หลินเยวี่ยเหยากลอกตามองบน แต่ก็ไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงด้วย ถังเจียนเฉียงนี่น่ารำคาญจริง ๆ
เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าอายุมากว่าเธอแค่ไม่กี่ปี ก็คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จมาก ทำท่าทางเหมือนผู้ใหญ่สั่งสอนเด็ก เหมือนกับว่าตัวเองเก่งมากอย่างนั้นแหละ
ถังเจียนเฉียงรู้สึกเสียหน้าต่อหลินเยวี่ยเหยา เดิมทีเขาคิดว่าหลินเยวี่ยเหยาก็แค่หมอธรรมดา ๆ จึงใช้ความรู้ของตัวเองไปสอนคนอื่นเขา สุดท้ายคนอื่นเขากลับระดับเดียวกันตน ทั้งสองคนต่างก็เป็นผู้อำนวยการเหมือนกัน เขาจะมีคุณสมบัติอะไรไปสอนคนอื่นได้?
ถังเจียนเฉียงจึงเบนสายตาไปมองฉินจุนแทน และมุ่งเป้าไปที่เขา
“ฉินจุนนายเองก็เป็นหมอใช่ไหม?ทำงานที่โรงพยาบาลไหนล่ะ?”
ฉินจุนเอ่ย “ฉันเปิดคลินิกเป็นของตัวเอง”
ทันใดนั้นถังเจียนเฉียงก็เผยรอยยิ้มดูถูกออกมาทันที
“เปิดคลินิกเองงั้นเหรอ?คลินิกเล็ก ๆ แบบนั้นมันไม่ค่อยมีอนาคตสักเท่าไหร่หรอก รักษาไปเรื่อย ๆ สุดท้ายมันก็มีแต่โรคทั่ว ๆ ไปพวกไข้หวัดธรรมดา ๆ ไม่นานระดับความสามารถก็จะถดถอย”
“นายเองก็เรียนแพทย์แผนตะวันตกเหรอ?”
ใบหน้าของฉินจุนไม่แสดงอาการใด ๆ “ฉันเป็นแพทย์แผนจีน”
“เอ๊ะ?แพทย์แผนจีน?เหมือนฉันเลย”
ถังเจียนเฉียงรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที “แพทย์แผนจีนมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น นายเพิ่งจะอายุแค่ยี่สิบห้า กล้าเปิดคลินิกเป็นของตัวเองแล้ว หลาย ๆ ครั้งอาจจะไม่ได้รับการยอมรับจากคนอื่นหรอก อีกอย่างอาชีพหมอนี้ ต้องมีความรับผิดชอบสูงมาก แพทย์แผนจีนต้องเรียนรู้สมุนไพรตั้งหลายชนิด มีหลายตัวที่มันใช้ร่วมกันไม่ได้ นายต้องมีความรู้พื้นฐานมาก ๆ เพราะมันอาจจะเกิดเรื่องได้ง่ายมากถ้านายไม่มีพื้นฐานแน่นพอ”
“ฉันแนะนำนะนายลองหาโรงพยาบาลสักแห่งลองไปฝึกงานดู ถ้าไม่โอเคจะมาเรียนรู้จากฉันก็ได้นะ มาที่โรงพยาบาลฉัน คนอื่นอาจจะไม่กล้ารับประกัน แต่ถ้าเห็นหน้าฉันต้องให้นายบรรจุแน่ไม่มีปัญหา”
พอถังเจียนเฉียงพูดจบ ไม่ทันทีฉินจุนจะได้พูด หลินเยวี่ยเหยาก็ทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว
“นี่พี่เจียนเฉียง พี่ฉินจุนน่ะเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพิเศษของโรงพยาบาลเพื่อประชาชนของพวกเรา”
“……”
พอได้ยินดังนั้นสีหน้าของถังเจียนเฉียงก็แย่ลงทันที
หลังจากตะลึงอยู่นาน มุมปากของเขาก็กระตุกอย่างรุนแรง คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากัน เผยสีหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อออกมา
“แพทย์ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ?จะเป็นไปได้ยังไง?หมอนี่เพิ่งจะอายุยี่สิบกว่าเองไม่ใช่เหรอ จะเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพิเศษแล้วได้ยังไง?มาตรฐานการประเมินของโรงพยาบาลพวกเธอเป็นแบบไหนกัน?พวกเธอไม่ได้ใช้เงินซื้อตำแหน่งใช่ไหมเนี่ย?”
หลินเยวี่ยเหยากลอกตามองบน “พี่อย่ามาพูดจามั่วซั่ว โรงพยาบาลของพวกเราเป็นโรงพยาบาลใหญ่ระดับเมือง ระดับเดียวกับโรงพยาบาลเพื่อประชาชนประจำจังหวัดนั่นแหละ ถ้าไม่มีความสามารถจะได้เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญงั้นเหรอ ?”
ทำอับอายกันเลยทีเดียว
ถังเจียนเฉียงที่กะจะมาอวดตัวเอง สุดท้ายหลินเยวี่ยเหยาก็ระดับเดียวกันกับเขา
ตอนแรกว่าเรียกความมั่นใจของตัวเองกลับคืนมาโดยการเล่นงานฉินจุน กลับกลายเป็นว่าฉินจุนนั้นเป็นถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ! แถมยังเก่งกว่าเขาเสียอีก!
ถังเจียนเฉียงอับอายจนแทบทนไม่ไหว พริบตาเดียวบรรยากาศก็แย่ลงทันที
บรรยากาศจะแย่ลงก็แย่ลงไปเลย หลินเยวี่ยเหยาก็ไม่ได้อยากจะแก้สถานการณ์อะไร ก็ตัวเองอยากจะโชว์โง่ออกมาเป็นไงล่ะอับอายคนอื่นเขาเอง สมน้ำหน้า
ส่วนฉินจุนนั้นยิ่งเป็นคนที่ไม่ชวนคนอื่นคุยอะไรก่อนอยู่แล้ว
พริบตาเดียวบนโต๊ะอาหารก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย น่าขายหน้าอย่างสุด ๆ
ในที่สุดถังเจียนเฉียงก็ทนไม่ไหวแล้ว ทำเป็นหัวเราะออกมา
“แพทย์แผนจีนน่ะ จำเป็นจะต้องมีแพทย์ชื่อดังมาคอยชี้แนะถึงจะดี พวกแพทย์แผนจีนระดับประเทศเหล่านั้นน่ะฉันเคยเชิญท่านมาให้คำแนะนำหมดแล้ว ฉินจุน นายเคยเชิญพวกท่านมาสอนหรือเปล่า?”
ฉินจุนส่ายหน้า “ไม่เคย”
เขาไม่เคยจริง ๆ มีแต่พวกแพทย์แผนจีนระดับประเทศพวกนั้นที่มาเชิญเขาให้ไปสอน รวมถึงข่งฝานหลิน
ถังเจียนเฉียงหัวเราะ “ก็คงใช่แหละ นายไม่ได้มีคุณสมบัติพอที่จะได้รู้จักกับคนระดับนี้ ได้เรียนรู้จากอาจารย์ที่มีชื่อเสียงเหล่านี้มันมีประโยชน์มาก ๆ เลยแหละ”
“อย่างเมื่องานประชุมใหญ่แพทย์แผนจีนครั้งก่อนพวกนายได้ดูใช่ไหม ปรมาจารย์ฉินที่เป็นวิทยากรหลักในการประชุม ได้นั่งพูดคุยกับฉันอย่างใกล้ชิดเลยแหละ ท่านได้ให้คำแนะนำฉันหลายอย่างเลย ได้ประโยชน์ดี ๆ เยอะมาก”
พอถังเจียนเฉียงพูดจบ ฉินจุนก็ทำหน้าแปลก ๆ ออกมาทันที เหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม อยากจะยิ้มก็ยิ้มไม่ออก
“ปรมาจารย์ฉินเคยชี้แนะนาย?นายแน่ใจ?”
ถังเจียนเฉียงแกล้งทำเป็นหัวเราะ “เรื่องนี้ไม่ต้องพูดอะไรมากมายแล้ว พวกนายรู้แค่นี้ก็พอ”
ฉินจุนค่อนข้างหมดคำจะพูดจริง ๆ เดิมทีเขาคิดว่าถึงแม้ถังเจียนเฉียงจะชอบโอ้อวด แต่อยากน้อยก็น่าจะพูดอะไรที่เป็นความจริง อย่างเช่น มีอาจารย์หลายท่านเคยชี้แนะเขา เขาเคยเชิญแพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียงมาสอนอะไรแบบนั้น
การเรียนแพทย์เป็นแบบนี้จริง ๆ มันมาจากการเรียนรู้และสั่งสมจุดแข็งของคนอื่น การได้เชิญคนอื่นมาสอนมากมายขนาดนี้ถือว่าเป็นเรื่องดีมาก ๆ
แต่ว่าตอนนี้พอได้มาได้ยินสิ่งที่ถังเจียนเฉียงพูด มันเหมือนกับว่าเรื่องที่เขาได้ยินมาก่อนหน้านี้มันเป็นเรื่องมั่วทั้งหมด เหมือนอยากจะพูดอะไรก็พูด
ปรมาจารย์ฉินเคยไปชี้แนะนายตั้งแต่เมื่อไหร่?
ฉินจุนไม่ได้สนใจอะไรกับคำโกหกของเขา แต่ว่าหลินเยวี่ยเหยาพอได้ยินก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“พี่เคยเจอปรมาจารย์ฉิน?”
ถังเจียนเฉียงพยักหน้า “แน่นอน หลังจบการประชุมใหญ่แพทย์แผนจีน ฉันได้นั่งพูดคุยกับท่านปรมาจารย์ฉินอยู่นานเลยแหละ”
ถังเจียนเฉียงพูดโกหกออกมาได้อย่างหน้าไม่อายเลยสักนิด
หลินเยวี่ยเหยารีบเอ่ยถาม “ท่านปรมาจารย์ฉินว่ายังไงบ้าง!?”
“หึหึ ก็พวกความรู้เกี่ยวกับแพทย์แผนจีนนั่นแหละ พูดไปเธอก็ไม่เข้าใจหรอก แต่ถึงอย่างไรฉันก็ได้รับความรู้มาไม่น้อยเลยล่ะ”
หลินเยวี่ยเหยาเผยสีหน้าแห่งความอิจฉาออกมา จะเป็นผู้อำนวยการอะไรก็ชั่ง จะมีอะไรดีเท่ากับการได้พบหน้าท่านปรมาจารย์ฉินอีกล่ะ?
“เห้อ ถ้าฉันได้ใกล้ชิดพูดคุยกับท่านปรมาจารย์ฉินบ้างก็คงดี”
ถังเจียนเฉียงก็ยืดอกยิ้มออกมาทันที
“ได้สิ ถ้ามีโอกาสฉันจะแนะนำพวกนายให้รู้จัก แต่ว่าตอนนี้ถึงแม้ว่าพวกนายจะมีตำแหน่งใหญ่โต แต่ว่าความสามารถก็ไม่ได้สมกับตำแหน่ง ถ้าอยากจะพบท่านปรมาจารย์ฉินล่ะก็ เกรงว่าคุณสมบัติจะยังไม่พร้อมน่ะ”
ถังเหวินพอเห็นว่าลูกชายของตัวเองกำลังอยู่เหนือกว่า ใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ลูกพ่อ เราไม่รับคนรักเราหน่อยเหรอ?น่าจะมาถึงได้แล้วมั้ง?”
ถังเจียนเฉียงมองนาฬิกาข้อมือ “อื้ม น่าจะได้เวลาแล้วครับ ถ้าอยากนั้นผมออกไปรับเธอก่อนนะครับ ไม่อย่างนั้นเดียวมีคนจำได้จะมามุงกันใหญ่”
พูดจบ ถังเจียนเฉียงก็เดินออกไป
พอเขาเดินออกไป เหล่าญาติ ๆ ก็รีบเอ่ยถามทันที
“พี่สาม ฉันได้ยินว่าแฟนของถังเจียนเฉียงเป็นดารา?จริงเหรอ?”
ถังเหวินยิ้มบาง ๆ “จริงสิ แต่ว่าทุกคนอย่าเพิ่งเอะอะไป เรื่องในวงการบันเทิงมันซับซ้อนกว่าที่พวกเราจินตนาการเยอะ มีหลายเรื่องที่เราพูดออกไปไม่ได้”
ทุกคนก็ทำหน้าเข้าใจในทันที คนที่อยู่ในวงโต๊ะอาหารมีหลายคนที่ไม่เคยเห็นคนในวงการ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการพบกับดาราดัง ๆ เลย
วันนี้มีโอกาสได้สัมผัสใกล้ชิด ก็ค่อนข้างน่าสนใจทำเอาทุกคนต่างรู้สึกตื่นเต้นกันขึ้นมาทันที
ไม่นานถังเจียนเฉียงก็พาแฟนเดินเข้ามา เธอสวมแว่นดำและหมวกปกปิด สวมใส่กระโปรงสั้นเผยให้เห็นขาเรียวขาว ประกอบกับรองเท้าส้นสูงยิ่งทำให้เธอดูสูงเพรียวมาก
แววตาของทุกคนเปล่งประกายขึ้นมาทันที
เพราะถึงยังไงนี่ก็เป็นดารา ย่อมไม่เหมือนคนธรรมดาอยู่แล้ว
ออร่าของเธอเปล่งประกายมาก ๆ สวยกว่าผู้หญิงธรรมดาหลายเท่า
พอเดินเข้ามา หญิงสาวก็ถอดแว่นดำออก
“สวัสดีค่ะทุกคน ดิฉันคือหวังตันตัน”