ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 450 “ฆ่า!”

นางไม่ได้สวมรองเท้า ขณะที่ปลายเท้าที่งดงามดั่งเท้าหยกข้างนั้นแตะอยู่บนดาบยักษ์สีดำที่ดูมืดมิดและลึกลับ ก็ยิ่งดูกระจ่างจนไร้สิ่งใดเทียบ
 
 
ดาบยักษ์ยังคงคำรามออกมา แม้ว่าได้ทำลายกระบี่ผงาดฟ้าจนหักสะบั้นไปแล้ว แต่มันกลับไม่มีรอยร้าวแม้แต่นิดเดียว หนำซ้ำประกายแสงหม่นๆบนตัวดาบก็ยิ่งเข้มข้นกว่าเดิม
 
 
ดวงตาของเยี่ยเฉินหรี่ลง ร่างของเขากระโดดถอยไปด้านหลัง ในมือยังคงกุมด้ามกระบี่ผงาดฟ้าที่หักเอาไว้
 
 
บนตัวกระบี่ที่เหลือไร้ประกายอีกต่อไป แม้แต่จิตกระบี่ที่เคยมีอยู่ก็สูญสิ้นอย่างราบคาบ
 
 
ดาบเล่มนั้น….ดูดกลืนพลังของกระบี่ผงาดฟ้าไปจนหมดสิ้น?
 
 
เขาขมวดคิ้วมุ่น แต่ที่ทำให้เขาเกิดความสนใจยิ่งกว่าดาบก็คือเจ้าของดาบเล่มนั้น—ตู๋กูซิงหลัน
 
 
นับตั้งแต่แวบแรกที่นางปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ทั้งสายตาและความสนใจทั้งหมดของเขาก็รวมอยู่ที่นางเพียงผู้เดียว
 
 
นางยังมีชีวิตอยู่!
 
 
เขาเห็นนางกระโดดลงไปในหุบเหวไร้ก้นกับตาของตนเอง นางถึงกับสามารถรอดออกมาได้!
 
 
ไม่เพียงแค่นั้น…..
 
 
เยี่ยเฉินมองดูร่างของตู๋กูซิงหลันที่ยามเคลื่อนไหวคล้ายจะมีละอองแสงสีเงิน ในใจต้องอดสั่นสะท้านไม่ได้
 
 
หวาชางสุ่ยและเยี่ยอิงต่างก็เห็นอย่างชัดเจน….
 
 
นังสวะผู้นั้น…..มันถึงกับยังไม่ตาย?!
 
 
ตู๋กูซิงหลันเหยียบอยู่บนดาบยักษ์ ดวงตาดอกท้อกวาดออกไปด้วยรังสีอำมหิตที่เข้มข้นอย่างที่สุด
 
 
สายตานั้นกวาดไปยังเยี่ยเฉิน เยี่ยอิง และหวาชางสุ่ยที่อยู่บนหอสูงจนครบในรอบเดียว
 
 
สายตาของนางเหมือนดั่งเจ้าหนี้ พอกวาดผ่านก็ทำให้หัวใจของคนทั้งสามเกิดอาการผวาขึ้นมา
 
 
แม้แต่คนอื่นๆในเผ่ามังกรทมิฬก็พลอยรู้สึกหวาดหวั่นไปด้วย…….
 
 
พวกเขาทำคอแข็ง พอมองดูสาวน้อยในชุดสีแดงผู้นั้น…..อยู่ๆก็ทำให้คิดไปถึงราชามังกรขึ้นมา
 
 
องค์ราชามังกรทรงมีผู้สืบทอดสายเลือดอยู่ในเผ่ามนุษย์ บุตรนอกสมรสผู้นั้นก็อยู่ที่นี้แล้ว ตอนนี้สาวน้อยที่กระโดดลงไปในหุบเหวผู้นั้นก็กลับขึ้นมาอย่างปลอดภัยเช่นกัน!
 
 
ไม่เพียงแค่นั้น ในร่างของนางยังมีพลังของเผ่ามังกรอีกด้วย!
 
 
ฝูงชนต่างก็อดจะประหลาดใจไม่ได้ว่า ที่ใต้หุบเหวไร้ก้นนั้น นางได้พบเจอกับสิ่งใดเข้ากันแน่?
 
 
แล้วบุรุษเผ่ามนุษย์ที่เคยไล่ตามนางมาผู้นั้นเล่า? แหลกเละไปแล้ว?
 
 
องค์ราชามังกรยังคงมีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่?
 
 
เกรงว่านอกจากบุตรสาวนอกสมรสผู้นั้นแล้ว ก็คงจะไม่มีผู้ใดที่รู้คำตอบอีกแล้ว
 
 
ตู๋กูเจวี๋ยที่กำลังตกอยู่ในความโกรธเกรี้ยวมองดูสาวน้อยผู้นั้น พลังกระหายเลือดที่กำลังคุ้มคลั่งอยู่ในร่างกายทำให้ยังไม่อาจควบคุมตนเองได้ ทรวงอกถูกคมกระบี่ผงาดฟ้าแทงลงไปแผลหนึ่ง เลือดไหลซึมออกมา แต่ว่าปากแผลก็กำลังประสานกันอย่างรวดเร็วจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
 
 
ในตาของเขามีแต่แสงสีแดง มือยังคงกุมดาบกระดูกมังกรเอาไว้ เขาต้องการเพียงทำลายทุกอย่างให้ราบเรียบเป็นหน้ากลองเท่านั้น
 
 
ตู๋กูซิงหลันหันกลับมามองดูเขาอีกครั้ง นางไม่เคยเห็นพี่รองเป็นเช่นนี้มาก่อนเลย
 
 
บนหลังมือของเขามีเกล็ดสีดำปรากฏขึ้นเต็มไปหมด พอมองดูอย่างละเอียดก็จะเห็นว่าเกล็ดเหล่านั้นสะท้อนแสงสีเงินยวงเป็นประกาย
 
 
บนริมฝีปากของเขายังคงมีเศษด้ายบางส่วนอยู่ เลือดไหลซึมไปทั่วปาก ใบหน้าที่เดิมนุ่มนวลอ่อนโยนตอนนี้มีแต่ความเ**้ยมเกรียม
 
 
ร่างกายของเขาสั่นสะท้านไปด้วยพลังที่พุ่งพล่าน ดาบกระดูกมังกรที่ถูกยกจนสูงไม่อาจฟาดลงมาใส่ตู๋กูซิงหลัน
 
 
สติรับรู้ที่เลือนลางกำลังร่ำร้อง….อย่าได้ทำร้ายนาง ไม่อาจทำร้ายนาง!
 
 
ตู๋กูซิงหลันตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็ยื่นมือออกไปคว้าตู๋กูเจวี๋ยเข้ามาในอ้อมกอด “พี่รอง ไม่เป็นอะไรแล้ว”
 
 
นางยื่นมือมาตบแผ่นหลังของเขา “ข้ากลับมาแล้ว”
 
 
ข้ากลับมาแล้ว ย่อมไม่ปล่อยให้ผู้ใดแตะต้องพวกท่านได้แม้แต่เส้นผมเดียว!
 
 
ตอนที่อยู่ใต้หุบเหว นางได้ยินบิดาเล่าเรื่องราวมากมาย รวมถึงเรื่องขุมพลังกระหายเลือดที่บิดาชักนำออกจากร่างของนางไปอยู่ในร่างของพี่รองแทนด้วย นึกไม่ถึงว่าพลังนั้นจะระเบิดออกมาเร็วถึงเพียงนี้
 
 
ได้ยินบิดาเล่าว่า….มีแต่ตอนที่ถูกรังแกหรือบีบคั้นอย่างรุนแรง พลังกระหายเลือดถึงจะระเบิดออกมา
 
 
พี่รองเป็นคนจิตใจดีอย่างยิ่ง นางไม่กล้าคิดเลยว่าเขาต้องถูกบีบคั้นถึงเพียงไหนจึงได้ทำให้กลายเป็นสภาพนี้ไป
 
 
ใจกลางฝ่ามือของนางปรากฏพลังจิตวิญญาณของมังกรขึ้นมาขุมหนึ่ง ส่งเข้าไปในหัวใจของเขา
 
 
แม้ว่าไม่อาจควบคุมพลังของจิตมังกรภายในร่างของเขา แต่ว่าอย่างน้อยๆก็ยังพอจะช่วยเรียกสติของเขาให้ฟื้นคืนมาได้บ้าง
 
 
ไม่มีผู้ใดมองเห็นพลังของจิตมังกรในฝ่ามือของตู๋กูซิงหลัน และไม่มีผู้ใดรู้ว่าคำพูดของนางเหล่านั้น ตู๋กูเจวี๋ยจะได้ยินบ้างหรือไม่ คนผู้นั้นตอนนี้กลายเป็นคนที่บ้าคลั่งไปแล้ว!
 
 
เจอะใครก็ฟันคนนั้น เจอใครก็กัดคนนั้น!
 
 
ครู่ต่อมา แววตาที่บ้าคลั่งของตู๋กูเจวี๋ยค่อยเบาบางลงไปสองส่วน
 
 
เขามองดูตู๋กูซิงหลันที่อยู่ตรงหน้า ในที่สุดค่อยอ้าปาก เอ่ยอย่างได้สติขึ้นมาทีละคำ “น้องเล็ก…”
 
 
“พวกเขาพูดกันว่าเจ้าตายไปแล้ว”
 
 
เขาใช้สองมือที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดจนชุ่มโชกโอบกอดนางอย่างแนบแน่น
 
 
“พี่รองรู้อยู่แล้ว ว่าเจ้าจะต้องไม่ตาย!
 
 
ตู๋กูซิงหลันรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าร่างกายของเขากำลังสั่นสะท้าน
 
 
พี่รองไม่เคยรู้เรื่องสภาพร่างกายของตนเอง ยิ่งไม่รู้เลยว่าอยู่ดีๆร่างกายของเขาจึงเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นมาได้อย่างไร
 
 
ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่เขากำลังห่วงใยอย่างล้นพ้นก็ไม่ใช่ตัวของเขาเอง
 
 
ในตอนนั้นเอง เขาล้วงเอาเกล็ดงูสีเขียวชิ้นหนึ่งออกมาจากในอกเสื้อ
 
 
“ชือหลีนาง……”
 
 
ตู๋กูซิงหลันมองดูเกล็ดงูที่ถูกย้อมเลือดชิ้นนั้น ก็หันกลับไปหาดวงตาที่กำลังเดือดดาลของเขา
 
 
นางเอ่ยออกมาเพียงคำเดียว “ฆ่า!”
 
 
ทุกผู้ที่อยู่ในที่นี้!
 
 
นอกจากสามแม่ลูกที่ต้องตายอย่างแน่นอนแล้ว คนอื่นๆที่เคยทำร้ายพี่รองและชือหลี……ก็จะไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียวเช่นกัน!
 
 
พลังของจิตมังกรที่ทรนงในร่างกายของคนทั้งสองถูกปลุกเร้าขึ้นมา ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกัน พลังในร่างก็ปิดกั้นเสียงไม่ให้รั่วไหลสู่ภายนอก ผู้อื่นจึงไม่มีทางได้ยินอะไร
 
 
ดังนั้นจึงยังไม่มีใครทันรู้ตัวเลยว่าตู๋กูเจวี๋ยที่กระหายเลือดเอาแต่ฆ่าฟันนั้นถูกตู๋กูซิงหลันเรียกสติกลับมาแล้ว
 
 
เยี่ยอิงนั่งอยู่บนหัวของมังกรดำตัวหนึ่ง หลังจากเกิดความประหลาดใจที่ได้เห็นตู๋กูซิงหลันปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง นางก็สงบจิตใจลงได้อย่างรวดเร็ว แขนของนางที่ถูกตู๋กูเจวี๋ยฟันขาดไปนั้น ตอนนี้เลือดก็หยุดไหลแล้ว
 
 
พอเห็นว่าตู๋กูซิงหลันเปิดเผยช่องโหว่ที่แผ่นหลังออกมา นางก็ยิ้มอย่างเย็นชาออกมาในทันที ใช้มือข้างเดียวที่เหลืออยู่สะบัดดาบโซ่ออกไปอย่างรวดเร็ว
 
 
ด้วยพลังทั้งหมดที่นางมี ครั้งนี้จะต้องคว้าเอาหัวใจสกปรกโสโครกในร่างของตู๋กูซิงหลันออกมาได้แน่!
 
 
ไม่เห็นหรือว่า ? ตั้งแต่วินาทีที่นางปรากฏตัวขึ้นมานั้น สายตาของพี่ชายก็จับจ้องอยู่บนร่างของนางอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยเคลื่อนออกไปเลยแม้แต่น้อย
 
 
รอดออกมาจากหุบเขาไร้ก้นบึ้งได้แล้วจะอย่างไร? วันนี้ก็นางตายลงนรกไปอยู่ดี!
 
 
ไม่ จะต้องให้นางดับอนาถยิ่งกว่าตกลงไปในนรก!
 
 
ในเผ่ามังกรทมิฬ พลังของเยี่ยอิงนับว่าอยู่ในระดับแนวหน้า ครั้งนี้นางใช้พลังอย่างสุดกำลัง ดาบโซ่ทั้งสิบสองเล่มโผบินออกไปถึงเบื้องหน้าของตู๋กูซิงหลันด้วยความรวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด
 
 
ต่อให้เป็นกำแพงเหล็กกล้ายามนี้ก็มีแต่ต้องถูกทะลวงพรุนจนกลายเป็นตะแกรง!
 
 
เยี่ยเฉินที่อยู่ด้านข้าง คิดจะหยุุดยั้งพลังของเยี่ยอิงเอาไว้
 
 
เขาเฝ้าครุ่นคิดถึงตู๋กูซิงหลันมาตลอดหลายวัน ปรารถนาจะครอบครองนางให้จงได้ ไม่ง่ายนักที่นางจะรอดกลับมาจากหุบเหวไร้ก้นได้ นี่นับว่าฟ้าดินได้ให้โอกาสแก่เขาแล้ว เขาย่อมไม่ต้องการให้นางตกตายไปอย่างง่ายๆ
 
 
อย่างน้อยๆ…..ก็ต้องกลายเป็นสตรีของเขาก่อนค่อยตาย!
 
 
เขาเกิดความต้องการในตัวตู๋กูซิงหลันขึ้นมาแล้ว หลังความต้องการนี้คลี่คลาย เสี่ยวอิงคิดจะบดบี้นางอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น
 
 
หากว่าตายไปเสียแต่ตอนนี้….พอมาถึงมือของเขาก็จะเหลือเพียงแค่ศพที่เย็นชืด ไร้รสชาติ
 
 
แต่ว่าดาบโซ่ของเยี่ยอิงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วอย่างยิ่ง พริบตาเดียวก็พุ่งไปถึงร่างของตู๋กูซิงหลันแล้ว เขาคิดจะรั้งเอาไว้ก็ไม่ทันการเสียแล้ว
 
 
ฝูงชนทั้งหลายต่างก็เห็นว่าดาบโซ่ทั้งสิบสองเล่มของเยี่ยอิงกำลังจะคว้านเข้าไปในร่างของตู๋กูซิงหลัน
 
 
เดิมทีพอเห็นว่านางสามารถกลับออกมาจากหุบเหวไร้ก้นได้ แสดงว่าจะต้องมีฝีมืออยู่บ้าง ที่แท้ก็เป็นเพียงแค่หมอนปักลายเท่านั้น ภายนอกดูแข็งแกร่งแต่ภายในกลวงจนว่างเปล่า
 
 
เยี่ยอิงหัวเราะเสียงเย็นออกมา “ เป็นแค่เศษสวะเผ่ามนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น…ไหนเลยคู่ควร…”
 
 
เสียงของนางยังไม่ทันขาดคำ ก็ได้ยินเสียงติ๊งคราหนึ่ง เห็นตัวดาบโค้งที่เดิมกำลังจะคว้านเข้าไปในร่างของตู๋กูซิงหลัน พุ่งกลับมาหานางจนหมดสิ้น!
 
 

 
 

 
 
…………………………….
 
 
ตอนต่อไป “ไม่ต้องรีบร้อน…..ค่อยๆไล่ไปทีละคน”

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset