ตู๋กูซิงหลันลองคิดๆ ดู พลางมองดูผิวน้ำที่ราบเรียบของแม่น้ำหลี่เหอ ” หากว่ามีสักวันหนึ่ง ข้าเป็นไทเฮาต่อไปไม่ได้ ข้าจะไปขอข้าวขออาหารตอนผ่านไปทางประตูของอารามเทียนเก๋อกวน อู๋เจินน้อย เจ้าก็อย่าลืมให้ทานข้ามากสักหน่อยแล้วกัน “
อู๋เจินตกตะลึงจนแทบจะกระโดด ” ท่านที่มีความสามารถอยู่กับตัวมากมายเพียงนี้จะมีวันที่ต้องตกยากถึงขั้นขออาหารกินด้วยหรือ? “
ตีให้ตายเขาก็ไม่อยากจะเชื่อหรอก
ตู๋กูซิงหลันได้แต่สำนึกเสียใจขึ้นมา วันนี้ได้รู้แล้วว่าฮ่องเต้สุนัขผู้นั้นเก่งกาจถึงเพียงไหน นางรู้สึกว่าวันเวลาที่ตนเองจะต้องออกไปขอทานคงอยู่อีกไม่ไกลแล้ว
……………………
ภายในอารามเทพธิดา ต้นฮว๋ายฮวาที่เ**่ยวเฉามานานสิบปี พอได้รับสายลมฤดูใบไม้ผลิไปคืนหนึ่งก็แตกยอดใหม่ออกมา
จากนั้นอีกเพียงคืนเดียวก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวทั่วทั้งต้น กลิ่นหอมเฉพาะจากเนื้อไม้ของต้นฮว๋ายกำจายไปทั่วอารามเทพธิดา
ตั้งแต่เช้าตรู่ก็มีชาวบ้านไม่น้อยพากันมาจุดธูป ทั้งยังมีคนจำนวนไม่น้อยมาช่วยซ่อมแซมอารามด้วยตนเอง
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังระดมเงินในชั่วข้ามคืนจนได้ทองคำมาจำนวนหนึ่ง นำไปบดเป็นผงทอง เพื่อนำมาปั้นเป็นเทพธิดาชือหลีทองคำด้วย
เพียงเวลาสั้นๆ ไม่กี่วัน อารามเทพธิดาก็ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่
ในอารามมีควันหอมกำจาย ควันธูปหมุนวนเป็นวง
ชือหลีไม่ได้รับควันธูปที่เข้มข้นเช่นนี้มานานหลายปีแล้ว หลายวันมานี้นางจึงซึมซับอย่างไม่เกรงใจ จนทำให้ดวงจิตของนางเองก็มั่นคงขึ้นมาอีกไม่น้อย
อย่างน้อยก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกดวงวิญญาณคนตายเหล่านั้นมาพยุงนางอีกแล้ว
ที่จริงทุกวันนี้ก็ไม่มีวิญญาณคนตายให้นางได้ใช้สอยอีกแล้ว ก็พวกมันถูกนังเด็กน้อยนั่นชำระดวงวิญญาณจนหมดสิ้นไปแล้วมิใช่หรือ?
นับจากวันนี้เป็นต้นไป นางก็ไม่ต้องซ่อนอยู่ในห้องใต้ดินนั่นอีกแล้ว ช่างดีจริงๆ
คืนนี้ นางพิงร่างอยู่บนกิ่งใหญ่ของต้นฮว๋ายฮวา ร่างท่อนบนมีเส้นผมสีแดงปกคลุมจนทั่ว เพียงเผยให้เห็นสองแขนที่ขาวผุดผ่องราวหิมะและช่วงเอวคอดเท่านั้น
ภายใต้แสงจันทร์กระจ่างที่ส่องผ่านใบเขียวสดของต้นฮว๋ายทอดลงมาบนปลางหางงูสีเขียวยาวเฟื้อย
ในมือของชือหลีถือตะเกียงเอาไว้หนึ่งดวง ไส้ตะเกียงเป็นเส้นด้ายสีดำสองเส้นที่พันทบกัน
ใช้เวลาไปตั้งหลายวัน นางถึงได้ทำไส้ของตะเกียงนิรันดร์จากดวงจิตของหญิงร้ายชายโฉดคู่นั้นสำเร็จ พึ่งจะเสร็จเรียบร้อย ก็อดใจไม่ไหวควรจะนำมาชมดูสักหน่อยมิใช่หรือ?
เพียงแค่นางเคาะลงไปเบาๆ ก็เห็นแสงไฟในตะเกียงลุกโชนขึ้นมา
” ฮิ ฮิ ดูจิตใจที่ดำมืดของพวกเจ้าสิ แม้แต่ยามเมื่อดวงจิตถูกแผดเผาก็ยังลุกโชนเป็นสีดำ ” ชือหลีหัวเราะเสียงเย็น
ยามที่ไส้เทียนลุกโชนขึ้นมา ก็ยังสามารถได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความทรมานของคนทั้งสอง
” ชือหลี เจ้าเป็นถึงเทพ แต่กลับโหดร้ายยิ่งนัก เจ้าเองก็ต้องไม่มีจุดจบที่ดีแน่! ” ดวงวิญญาณของจีหรานยังคงสาปแช่งนางไม่ยอมหยุด
ชือหลีพิงลงไปบนลำต้น ยิ้มอย่างอ่อนโยนยิ่งกว่าเดิม ” เจ้าดูสิ พอผ่านไปอีกสักร้อยปีพันปี ข้าผู้เป็นเทพก็จะสามารถสร้างกายทิพย์ขึ้นมาได้อีกครั้ง ถึงตอนนั้นก็จะมีอิสระเสรีไปไหนได้ตามใจ ถึงตอนนนั้น วิญญาณของพวกเจ้าก็คงถูกเผาผลาญจนหมดสิ้นแล้ว แล้วมาดูกันสิ ว่าจุดจบของใครจะย่ำแย่กว่ากันนะ? “
” พี่สาว ท่านจัดการให้รวบรัดไปเลยดีกว่า ไยจึงต้องทรมานพวกเราด้วยวิธีที่เนิ่นนานเช่นนี้ ข้ากับหรานรักกันอย่างแท้จริง พวกเราไม่ได้ทำผิดอะไรถึงเพียงนั้น ” ดวงจิตของชือฉิงวิงวอนนางด้วยความทุกข์ทรมาน
” รักแท้? อ๋อ ชือฉิง เจ้าตายเร็วไปหน่อย จึงไม่ได้เห็นว่าพอเจ้าตายแล้ว หรานอ๋องที่เป็นรักแท้ของเจ้านั้น แม้แต่จะฆ่าตัวตายก็ยังไม่กล้าทำ เจ้าควรจะรู้สึกขอบคุณไก่เทพตัวนั้น หากมิใช่เพราะว่ามันช่วยคนเสเพลผู้นี้ไปนิดหน่อย ไม่แน่ว่าตอนนี้ผู้ที่ตายอาจมีเจ้าเพียงคนเดียว ส่วนเขาก็ยังอยู่ดีมีสุขต่อไป “
ชือฉิงเงียบงันไป มิใช่ว่านางมองไม่เห็น ……หลังจากที่ตายแล้ววิญญาณของนางก็ยังอยู่ข้างๆ เขา ทุกสิ่งที่เขาทำลงไปนางล้วนได้เห็นอย่างละเอียดละออ
เขาไม่อยากตาย……นางก็เข้าใจได้
คนธรรมดาล้วนแต่กลัวตายด้วยกันทั้งนั้น เขาเองก็มิได้นอกเหนือ นางไม่เกลียดเขาเพราะเรื่องนี้
แต่ว่าในหัวใจก็มีบาดแผลขึ้นมา นางเคยนึกว่า ความสัมพันธ์ของพวกนางสามารถทำให้ฟ้าดินยังต้องซาบซึ้ง สามารถผ่านการทดสอบใดๆ ได้ทั้งนั้น
ตลอดสิบปีมานี้เขาป้อนเลือดให้นางทุกวัน คิดจะช่วยให้นางได้หลุดพ้นจากคำสาปที่กลายเป็นงู นางจึงมั่นใจมาโดยตลอดจะขออยู่กับเขาไปด้วยกันตลอดชาติภพ
แต่ว่าพอสุดท้ายแล้ว…..เขากลับขาดเขลาขึ้นมา
” หากไม่ใช่เจ้า ข้ากับอาฉิงก็ไม่ต้องเป็นเช่นนี้! ” จีหรานยังคงตีโพยตีพายต่อไป
ตอนยังมีชีวิตอยู่เขาเคยได้รับบาดเจ็บมาไม่น้อย คิดไม่ถึงว่า ความทุกข์ทรมานจากการที่วิญญาณถูกแผดเผายังเจ็บปวดมากกว่าหลายร้อยเท่า
เขาทนต่อไปไม่ไหวแล้ว
” คนเสเพล เจ้ามันไม่มีค่าอะไรทั้งนั้น! ” ชือหลีเพิ่มแสงไฟให้โชติช่วงแผดเผาเขามากกว่าเดิม
ไส้ตะเกียงถูกเผาจนแตกดังเปรี๊ยะๆ จีหรานถูกเผาจนร้องโหยหวนออกมา ความเจ็บปวดนี้ไม่มีทางที่คนทั่วไปจะทนทานได้
เขาตะโกนด่าเสียงดัง ขอเพียงเขาด่าออกมาอีกหนึ่งประโยค ชือหลีก็จะเพิ่มความสว่างของตะเกียงขึ้นอีกหนึ่งส่วน ดังนั้นเพียงแค่ช่วงเวลาเพียงชั่วครู่ จีหรานก็ทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว
” ชือหลี เจ้าปล่อยข้าไปเถอะ ตอนนั้น… ตอนนั้นทั้งหมดเป็นเพราะว่าชือฉิงยั่วยวนข้า ข้าถึงได้หลงไหลจนลืมตัว…. อ๊าก …. ……”
เขาทางหนึ่งก็ร้องอย่างเจ็บปวด ทางหนึ่งก็วิงวอนต่อนางราวสุนัขตัวหนึ่ง ” เจ้าปล่อยข้าเถอะนะ ต่อให้จะให้ข้าต้องเป็นสุนัขอยู่ข้างกายเจ้าข้าก็ยินดี “
” ตอนนั้น ข้าชอบเจ้าจริงๆ นะ คิดจะอยู่กับเจ้าตลอดไป ข้าติดค้างบุญคุณช่วยชีวิตจากเจ้า ยังไม่ทันได้ตอนแทนเลย หากไม่ใช่เพราะว่าชือฉิงมาล่อลวงข้า ข้ากับเจ้าก็คงอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป “
” ชือหลี ขอร้องเจ้าเถอะ ได้โปรดเห็นแก่ความสัมพันธ์เดิมของพวกเรา ปล่อยข้าออกไปเถอะนะ….”
ชือหลีรับฟังคำพูดอย่างไม่ละอายเหล่านั้นด้วยสีหน้าเย็นชา นางรู้สึกว่าตอนนั้นตนเองช่างตาบอดไปแล้วจริงๆ ถึงได้ไปถูกอกถูกใจเจ้าสุนัขไร้ค่าตัวนี้
” ชือฉิง เจ้าได้ยินชัดเจนแล้วใช่ไหม เขาอยากจะมาเป็นสุนัขของเรา ” นางหัวเราะขบขันด้วยความเย้ยหยัน
ดวงจิตของชือฉิงถูกแผดเผา นางเองก็ได้รับความทุกข์ทรมานแบบเดียวกันกับจีหราน แต่กลับกัดฟันทนเอาไว้ไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมาสักครึ่งคำ
นางไม่กล้าเชื่อหูของตนเองเลยจริงๆ หราน ถึงกับ……
” ดูให้ชัดๆ เขามันก็เป็นบุรุษเสเพลเช่นนี้เอง ไม่สมกับที่เจ้าได้ทุ่มเทไปเลยสักนิด ” ยิ่งชือหลีหัวเราะ ก็ยิ่งรู้สึกว่าในหัวใจมีแต่ความขมขื่น
น้องสาวผู้นี้ นางค่อยทนุถนอมดูแลมาตั้งแต่เล็กจนโต นับตั้งแต่ที่นางยังเป็นเพียงไข่งูใบหนึ่ง นางก็ทุ่มเทแรงใจไปปกป้องดูแลน้องมาโดยตลอด กระทั่งนางกะเทาะเปลือกออกมา กระทั่งนางเปลี่ยนร่างได้ ตลอดมาคนเป็นพี่สาวคอยดูแลดั่งเป็นพ่อเป็นแม่อยู่เสมอ
ก่อนหน้านี้ตนรักนางมากขนาดไหน พอถูกหักหลังแล้วถึงได้เกลียดชังนางขนาดนั้น!
แต่ตอนนี้เมื่อได้มาเห็นนางถูกบุรุษเจ้าชู้เช่นจีหรานทอดทิ้ง นางก็ชักจะใจอ่อนขึ้นมาบ้างแล้ว
หัวใจอ่อนไหวที่สมควรตาย!
” พี่สาว~ เอาเป็นว่าข้ารักเขาไปแล้ว มิว่าที่สุดแล้วเขาจะเป็นคนเช่นไร รักไปแล้วก็คือรักไปแล้ว……” ชือฉิงกล่าวอย่างแสนจะผิดหวัง
ในไส้ตะเกียงดวงนั้น มีเงาร่างของสาวน้อยนางหนึ่ง ที่หน้าตาคล้ายคลึงกับชือหลีอยู่ถึงสามส่วน นางดูผิดหวังเสียจนต้องหลับตาลง
แต่ที่มุมหางตาก็ยังมีน้ำตาเป็นสายเลือดรินไหลออกมา
น้ำตาเลือดนั้นหยดลงในไส้ตะเกียงนิรันดร์ พอถูกแผดเผาขึ้นมาก็กลายเป็นดวงไฟสีแดงราวกับโลหิตดวงเล็กๆ
ชือหลีขุ่นเคืองขึ้นมาในทันที นางรีบดับไฟบนไส้ตะเกียงนั้นลงไป
เจ้าคิดจะเผาวิญญาณตนเองให้หมดสิ้นเร็วขึ้นจะได้หลุดพ้นไปจากโลกนี้หรือ? ไม่มีทางเสียหรอก! เจ้าจงเปิดตาให้กว้างอยู่เฝ้าดูให้กับเราผู้เป็นเทพ ดูให้ดีว่าบุรุษเสเพลผู้นี้ที่สุดแล้วเป็นชาติสุนัขขนาดไหน! “
ชือฉิงและนางต่างก็มีเชื้อสายของเทพเหมือนๆ กัน ถึงแม้ว่าดวงจิตจะถูกนำมาทำเป็นไส้ตะเกียง แต่หากว่านางคิดจะทำลายตนเอง ก็นับว่ามีโอกาสอยู่เหมือนกัน
เพียงแต่ว่าเมื่อลงมือทำเช่นนั้นไปแล้ว ก็ไม่มีหนทางจะย้อนกลับมาอีก ต้องแตกสลายไปจากโลกนี้ไปดับสูญไปตลอดกาล
พอตะเกียงนิรันดร์ถูกดับลง รอบด้านก็มีแต่ความสงบเงียบ
ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็เห็นเงาร่างสีขาวเข้ามาในอาราม เดินมาจนถึงใต้ต้นฮว๋ายฮวา
คุณชายผู้นั้นรูปงามผิวพรรณขาวสะอาด ดูคล้ายดั่งภาพวาด ดวงตาทั้งคู่เป็นประกายราวหยดน้ำใสสะอาด น่าชื่นชมแท้ๆ
ในมือของเขามือสุรามาไหหนึ่ง เขาคลี่ยิ้มบางๆ ให้กับนาง ” แม่นางเทพธิดา ได้โปรดลงมาร่วมดื่มกับข้าสักจอกได้หรือไม่? “