแขนขาทั้งสี่ข้างและไม่สามารถขยับได้ แต่จางเหิงก็วางใจไม่ได้

เย่ฉ่าวเฉินนั่งลงบนเก้าอี้อย่างนุ่มนวล สีหน้านิ่งเฉยแต่แววตาของเขาสดใส

“ขอดื่มน้ำหน่อย ฉันกระหายจะตายแล้ว” เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างอ่อนแรง

จางเหิงหันกลับมามองเขาและตอบกลับว่า “คนเราไม่ได้ดื่มน้ำวันเดียวคงไม่ตายหรอก อดทนไว้” กลัวว่าในระหว่างทางก็บอกอยากเข้าห้องน้ำอีก นี่ก็เพื่อหลีกเลี่ยงเขาจะมีแผนการอะไร

“ฮ่าฮ่า จางเหิง ฉันยิ่งอยู่ยิ่งรู้สึกสงสารเจ้านายแกแล้วว่ะ เลี้ยงลูกน้องมายังไงให้ไม่มีความเป็นมนุษย์แบบนี้” คอของเย่ฉ่าวเฉินแห้งจนจะลุกเป็นไฟ ริมฝีปากก็เริ่มถลอก

จางเหิงดูเหมือนจะชินกับการบ่นของเจ้านายและไม่สนใจเขา

ขณะนี้ มีรถสองคันขับตามหลัง จางเหิงมองผ่านกระจกหน้าต่างด้านหลังคนในรถสองคันนั้นคุยกันว่าจะทำอย่างไรพวกเขายังตะโกนใส่ตำรวจจราจรของเมือง S “ตำรวจจราจร ใช้เวลานานแค่ไหน?

“ประมาณหนึ่งชั่วโมง หรือไม่พวกคุณก็ลงมาช่วย จะได้ผ่านไปได้เร็วขึ้น” ตำรวจจราจรตะโกนกลับพวกเขา

“ มีค่าจ้างหรือเปล่า” ชายคนนั้นพูดติดตลก

ตำรวจจราจรยังหัวเราะว่า “ไม่มีค่าจ้าง แต่ให้ลูกพีชไปกินฟรีได้”

“ฮ่าๆๆ อย่างงั้นก็ได้อยู่นะ พวกเราจะไปช่วย”

จางเหิงหันศีรษะและถอนหายใจด้วยความโล่งอกดูเหมือนว่ามันจะเป็นเพียงอุบัติเหตุ

ทันทีที่เย่ฉ่าวเฉินพูด เขารู้สึกกระหายน้ำไม่ไหวแล้ว หยิบน้ำจากรถขึ้นมาดื่ม

“บูม!” เสียงดังกระจกหน้าต่างทั้งสองด้านของรถถูกทุบ ก่อนที่จางเหิงจะได้สติ ก็มีปืนมาจ่อที่ขมับเขาแล้ว

ในเวลาเดียวกัน คนที่อยู่อีกด้านของเย่ฉ่าวเฉินก็ได้รับการกระทำแบบเดียวกัน

“ ยกมือขึ้น แล้วลงจากรถ” คนข้างนอกรถตะโกน

จางเหิงโยนขวดน้ำในมือลง “โอเค พี่ชายใจเย็นๆก่อน ระวังเหนี่ยวไก”

“ หยุดพูดเรื่องไร้สาระ ลงมา”

จางเหิงเปิดประตูรถอย่างระมัดระวัง แต่ในวินาทีถัดมาเขากระแทกประตูรถเข้าหาคนที่อยู่นอกรถ จากนั้นจางเหิงกลิ้งตัวไปด้านคนขับ ไม่คาดคิดว่ามีคนปฏิกิริยาไวกว่าเขา ดึงกุญแจรถออกมาและตะโกนว่า

“ลงมา ครั้งสุดท้าย” คนที่อยู่นอกรถยกปืนขึ้นดวงตาของพวกเขาโหดร้าย

จางเหิงทำได้แค่ลงจากรถก่อน แล้วจึงหันไปดูที่เกิดเหตุ คนของเขาทั้งหมดถูกผลักลงไปที่พื้นโดยคนที่ดูเหมือนชาวบ้านและตำรวจจราจร

“พวกแกต้องการอะไร? อยากได้เงินหรอ?” จางเหิงถามอย่างเย็นชา

ปากของชายที่ถือปืนโค้งงอ “ได้ยินมาว่าพวกแกมีแผนที่ขุมสมบัติ ของอยู่ไหน?”

เปลือกตาของจางเหิงกระตุก เขาคิดว่า…..คนเหล่านี้มาเพื่อช่วยเย่ฉ่าวเฉิน ไม่คิดว่าจะมาเอาแผนที่ขุมสมบัติ

“พวกคุณมาช้าไป เมื่อคืนฉันส่งมันออกไปแล้ว” จางเหิงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า “มันน่าจะลอยข้ามมหาสมุทรไปแล้ว”

เห็นได้ชัดว่าชายที่ถือปืนไม่เชื่อเขา กวาดตามองเสื้อผ้าที่บางของเขา

“ฉันไม่ได้โกหก ถ้าคุณไม่เชื่อมาค้นตัวฉันก็ได้” จางเหิงยกมือขึ้นและพูดด้วยเสียงเยาะเย้ย “ลองคิดดูสิแผนที่ขุมสมบัตินั้นเป็นเหมือนระเบิด ถ้าได้มันแล้วไม่รีบส่งออกไป เก็บไว้กับตัวเองรอให้คนแบบพวกแกมาปล้นหรอ? ”

ทันทีที่จางเหิงพูดจบ ก็ได้ยินเสียงเยาฉ่าวเฉินพูดพรึมพรำจากข้างหลัง “เขาไม่ได้โกหก ของถูกส่งออกไปแล้ว”

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset