วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 98 ภาพเหตุการณ์ที่ได้ยินมา

และในตอนนี้ ประตูทางเข้าจู่ๆ ก็เกิดเสียงวุ่นวาย จากนั้นก็เห็นประตูถูกผลักออกทันที กลุ่มคนที่มีกล้องในมือหลั่งไหลเข้ามาในห้องโถงใหญ่ ทันใดนั้นสถานการณ์ก็ควบคุมไม่ได้นิดหน่อย

เผชิญกับผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามากะทันหัน แขกผู้มีเกียรติในสถานที่ก็ต่างขมวดคิ้ว ระบบรักษาความปลอดภัยก่อนหน้านี้เข้มงวดขนาดนั้น ผู้สื่อข่าวพวกนี้เข้ามาได้อย่างไรกัน?

ไม่รอให้พวกเขาคิดได้นาน ผู้สื่อข่าวกลุ่มนั้นก็เหมือนหาทิศทางได้ ไม่วิ่งไปรอบๆ อีกต่อไป มุ่งความสนใจไปทางห้องเต้นรำในห้องโถงใหญ่ หยิบกล้องในมือแล้วต่างวิ่งเข้ามา

มู่เวยเวยตกใจ มองกลุ่มคนที่เข้าใกล้เรื่อยๆ ถอยหลังสองก้าวอย่างอดไม่ได้ ไม่คิดว่าจะไปชนกับอกอุ่นๆ เธอหันมากำลังจะขอโทษ ก็พบว่าคนที่ยืนด้านหลังเธอคือหนานกงเฮ่า

หนานกงเฮ่ามีสีหน้าเคร่งขรึม เขาเดินไปข้างหน้าสองก้าว ซ่อนเธอไว้ด้านหลังตัวเอง เหมือนกังวลว่าเธอจะบาดเจ็บ

และเฉียวซินโยวที่อยู่ข้างกาย ก็เกาะแขนเย่ฉ่าวเฉินไว้แน่น สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ

กลุ่มผู้สื่อข่าวล้อมรอบสี่คนทันที ถือกล้องขึ้นมาถ่าย ‘แชะๆๆ ——’ อย่างมั่วซั่ว ไม่สนใจสีหน้าที่ยิ่งไม่พอใจมากขึ้นของบุคคลที่อยู่ในงานเลย

เย่ฉ่าวเฉินตระหนักดีว่า คนกลุ่มนี้มีการเตรียมการมา ไม่งั้นพวกเขาไม่สามารถทำลายระบบรักษาความปลอดภัยของตระกูลหนานกงง่ายๆ ได้ ยิ่งไม่มีโอกาสเข้ามาในห้องโถงใหญ่!

เห็นได้ชัดว่ามีคนจงใจให้พวกเขาเข้ามา……

สีหน้าหนานกงเฮ่าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่ท่าทียังสงบนิ่ง เอ่ยปากถามขึ้น “พี่นักข่าว วันนี้เป็นวันเกิดฉัน ถ้าพวกคุณมาที่นี่เพื่อฉลองวันเกิดฉัน ทุกคนที่มาก็เป็นแขกหมด หนานกงเฮ่าอย่างฉันก็ขอแสดงความซาบซึ้ง จะพยายามต้อนรับอย่างเต็มที่ แต่ได้โปรดทุกคนวางกล้องในมือก่อน”

หนานกงเฮ่าพูดจบ นักข่าวเหล่านั้นก็ไม่ขยับเลยสักนิด แค่เห็นชายวัยกลางคนหนึ่งในนั้นพูดขึ้น “คุณชายหนานกง เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา แต่อยากถามคุณกับประธานเย่ไม่กี่คำถาม”

มีคนเอ่ยปาก นักข่าวคนอื่นๆ ก็ต่างเห็นด้วย

หนานกงเฮ่าขมวดคิ้ว น้ำเสียงเย็นชาขึ้นมา “ถ้าทุกคนไม่ยอมทำตาม งั้นฉันก็ต้องเรียกผู้รักษาความปลอดภัยมาเชิญทุกท่านออกไป”

มู่เวยเวยดึงปลายเสื้อผ้าเขา แล้วพูดขึ้นเบาๆ “หนานกง ให้พวกเขาถามดีกว่า วันนี้เป็นวันเกิดนาย ถ้ามีเรื่องทะเลาะเกิดขึ้นมันไม่ดีนะ”

“จริงด้วย แค่ไม่กี่คำถามเอง? ฉันรู้จักนักข่าวพวกนี้ ถ้านายทำให้พวกเขาไม่พอใจ พวกเขาจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แน่ๆ ที่นี่ยังมีแขกผู้มีเกียรติมากมาย ถ้ามีคนได้รับบาดเจ็บ จะโชคร้ายมากนะ!”

เฉียวซินโยวมองเย่ฉ่าวเฉินที่ดูลำบากใจมาก ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล

หนานกงเฮ่าคิดสักพัก แล้วถอนหายใจทันที พูดขึ้นอย่างหมดหนทาง “ให้เวลาพวกคุณสิบนาที”

เมื่อเห็นว่ามีความหวัง พวกเขาก็ต่างตื่นเต้นกันทันที ราวกับต้องขุดบางอย่างที่เด็ดๆ ออกมา

ครั้งนี้คนแรกที่ถามคือ นักข่าวหญิงที่สวมแว่นตาดำตัวไม่สูงคนหนึ่ง เห็นเธอนำไมโครโฟนชี้ไปที่คนที่อยู่ในงานสองสามคน ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงตรงไปตรงมา “ฉันขอถามหน่อยนะคะ คุณหนานกงกับคุณมู่เวยเวยเป็นอะไรกัน? คุณมู่เวยเวยเพิ่งแต่งงานกับประธานเย่ไม่นาน ตอนนี้กลับมากุ๊กกิ๊กกับคุณชายหนานกง อยากถามว่าความจริงคืออะไรคะ? ”

ได้ยินคำพูดของนักข่าว ใบหน้าเล็กของมู่เวยเวยก็ซีด สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ พวกเขาพูดเรื่องไร้สาระได้อย่างไร?

ไม่รอให้คู่กรณีพูด นักข่าวที่เหลือก็ทยอยเอ่ยปาก

“ขอโทษนะคะคุณมู่เวยเวย ความสัมพันธ์ที่แท้จริงของคุณกับประธานเย่เป็นยังไง? ใช่อย่างที่ข่าวลือบอกไหมคะว่าคุณใช้วิธีอื่นในการขึ้นมาตำแหน่งนี้ บังคับให้ประธานเย่แต่งงานกับคุณ? ”

“ขอโทษนะคะประธานเย่ สำหรับข่าวลือของคุณมู่เวยเวยกับคุณหนานกง คุณมีความคิดเห็นอย่างไรคะ? ”

“ขอโทษนะครับคุณเฉียว เราได้ข่าวมาว่าตอนนี้คุณอยู่ที่ตระกูลเย่อย่างเป็นทางการ อยากถามว่าระหว่างคุณกับคุณเย่อยู่กันยังไงในวันปกติ? ความสัมพันธ์ของคุณกับคุณมู่เวยเวยจะได้รับผลกระทบหรือไม่? ”

……

เผชิญกับคำถามบ้าๆ มู่เวยเวยก็รู้สึกปวดหัวมาก เธออยากพูดอธิบาย แต่คนเหล่านี้ไม่มีใครเปิดโอกาสให้เธอพูดเลย

เย่ฉ่าวเฉินสีหน้าเหมือนถูกย้อมไปด้วยน้ำแข็งหนึ่งชั้น ดวงตาสีฟ้าน้ำแข็งถูกย้อมไปด้วยความเย็นชา สองมือกำเข้าหากันแน่น

“ปังๆ ——!”

ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง ขัดจังหวะการพูดของนักข่าวเหล่านั้นได้สำเร็จ ทุกคนต่างหันตัวไป เห็นแค่กระจกหลากสีของหน้าต่างใหญ่ทางทิศตะวันออก ไม่รู้ว่าโดนโจมตีได้อย่างไร มันพังอย่างน่าประหลาดใจ!

ลมอ่อนๆ พัดเข้ามาในห้องโถงใหญ่ผ่านช่องว่างที่แตกละเอียด ขยับม่านบางๆ ให้แกว่งซ้ายขวา……

มู่เวยเวยทำหน้าย่น เธอรู้สึกว่ามันแปลกมากที่กระจกแตก การตรวจตราสถานที่เข้มงวดขนาดนั้น แม้แต่แมลงวันก็บินเข้ามาไม่ได้ ทุกคนที่เข้ามาในห้องโถง ล้วนผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยทั้งหมด

นอกจากนักข่าวเหล่านี้ที่เข้ามาอย่างกะทันหัน แต่ตำแหน่งหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดานของห้องเต้นรำนี้ อย่างน้อยก็มีระยะห่างยี่สิบเมตร อีกอย่างก็ไม่เห็นมีใครในพวกเขาขว้างของอย่างพวกก้อนหินเลย……

นั่นมันไม่สมเหตุสมผลเลย หินก้อนใหญ่มากถูกโยนขึ้นไปด้านบน มันเป็นรูใหญ่ขนาดสูงหนึ่งคนกว้างเท่ากับสามคนเลยทีเดียว……

เห็นได้ชัดว่านักข่าวเหล่านั้นก็ต่างตกใจ ทั้งหมดให้ความสนใจไปที่กระจกหน้าต่างที่แตกละเอียด ในใจเกิดการพาดหัวข่าวใหม่อย่างรวดเร็ว: งานเลี้ยงวันเกิดคุณชายหนานกงสุดระทึกมีการโจมตีด้วยวัตถุไม่ปรากฏชื่อบางอย่าง……

หนานกงเฮ่าโบกมือ ตู้เหิงที่อยู่ไม่ไกลก็รีบมาอย่างรวดเร็ว ได้ยินคำสั่งอันศักดิ์สิทธิ์ของเขา “ตู้เหิง ไปสืบมาว่าใครเป็นคนโจมตีหน้าต่าง? ”

ตู้เหิงพยักหน้าอย่างเคารพ จากนั้นก็หันตัวรีบเดินออกไป

หนานกงเฮ่ามองไปข้างๆ มู่เวยเวยที่เหมือนกำลังตกใจ ถามขึ้นด้วยความประหม่า “เวยเวย เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ”

มู่เวยเวยได้สติกลับมา เธอส่ายหน้าอย่างใจเย็น

เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ ในหัวเธอก็นึกถึงอะไรบางอย่างทันที เธอเหมือนจะจำฉากในวันนี้เหมือนครั้งหนึ่งเคยรู้จัก แต่ทำไมคิดไม่ออก……

“ฉันไม่เป็นไร แค่ตกใจ” มู่เวยเวยพูดขึ้นอย่างปิดบัง

หนานกงเฮ่าโล่งอก มองเย่ฉ่าวเฉินที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ฉ่าวเฉิน เมื่อกี้นายเห็นชัดไหมว่าเกิดอะไรขึ้น? ”

เย่ฉ่าวเฉินมองมู่เวยเวยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม มุมปากเหมือนจะยกยิ้ม พูดขึ้นอย่างเย็นชา “วันนี้ลมอาจจะแรงไปมั้ง”

หมายความว่าเขาเองก็ไม่รู้

เฉียวซินโยวสีหน้าหนักอึ้ง ในใจรู้สึกว้าวุ่นเล็กน้อย นี่มันแผนการร้ายของใครกัน มาไม่ช้าไม่เร็ว ดันปรากฏมาตอนนี้!

สีหน้าหนานกงเฮ่ากลายเป็นสงบเหมือนเดิม พูดอย่างสุภาพว่า “เมื่อกี้เป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้น ทุกคนไม่ต้องตกใจ ตอนนี้พวกคุณได้ข้อมูลที่ตัวเองต้องการแล้ว งั้นก็รีบออกไปจากที่นี่เถอะ”

นักข่าวกลุ่มหนึ่งกำลังยุ่งกับการถ่ายภาพกระจกเมื่อครู่นี้ เมื่อได้ยินคำสั่งจากหนานกงเฮ่า ในใจหงุดหงิดเกือบลืมความเป็นทางการ

หันตัวกลับมาอีกครั้ง เล็งกล้องไปที่สี่คนนี้ แล้วพูดขึ้น “คำถามของทุกคนเมื่อกี้นี้ คุณชายหนานกงได้โปรดช่วยพูดสักสองสามประโยค เรากลับไปจะได้รายงานผลดีๆ !”

“ฉันคิดว่าทุกคนเข้าใจผิดแล้ว มันไม่ใช่อะไรนอกจากเรื่องที่สมมติขึ้น ได้โปรดทุกท่านอย่าเดามั่วๆ ” คำพูดเป็นของมู่เวยเวย

เห็นเธอเดินออกมาจากด้านหลังหนานกงเฮ่า ด้วยท่าทีไม่โอ้อวดหรือเอาแต่ใจ พูดอธิบายอย่างอดทน

ไม่ว่าเย่ฉ่าวเฉินกับเฉียวซินโยวจะมีความสัมพันธ์แบบใด แม้ว่าหลังจากนี้เขาจะหย่ากับตัวเองเพื่อเธอ แต่ต่อหน้าสื่อมากมาย เธอควรจะปิดบังมันโดยธรรมชาติ

ไม่ใช่เพื่อหน้าตาของเขา แต่เพื่อหน้าเธอกับหนานกงเฮ่า

นักข่าวเหล่านั้นได้ยินคำพูดของมู่เวยเวย ใบหน้าก็ไม่มีร่องรอยของการยอมแพ้สักนิด พวกเขาหยิบถุงกระดาษในอ้อมแขนออกมา ยื่นมือควักรูปด้านในแล้วถามอย่างเคร่งขรึม “คุณมู่เวยเวย ขอโทษนะครับรูปพวกนี้คุณจะพิสูจน์มันยังไง? ”

มู่เวยเวยอึ้งไป แค่เห็นรูปถ่ายของเธอกับหนานกงเฮ่า เธอจำได้ว่าครั้งนั้นเธอโดนเฉียวซินโยววางแผน โดนเย่ฉ่าวเฉินไล่ออกจากบ้าน เธอออกไปหาเฉียวซินโยวอีกครั้งก็รู้ว่าโดนวางแผน ออกจากบ้านไปก็บังเอิญเจอหนานกงเฮ่าพอดี

เธอจำได้ว่าตอนนั้นเสียใจมาก หนานกงเฮ่าบอกว่ายินดีให้เธอยืมไหล่ เป็นภาพเหตุการณ์เธอร้องไห้อย่างหนักหน่วงบนไหล่ของเขา

เพราะภาพที่ถ่ายนั้นถ่ายจากด้านหลังเธอ ดังนั้นจึงถ่ายไม่เห็นความโศกเศร้าและน้ำตาของเธอ เห็นแค่สีหน้าท่าทางอ่อนโยนของหนานกงเฮ่าเท่านั้น……

ต้องบอกเลยว่า เทคนิคการถ่ายของปาปารัซซี่พวกนี้เก่งจริงๆ รู้วิธีทำให้เกิดความดึงดูด!

มู่เวยเวยทำหน้าสงบ คนบริสุทธิ์ก็คือคนบริสุทธิ์ เรื่องที่เธอไม่ได้ทำ เธอก็ไม่ยอมรับมันอยู่แล้ว

“เหตุการณ์ในตอนนั้นมันไม่ได้เป็นแบบนี้ ฉันพูดได้แค่เท่านี้ จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ฉันก็ทำอะไรไม่ได้”

มู่เวยเวยไม่รู้ แววตานิ่งเฉยเกินไปของเธอมันทิ่มแทงสายตาเย่ฉ่าวเฉิน เห็นแค่เขาเหลือบมองเธออย่างเย็นชา มุมปากยกยิ้มเย็นยะเยือก พูดขึ้นอย่างเฉยเมย “วันนี้ทุกวันว่างมากใช่ไหม? ต้องให้เตรียมอาหารหน่อยไหม เรามากินกันไปคุยกันไป? ”

เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างผ่อนคลาย แต่ทำให้นักข่าวตรงนั้นรู้สึกเสียวแปลบ ในที่สุดพวกเขาก็รู้ว่าเสือไม่สามารถสัมผัสได้! แต่งานที่ได้รับมอบหมายอย่างชัดเจนจากเบื้องบน ถ้าทำไม่สำเร็จ พวกเขาต้องกลับบ้านกินแกลบแน่……

“ประธานเย่ เราเข้ามาที่นี่เพื่อกินข้าว ไม่คิดจะทำให้คุณขุ่นเคืองใจเลย”

เย่ฉ่าวเฉินมีสีหน้าเย็นชา หางตากวาดไปที่รูปภาพเหล่านั้น ในใจก็รู้สึกสะเทือนใจอย่างบอกไม่ถูก สีหน้าเย็นชาทันที แล้วพูดขึ้นอย่างเฉยเมย “งั้นเหรอ? เมื่อกี้พวกนายไม่ได้พูดเหรอว่าเย่ฉ่าวเฉินอย่างฉันถูกเมียตัวเองสวมเขา? ”

เมียของตัวเอง

พูดพ่นออกมาไม่กี่คำ ราวกับเป็นหนามแหลมทิ่มแทงหัวใจเฉียวซินโยวอย่างแรง ฉ่าวเฉินกำลังแสดงความเป็นเจ้าของใช่ไหม?

สีหน้าหนานกงเฮ่าสับสนนิดหน่อย รู้สึกว่าเรื่องราวมันเกินความคาดหมายของตัวเอง

มีเพียงมู่เวยเวยที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงบและสุขุม ดวงตาสีเข้มไม่เกิดคลื่นสั่นไหวแม้แต่นิดเดียว

เธอไม่รู้สึกอ่อนไหว เย่ฉ่าวเฉินพูดแบบนี้ ก็แค่ปกป้องหน้าตัวเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ

“ในเมื่อพวกคุณอยากได้คำตอบ งั้นก็ลืมตาดูดีๆ !” เย่ฉ่าวเฉินทำหน้ามืดมน เขาหันตัวไปทันที มองภรรยาข้างๆ ที่ยังใจเย็นสุดๆ แม้ว่าจะอยู่ระหว่างการตกเป็นข่าวลือ

และในตอนนี้ ทันใดนั้นเอวเธอก็ถูกโอบ ยังไม่ทันได้ตอบสนอง จู่ๆ ก็เห็นใบหน้าหล่อของเย่ฉ่าวเฉินขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งริมฝีปากรูปเพชรสมบูรณ์แบบแนบบนปากเธอ

มู่เวยเวยเบิกตากว้าง ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงหายใจเบาๆ และได้ยินเสียงแฟลชดัง ‘แชะๆๆ ——’ อยู่ข้างกาย

“เย่ฉ่าวเฉิน นาย——” ไม่รอให้เธอพูดจบ ก็โดนเย่ฉ่าวเฉินขัดจังหวะ

เย่ฉ่าวเฉินชำเลืองมอง จางเห่อและคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านข้างไม่ไกลได้รับคำสั่งก็รีบเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

“สิ่งที่พวกนายอยากรู้ ในเมื่อมันชัดแล้ว งั้นก็ไปไกลๆ ซะ”

นักข่าวเหล่านั้นยังอยากถามอีก แต่ก็ถูกจางเห่อและคนอื่นๆ นำตัวออกไปทันที หูก็สะอาดขึ้นมาก

“ฉ่าวเฉิน นายเด็ดเดี่ยวขนาดนี้เชียว? ยังไงแล้วก็วันเกิดฉัน นายรักษาหน้าฉันไว้ได้ยังไงเนี่ย!” หนานกงเฮ่ามุมปากยกยิ้มสดใส ถึงจะพูดแบบนี้ แต่น้ำเสียงก็ไม่ได้มีความอารมณ์เสียเลยสักนิด

สีหน้าเย่ฉ่าวเฉินเย็นชา น้ำเสียงบอกอารมณ์ไม่ได้ “ระบบความปลอดภัยของตระกูลหนานกงถูกทำลาย นายน่าจะยุ่งในภายหลัง ฉันไม่รบกวนนายแล้ว”

ได้ยินคำพูดของเขา หนานกงก็เลิกคิ้ว ถามอย่างสงสัย “นายหมายความว่าไม่รอกินเค้ก จะไปแล้วเหรอ? ”

เย่ฉ่าวเฉินก้มหน้ามองมู่เวยเวย พยักหน้าเบาๆ พูดขึ้น “เกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ ฉันกับเวยเวยไม่ควรอยู่ที่นี่ในตอนนี้ วันหลังจะชดเชยให้นะ”

หนานกงเฮ่าทำสีหน้ามืดมน เขาเหลือบมองเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ ถามขึ้นเบาๆ “เรื่องมันค่อนข้างกะทันหัน แต่นายไม่จำเป็นต้อง——”

เย่ฉ่าวเฉินโบกมือ จับแขนมู่เวยเวยแล้วเดินออกไปข้างนอกทันที ทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นได้ พูดกับเฉียวซินโยวที่ทำหน้าตกใจ “ซินโยว เธออยู่ต่อก็ได้นะ เดี๋ยวเที่ยวให้สนุกล่ะ”

มองแผ่นหลังของเขา เฉียวซินโยวกระทืบเท้าอย่างหนัก เขาไม่อยู่ที่นี่แล้ว เธอจะอยู่ไปทำไม? !

ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นการมองสำรวจจากคนข้างๆ เฉียวซินโยวใจเย็น เอ่ยถามขึ้น “หนานกง นักข่าวไม่พูดอะไรเลย ครั้งนี้ความพยายามของพวกเราสูญเปล่าแล้ว! ”

แต่หนานกงเฮ่ากลับดูสงบและผ่อนคลาย พูดขึ้นเบาๆ “นี่เป็นแค่ตอนเล็กๆ ไม่ว่าตอนจบจะเป็นยังไง ก็ไม่มีผลกระทบกับทิศทางของเกมทั้งหมด”

ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ภายในใจเฉียวซินโยวก็สบายใจไม่น้อยโดยทันที แต่กลับเหม่อลอยนิดหน่อย แต่เธออยากรู้เป็นพิเศษ ว่าเย่ฉ่าวเฉินจะทำอย่างไรกับมู่เวยเวย?

……

เย่ฉ่าวเฉินดึงร่างมู่เวยเวยเดินออกไปจากประตูใหญ่ จนกระทั่งนั่งเข้าไปในรถที่จอดข้างถนนแล้ว อารมณ์ที่ระงับอยู่ภายในใจก็ระเบิดออกมาในพริบตาเดียว

“มู่เวยเวย เธอควรอธิบายกับฉันหน่อยไหม รูปภาพพวกนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ”

สีหน้าเย่ฉ่าวเฉินบึ้งตึง ราวกับเธอไม่สามารถให้คำตอบที่น่าพอใจได้ เขาจะลงโทษเธอโดยไม่ลังเลเลยสักนิด

ดวงตาดำมู่เวยเวยสงบนิ่ง มองเขาอย่างสงบนิ่งแบบนี้ แล้วพูดขึ้นเบาๆ “ฉันกับหนานกงเป็นแค่เพื่อนกัน”

“เป็นแค่เพื่อนต้องกอดด้วยเหรอ! ถ้ามากกว่านี้ก้าวเดียวก็ขึ้นเตียงแล้วสินะ! บางทีฉันอาจจะเดาผิด บางทีเธออาจจะสวมเขาให้ฉันอยู่จริงๆ ก็ได้!”

ในช่วงไม่กี่วันนั้นเขาขับไล่เธอไป จางเห่อสืบแล้วพบว่า ตอนนั้นเธออยู่ที่บ้านของหนานกงเฮ่า!

ก้าวไปข้างหน้าแล้วบีบแขนของเธอ สีหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหายเลือด แค่คิดว่าเธออยู่ใต้ร่างผู้ชายคนอื่น เขาก็อยากจะบีบคอเธอให้ตาย!

เย่ฉ่าวเฉินพยายามรักษาสตินิดหน่อยหลังจากนั้น แต่กำลังที่มือยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆ สีหน้ามีความอันตรายเหมือนพายุกำลังจะมา ถามขึ้นทีละคำ “พูดมา! เธอเคยได้กับหนานกงเฮ่าหรือเปล่า? ! รีบพูดมา!”

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset