หลี่โม่เดินออกไปก่อน “ระวังตัวไว้ คอยระมัดระวังตลอดเวลา พวกเขาต้องมีปืนกันทุกคนแน่นอน เธอคอยตามหลังฉันไว้”
“อื้อ” เฉินเสี่ยวถงตอบรับทีหนึ่ง แล้วเดินตามหลังหลี่โม่อย่างประชิด เมื่อหลี่โม่เดินไปถึงหน้าประตูโกดัง สายตาก็จับจ้องสำรวจพื้นที่ด้านนอกโกดัง
ด้านนอกโกดังเป็นพื้นที่โล่ง ไม่มีสิ่งของสำหรับบังตัวเลยสักอย่าง ถ้าออกไปก็หมายถึงว่าเข้าสู่เขตพื้นที่การยิงของอีกฝ่าย
“เธออย่าเพิ่งขยับ” หลี่โม่พูดเสียงต่ำประโยคหนึ่ง เดินไปนั่งย่อตัวลงที่ด้านข้างประตูโกดัง แล้วค่อยๆชะโงกตัวออกไป
หลี่โม่เพิ่งชะโงกหัวออกไปแค่ครึ่งเดียว ในใจก็มีความรู้สึกไม่ดีขึ้นมา จึงรีบดึงหัวกลับ
เสียงยิงของปืนไรเฟิลดังขึ้น จากนั้นกระสุนลูกหนึ่งก็ยิงเข้าที่พื้นด้านหน้าประตูโกดัง ทำให้เกิดควันเขม่าขึ้นจุดหนึ่ง
เมื่อเฉินเสี่ยวถงได้ยินเสียงของปืนไรเฟิล สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นซีดเซียวในทันที
“พี่หลี่โม่ นั่นคือเสียงปืนไรเฟิล!”
“อย่าตกใจ ก็แค่ปืนไรเฟิลเอง” หลี่โม่ปลอบโยนเฉินสี่ยวถงด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจ
มือของเฉินเสี่ยวถง จับแขนของหลี่โม่ไว้อย่างตื่นเต้น “นี่มันคือพวกที่ไม่สนใจชีวิต แล้วยังไม่เพียงแค่คนเดียว พวกเราโทรหาหัวหน้าจางกันเถอะ”
“ก็แค่ปืนไรเฟิลซุ่มยิงเท่านั้นเอง พลังการทำร้ายไม่สูง แล้วจำนวนใส่กระสุนก็มีเพียงแค่ 5 นัดเท่านั้น ต่อกรได้ง่ายมาก เธออยู่ที่นี่ให้สบายใจ ฉันไปเดี๋ยวก็กลับ ถ้าหากแม้แต่ขยะพวกนี้ก็จัดการไม่ได้ ต่อไปฉันจะอยู่ยังไงละ”
บนตัวของหลี่โม่เปล่งประกายความน่าเกรงขาม เฉินเสี่ยวถงมองดูหลี่โม่อย่างซื่อๆแล้วค่อยๆปล่อยมือออก
“งั้น งั้นนายต้องระวังตัวไว้นะ”
“สบายใจเถอะ รอฉันกลับมา” หลี่โม่พูด แล้วก็จับมือลีบเล็กที่เย็นเฉียบของเฉินเสี่ยวถง
สัมผัสความอุ่นร้อนอย่างมากมายที่มือของหลี่โม่ ใบหน้าของเฉินเสี่ยวถงก็แดงระเรื่อ แล้วก็ก้มหน้าลงอย่างเขินอาย
ความรู้สึกที่ถูกพี่หลี่โม่กุมมือไว้นั้นดีมากจริงๆ รู้สึกมีความปลอดภัย และมีความสุขมาก
ในขณะที่ในใจของเฉินเสี่ยวถงกำลังว้าวุ่น หลี่โม่ก็ได้วิ่งออกไปจากประตูโกดังอย่างรวดเร็วแล้ว
เมื่อกี้หลี่โม่ได้ล็อกตำแหน่งที่อยู่ของมือปืนไรเฟิลแล้ว อยู่ที่ดาดฟ้าบนหอคอยที่อยู่ไม่ไกล
ฮ่วยซัวที่อยู่บนตึก ดวงตาเล็งไปที่ศูนย์เล็งของปืนไรเฟิล มองไปหลี่โม่ที่อยู่ด้านล่างและคอยขยับเปลี่ยนตำแหน่งไม่หยุด
สีหน้าของฮ่วยซัวไม่ค่อยดีนัก การก้าวเดินของหลี่โม่ทำให้ฮ่วยซัวรู้สึกไม่ดี เพ่งเล็งคาดเดาทิศทางที่หลี่โม่จะขยับไม่ถูกเลยสักนิด ไม่สามารถคาดการณ์การยิงได้เลยด้วยซ้ำ
ขยับหูฟังที่อยู่ในหู ฮ่วยซัวพูดอย่างไม่พอใจว่า “พวกแกไอ้โง่ทั้งสองคน รีบปล่อยกระสุนกดดันมัน ไม่อย่างนั้นฉันไม่สามารถยิงได้”
“เหอะๆ เข้าใจ ก็คิดว่านักแม่นปืนอย่างนายจะไม่ต้องการความช่วยเหลือของพวกเราซะอีก”
“รับทราบ นักยิงฮ่วยซัว นายน่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นเจ้าโง่กลอยถึงจะถูก ฮ่าๆๆ”
พริกเขียวและเห็ดหอมเยาะเย้ยฮ่วยซัวไปสองประโยค ยกปืนเล็กยาวจู่โจมลุกขึ้นยืนที่บนหอคอยทั้งสองด้าน แล้วก็กราดยิงไปที่หลี่โม่
ทั้งสองคนหนึ่งซ้ายคนหนึ่งขวา รวมเป็นการยิงกากบาท และกดดันพื้นที่การขยับของหลี่โม่
ปังๆๆ!
ปืนเล็กยาวจู่โจมกลืนลิ้นไฟเข้าแล้วยิงกระสุนออกมาเป็นนัดๆ
เฉินเสี่ยวถงฟังแล้วหวาดกลัวตกใจ แอบอธิษฐานภาวนาในใจให้หลี่โม่เงียบๆ
ในขณะนี้ไอ้หลิวได้อ้อมออกมาจากประตูหลังของหอคอยแล้ว ก้มหัวมองดูเครื่องควบคุมโดรนในมือ แล้วค่อยๆเดินไปยังโกดัง
เมื่อเสียงปืนเล็กยาวทั้งสองฝั่งดังขึ้น บนใบหน้าของหลี่โม่ก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้น “ที่รอก็คือรอให้พวกแกออกมา ตอนนี้ก็จัดการที่พวกแกก่อนแล้วกัน”
หลี่โม่ใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ ก็เพื่อล่อพวกพ้องของอีกฝ่ายออกมา เพียงแค่จัดการสองคนนี้ที่ใช้ปืนเล็กยาวทิ้ง การจัดการกับมือปืนไรเฟิลก็เป็นแค่เรื่องง่ายดายในพริบตา
หลี่โม่วิ่งกระโดด ยื่นมือหยิบเอาปืนสั้นออกจากเอวด้านหลังออกมา ปากกระบอกยกสูงขึ้น ไม่แม้แต่จะเล็งให้ตรงก่อนด้วยซ้ำ หลี่โม่ทำแค่เพียงใช้ความรู้สึกสัมผัสแล้วลั่นไกปืนออกไป
ปัง!
ปืนสั้นส่งเสียงดังกังวาน จากนั้นหลี่โม่ไม่แม้แต่จะมองดูเห็ดหอมเลยสักนิด ก็หันปากกระบอกปืนไปยังที่พริกเขียวแล้วยิงออกไป
ปัง!
และเสียงก้องกังวานก็ดังขึ้นอีกเสียง
และในเวลานี้เองร่างกายของเห็ดหอมก็ร่วงตกลงจากดาดฟ้า ที่ระหว่างคิ้วของเขามีรูกระสุนปืน ที่กำลังมีเลือดพุ่งไหลออกมา อีกนัดที่หลี่โม่ยิงใส่พริกเขียวตามออกไปติดๆกันก็ทะลุผ่านหน้าผากของพริกเขียวออกไป
พริกเขียวที่กำลังจะตายเหลือบมองหลี่โม่ที่กำลังก้าวเท้าเดินไปทางหอคอย ก็ทำสีหน้าไม่พอใจแล้วเงยหน้าให้ล้มไปทางด้านหลัง
กระสุนสองนัด จบชีวิตทหารรับจ้างที่มีประสบการณ์มากมายทั้งสองคน
เมื่อได้ยินปืนเสียงที่จู่ๆก็หยุดลง ฮ่วยซัวก็ตื่นตระหนกในทันที แล้วก็จับหูฟังบลูทูธส่งเสียงเรียกตะโกนขึ้นมา
“พริกเขียว พริกเขียว! เห็ดหอม เห็ดหอม! พวกนายเป็นอะไรไป? ได้ยินแล้วตอบด้วย ตอบด้วย”
ความเงียบสนิทในหูฟัง ทำเอาฮ่วยซัวที่ตื่นตระหนกไปแล้วยกปืนไรเฟิลขึ้น ใช้ศูนย์เล็งของปืนมองไปยังตำแหน่งของพริกเขียวและเห็ดหอม สิ่งที่อยู่ในสายตาคือร่างกายไร้วิญญาณที่ตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ฮ่วยซัวตื่นตระหนกอย่างที่สุดแล้ว ยกปืนไรเฟิลขึ้นรีบค้นหาเงาร่างของหลี่โม่อย่างรีบร้อน แต่ว่าด้านนอกนั้นว่างเปล่าไปแล้ว ไม่มีร่องรอยของหลี่โม่เลยสักนิด
หลี่โม่ได้เข้าไปในหอคอยแล้ว สายตาที่ระมัดระวังตรวจสอบหาทุกทิศทาง ร่างกายที่กระฉับกระเฉงเคลื่อนไหวอย่างว่องไว
หลี่โม่ที่ความสามารถเก่งกาจและใจกล้า มีท่าทางที่พร้อมจะจู่โจมอย่างกะทันหันอย่างว่องไว
และการเข้าสู่พื้นที่ที่ไม่คุ้นเคยแบบนี้อย่างกะทันหัน โดยปกติแล้วพวกตำรวจทหารมักจะเลือกให้กลุ่มเล็กเข้าไปลองจู่โจมดูก่อน เพราะการเข้าไปจู่โจมอย่างใจร้อนมักจะมีความเสี่ยงสูง และจะทำให้เข้าสู่กับดักของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายเพราะการเข้าจู่โจมอย่างใจร้อน
หนึ่งชั้น สองชั้น…..ไม่นานหลี่โม่ก็มาถึงชั้นที่เมื่อกี้พวกไอ้หลิวเขาอยู่กัน
มองดูอาหารสำเร็จรูป เครื่องดื่ม ที่กระจายอยู่ที่พื้น และอุปกรณ์สังเกตการณ์ต่างๆบนโต๊ะ ดวงตาของหลี่โม่ก็กระตุกอย่างแรง
ในกล้องวงจรปิดหลี่โม่เห็นเงาร่างหนึ่ง เงาร่างนั้นก็คือไอ้หลิว
ไอ้หลิวได้เข้าไปในโกดังแล้ว และกำลังค่อยๆเข้าใกล้เฉินเสี่ยวถง ส่วนเฉินเสี่ยวถงก็กำลังเฝ้ารอหลี่โม่ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล เหมือนว่าจะไม่รู้ตัวเลยว่าไอ้หลิวกำลังเข้าใกล้
หลี่โม่ยื่นมือออกไปจับโทรศัพท์ ขณะที่กำลังอยากจะติดต่อเฉินเสี่ยวถง ชั้นบนก็ส่งเสียงฝีเท้าดังออกมาเบาๆ
ฮ่วยซัวที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นกำปืนไว้แน่น กำลังค่อยๆเดินลงจากชั้นบน
ทุกก้าวที่เขาก้าวเดินล้วนระมัดระวังเป็นอย่างมาก ปากกระบอกเล็งไปที่ด้านล่างอยู่ตลอดเวลา นิ้วมือกดไว้ที่บนไกปืนอย่างแน่นหนา สามารถทำการลั่นไกปืนได้อยู่ตลอดเวลา
ฮ่วยซัวรู้ว่าหลี่โม่นั้นได้เข้ามาแล้ว และยังรู้ดีด้วยว่าหลี่โม่จะต้องเป็นยอดฝีมือแน่นอน ถึงขั้นอาจจะเก่งกว่าพวกทหารรับจ้างต่างประเทศที่เคยเจอในสนามรบด้วยซ้ำ
บนหน้าผากมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้น แต่ว่าฮ่วยซัวไม่กล้าขยับไปเช็ด ทำได้เพียงปล่อยให้เม็ดเหงื่อไหลไป เขากลัวว่าจะเสียสมาธิจากการไปเช็ดเหงื่อ และที่กลัวมากกว่านั้นก็คือไม่สามารถลั่นไกปืนได้อย่างว่องไวเพราะกำลังเช็ดเหงื่ออยู่ แล้วจะทำให้เสียชีวิตตัวเองไปเพราะเหตุนี้
หลี่โม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของฮ่วยซัว รู้ตัวว่าไม่ทันที่จะเตือนให้เฉินเสี่ยวถงได้รับรู้แล้ว ทำได้เพียงจัดการกับไอ้คนตรงหน้านี้ซะก่อน จากนั้นค่อยไปช่วยเฉินเสี่ยวถง
หลี่โม่ที่เคลื่อนไหวว่องไวและเบาหวิวเหมือนดั่งลิงในภูเขา ขยับเคลื่อนไหวยังไงก็ไม่มีเสียงดังขึ้นสักนิด เพียงครู่เดียว หลี่โม่ก็ไปอยู่ติดกับกำแพงฝั่งด้านนอกปากทางบันไดแล้ว
ปากกระบอกปืนยกขึ้นเล็กน้อย หลี่โม่รอการปรากฏตัวของเหยื่ออย่างใจเย็น
ในขณะที่กำลังจะเดินออกจากปากทางบันได ฮ่วยซัวเช็ดเหงื่อบนใบหน้าของตัวเองทีหนึ่ง สูดหายใจเข้าลึกๆ ตามด้วยทำการกระโดดกลิ้งพลิกตัวไปด้านหน้าอย่างสวยงาม
ฮ่วยซัวที่คุกเข่าแตะพื้นก็รีบลุกขึ้นในทันที ปืนในมือเล็งไปยังตำแหน่งที่หลี่โม่ซ่อนตัวอยู่