เติ้งเจียขมวดคิ้วและทำหน้างุนงง
“เป็นไปไม่ได้หรอก ถ้าเกิดว่าเป็นพี่เปียวจริงๆ จะเป็นแบบนั้น…… ”
สิ่งที่เธอต้องการจะสื่อก็คือ เจ้าอ้วนคนเมื่อครู่ดูยังไงก็เป็นพวกกระจอก ถ้าเกิดว่าเป็นพี่เปียวจริงๆ จะเข้ามาคุยเล่นได้อย่างไร ?
ถ้าเป็นพี่เปียวจริง ๆ แค่เขาพูดสักสองสามคำเติ้งเจียก็อาจจะทิ้งตัวลงในอ้อมอกเขาไปแล้ว
เติ้งเจียเหลือบมองกลับไปและก็เห็นว่าชายอ้วนกำลังดื่มกับคนอื่น เขามองมาที่เติ้งเจียด้วยหางตาด้วยท่าทางขี้เล่น ราวกับว่าเขาเต็มไปด้วยความสนุก
เติ้งเจียพ่นลมหายใจ เธอกำลังคิดว่าชายอ้วนคนนี้ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนใหญ่คนโตเลยสักนิด เหมือนกับพวกชอบวางมาดใหญ่โตอวดเบ่งใส่คนอื่น
ถ้าเป็นพี่เปียวจริง เขาคงจะจัดการพวกนั้นไปนานแล้ว รปภ.แค่ไม่กี่คนคงไม่อยู่ในสายตาเขาหรอกมั้ง ?
เพื่อนนักเรียนชายคนนั้นไปเลื่อนดูไทม์ไลน์ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็เปิดรูปหนึ่งขึ้นมายื่นให้เติ้งเจียดู แล้วพูดว่า
“เจียเจีย ดูสิ นี่คือพี่เปียวไงหละ ! ”
ในภาพนั้นมีพี่เปียวแล้วก็ยังมีเหลยหง และพวกนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงอีกหลายคนในเมืองหลวง
พวกเขาไม่รู้จักคนอื่น แต่ผู้นักธุรกิจเหล่านี้เคยออกทีวีกันอยู่บ้าง พวกเขาจึงรู้จักดีเลยหละ
คนที่สามารถถ่ายรูปกับนักธุรกิจเหล่านี้ได้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน หรือว่านี่คือพี่เปียวจริง ๆ ?
เติ้งเจียหน้าเสียเล็กน้อยและรีบเอ่ยว่า
“พวกนายช่วยยืนยันให้แน่ใจนะ ถ้าเป็นพี่เปียวจริงๆหละก็เดือดร้อนแน่ ! ”
“ใครมันจะไปแน่ใจ จะเข้าไปถามเขาได้หรือไง ? ”
“เติ้งเจีย เธอไปขอโทษสักหน่อยดีไหม ?”
เติ้งเจียขมวดคิ้ว เธอไม่อยากไปขอโทษ แต่ถ้าหากชายผู้นั้นขุ่นเคืองจริงๆ หละจะทำยังไง ?
เติ้งเจียฝืนยืนขึ้นมา เธอหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาแล้วเดินไป
“เอ่อ…… คุณคือพี่เปียวใช่ไหมคะ ? เมื่อครู่ฉันแค่…… ”
ยังไม่ทันที่เติ้งเจียจะพูดจบ ทันใดนั้นพี่เปียวก็หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาและสาดใส่หน้าเติ้งเจียอย่างจัง !
“กรี้ด ! ”
สีหน้าของเติ้งเจียเปลี่ยนไปอย่างมาก เธออุทานออกมาด้วยความตกใจ และรีบถอยหลังออกมา
พี่เปียวยิ้มเยาะ “อย่าพึ่งรีบร้อนไป อีกเดี๋ยวออกไปแล้วเรายังมีเรื่องต้องคุยกัน ”
ที่นี่เป็นถิ่นที่เพื่อนของพี่เปียวคุมอยู่ ดังนั้นหากสร้างปัญหาที่นี่อาจจะส่งผลต่อความสัมพันธ์ของกับผู้อื่นได้ พี่เปียวจึงได้แต่อดทนและไม่สะสางเรื่องที่เกิดขึ้นในทันที
เติ้งเจียเนื้อตัวเปียกปอนกลับมานั่งที่เดิม ตอนนี้เธอตื่นตระหนกอย่างมาก
“ทำยังไงดี พวกนายช่วยฉันหาทางแก้ทีสิ ! ”
เติ้งเจียคาดไม่ถึงว่าการสาดไวน์ครั้งนี้จะกลายเป็นการทำให้ผู้มีอิทธิพลขุ่นเคืองใจ ถ้าพี่เปียวโกรธขึ้นมา ชะตากรรมของเธอคงจะเลวร้ายยิ่งกว่าความตายเสียอีก
“นายน้อยโต้ว ! คุณมีเส้นสายมากมาย คุณช่วยหาวิธีแก้ปัญหาให้ฉันได้ไหม ? ”
โต้วหมิงหยางขมวดคิ้ว
“เอาล่ะ เธอไม่ต้องห่วง ฉันรู้จักคนเยอะอยู่ ฉันจะหาคนมาช่วยเธอก็แล้วกัน ”
เฉินหยวนเองก็ถามด้วยความเป็นห่วง “พี่เปียวมีอำนาจมากในซีเฉิง ฉันเคยได้ยินมาว่าเขาเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น คงไม่ได้รับมือกันง่ายๆแน่ ”
เมื่อฉินจุนได้ยินอย่างนั้นเขาก็พูดว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันจะช่วยเอง ”
เมื่อฉินจุนเสนอตัวว่าเขาจะช่วย โต้วหมิงหยางก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
“นายช่วย ? นายจะช่วยอะไรได้ ? นายเป็นคนนอก หรือว่าแม้แต่ผู้อำนาจมากที่สุดในเมืองของเรานายก็ยังรู้จัก ? นายถูกฝังไว้ที่นี่แน่ ! ”
เติ้งเจียเองก็ทำหน้าโกรธ “ใช่ ! นายพูดอะไรออกมา นายน้อยโต้วช่วยฉันได้ นายจะมาทำให้วุ่นวายหละสิไม่ว่า ! ”
เดิมทีเติ้งเจียก็โกรธมากอยู่แล้ว ไม่คิดว่าฉินจุนเข้ามาวุ่นวายอีก นี่มันหาเรื่องด่ากันชัดๆ ?
ฉินจุนขมวดคิ้ว เขาไม่พอใจเล็กน้อย
เดิมทีเขาอยากจะไว้หน้าเฉินหยวนและช่วยเธอสักครั้ง แต่ผู้หญิงคนนี้ด้อยค่าจริงๆ
เฉินหยวนขมวดคิ้ว “เธออย่าพูดแบบนั้น บางทีฉินจุนอาจจะรู้จักจริงๆ ตอนนี้เติ้งเจียกำลังมีปัญหา ทุกคนควรจะต้องช่วยกันถึงจะถูก ”
โต้วหมิงหยางถอนหายใจอย่างเย็นชา “นี่คือผู้คุมแห่งซีเฉิง และพี่เปียวก็ไม่ใช่คนที่นึกอยากจะเอาไปพูดยังไงก็ได้นะ ถ้าไปเอาคนที่ไม่มีฐานะอะไรเลยมา อาจจะทำให้พี่เปียวโกรธได้ ถึงเวลานั้นคงไม่รอดแน่ ! ”
ทันทีที่เติ้งเจียได้ยิน เธอก็ยิ่งไม่กล้าแม้แต่จะให้ฉินจุนพูดต่อแล้ว
“นายรีบหุบปากไปซะ ! ให้นายน้อยโต้วคิดหาทาง พวกเธอทุกคนก็ห้ามพูด ! ”
หลังจากพูดจบ ตรงนั้นก็เงียบลง แม้ว่าปาร์ตี้จะเกิดเรื่องไม่ดีเท่าไหร่ แต่มันเกิดขึ้นมาแล้วและไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้
โต้วหมิงหยางกดโทรออกและเริ่มติดต่อใครบางคน
เฉินหยวนกระซิบกับฉินจุน “คุณรู้จักคนที่สามารถช่วยได้จริงหรอ ? ”
ฉินจุนพยักหน้า
เฉินหยวนลังเลและพูดว่า “งั้นคุณก็ช่วยติดต่อฉันได้ไหม ? ทุกคนเป็นเพื่อนฉันทั้งนั้น ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ฉันคงรู้สึกไม่ดีในใจไปตลอด…… ”
ฉินจุนไม่ได้อยากช่วยแต่แรกอยู่แล้ว คนแบบเติ้งเจียพูดจาไม่น่าฟังและไม่ไว้หน้าเขา เขาจึงไม่จำเป็นต้องแยแสอะไรเธอ
แต่ในเมื่อเฉินหยวนออกปากขนาดนี้แล้ว ฉินจุนจึงตอบตกลงอย่างไม่เต็มใจนัก
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วส่งข้อความวแชทไปถึงเหลยหง
เมื่อเห็นฉินจุนพิมพ์โทรศัพท์อยู่สองสามครั้ง เฉินหยวนก็ถามว่า “เรียบร้อยแล้วเหรอ ? ”
ฉินจุนหยักหน้า “เรียบร้อย ”
“เร็วขนาดนี้เลยหรอ ? ”
เดิมทีก็มีความหวังเพียงริบหรี่ แต่ตอนนี้เฉินหยวนไม่ได้คิดอะไรแล้ว และดูเหมือนว่าฉินจุนเองก็ไม่มีทางอื่น เติ้งเจียทำได้เพียงรอโชคชะตาตัดสินเท่านั้น
ความสนใจของทุกคนมุ่งไปที่โต้วหมิงหยาง โดยหวังว่านายน้อยโต้วจะหาคนที่มีอิทธิพลมาได้
หลังจากที่นายน้อยโต้วได้สอบถามมา เขาก็ได้รับไอดีผู้ใช้วีแชทรายหนึ่ง
“พวกนายไม่ต้องกังวล ฉันติดต่อพี่ใหญ่ที่สามารถต่อรองกับพี่เปียวได้แล้ว ”
หลังจากพูดจบโต้วหมิงหยางก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและส่งข้อความวีแชทออกไปสองสามข้อความ รอให้อีกฝ่ายตอบกลับ
หลังจากนั้นไม่กี่นาที ทันใดนั้นก็มีชายคนหนึ่งสูงราวๆ 190 ซม.ลุกขึ้นยืนจากโต๊ะของพี่เปียว เขาไม่ใส่เสื้อ ถือแก้วเบียร์ และเดินมาหยุดตรงหน้าโต้วหมิงหยาง จากนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาวางตรงหน้าเขาแล้วพูดว่า
“ช่วยผมจัดการพี่เปียวหรอ ? แกก็กล้าพูดแบบนี้ออกมาได้นะ ! ”
เมื่อสิ้นเสียงลง ชายร่างกำยำก็สะบัดแก้วไวน์สาดใส่หน้าโต้วหมิงหยาง จากนั้นจึงกลับไปนั่งที่เดิม
ใบหน้าของโต้วหมิงหยางน่าสมเพชมาก เขาคิดไม่ถึงว่าเขาลำบากหาคอนแทคติดต่อกับพี่ใหญ่คนหนึ่งมาได้แล้ว แต่กลับกลายเป็นลูกน้องของพี่เปียวซะงั้น !
จบเห่แล้ว คนที่ช่วยเขาได้มีจำกัดเพียงเท่านี้ และเขาไม่มีคนอื่นให้ติดต่ออีกแล้ว
เติ้งเจียน้ำตาแทบไหลออกมา “จะทำยังไงดี ไม่งั้นให้แจ้งตำรวจเลยแล้วกัน ! ”
คนอื่นๆ พากันส่ายหน้า “ตำรวจจะทำอะไรได้ ตอนนี้เขายังไม่ได้ทำอะไรเราสักหน่อย จะไปขอให้ตำรวจปกป้องเราตลอดได้หรอ ? ”
เติ้งเจียปาดน้ำตา “แล้วฉันควรทำอย่างไรดี ? ”
ฉินจุนตอบ “ไม่ต้องกังวล อีกเดี๋ยวจะมีคนมาช่วย ”
เติ้งเจียเมื่อเขาได้ยินคำพูดของฉินจุนก็หงุดหงิด ถ้าไม่ใช่เพราะเขา พวกหล่อนคงไม่ดื่มมากขนาดนั้น และก็คงจะไม่ดึงดูดพี่เปียวเข้ามาด้วย
สรุปสั้นๆก็คืออคติกับฉินจุน เพียงแค่ได้ยินเข้าพูดก็จะรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที
“หยุดพูดจาไร้สาระตรงนี้สักทีได้ไหม ! ช่วยอะไรไม่ได้แล้วยังพูดจาไร้สาระ นั่งรออยู่เฉยๆเป็นไหม ? จะรอให้พระเจ้าจะมาช่วยฉันหรือไง ? เอาแต่ยืนพูดอยู่นั่น ! ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าเฉินหยวน ฉันก็ไม่อยากจะคุยกับนายหรอก ! ”
หลังจากที่เติ้งเจียพูดจบ สีหน้าของเฉินหยวนก็ไม่ค่อยดีนัก เธอคิดไม่ถึงว่าตนมีน้ำใจจะช่วย แต่เติ้งเจียกลับไม่รับมันไว้
ฉินจุนตอบ “ถ้างั้นเราไปกันเถอะ ”
“อืม ”
เติ้งเจียขมวดคิ้วและทำหน้างุนงง
“เป็นไปไม่ได้หรอก ถ้าเกิดว่าเป็นพี่เปียวจริงๆ จะเป็นแบบนั้น…… ”
สิ่งที่เธอต้องการจะสื่อก็คือ เจ้าอ้วนคนเมื่อครู่ดูยังไงก็เป็นพวกกระจอก ถ้าเกิดว่าเป็นพี่เปียวจริงๆ จะเข้ามาคุยเล่นได้อย่างไร ?
ถ้าเป็นพี่เปียวจริง ๆ แค่เขาพูดสักสองสามคำเติ้งเจียก็อาจจะทิ้งตัวลงในอ้อมอกเขาไปแล้ว
เติ้งเจียเหลือบมองกลับไปและก็เห็นว่าชายอ้วนกำลังดื่มกับคนอื่น เขามองมาที่เติ้งเจียด้วยหางตาด้วยท่าทางขี้เล่น ราวกับว่าเขาเต็มไปด้วยความสนุก
เติ้งเจียพ่นลมหายใจ เธอกำลังคิดว่าชายอ้วนคนนี้ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนใหญ่คนโตเลยสักนิด เหมือนกับพวกชอบวางมาดใหญ่โตอวดเบ่งใส่คนอื่น
ถ้าเป็นพี่เปียวจริง เขาคงจะจัดการพวกนั้นไปนานแล้ว รปภ.แค่ไม่กี่คนคงไม่อยู่ในสายตาเขาหรอกมั้ง ?
เพื่อนนักเรียนชายคนนั้นไปเลื่อนดูไทม์ไลน์ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็เปิดรูปหนึ่งขึ้นมายื่นให้เติ้งเจียดู แล้วพูดว่า
“เจียเจีย ดูสิ นี่คือพี่เปียวไงหละ ! ”
ในภาพนั้นมีพี่เปียวแล้วก็ยังมีเหลยหง และพวกนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงอีกหลายคนในเมืองหลวง
พวกเขาไม่รู้จักคนอื่น แต่ผู้นักธุรกิจเหล่านี้เคยออกทีวีกันอยู่บ้าง พวกเขาจึงรู้จักดีเลยหละ
คนที่สามารถถ่ายรูปกับนักธุรกิจเหล่านี้ได้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน หรือว่านี่คือพี่เปียวจริง ๆ ?
เติ้งเจียหน้าเสียเล็กน้อยและรีบเอ่ยว่า
“พวกนายช่วยยืนยันให้แน่ใจนะ ถ้าเป็นพี่เปียวจริงๆหละก็เดือดร้อนแน่ ! ”
“ใครมันจะไปแน่ใจ จะเข้าไปถามเขาได้หรือไง ? ”
“เติ้งเจีย เธอไปขอโทษสักหน่อยดีไหม ?”
เติ้งเจียขมวดคิ้ว เธอไม่อยากไปขอโทษ แต่ถ้าหากชายผู้นั้นขุ่นเคืองจริงๆ หละจะทำยังไง ?
เติ้งเจียฝืนยืนขึ้นมา เธอหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาแล้วเดินไป
“เอ่อ…… คุณคือพี่เปียวใช่ไหมคะ ? เมื่อครู่ฉันแค่…… ”
ยังไม่ทันที่เติ้งเจียจะพูดจบ ทันใดนั้นพี่เปียวก็หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาและสาดใส่หน้าเติ้งเจียอย่างจัง !
“กรี้ด ! ”
สีหน้าของเติ้งเจียเปลี่ยนไปอย่างมาก เธออุทานออกมาด้วยความตกใจ และรีบถอยหลังออกมา
พี่เปียวยิ้มเยาะ “อย่าพึ่งรีบร้อนไป อีกเดี๋ยวออกไปแล้วเรายังมีเรื่องต้องคุยกัน ”
ที่นี่เป็นถิ่นที่เพื่อนของพี่เปียวคุมอยู่ ดังนั้นหากสร้างปัญหาที่นี่อาจจะส่งผลต่อความสัมพันธ์ของกับผู้อื่นได้ พี่เปียวจึงได้แต่อดทนและไม่สะสางเรื่องที่เกิดขึ้นในทันที
เติ้งเจียเนื้อตัวเปียกปอนกลับมานั่งที่เดิม ตอนนี้เธอตื่นตระหนกอย่างมาก
“ทำยังไงดี พวกนายช่วยฉันหาทางแก้ทีสิ ! ”
เติ้งเจียคาดไม่ถึงว่าการสาดไวน์ครั้งนี้จะกลายเป็นการทำให้ผู้มีอิทธิพลขุ่นเคืองใจ ถ้าพี่เปียวโกรธขึ้นมา ชะตากรรมของเธอคงจะเลวร้ายยิ่งกว่าความตายเสียอีก
“นายน้อยโต้ว ! คุณมีเส้นสายมากมาย คุณช่วยหาวิธีแก้ปัญหาให้ฉันได้ไหม ? ”
โต้วหมิงหยางขมวดคิ้ว
“เอาล่ะ เธอไม่ต้องห่วง ฉันรู้จักคนเยอะอยู่ ฉันจะหาคนมาช่วยเธอก็แล้วกัน ”
เฉินหยวนเองก็ถามด้วยความเป็นห่วง “พี่เปียวมีอำนาจมากในซีเฉิง ฉันเคยได้ยินมาว่าเขาเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น คงไม่ได้รับมือกันง่ายๆแน่ ”
เมื่อฉินจุนได้ยินอย่างนั้นเขาก็พูดว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันจะช่วยเอง ”
เมื่อฉินจุนเสนอตัวว่าเขาจะช่วย โต้วหมิงหยางก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
“นายช่วย ? นายจะช่วยอะไรได้ ? นายเป็นคนนอก หรือว่าแม้แต่ผู้อำนาจมากที่สุดในเมืองของเรานายก็ยังรู้จัก ? นายถูกฝังไว้ที่นี่แน่ ! ”
เติ้งเจียเองก็ทำหน้าโกรธ “ใช่ ! นายพูดอะไรออกมา นายน้อยโต้วช่วยฉันได้ นายจะมาทำให้วุ่นวายหละสิไม่ว่า ! ”
เดิมทีเติ้งเจียก็โกรธมากอยู่แล้ว ไม่คิดว่าฉินจุนเข้ามาวุ่นวายอีก นี่มันหาเรื่องด่ากันชัดๆ ?
ฉินจุนขมวดคิ้ว เขาไม่พอใจเล็กน้อย
เดิมทีเขาอยากจะไว้หน้าเฉินหยวนและช่วยเธอสักครั้ง แต่ผู้หญิงคนนี้ด้อยค่าจริงๆ
เฉินหยวนขมวดคิ้ว “เธออย่าพูดแบบนั้น บางทีฉินจุนอาจจะรู้จักจริงๆ ตอนนี้เติ้งเจียกำลังมีปัญหา ทุกคนควรจะต้องช่วยกันถึงจะถูก ”
โต้วหมิงหยางถอนหายใจอย่างเย็นชา “นี่คือผู้คุมแห่งซีเฉิง และพี่เปียวก็ไม่ใช่คนที่นึกอยากจะเอาไปพูดยังไงก็ได้นะ ถ้าไปเอาคนที่ไม่มีฐานะอะไรเลยมา อาจจะทำให้พี่เปียวโกรธได้ ถึงเวลานั้นคงไม่รอดแน่ ! ”
ทันทีที่เติ้งเจียได้ยิน เธอก็ยิ่งไม่กล้าแม้แต่จะให้ฉินจุนพูดต่อแล้ว
“นายรีบหุบปากไปซะ ! ให้นายน้อยโต้วคิดหาทาง พวกเธอทุกคนก็ห้ามพูด ! ”
หลังจากพูดจบ ตรงนั้นก็เงียบลง แม้ว่าปาร์ตี้จะเกิดเรื่องไม่ดีเท่าไหร่ แต่มันเกิดขึ้นมาแล้วและไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้
โต้วหมิงหยางกดโทรออกและเริ่มติดต่อใครบางคน
เฉินหยวนกระซิบกับฉินจุน “คุณรู้จักคนที่สามารถช่วยได้จริงหรอ ? ”
ฉินจุนพยักหน้า
เฉินหยวนลังเลและพูดว่า “งั้นคุณก็ช่วยติดต่อฉันได้ไหม ? ทุกคนเป็นเพื่อนฉันทั้งนั้น ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ฉันคงรู้สึกไม่ดีในใจไปตลอด…… ”
ฉินจุนไม่ได้อยากช่วยแต่แรกอยู่แล้ว คนแบบเติ้งเจียพูดจาไม่น่าฟังและไม่ไว้หน้าเขา เขาจึงไม่จำเป็นต้องแยแสอะไรเธอ
แต่ในเมื่อเฉินหยวนออกปากขนาดนี้แล้ว ฉินจุนจึงตอบตกลงอย่างไม่เต็มใจนัก
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วส่งข้อความวแชทไปถึงเหลยหง
เมื่อเห็นฉินจุนพิมพ์โทรศัพท์อยู่สองสามครั้ง เฉินหยวนก็ถามว่า “เรียบร้อยแล้วเหรอ ? ”
ฉินจุนหยักหน้า “เรียบร้อย ”
“เร็วขนาดนี้เลยหรอ ? ”
เดิมทีก็มีความหวังเพียงริบหรี่ แต่ตอนนี้เฉินหยวนไม่ได้คิดอะไรแล้ว และดูเหมือนว่าฉินจุนเองก็ไม่มีทางอื่น เติ้งเจียทำได้เพียงรอโชคชะตาตัดสินเท่านั้น
ความสนใจของทุกคนมุ่งไปที่โต้วหมิงหยาง โดยหวังว่านายน้อยโต้วจะหาคนที่มีอิทธิพลมาได้
หลังจากที่นายน้อยโต้วได้สอบถามมา เขาก็ได้รับไอดีผู้ใช้วีแชทรายหนึ่ง
“พวกนายไม่ต้องกังวล ฉันติดต่อพี่ใหญ่ที่สามารถต่อรองกับพี่เปียวได้แล้ว ”
หลังจากพูดจบโต้วหมิงหยางก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและส่งข้อความวีแชทออกไปสองสามข้อความ รอให้อีกฝ่ายตอบกลับ
หลังจากนั้นไม่กี่นาที ทันใดนั้นก็มีชายคนหนึ่งสูงราวๆ 190 ซม.ลุกขึ้นยืนจากโต๊ะของพี่เปียว เขาไม่ใส่เสื้อ ถือแก้วเบียร์ และเดินมาหยุดตรงหน้าโต้วหมิงหยาง จากนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาวางตรงหน้าเขาแล้วพูดว่า
“ช่วยผมจัดการพี่เปียวหรอ ? แกก็กล้าพูดแบบนี้ออกมาได้นะ ! ”
เมื่อสิ้นเสียงลง ชายร่างกำยำก็สะบัดแก้วไวน์สาดใส่หน้าโต้วหมิงหยาง จากนั้นจึงกลับไปนั่งที่เดิม
ใบหน้าของโต้วหมิงหยางน่าสมเพชมาก เขาคิดไม่ถึงว่าเขาลำบากหาคอนแทคติดต่อกับพี่ใหญ่คนหนึ่งมาได้แล้ว แต่กลับกลายเป็นลูกน้องของพี่เปียวซะงั้น !
จบเห่แล้ว คนที่ช่วยเขาได้มีจำกัดเพียงเท่านี้ และเขาไม่มีคนอื่นให้ติดต่ออีกแล้ว
เติ้งเจียน้ำตาแทบไหลออกมา “จะทำยังไงดี ไม่งั้นให้แจ้งตำรวจเลยแล้วกัน ! ”
คนอื่นๆ พากันส่ายหน้า “ตำรวจจะทำอะไรได้ ตอนนี้เขายังไม่ได้ทำอะไรเราสักหน่อย จะไปขอให้ตำรวจปกป้องเราตลอดได้หรอ ? ”
เติ้งเจียปาดน้ำตา “แล้วฉันควรทำอย่างไรดี ? ”
ฉินจุนตอบ “ไม่ต้องกังวล อีกเดี๋ยวจะมีคนมาช่วย ”
เติ้งเจียเมื่อเขาได้ยินคำพูดของฉินจุนก็หงุดหงิด ถ้าไม่ใช่เพราะเขา พวกหล่อนคงไม่ดื่มมากขนาดนั้น และก็คงจะไม่ดึงดูดพี่เปียวเข้ามาด้วย
สรุปสั้นๆก็คืออคติกับฉินจุน เพียงแค่ได้ยินเข้าพูดก็จะรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที
“หยุดพูดจาไร้สาระตรงนี้สักทีได้ไหม ! ช่วยอะไรไม่ได้แล้วยังพูดจาไร้สาระ นั่งรออยู่เฉยๆเป็นไหม ? จะรอให้พระเจ้าจะมาช่วยฉันหรือไง ? เอาแต่ยืนพูดอยู่นั่น ! ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าเฉินหยวน ฉันก็ไม่อยากจะคุยกับนายหรอก ! ”
หลังจากที่เติ้งเจียพูดจบ สีหน้าของเฉินหยวนก็ไม่ค่อยดีนัก เธอคิดไม่ถึงว่าตนมีน้ำใจจะช่วย แต่เติ้งเจียกลับไม่รับมันไว้
ฉินจุนตอบ “ถ้างั้นเราไปกันเถอะ ”
“อืม ”