“เช็ดน้ำตาสักหน่อยเถอะ คุณก็ทำเพื่อรักษาชีวิตตัวเอง ถูกกดดันจนหมดหนทาง เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็อย่าได้ใส่ใจมากนักเลย” หลี่โม่ยื่นทิชชูไปให้
ไอ้หลิวคลายมือที่กุมไว้แน่นออก รับเอาทิชชูที่หลี่โม่ยื่นมาให้ แล้วเช็ดน้ำตาบนใบหน้า “พูดเยอะไปก็ล้วนเป็นน้ำตาทั้งนั้น หลายปีมานี้เวลานอนตอนกลางคืนก็หลับไม่สบาย รู้สึกผิดต่อเขา ผมเสียมารยาทไปหน่อยแล้ว พวกคุณอย่าได้ถือสาเลยนะครับ ให้ผมสงบสติอารมณ์สักครู่”
ไอ้หลิวยื่นมือกุมหัวไว้ เงียบไปสักพักกว่าจะสงบสติอารมณ์ได้
หลี่โม่เห็นว่าไอ้หลิวสงบสติอารมณ์ได้แล้ว จึงได้เอ่ยปากถาม “คนในโรงงานพิมพ์ธนบัตรสามารถเข้าหาได้ง่ายๆมั้ย?”
“นั่นต้องไม่ได้อยู่แล้วครับ การขนส่งธนบัตรมีขั้นตอนที่เคร่งครัด ตามหลักทฤษฎีแล้วธนบัตรทุกใบจะไม่มีการรั่วไหลออกไป”
ไอ้หลิวเหลือบมองดูหลี่โม่ ในขณะที่พูดคำว่าตามหลักทฤษฎี ไอ้หลิวเน้นย้ำน้ำเสียง
หลี่โม่พยักหน้า “งั้นก็หมายความว่า มีช่องโหว่ของการรั่วไหลออกไปงั้นสิ? ไม่ทราบว่าคุณรับรู้พวกช่องโหว่พวกนี้มั้ย?”
ไอ้หลิวบิดฝาขวดน้ำเปล่าออกดื่มหนึ่งอึก แล้วก็ส่ายหัวเบาๆ “ผมจะไปรู้ได้ยังไงละครับ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อน แต่ว่าในสังคมมนุษย์ ใครจะรับประกันได้ว่าจะไม่เกิดข้อบกพร่อง ทุกระบบก็ล้วนเป็นคนที่จัดการให้สำเร็จ มีมนุษย์อยู่ก็จะมีข้อบกพร่อง”
คำพูดของไอ้หลิวพูดได้ดูเป็นกลาง เป็นกลางถึงขั้นที่ว่าไร้ที่ติเลยทีเดียว
“งั้นมีใครพวกไหนบ้างที่สามารถเข้าใกล้ธนบัตรได้?” หลี่โม่ถามต่อไป
ไอ้หลิวขมวดคิ้วนึกคิดสักพัก แล้วค่อยๆพูดว่า “คนที่สามารถเข้าใกล้ธนบัตรได้ก็มี รปภ. มีพนักงานขนส่ง พนักงานสายการพิมพ์ในช่วงขั้นต้น ก็มีแค่คนพวกนี้ครับ”
หลี่โม่นั่งพิงพนักเก้าอี้ไปทั้งตัว มองไปที่ไอ้หลิวด้วยสายตาดุร้าย เหมือนกับว่ากำลังสอบสวนคนร้ายซะอย่างนั้น “รปภ.รับผิดชอบขั้นตอนไหนของในส่วนนั้นบ้าง?”
ไอ้หลิวมองดูหลี่โม่ที่ดูมีความน่าเกรงขาม มีความหวั่นกลัวไปชั่วขณะหนึ่ง เมื่อได้สติสายตาของไอ้หลิวก็มีความแปลกประหลาดอยู่นิดหน่อย แล้วก็ค่อยๆก้มหน้าลง
“รปภ.รับผิดชอบดูแลการนำเข้าคลัง และการขอนำออกจากคลังครับ”
“รปภ.ที่รับผิดชอบดูแลการนำเข้าคลัง และการขอนำออกจากคลังมีใครบ้าง?”
ไอ้หลิวหัวเราะเยาะทีหนึ่ง เงยหน้าขึ้นเหลือบมองหลี่โม่ “คุณสงสัยคนในแผนกพนักงานรักษาความปลอดภัยของพวกผม?”
“จะพูดว่าสงสัยได้ยังไงกัน ผมนี่คือการคาดเดา และตรวจสอบอย่างระมัดระวังต่างหาก” หลี่โม่พูดอย่างจริงจัง
ไอ้หลิวส่ายหัวอย่างเอือมระอา แล้วลุกขึ้นหยิบเอากระดาษจดหมายของโรงงานพิมพ์ธนบัตรออกมาหนึ่งปึก แล้วเริ่มเขียนชื่อคนเข้าไป
เมื่อเขียนเสร็จแล้วไอ้หลิวก็ฉีกกระดาษจดหมายออก แล้วยื่นให้หลี่โม่ “นี่คือรายชื่อรปภ.ทุกคนที่รับผิดชอบคอยเฝ้าดูคลังธนบัตร ถ้าหากว่าคุณต้องการจะตรวจสอบพวกเขาทุกคน ผมสามารถช่วยพวกคุณติดต่อได้”
หลี่โม่มองดูรายชื่อคนในกระดาษจดหมายหลายสิบคน แล้วก็โบกมือให้ไอ้หลิว “ไม่รบกวนนายติดต่อแล้วละ พวกผมไปตรวจสอบเองก็ได้แล้ว วันนี้ขอบใจคุณด้วยที่ให้ความร่วมมือกับพวกผม”
หลี่โม่เก็บเอากระดาษจดหมายที่เขียนรายชื่อผู้คนไว้ แล้วก็ลุกขึ้นยืนพูดกับไอ้หลิวว่า “พวกผมขอตัวก่อนละ ถ้าหากว่ามีความจำเป็น ก็จะต้องมารบกวนคุณอีก”
ไอ้หลิวรีบลุกขึ้นยืน “เรื่องแค่นี้เอง หัวหน้าเองก็รับสั่งมาแล้ว ผมก็ต้องให้ความร่วมมือกับพวกคุณอย่างเต็มที่ หากมีเรื่องที่จะให้ช่วยเหลือ พวกคุณมาหาผมก็ได้แล้วครับ”
ไอ้หลิวส่งหลี่โม่และเฉินเสี่ยวถงออกไป มองดูแผ่นหลังของทั้งสองคนที่ไกลออกไป ในดวงตาของไอ้หลิวก็มีความโหดร้ายแวบเข้ามา
ปิดประตูห้องทำงาน ไอ้หลิวก็หยิบเอาแผงวงจรแผงหนึ่งขึ้นมา พูดอุบอิบเสียงเบาว่า “น่าสนใจ คนของแผนกหน่วยสืบราชการลับเองก็มาแล้ว แต่ว่าเกมแบบนี้สิถึงจะน่าสนุก หลี่โม่นะหลี่โม่ ครั้งนี้นายถือว่าติดเบ็ดแล้วละ”
ไอ้หลิวที่สีหน้าปรากฏรอยยิ้มโหดร้าย หยิบเอาโทรศัพท์ที่มีหน้าตาแปลกประหลาดออกจากในลิ้นชัก
ที่บอกว่าหน้าตาแปลกประหลาดก็เพราะว่าโทรศัพท์เครื่องนั้นไม่เหมือนกับโทรศัพท์ที่ขายในทั่วไปเลยสักนิด แต่กลับเป็นโทรศัพท์ที่ใช้แผงวงจรผลิตขึ้นเอง
จัดการความยุ่งยากไปสักพัก ไอ้หลิวก็ใช้โทรศัพท์ส่งข้อความออกไปหนึ่งข้อความว่า :ปลาติดเบ็ดแล้ว เตรียมตัวเก็บ
หลี่โม่และเฉินเสี่ยวถงออกจากโรงงานพิมพ์ธนบัตรขึ้นรถเบนซ์ ครั้งนี้หลี่โม่เป็นคนนั่งตรงที่นั่งคนขับ ส่วนเฉินเสี่ยวถงนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ
เฉินเสี่ยวถงมองดูหลี่โม่ที่ขับรถอยู่ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นายพบเจออะไรมั้ย?”
หลี่โม่ใช้น้ำเสียงหยอกล้อพูดว่า “ฉันไม่เจออะไรนี่ เธอเจออะไรหรอ?”
“น่าหมั่นไส้จริงๆเลยนายนี่ “ เฉินเสี่ยวถงปล่อยหมัดเล็กๆใส่หลี่โม่ที่หนึ่ง ดูแล้วมีความดุอยู่นิดหน่อย
แต่เมื่อควบคู่กับหน้าตาท่าทางของเฉินเสี่ยวถงแล้ว ท่าทางดุนี้กลับดูเหมือนท่าทางที่เป็นการหว่านเสน่ห์
หลี่โม่มองดูหน้าตาสะสวยของเฉินเสี่ยวถง มีความใจสั่นเล็กน้อย จึงรีบดึงสายตากลับมามองทางด้านหน้า
เมื่อเห็นท่าทางของหลี่โม่ เฉินเสี่ยวถงแอบดีใจ แต่กลับยังทำหน้าตึง แกล้งทำท่าทางเย็นชา
ดูท่าแล้วต่อไปต้องใส่เสื้อผ้าสวยๆให้หลี่โม่ดูบ่อยๆแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาจะเอาแต่คิดว่าคนเขานั้นเป็นเพื่อนพ้องกับเขา
หลี่โม่ขับรถเบนซ์วนไปรอบหนึ่ง แล้วจอดลงที่มุมตรงข้ามเยื้องกับโรงงานพิมพ์ธนบัตร
“ไอ้หลิวนั่นมีพิรุธ เขาน่าจะเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มฆาตกร ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดไม่นานเขาก็จะออกมา แล้วพาพวกเราเข้าไปยังกับดักที่เขาวางไว้”
เฉินเสี่ยวถงเบิกตาโพลงมองดูหลี่โม่ “ไอ้หลิวมีพิรุธฉันก็ดูออกแล้ว แต่ว่านายมั่นใจได้ยังไงว่าไอ้หลิวจะพาพวกเราไปยังกับดัก?”
“เขาจะหนีไปไม่ได้งั้นหรอ? เขาจะไปหาพวกพ้องเพื่อหารือการรับมือไม่ได้งั้นหรอ? หรือเขาจะไป……”
เฉินเสี่ยวถงพูดไปสองประโยค แต่เมื่อเห็นว่าหลี่โม่ไม่ได้สนใจฟังตัวเอง จึงทำแก้มป่องขึ้นอย่างงอนๆ
สายตาของหลี่โม่จ้องเขม็งไปที่หน้าประตูของโรงงานพิมพ์ธนบัตร จ้องบุคคลทุกคนที่เข้าๆออกๆ
เฉินเสี่ยวถงที่กำลังงอนอยู่เอียงตัวเข้าไปใกล้หลี่โม่ กลิ่นหอมอ่อนๆโชยเข้าจมูกของหลี่โม่ไม่หยุด กลิ่นตัวหอมอ่อนๆนั้นดมแล้วทำเอาคนมีความรู้สึกตื่นเต้นใจสั่น
จมูกของหลี่โม่กระตุกเล็กน้อยไปสองที และดมกลิ่นหอมนั่นอย่างมีความโลภเล็กน้อย บรรยากาศในรถมีความรู้สึกใคร่แทรกมาชั่วขณะ
เฉินเสี่ยวถงยื่นมือไปดึงจมูกของหลี่โม่เบาๆทีหนึ่ง แล้วอมยิ้มขึ้นมา “นายดมอะไรกัน รู้สึกว่ามันหอมใช่มั้ยละ?”
ใบหน้าของหลี่โม่แดงนิดหน่อย แล้วพยักหน้าอย่างเคอะเขินเล็กน้อย “ก็หอมดีจริงๆนี่ ทำไมเมื่อก่อนไม่เคยได้กลิ่นเลย เธอใช้น้ำหอมแล้วใช่มั้ย?”
เฉินเสี่ยวถงกลอกตาใส่หลี่โม่อย่างไม่พอใจ แล้วยู่ปากขยับกลับไปยังที่นั่ง
กลิ่นตัวที่หอมของคนเขาจะเอาไปเทียบกับน้ำหอมได้ยังไงกัน! แต่ว่าในหนังสือบอกมาว่า สามารถได้กลิ่นตัวหอมของอีกฝ่าย นั่นก็คือบุคคลที่เหมาะสมคู่ควรกันอย่างมาก
เมื่อกี้ตัวเธอเองก็ได้กลิ่นลมหายใจของหลี่โม่ ก็รู้สึกว่าหอมเหมือนกัน เฉินเสี่ยวถงแอบคิดในใจ จากนั้นใบหน้าก็ค่อยๆแดงระเรื่อขึ้นมา
“กลิ่นหอมของน้ำหอมจะธรรมชาติขนาดนี้ที่ไหนกัน ไม่คุยเรื่องพวกนี้กับนายแล้ว นายรีบพูดมาสิว่านายตัดสินมาได้ยังไง”
“ตัดสินง่ายจะตาย ท่าทางของไอ้หลิวดูมีพิรุธ เป็นโรคจิตเภทแน่นอน” ในขณะที่หลี่โม่พูดคำตัดสิน บนใบหน้าก็มีสีหน้าที่มั่นใจเป็นอย่างมาก
ท่าทางที่มั่นใจของหลี่โม่ ทำเอาเฉินเสี่ยวถงหลงเสน่ห์เป็นอย่างมาก ที่เฉินเสี่ยวถงชอบก็คือท่าทางความมั่นใจของหลี่โม่
หลี่โม่ไม่ได้ยินเสียงในใจของเฉินเสี่ยวถง จึงมองเฉินเสี่ยวถงอย่างงุนงงเล็กน้อย มองเห็นสีหน้าที่ดูหลงเสน่ห์ของเฉินเสี่ยวถง หลี่โม่จึงยิ้มขมขื่นอย่างเอือมระอาไปทีหนึ่ง