วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 85 พาเธอไปชมบรรยากาศที่สวยที่สุด

เมื่อถึงเวลาเลิกงาน มู่เวยเวยเก็บของเรียบร้อยแล้วก็ลงจากตึกไปพร้อมกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ เธอมองเห็นรถเฟอร์รารี่ของหนานกงเฮ่าอยู่ไกลๆ ในขณะที่เธอกำลังลังเลว่าจะเดินไปที่รถดีมั้ย ทันใดนั้นก็มีคนคว้ามือเธอจากด้านหลัง

เมื่อหันไปมอง ที่แท้ก็คือเย่ฉ่าวเฉินนี่เอง

มู่เวยเวยขมวดคิ้วอย่างแรงด้วยสีหน้าที่นิ่งๆ พร้อมกับสะบัดมือออกจากเขาสุดแรงแล้วถามขึ้นว่า ” นี่คุณจะทำอะไร? ”

เย่ฉ่าวเฉินเหลือบไปมองเธออย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วจับมือเธอแรงขึ้นจากนั้นถามขึ้นอย่างนิ่งๆว่า ” เธอยังจะกลับไปอยู่บ้านหนานกงเฮ่าอยู่อีกหรอ? ”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยหรอ? ”

ตอนแรกเธอก็กำลังลังเลว่าจะขอให้หนานกงเฮ่าช่วยพาเธอไปหาโรงแรม แต่คิดไม่ถึงว่าเย่ฉ่าวเฉินจะมาเกาะแกะเธอ

” เธอเป็นผู้หญิงของฉัน เธอก็ลองคิดดูว่ามันเกี่ยวกับฉันมั้ย! เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่เธออย่างไม่แยแส แต่สีหน้าเขาโกรธมากแล้วพูดออกมาอย่างเสียงดัง

มู่เวยเวยยังคงนิ่งสงบ แล้วฉีกยิ้มมุกปากจากนั้นค่อยๆพูดนิ่งๆว่า ” ถึงจะเป็นแบบนั้นก็เหอะ แต่ยังไงมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณอยู่ดี ”

เห็นว่าเธอดื้อรั้นมาก เย่ฉ่าวเฉินก็ไม่พูดอะไรต่ออีกเลย แต่กลับอุ้มเธอขึ้นบ่าแล้วเดินตรงไปที่รถของเขาที่จอดอยู่

” เย่ฉ่าวเฉิน! ปล่อยฉันนะ! ทำไมคุณถึงเอาแต่ใจขนาดนี้เนี่ย……”

มู่เวยเวยพยายามดิ้นตลอดทาง แต่ว่าสุดท้ายก็ถูกเขาลากมาที่รถแลมโบกินี่ของเขาจนได้ ในขณะที่เปิดประตูหลังรถอยู่ เธอก็เห็นเงาของคนที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดีทำให้เธอรู้สึกตกใจเล็กน้อย

เฉียวซินโยวมองไปที่มู่เวยวยที่ปรากฏตัวขึ้นบนรถ หลังจากนั้นก็ถูกเย่ฉ่าวเฉินลากตัวมานั่งในตำแหน่งใกล้ๆเธอ

ในพื้นที่แคบๆนี้ จู่ๆก็เต็มไปด้วยบรรยากาศที่น่าอึดอัด

มู่เวยเวยเปิดหน้าต่างรถ เพื่อรับลมเย็นๆ แต่ในใจของเธอเหมือนถูกก้อนหินก้อนใหญ่ทับอยู่ซึ่งทำให้เธออึดอัดมากๆ

เฉียวซินโยวเองก็อารมณ์ไม่ดีเหมือนกัน

แค่คิดถึงเรื่องที่มู่เวยเวยปรากฏตัวตรงหน้าเธอ ไม่ว่าจะทำอะไร เธอก็เกลียดเธอมากที่ทำตัวเป็นก้างขวางคอระหว่างเธอกับเย่ฉ่าวเฉิน เธอแทบอยากจจะร้องกรี๊ดออกมา

ต้องทำยังไงถึงจะกำจัดเธอให้หายไปได้สักที!

ระหว่างทางผ่านร้านกาแฟดอกกุหลาบ เธอนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เธอมีนัด เฉียวซินโยวจึงค่อยๆพูดขึ้นว่า ” ฉ่าวเฉิน คุณจอดรถข้างทางหน่อยได้มั้ย? ”

มองผ่านกระจกหลังรถเย่ฉ่าวเฉินถามขึ้นด้วยความสงสัย ” ทำไมล่ะ?”

” ฉันอยากลงไปซื้อกาแฟสักหน่อย ”

เย่ฉ่าวเฉินแวะจอดรถข้างทางแล้วหันไปข้างหลังจากนั้นพูดขึ้นนิ่งๆว่า ” เธอไปซื้อสิ ฉันจะรออยู่ตรงนี้นะ ”

เฉียวซินโยวส่ายหน้าเบาๆ แล้วค่อยๆฉีกยิ้มกว้างแล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า ” ไม่เป็นไรหรอก ฉันนัดเพื่อนไว้ ไม่รู้จะคุยกันถึงเมื่อไหร่ ไม่ต้องรอฉัน ”

เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้าแล้วบอกว่า ” โอเค งั้นตอนกลับบ้านก็ระวังๆนะ ”

“อืออือ ”

เฉียวซินโยวลงรถแล้วโบกมือลาเขา แล้วดูให้แน่ใจว่ารถของเขาขับออกไปแล้วจริงๆจากนั้นก็ค่อยๆเดินเข้าร้านกาแฟไป

ในรถคนหายไปหนึ่งคน มู่เวยเวยรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะมาก ตั้งแต่ได้รู้ธาตุแท้ของเฉียวซินโยว เมื่อเธอเข้าใกล้เฉียวซินโยวเธอก็จะรู้สึกไม่สบายตัว

ก็เหมือนกับว่าคุณมีงูพิษอยู่ข้างตัว แล้วไม่สามารถรู้ได้ว่ามันจะแว้งกัดคุณเมื่อไหร่ ช่างน่ากลัวจริงๆ

แค่แป๊บเดียวก็กลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลเย่ พอลงจากรถมู่เวยเวยก็ขึ้นไปที่ห้องนอของเธอเองอีกครั้ง พักผ่อนได้ไม่นาน จู่ๆก็มีคนโผล่มา ทำให้เธอตกใจจนแทบบกรี๊ด

” อย่าส่งเสียงดังไป ฉันเอง เสี่ยวจื่อ ” ผู้ชายคนหนึ่งยื่นมือไปปิดปากเธอไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา

” เมื่อเห็นว่าเป็นชายตาม่วงที่คุ้นเคย มู่เวยเวยก็โล่งอกไปที จากนั้นก็ค่อยๆมองบนแล้วพูดออกมาอย่างเหลืออดว่า ” เสี่ยวจื่อ ขอร้องแหละอย่าโผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงแบบนี้ ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ช้าก็เร็วฉันต้องตายเพราะตกใจคุณแน่ๆ ”

เสี่ยวจื่อหัวเราะชอบใจ และพูดด้วยเสียงแหบของเขา ในดวงตาสีม่วงของเขาก็เป็นประกาย ” ทำไมเธอถึงได้ขวัญอ่อนแบบนี้เนี่ย? ถ้ามีใครรู้เข้าว่าเธอตายเพราะตกใจฉัน คนต้องหัวเราะจนฟันร่วงแน่ๆ? ”

มู่เวยเวยอดไม่ได้ที่จะยิ้ม และพูดขึ้นด้วยหน้าตาที่เหลืออดว่า ” คุณเองก็ตกใจตายไม่ใช่หรอ?

เสี่ยงจื่อหุบยิ้มทันที นี่เรียกว่าให้ทุกข์แก่ท่าทุกข์นั้นถึงตัวรึป่าวเนี่ย?

ตอนแรกก็แค่พูดเหตุผลขึ้นมั่วๆ คิดไม่ถึงว่าเธอจะเอามาพูดเป็นเรื่องตลกต่อกรกับเขา ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้แต่แรกก็คงจะสร้างเรื่องที่ลึกลับและแปลกประหลาดมากกว่านี้ไปแล้ว แบบนั้นน่าจะดีกว่าเยอะเลยว่ามั้ย?

เช่นเป็นมนุษย์ต่างดางที่มาจากดาวดวงอื่นๆ

หรือไม่ก็หลุดออกมาจากโลกใดสักโลกหนึ่ง

เป็นการพรั่งปากที่ผิดมหันต์จริงๆ……

เสี่ยงจื่อยื่่นมือไปจับคางเธอให้เงยหน้าขึ้นแล้วมองไปที่ใบหน้าเล็กๆอันงดงามของเธอแล้วพูดขึ้นว่า ” ช่วงนี้น่าเบื่อมากเลย ไม่ได้ฝึกฝนเลย เธออยากลองสัมผัสถึงพลังวิเศษของฉันมั้ย? ”

หน้าตามู่เวยเวยเป็นประกายขึ้นมาทันที ดวงตาที่ดำสนิทของเธอก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นแล้วพูดขึ้นว่า ” คุณจะพาฉันไปท่องสวรรค์และนรกหรอ? ”

เสี่ยวจื่อตบหน้าผากเธอเบาๆหนึ่งทีแล้วพูดอย่างเหลืออดว่า ” ไม่ได้เวอร์ขนาดนั้นหรอก แต่ว่าฉันสามารถพาเธอไปในที่ที่เธออยากไปได้นะ ”

มู่เวยเวยตื่นเต้นมากแล้วถามว่า “ที่ที่ฉันอยากไปงั้นหรอ? ”

เสี่ยวจื่อพยักหน้า ใบหน้าอันหล่อเหลาและนุ่มนวลของเขาค่อยๆพูดขึ้นว่า “ถูกต้องแล้ว ”

” ฉันอยากไปทะเลทรายอันกว้างใหญ่มี่ติดกับมหาสมุทร หรือไม่ก็เป็นยอดเขาสูงที่ปกคลุมไปด้วยดอกไม้ต้นไม้ต่างๆ จะเป็นที่ไหนก็ได้! ” มู่เวยเวยพูดด้วยท่าทีที่ตื่นเต้นมาก

เสี่ยวตบไปที่ไหล่ของเธออย่างจัง แล้วพูดขึ้นอย่างเหลืออด ” ต้องอยู่ในพื้นที่คฤหาสน์ตระกลูเย่เท่านั้นสิ พลังของฉันไม่ได้กว้างขวางมากขนาดนั้น ”

มู่เวยเวยรู้สึกผิดหวังมาก แล้วพูดขึ้นอย่างเบื่อหน่ายว่า ” พื้นที่ในคฤหาสน์ตระกูลเย่ฉันคุ้นเคยหมดแล้ว ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นแล้วหล่ะ! ”

เสี่ยงจื่อทำท่าครุ่นคิด ทันใดนั้นก็คิดถึงที่ๆหนึ่งแล้วพูดว่า ” ยังมีอีกที่ที่หนึ่งนะ? ”

มู่เวยเวยตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้งแล้วถามขึ้นว่า ” ที่ไหน? ”

” บนหลังคาไง เธอเคยขึ้นไปบนหลังคาคฤหาสน์หลังนี้รึยัง? ”

มู่เวยเวยรู้สึกตื่นเต้นและคาดหวังมากว่าถ้านอนดูดาวและมองพระจันทร์อยู่บนหลังคาต้องเป็นความรู้สึกที่ดีมากแน่ๆ!

เสี่ยวจื่อก้าวไปข้างหน้าแล้วกอดเอวเธอไว้ จนรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นบนตัวเธอ และค่อยๆกระซิบที่หูเธอว่า ” หลับตาสิ ”

มู่เวยเวยไม่ได้ถามถึงเหตุผล และหลับตาแต่โดยดี เธอรู้สึกได้ถึงลมที่พัดผ่านตัวเธอไป ผ่านไปเพียงสองสามนาทีเธอก็ได้ยินเสี่ยวจื่อพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า ” ถึงแล้ว ลืมตาได้แล้ว ”

มู่เวยเวยค่อยๆเปิดตาอย่างช้าๆ เธอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นบรรยากาศที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน ทันใดนั้นเองเธอก็รู้สึกราวกับว่าฟ้าดอนเปิดกว้างมากๆ และมีลมเย็นๆพัดผ่านมาทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าเรื่องเลวร้ายที่เธอได้พบเจอเมื่อหลายวันมานี้ถูกพัดลอยไปพร้อมกับสายลม

” สวยมากเลย……”

ก้มลงไปมองข้างหลัง เธอมองเห็นบรรยากาศของคฤหาสน์ตระกูลเย่แบบเต็มๆตา เธอไม่เคยคิดเลยว่าคฤหาสน์ตระกูลเย่จะสวยได้มากถึงขนาดนี้

ต้นปาล์มอันเขียวขจี ดอกโบตั๋นที่สวยสดงดงาม น้ำใสๆในสระว่ายน้ำ และน้ำพุอันงดงาม

ทันใดนั้นเธอรู้สึกราวกับว่าเธออยู่บนเขาที่เขียวขจี

ทั้งสองนอนชมแพงสีเหลืองอร่ามของพระอาทิตย์ตกดินอยู่บนหลังคา มู่เวยเวยถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดว่า “พระอาทิตย์ตกนั้นสวยงามเหลือเกิน แต่ว่าก็ใกล้จะมองไม่เห็นแล้ว ”

เสี่ยวจื่อมองไปที่ใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยความโสกเศร้า แล้วค่อยๆฉีกยิ้มกว้างแล้วพูดกับเธอเบาๆว่า “เธอยังสาวขนาดนี้ ก็เหมือนกับพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นใหม่ในตอนเช้า ยังมีความสุขรออยู่ข้างหน้าอีกเยอะ ทำไมถึงได้พุดจาโศกเศร้าแบบนี้ล่ะ? ”

มู่เวยเวยหน้านิ่งไป และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เศร้าหมองว่า ” ก็ใช่นะ ถ้าฉันไม่ได้มาอยู่ที่นี่ ฉันอาจจะรู้สึกแบบนั้น ”

เสี่ยวจื่อทำท่าครุ่นคิด แล้วพูดด้วยน้ำเสียยงที่เย็นลงมาก ” นี่คงเป็นโชคชะตาที่ฟ้าลิขิตไว้แล้ว ”

” ทำไมถึงพูดแบบนั้นหล่ะ? “มู่เวยเวยมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ไม่รู้ว่าเธอตาฝาดไปรึป่าวใบหน้าของเขตอนนี้มันเหมือนกับเย่ฉ่าวเฉินที่น่ารังเกียจ!

เป็นไปได้ยังไง! พวกเขาไม่เหมือนกันเลยสักนิด!

เธอตาฝาดไปจริงๆ เสี่ยวจื่อยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนและมองไปที่ดวงตาของเธอจากนั้นพูดขึ้นว่า ” มันเป็นโชคชะตา ก็เหมือกับเธอที่อยู่ตรงนี้ และฉันก็อยู่ตรงนี้เหมือนกัน แล้วเราสองคนก็ได้มาเจอกัน ”

เมื่อฟังเขาพูดจบ มู่เวยเวยก็พยักหน้า แล้วหลับไปมองท้องฟ้าที่กว้างใหญ่แล้วเธอก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับพูดขึ้นว่า “คุณรู้มั้ย? คนที่ฉันอยากเจอมากที่สุดก็คือคุณ ”

เมื่อฟังเธอพูดจบ เสี่ยวจื่อก็หันไปมองทางอื่น มองท่าทางที่สบายใจของเธอ ดวงตาสีม่วงก็แฝงไปด้วยความเสียใจเล็กน้อย

เวยเวย ถ้าหากวันหนึ่งเธอรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของฉันเป็นใคร เธอยังจะพูดแบบนี้อยู่อีกมั้ย?

เธอจะเสียใจมั้ยที่รู้จักฉัน?

……

เซียวซินโยวเดินเข้าไปนั่งโต๊ะที่ได้จองไว้ก่อนหน้านี้แล้วที่ร้านกาแฟ เมื่อเห็นถึงสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนักของหนานกงเฮ่า เธอก็เหงื่อตกทันที

นั่งลงตรงข้ามเขาอย่างเกรงใจ หยุดคิดไปชั่วขณะแล้วถามขึ้นว่า ” คุณเป็นอะไรไป? ”

หนานกงเฮ่ามองไปที่เธออย่างเคร่งขรึมด้วยใบหน้าที่ดูจริงจังมาก แล้วถามขึ้นว่า ” เวยเวยนั่งรถของเย่ฉ่าวเฉินออกไปใช่มั้ย? ”

ที่แท้ก็เป็นเพราะเรื่องนี้นี่เอง

เฉียวซินโยวรู้สึกโล่งอกไปที. จากนั้นก็รู้สึกบึ้งตึงขึ้นมาอีกครั้ง มู่เวยเวยอีกแล้วหรอ!

เธอไม่รู้เลยจริงๆว่ามู่เวยเวยมีอะไรดี เย่ฉ่าวเฉินเกลียดเธอจะตาย แต่ก็ไม่ยอมหย่ากับเธอสักที!

ตอนนี้หนานกงเฮ่าก็กลายเป็นคนที่หลงเธอจนโงหัวไม่ขึ้น!

” ก็ใช่น่ะสิ! “เฉียวซินโยวพยายามข่มความโกรธของเธอเอาไว้ และจงใจพูดด้วยน้ำเสียงที่แดกดันว่า ” เมื่อตอนกลางเวยเย่ฉ่าวเฉินเรียกให้เวยเวยไปพบที่ห้องทำงาน พอเธออกมาเธอก็แปลกไป ”

หนานกงเฮ่าขมวดคิ้วแล้วถามขึ้นนิ่งๆว่า ” แปลกไปยังไง? ”

เฉียวซินโยวบีบขาของเธอแน่น เธอตัดสินใจแล้วว่าจะสั่งสอนหนานกงเฮ่าสักหน่อย ที่เอาแต่หลบซ่อนแล้วให้เธอต้องออกหน้าคนเดียวมาตลอด

“ฉันเห็น…… ฉันเห็นเสื้อผ้าของเวยเวยถูกฉีกขาดไปหมด คอของเธอก็มีรอย……” เฉียวซินโยวตั้งใจพูดอย่างช้าๆ เมื่อถึงสังเกตุเห็นหนานกงเฮ่าที่มีอารมณ์โกรธมากขึ้นเรื่อย เธอก็ยิ่งสะใจ และทำเป็นพูดเวยน้ำเสียงที่เสียงใจ ” เป็นรอยดูด ”

รอยดูด!

เขาไม่ใช่ชายหนุ่มไร้เดียงสา เขารู้ว่ามันหมายความว่ายังไง!

” เชี่ย! “หนานกงเฮ่าอุทานออกมาด้วยความโกรธ มือของเขาบีบแน่นไปที่ถ้วยกาแฟสุดแรงจนถ้วยกาแฟแตก มือของเขาเต็มไปด้วยกาแฟสีน้ำตาลผสมกับเลือดสีแดงเต็มไปหมด ทำให้เป็นจุดสนใจของคนรอบข้าง

เฉียวซินโยวเมื่อเห็นถึงอาการโกรธอย่างบ้าคลั่งของเขา ในใจของเธอสะใจและมีความสุขมาก แต่เธอก็แสร้งทำเป็นตกใจและรีบหยิบผ้าเช็ดหน้ายื่นให้กับเขาทันที

เมื่อรับผ้าเช็ดหน้ามาแล้ว สีหน้าและท่าทีของเขาก็นิ่งสงบลง เหมือนกับว่าสิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้เป็นเพียงจินตนาการ แล้วเขาก็ค่อยๆเช็ดเลือดด้วยผ้าเช็ดหน้านั้น และถามขึ้นอย่างนิ่งๆว่า “ที่เรียกฉันมามีเรื่องอะไร? ”

เฉียวซินโยวพูดด้วยหน้าตาและน้ำเสียงที่จริงจังทันทีว่า ” ฉันรู้มาจากปากของเย่ฉ่าวเฉินว่าที่เขาแต่งงานกับมู่เวยเวยก็เพื่อล่อให้มู่เทียนเย่ออกมา ”

หนานกงเฮ่ายังคงทำหน้านิ่งและไม่ทีท่าใดๆ

เฉียนซินโยวก็ถามต่อไปว่า ” เฉ่าวเฉินกับมู่เทียนเย่มีเรื่องอะไรกันแน่? ฉันจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ ”

เมื่อฟังเธอพูดจนจบ หนานกงเฮ่าก็กระตุกยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วพูดขึ้นว่า ” เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้บอกกับเธอหรอ? ”

เฉียวซินโยวเมื่อได้ยินเขาถามแบบนั้น ใจก็รู้สึกสิ้นหวังมากแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวังว่า ” ไม่ได้บอก เขาบอกให้ฉันอยากรู้มากจะดีกว่า ”

หนานกงเฮ่ายิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วพูดนิ่งๆว่า ” ดูแล้วเธอยังไม่ได้ใจเย่ฉ่าวเฉินมาทั้งหมด ”

เฉียวซินโยวรู้สึกโกรธขึ้นมาทันทีกับคำพูดที่ไม่น่าฟังที่เขาพูดออกมา แต่ก็แสดงออกมาไม่ได้ เธอจึงแสร้งทำเป็นไม่สนใจคำพูดพวกนั้นของเขาแล้วพูดขึ้นว่า ” ดังนั้นฉันจึงต้องมาถามคุณไงหล่ะ ”

หนานกงเฮ่าครุ่นคิดไปชั่วขณะแล้วพูดขึ้นว่า ” มู่เทียนเย่กับเย่ฉ่าเฉินมีเรื่องบาดหมางกันนิดหน่อย เรื่องนี้ฉันก็ไม่อยากพูดถึงมัน ก็ตั้งแต่น้องชายของเย่ฉ่าวเฉินเสียชีวิต หลังจากนั้นเย่ฉ่าวเฉินก็พลิกแผ่นดินหามู่เทียนเย่ เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับเย่ฉ่าวเหยียนน้องชายของเขา ”

” แล้วคุณรู้มั้ยว่ามู่เทียนเย่ไปอยู่ที่ไหน? ” เฉียนซินถามอย่างคาดหวังคำตอบมาก

หนานกงเฮ่าส่ายหัว แล้วพูดขึ้นว่า ” ไม่รู้ รวมทั้งเย่ฉ่าวเฉินเองก็ไม่รู้ มู่เทียนเย่ก็ถือเป็นคนเจ้าแผนการมากและเขายังมีความสามารถที่สุดยอดอีกด้วย ”

น้ำเสียงของเขาชื่นชมมู่เทียนเย่

เฉียวซินโยวก้อมหน้าและรู้สึกผิดหวัง ดูเหมือนว่าจะหาตัวเขาเจอนั้นไม่ง่ายเลย

จากที่ฟังหนานกงเฮ่าเล่ามาแล้ว เฉียวซินโยวก็มาคิดไต่ตรองดูอีกที

มู่เทียนเย่กับเย่ฉ่าวเฉินมีเรื่องบาดหมางกัน มู่เทียนเย่ทำให้เย่ฉ่าวเหยียนตาย เพื่อแก้แค้นให้กับน้องชายฉ่าวเฉินจึงต้องพลิกแผ่นดินตามหามู่เทียนเย่

มิน่าล่ะตอนที่อยู่ห้องทำงานเขาถึงถามเธอว่า เวยเวยเคยเล่าเรื่องพี่ชายให้เธอฟังมั้ย แล้วตอนนี้มู่เทียนเย่อยู่ที่ไหนล่ะ?

ดูเหมือนว่าที่เย่ฉ่าวเฉินแต่งานกับมูเวยเวยก็เพื่อหลอกใช้เธอเพื่อล่อให้มู่เทียนเย่ออกมาเท่านั้น!

เหอะเหอะ……

เฉียวซินหัวเราแห้งสองที ในใจเธอมีความสุขมาก แล้วเธอก็คิดว่า: ถ้าหากว่าเธอช่วยเขาหาตัวมู่เทียนเย่ให้เจอ เขาก็คงจะหย่ากับมู่เวยเวยแน่ๆใช่มั้ย? ”

แต่ว่าเมื่อคิดถึงความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองตอนนี้ มู่เวยเวยคงไม่ยอมบอกเธอแน่ๆ นอกจากเธอแล้วยังจะมีใครอีกที่จะรู้ว่ามู่เทียนเย่อยู่ที่ไหน?

เธอพยายามคิดว่ายังมีใครที่จะรู้อีกแต่ก็คิดชื่อใครไม่ออกเลยสักคน

คุณลุงของมู่เวยเวย มู่จางรุ่ย

……

ณ คฤหาสน์ตระกูลเย่

มู่เวยเวยและเสี่ยวจื่อคุยกันอยู่พักหนึ่ง มองดูท้องฟ้าที่ค่อยๆมืดลง เสี่ยวจื่อก็พาเธอไปส่งที่ห้องนอนของเธอ แล้วก็กลับไปที่ห้องนอนตัวเองอีกครั้ง

มองดูรูปร่างอันสูงยาวของเขา มู่เวยเวยถามขึ้นอย่างสงสัยว่า ” คุณจะอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตเลยมั้ย? ”

เสี่ยวจื่ออึ้งไปเล็กน้อย แล้วรีบพยักหน้าทันที

มู่เวยเวยก้อมหน้าด้วยความรู้สึกที่ผิดหวัง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่เศร้าหมอง ” ออ ฉันรู้แล้ว ”

” งั้นฉันไปก่อนนะ ”

” อือ ”

พอพูดจบ เสี่ยวจื่อก็หายตัวไปทันทีราวกับว่าไม่เคยมายังไงยังงั้น

นอนอยู่บนเตียงนุ่มๆ มู่เวยเวยไม่มีความรู้สึกอยากนอนเลยสักนิด เธอกำลังคิดว่าคนอื่นๆจะรู้มั้ย ว่าเสี่ยวจื่อมีตัวตน?

เสี่ยวจื่อมีตัวตนจริงๆ หรือว่าเป็นแค่จินตนาการของเธอเอง

หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูผ่าน แล้วเผลอเปิดไปที่อัลบั้มรูป เมื่อเห็นรูปอย่างชัดๆ ดวงตาของเธอก็มีน้ำตาของเธอพรั่งพรูออกมา

พี่ชาย……

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset