หลินเยวี่ยเหยารู้สึกว่านี่มันเป็นเรื่องหลอกลวง แต่ถังหมิ่นกลับรู้สึกว่านี่มันเป็นเรื่องจริง
ป้ารองกับลุงรองต่างก็ตื่นเต้นกับซูเหวินฉีมาก หลังจากที่คนนอกไปแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแต่ครอบครัวของพวกเค้าเท่านั้น ถังหมิ่นก็เริ่มถามคำถามที่คนทั่วไปมักจะถามกัน
ในครอบครัวมีกันอยู่กี่คน พ่อแม่ทำงานอะไร จะแต่งงานกันเมื่อไหร่ อยากมีลูกเมื่อไหร่…
ซูเหวินฉีหน้าแดงอยู่ซักพัก แม้ว่าเธอจะเคยเจอกับคนมาทุกรูปแบบแล้ว แต่ซูเหวินฉีก็ไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อนเลย
ทำได้แค่กัดหัวกระสุนว่าจะตอบอย่างไรตอบอย่างไร
แม้ว่าซูเหวินฉีจะเป็นราชินีแห่งวงการ แต่เธอก็เป็นเหมือนลูกสะใภ้ตัวน้อยในตอนที่มาอยู่ที่บ้านของฉินจุน
หลินเยวี่ยเหยารู้ว่าพวกเค้ากำลังเสแสร้ง เธอเองก็สนใจแล้วพูดกับฉินจุนขึ้นมาว่า
“พี่ จำได้ไหมว่าครั้งที่ก่อนพี่บอกว่าจะเอาหนังสือเก่าเล่มนั้นมาให้ฉันดู?”
ฉินจุนก็ยิ้มขึ้นมา “อ่อ ฉันเอามาให้เธอแล้ว”
ก่อนหน้านี้ ฉินจุนสามารถรักษาโรคต่างๆที่ยากและซับซ้อนได้ สิ่งเหล่านี้หลินเยวี่ยเหยาก็ไม่เข้าใจเลย มันไม่สามารถอธิบายอะไรได้เลย การรักษานี้ เป็นพวกยาพื้นบ้านที่อยู่ในหนังสือเก่าๆพวกนั้น หลินเยวี่ยเหยาเองก็อยากที่จะยืมหนังสือพวกนี้มาดูบ้าง
ฉินจุนเองก็เตรียมมันมาแล้ว ตอนอยู่ที่บ้านเค้าเขียนวิธีการบ้างอย่างและทฤษฎีการผสมผสานยาจีนและตะวันตกที่เค้าจะให้หลินเยวี่ยเหยาดู
หลังจากได้หนังสือมาแล้ว หลินเยวี่ยเหยาก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
“นี่อะไร สมุดจดเหรอ? นายนี่ขี้งกจริงๆเลย!”
หลินเยวี่ยเหยาก็กลอกตาขึ้นมา เธอหยิบหนังสือแล้วกลับไปที่ห้องเพื่อดูมัน
ในตอนกลางคืน หลังจากที่ซูเหวินฉีกับฉินจุนออกจากบ้านของป้ารองไปแล้ว เธอก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ฉันเหนื่อยมาก การแกล้งเป็นแฟนกันนี่มันเหนื่อยมากจริงๆเลยนะ!”
ซูเหวินฉีคว้าแขนของฉินจุนเข้ามา ฉินจุนเองก็ไม่ปฏิเสธจากนั้นทั้งสองก็เดินเล่นกันไปเรื่อยๆ
“เหนื่อยเหรอ? งั้นฉันจะพาเธอไปกินของอร่อยๆเพื่อวชดเชยก็แล้วกัน”
“เอาสิ เย้ๆ!”
ซูเหวินฉีกับฉินจุนก็ช้อปปิ้งและกินข้าวกัน ตอนนี้ทักษะการแสดงของพี่ซูก็ดีมากขึ้นเรื่อยๆ เธอควงแขนของฉินจุนแกว่งมันไปมาตลอดททาง เธอสวมแว่นกันแดดด้วยจะได้ไม่มีใครจำเธอได้
ในตอนที่ทั้งสองกำลังกินข้าวกันอยู่นี้เอง หลินเยวี่ยเหยาก็โทรเข้ามา
“เฮ้ พี่ นี่พี่อยู่ที่ไหนเนี่ย มันมีเรื่องเกิดขึ้นในโรงพยาบาลของเรา!”
ฉินจุนขมวดคิ้วขึ้นมา “มีเรื่องอะไร ค่อยๆพูดออกมา”
พวกเค้าพึ่งออกมาจากบ้านของป้ารองได้ไม่นาน เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ที่โรงพยาบาลก็เกิดเรื่องขึ้นแล้วอย่างงั้นเหรอ?
“ฉันอยู่ที่บ้านอ่านหนังสือที่นายให้มา แต่ที่โรงพยาบาลก็มีเรื่องฉุกเฉินแล้วโทรมาหาฉัน ฉันก็เลยรีบเข้าไป”
“อาการของผู้ป่วยคนนี้เหมือนกันทุกประการกับในสมุดจดที่พี่ให้ฉันมาเลย ฉันปฏิบัติตามในสมุดเพื่อรักษาเค้าแล้ว แต่เค้ากลับหมดสติไป ตอนนี้ฉันเองก็ตกใจมาก!”
ฉินจุนก็ขมวดคิ้วขึ้นมา สมุดจดเล่มนี้เค้าเขียนขึ้นมาด้วยตัวของเค้าเอง ทุกอย่างเขียนขึ้นมาอย่างเรียบง่าย อาการที่อธิบายอยู่ในนั้นมันแม่นยำมาก หากตัดสินอาการตามนั้น การวินิฉัยมันก็ไม่น่าจะมีเรื่องผิดพลาดอะไร
“งั้นโรคอะไร?”
“ในบทแรกของสมุดเลย โรคลำไส้”
ฉินจุนก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “ได้ ฉันจะไปดู”
หลังจากพูดจบแล้ว ฉินจุนก็บอกกับซูเหวินฉีแล้วนั่งแท็กซี่ไปที่โรงพยาบาลคนเดียว ในตอนนี้ชีวิตของคนไข้คือสิ่งที่สำคัญมากที่สุด
หลังจากมาถึงที่โรงพยาบาลแล้ว หลินเยวี่ยเหยาก็กำลังรออยู่ในห้องฉุกเฉินโดยมีแพทย์ต่างชาติสองคนที่รออยู่ข้างใน
“คุณหมอหลิน คนไข้เกิดเรื่องขึ้นในโรงพยาบาลของคุณ ทั้งหมดนี่เธอจะต้องรับผิดชอบ!”
หลิยเยวี่ยเหยาก็ขมวดคิ้วขึ้นมา สีหน้าของพวกเธอดูไม่พอใจเล็กน้อย
“คุณโจเอล อย่าให้มันมากเกินไปนะคะ มันเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าพวกคุณรักษาไม่ได้ก็เลยส่งต่อมาที่นี่”
คุณโจเอลคนนี้เป็นแพทย์ในโรงพยาบาลฮั่นตงอินเตอร์เนชั่นแนล ทั้งสองโรงพยาบาลมีความเกี่ยวข้องกันเล็กน้อย หากมีผู้ป่วยที่ลำบากหรือโรคที่รักษาไม่หายต่างๆ พวกเค้าก็จะส่งต่อมารักษาที่นี่
นี่มันเป็นโรงพยาบาลเพื่อประชาชนแห่งเดียวในมณฑลว่ามีความเกี่ยวข้องกัน
อย่างเช่นวันนี้ ในตอนที่คุณหมอโจเอลกำลังเข้าตรวจวินิจฉัยและรักษาคนไข้ เค้าก็รู้สึกว่าอาการของผู้ป่วยเหมาะกับการรักษาด้วยการแพทย์แผนจีน ก็เลยส่งต่อคนไข้มาที่โรงพยาบาลเพื่อประชาชนเพื่อให้แพทย์แผนจีนที่นี่ช่วยรักษา
หลินเยวี่ยเหยาก็ไม่ค่อยรู้เรื่องการแพทย์แผนจีนมากนัก เธอเองก็ไม่อยากจะเข้ามายุ่งอะไรมาก แต่อาการของผู้ป่วยก็เหมือนกับที่เขียนไว้ในสมุดของฉินจุนเลย
อาการของเค้ามันแย่มาก เธอก็เลยอยากที่จะลองดู
มันก็เลยทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้นมา ผู้ป่วยหมดสติ เค้าหมดสติไปในตอนที่กำลังจะเริ่มช่วยรักษา
โจเอลก็บ่นขึ้นมาอย่างเย็นชา “หมอหลิน แม้ว่าเราจะมาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากคุณ แต่การจัดการของคุณมันแย่มาก ต่อให้รักษาไม่ได้ ฉันจะไม่โทษคุณเลย แต่นี่ชีวิตผู้ป่วยตกอยู่ในอันตราย! กับเรื่องนี้คุณต้องรับผิดชอบมัน!”
แพทย์หลายคนมองหน้ากัน แววตาของพวกเค้าแข็งกร้าวขึ้นมา
คนไข้รายนี้มีฐานะที่ค่อนข้างพิเศษ เธอชื่อเหลยหง เพศหญิง ปีนี้อายุสามสิบปี
แม้ว่าเธอจะดูสวยและอายุยังน้อง แต่ฐานะที่ค่อนข้างพิเศษมาก
เหยลหงรับผิดชอบสถานบันเทิงส่วนใหญ่ในเมืองหลักของมณฑลและพวกอันธพาลข้างถนนและกับนักเลงส่วนมากต่างก็อยู่ในความดูแลของเหลยหง
เจ้าหญิงแห่งวงการอุตสาหกรรมสีเทา เธอก็มีตัวตนที่เหมือนกับต้วนเป่าตงในเมืองตงไห่
ตัวตนของเหลยหงนั้นพิเศษสุดๆ ถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นมาหละก็ การชดเชยมันก็อาจจะไม่ง่ายเหมือนการจ่ายค่าสินไหมจากความผิดพลาดทางการแพทย์กรณีอื่นๆ เกรงว่าชีวิตของแพทย์ที่รับผิดชอบเธออาจจะต้องตกอยู่ในอันตราย
ดังนั้นในตอนที่โจเอลกำลังรักษาอาการป่วยของเธอ เค้าเองก็ระมัดระวังมาก เค้าพยายามอย่างเต็มที่ๆจะไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้น จากนั้นก็ส่งต่อคนไข้เข้ามาที่โรงพยาบาลเพื่อประชาชน นี่มันดูราวกับว่าพวกเค้ากำลังโยนขี้มาให้กันชัดๆเลย
ในตอนนี้เองหลินเยวี่ยเหยาก็ขมวดคิ้วขึ้นมา ในตอนที่เธอพยายามที่จะรักษานี้เอง ก็มีชายชุดดำหลายคนที่บุกเข้ามาในห้องผ่าตัดในทันที
หนึ่งในนั้นเป็นชายหัวล้านที่ดูน่ากลัว เค้ายกมือขึ้นมาพร้อมกับปืนพกสีดำในมือของเค้าแล้วเล็งไปที่หัวของหลินเยวี่ยเหยา
“เธอคือหมอที่รับผิดชอบใช่ไหม?”
หลินเยวี่ยเหยาก็ตกใจ เธอพยายามที่จะทำใจดีสู้เสือ “ฉันเป็นหมอเจ้าของไข้ คุณจะทำอะไรค่ะ!”
ชายหัวล้านก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “ถ้าพี่หงเป็นอะไรไปหละก็ พรุ่งนี้เธอจะไม่ได้เห็นแม้แต่ตะวันอย่างแน่นอน”
หลังจากที่พูดจบ ชายหัวล้านก็วางปืนลง เค้าเห็นว่าหมอเป็นแค่ผู้หญิง แถมที่ด้านนอกก็ยังมีต่างชาติอีกสองคน พวกเค้าคงไม่น่าจะขัดขืนอะไรได้ ต่อให้วิ่งหนีก็หนีไม่พ้น ที่ด้านนอกก็ยังมีลูกน้องที่เฝ้าประตูอยู่ คนพวกนี้จะหนีไปไหนได้
เมื่อโจเอลเห็นสถานการณ์นี้ เขาก็รีบพูดขึ้นมาว่า
“คุณค่ะ เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย ตอนที่พี่หงอยู่ในโรงพยาบาลมณฑลเธอก็ยังแข็งแรงดี จนมาที่นี่ก็เลยเกิดเรื่องขึ้น”
ชายหัวล้านก็ขมวดคิ้วขึ้นมาและชำเลืองมองไปที่เค้าอย่างเย็นชา “หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับพี่หงหละก็ พวกแกไม่ต้องคิดที่จะหนีไปไหนเลย”
คำพูดของชายหัวหน้ามันก็ทำให้สีหน้าของโจเอลเปลี่ยนไปเล็กน้อย เค้ายืนอยู่ที่ด้านข้างโดยที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไง จากนั้นก็โยนความรับผิดชอบทั้งหมดให้กับหลินเยวี่ยเหยา
หลินเยวี่ยเหยาตรวจดูอาการของผู้ป่วยอย่างระมัดระวัง สภาพร่างกายของเหลยหงนี่มันแปลกมากจริงๆ มันจะมีอาการผิดปกติมากมายขนาดนี้ในคนวัยหนุ่มสาวแบบนี้ได้ยังไงกัน?
เธอเองก็รักษาอย่างดีตามสมุดจดบันทึกที่ฉินจุนมอบให้แล้ว มันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ยังไงกัน?