มู่เวยเวยพูดจบ เธอไม่สนใจความเจ็บปวดที่ร่างกายแต่รีบหยิบเศษกระจกออกจากรูปถ่ายทันที …. ยังดีที่รูปไม่เสียหาย
ไม่ได้เจอพี่ชายแล้ว แต่เธอก็ยังมีรูปของพี่ชายเอาไว้…..
เย่ฉ่าวเฉินมองท่าทางของเธอกับรูปภาพนั้น ความโมโหที่ลดลงไปแล้วก็กลับเพิ่มขึ้นมาอีก เขายิ้มเยาะแล้วพูดว่า “ทั้งหมดมันเป็นเพราะฉันงั้นหรอ เหอะ ถ้าจะโทษก็โทษพี่ชายของเธอสิ ที่ทำสิ่งที่ไม่ควรทำ!”
พูดจบ เย่ฉ่าวเฉินก็ไม่ชายตามองเธออีก แล้วออกจากห้องไปอย่างไม่อาลัยอาวรณ์
หลังจากเย่ฉ่าวเฉินออกไป มู่เวยเวยยังคงอยู่ในห้องของมู่เทียนเย่ แม้กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แต่ก็ยังฝืนเช็ดรูปถ่ายแล้วนำไปตั้งไว้ให้เรียบร้อยอย่างเดิม ขณะเดียวกันก็จัดการเอาเศษกระจกที่ต้นแขนและแผ่นหลังออก แล้วหยุดเลือด
แต่เพราะว่าที่แผ่นหลังเธอมองไม่ค่อยเห็น จึงแค่ใช้ความรู้สึกในการจัดการ
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว มู่เวยเวยจึงออกไปจากห้องของมู่เทียนเย่ เตรียมจะลงไปหามู่จางรุ่ย คุณลุงที่ก่อนหน้านี้โทรมาบอกว่าทราบข้อมูลที่แน่ชัดของพี่ชายแล้ว
ห้องถัดจากห้องของมู่เทียนเย่เป็นห้องเดิมของเธอ แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นห้องของมู่อี้เหยา
มู่เวยเวยลงมาชั้นล่างแล้วต้องเดินผ่านห้องนั้น แต่นึกไม่ถึงว่าประตูจะไม่ได้ปิด ทำให้เธอบังเอิญได้ยินเสียงพูดคุยกันออกมา…..
มองลอดเข้าไปในห้อง มองเห็นเย่ฉ่าวเฉินนั่งอยู่ที่โซฟา มู่อี้เหยากำลังกอดแขนออดอ้อนเย่ฉ่าวเฉิน และทั้งตัวแทบจะไปอยู่บนร่างของเขาแล้ว
“พี่ฉ่าวเฉินคะ ฉันบอกพี่แล้ว ว่าลูกพี่ลูกน้องของฉันน่ะเป็นผู้หญิงใจง่าย ดูแค่ภายนอกไม่ออกหรอกค่ะ จริงๆแล้วหล่อนอ้าขาให้กับผู้ชายคนไหนก็ได้ ไม่เว้นแม้แต่ลู่จื่อหาง แล้วยังมี…..” มู่อี้เหยาพูดด้วยเสียงออดอ้อน ต่างจากเสียงที่พูดกับเธอในเวลาปกติราวฟ้ากับเหว
“พอเถอะ ฉันไม่อยากรับรู้เรื่อของผู้หญิงคนนั้นแล้ว!” เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างหมดความอดทน
“ก็ได้ค่ะ งั้นพูดเรื่องของเราดีกว่า พี่ฉ่าวเฉินคะ ฉันแตกต่างและก็เด็กกว่าลูกพี่ลูกน้องฉันอีก แถมฉันยังชอบพี่มาก รู้เรื่องราวของพี่ตั้งหลายเรื่อง พี่เคยถูกเขียนถึงในคอลัมน์เศรษฐกิจ ตั้งสามครั้ง เป็นถึงคุณชายแห่งตระกูลเย่ โตที่อเมริกา แล้วยัง…”
“พอแล้ว! ” เย่ฉ่าวเฉินบอกให้เธอหยุดพูดอย่างรำคาญ
“เอ่อ ….พี่ฉ่าวเฉินคะ…..” มู่อี้เหยาดึงดูดความสนใจ กระซิบค่อยๆ ร้องครางขึ้นมาเบาๆ ใช้ปลายนิ้วเรียวแตะที่ริมฝีปากของเย่ฉ่าวเฉินให้เแยกออกอย่างยั่วยวน “งั้นพี่อยากทำอะไรล่ะคะ ฉันทำให้ได้ทุกอย่างเลยนะคะ…. ”
เธอแสดงออกมาอย่างชัดเจน แต่เย่ฉ่าวเฉินแค่ปรายตามอง แล้วไม่ตอบอะไร
มู่อี้เหยาคาดเดาความคิดของผู้ชายคนนี้ไม่ได้จริงๆ ยิ่งเห็นว่าเขาไม่ผลักไส ก็ยิ่งทำต่อ “พี่ฉ่าวเฉินคะ อยากดูการแสดงไหมคะ อี้เหยาเต้นให้ดูได้นะ! ”
มู่เวยเวยแปลกใจ ว่ามู่อี้เหยาไปเรียนเต้นมาตอนไหน และเมื่อฟังน้ำเสียงออดอ้อนของคนในห้องแล้ว…..
“ฟู่——”
มู่เวยเวยถอนหายใจออกมา แต่เธอสาบานเลยว่าไม่ได้ตั้งใจ
คนในห้องทั้งสองได้ยินเสียงที่ด้านนอก เมื่อมองออกไป มู่อี้เหยาก็เห็นว่าเป็นมู่เวยเวย เธอหงุดหงิดขึ้นมาทันที ให้ตายสิ มาทำลายโอกาสของเธอซะได้
แต่เย่ฉ่าวเฉินไม่แปลกใจที่เจอมู่เวยเวยที่หน้าประตู เขากระตุกยิ้มมุมปาก หลังจากนั้นก็โอบเอวมู่อี้เหยาไว้ ท่าทางหยอกเย้า พ่นลมหายใจร้อนออกมา แล้วพูดค่อยๆว่า “เอาสิ ฉันอยากเห็นเธอเต้นมากๆเลย”