หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ – ตอนที่ 74 ข้าชอบผู้ชายเท่านั้น ! (ปลาย)

บทที่ 74 ข้าชอบผู้ชายเท่านั้น ! (ปลาย)

ทั้งหมดเดินต่อไปอีกสักพักใหญ่ ก่อนที่ชายชราจะหยุดฝีเท้า

เยี่ยฉวนพลันชะงักลงด้วย

ไม่ห่างจากที่คนทั้งสามยืน เนินเขาขนาดย่อมสองลูกได้ปรากฏ ณ เบื้องหน้า เขาทั้งสองไม่สูงนักคะเน ว่าไม่กี่สิบจั้งเท่านั้น เมื่อเทียบกับเทือกเขาฉางซานที่ตั้งของสถานศึกษาฉางมู่ นับว่าเขาข้างหน้านี้มีขนาดเล็ก กว่ามากนัก

กึ่งกลางของเนินเขาทั้งสองปรากฏเส้นทางเดินแคบ ๆ ปากทางมีแผ่นจารึกศิลาซึ่งปกคลุมด้วยวัชพืช จนเต็มแน่น บนแผ่นศิลาสลักตัวอักษรขนาดใหญ่สีดำเขียนว่าสถานศึกษาฉางหลาน !

ตัวอักษรช่างชวนให้ทั้งสองพี่น้องรู้สึกหดหู่อ้างว้างยิ่ง !

ชายชราออกเดินนำต่อไป ตามด้วยเยี่ยฉวนซึ่งแบกน้องสาวผ่านเข้าทางเดิน ทั้งหมดเดินมาจนสุดทาง เดิน

ทันในนั้นพลันปรากฏเขาอีกลูกขวางอยู่เบื้องหน้า มันเป็นภูเขาเตี้ย ๆ ที่มีความสูงมากกว่าเนินเขาสองลูกที่เดินผ่านมาเพียงเล็กน้อย และที่บนส่วนยอดเขานั้นเอง… กลุ่มอาคารก็ได้ปรากฏขึ้นเลือนราง !

ชายแก่ยังคงเดินนำไปอย่างไม่รีบร้อนอยู่ข้างหน้า โดยมีเยี่ยฉวนที่เดินแบกเยี่ยหลิงไว้บนหลังตามมา ไม่ห่าง

พลันชายชราเอ่ยขึ้นว่า “ข้าเองก็จำไม่ได้ว่านานเท่าใดแล้ว แต่เจ้าเป็นคนแรกที่อยากเป็นศิษย์ของ สถานศึกษาฉางหลาน”

ชายหนุ่มซึ่งเดินตามมาตะลึงไปเล็กน้อยเมื่อได้ยิน เขารู้สึกแปลกในจึงเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว “ผู้อาวุโส ขออภัยที่ข้าจะถามว่าเวลานี้สถานศึกษาฉางหลานมีศิษย์ทั้งหมดกี่คนหรือขอรับ ?”

“เมื่อรวมเจ้าอีกคน ทั้งหมดมี 2 !” เสียงตอบดังมาจากข้างหน้าโดยผู้พูดไม่แม้แต่จะหันกลับมา

เยี่ยฉวนสะดุ้งตกใจ ขาที่กำลังก้าวชะงักอยู่กับที่

เพียงครู่เดียว เขารีบสาวเท้าไล่ตามชายชราโดยมีน้องสาวแบกไว้ข้างหลัง “ผู้อาวุโส ท่านพูดจริงหรือ ขอรับ ?”

คนเดินนำหันมาจ้องหน้าชายหนุ่ม “คิดว่าข้าล้อเจ้าเล่นหรือ ?”

“ไม่…”

เยี่ยฉวนพูดเหมือนสำลัก “ท่าน… สถานศึกษาฉางหลานมีศิษย์เพียง 2 คน รวมข้าด้วย เช่นนั้นหรือ ขอรับ ?”

ชายชราพยักหน้า

เมื่อเป็นที่แน่ชัดว่าชายชราไม่รู้สึกตลก ชายหนุ่มจึงได้แต่ฝืนยิ้ม “ท่านผู้อาวุโส… 2 คน… มัน…” เขาถึง กับพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

ชายแก่ยกมือขึ้นตบบ่าของเยี่ยฉวนเบา ๆ “ทำใจให้สบาย ข้าล่อลวงคนมาอีก… อ้อ ไม่สิ ข้าคัดเลือก ศิษย์ใหม่เพิ่มถึง 2 คน พวกเขากำลังเดินทางมา เมื่อนั้นสถานศึกษาฉางหลานจะมีคนถึง 4 คน !!”

ว่าแล้วก็หันหลังกลับมุ่งหน้าเดินขึ้นสู่ยอดเนินที่อยู่เบื้องหน้า

เยี่ยฉวนได้แต่ยืนนิ่งขึงอยู่ที่เดิม

จากด้านหลังของพี่ชาย เยี่ยหลิงใช้สายตามองตามหลังชายชราและพูดกระซิบว่า “ท่านพี่ ดูเหมือน พวกเราถูกหลอกมาติดกับเสียแล้ว !”

ทว่าเยี่ยฉวนกลับส่ายหน้าและยิ้มให้น้อง “เขาช่วยชีวิตเจ้า เพียงเท่านี้ถึงจะเป็นกับดักพี่ก็ยอม !”

หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ตั้งหน้าตั้งตาเดินตามชายชราต่อไป

ในไม่ช้าชายชราก็ได้นำสองพี่ทั้งน้องมาถึงยอดเขา เบื้องหน้านั้นปรากฏภาพสิ่งก่อสร้างซึ่งมีสภาพ ชำรุดทรุดโทรมหลายหลัง ผนังชั้นนอกสีหลุดลอกทั้งยังมีรูโหว่หลายจุด ไม่เพียงเท่านั้น บริเวณที่เป็นโถงชั้นในมีประตูเข้าออกทางเดียว… เหลือบมองเพียงแวบหนึ่งก็เห็นว่าทั่วพื้นที่ต่างรกร้างจนมีแต่วัชพืชขึ้นเต็ม

เยี่ยฉวนหันไปมองหน้าชายชรา ขณะที่ได้ยินเสียงพูดขึ้นว่า “นี่คือห้องประชุมของสถานศึกษาฉางหลานพวกเราใช้หารือเรื่องธุระและต้อนรับแขก แต่ที่นี่หาได้มีเรื่องธุระและแขกมาเยือนมานานเต็มที อ้อ พังเสียหมด แล้ว เจ้าค่อย ๆ ทำความสะอาดก็แล้วกัน !”

เยี่ยฉวนถึงกับนิ่งงันหลังได้ยินคำนั้น “…”

ผู้ชรายังชี้มือไปทางด้านหลังอาคารหลังนั้น “ด้านโน้นมีห้องพักว่างหลายห้อง เจ้าไปเลือกว่าจะอยู่ห้องไหน ข้าอ่อนเพลียเหลือเกิน ขอตัวเข้าไปพักผ่อนสักหน่อย”

หลังจากนั้นก็เดินหายลับไป ไม่หันหลังกลับมามองอีกเลย

ชายหนุ่มยืนงง ส่วนเยี่ยหลิงน้องสาวเยื้องตัวออกไปเบื้องหลัง มองห้องประชุมที่เก่าผุพังหลังนั้น ทั้งคู่ ถึงกับพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว

เขาเพียงแต่คิดว่าสถานการณ์ของสถานศึกษาแห่งนี้ไม่สู้ดีนัก แต่ไม่คิดว่าจะเลวร้าย… ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ เพียงเลวร้าย แต่ใกล้จะล่มสลายแล้วต่างหาก !

เพราะทั้งสำนักมีเพียงชายชราผู้ไม่ปรากฏที่มาและศิษย์เพียงสองเท่านั้น !

“สถานศึกษาบ้าบออะไรกัน ?!”

“นี่มันบ้านเด็กกำพร้าชัด ๆ!”

เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ พลันปรากฏเสียงของเยี่ยฉวนที่ถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ ตอนนั้นเองเยี่ยหลิง พลันกระโดดลงจากหลังของพี่ชาย และตรงเข้ามาจับมือเขาไว้พลางพูดขึ้นว่า “ท่านพี่ ท่านไปเลือกห้องพัก ส่วนข้าจะทำความสะอาดห้องประชุมนะเจ้าคะ”

ชายหนุ่มมองอย่างลังเล “เจ้า…”

เยี่ยหลิงกระโดดลงมายืนที่พื้นและยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน “ข้าไม่หนาว ข้าทำได้เจ้าค่ะ ข้าสบายดีแล้ว !”

เมื่อผู้เป็นน้องสาวยืนยันด้วยคำพูดหนักแน่น ชายหนุ่มจึงพยักหน้ารับคำ เขาเอื้อมมือไปเขย่าศีรษะ ของนางเป็นเชิงล้อเลียน “เช่นนั้นแล้วแต่เจ้า พี่จะไปหาห้องพักและของกิน แล้วจึงจะกลับมาช่วยเจ้าก็แล้วกัน !”

เยี่ยหลิงพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง !

เขายิ้มให้ก่อนหันกลับออกไป

เยี่ยหลิงกลับเข้าไปยังหอประชุมที่ทรุดโทรมผุพัง หันไปหยิบไม้กวาดและเริ่มทำความสะอาด

ห่างออกไปจากหอประชุมอีกไม่ไกล ปรากฏอาคารอีกหลายหลังที่ล้วนพังเสียหาย สภาพที่เห็นบ่งชี้ว่า ครั้งหนึ่งอาคารเหล่านี้เคยโอ่อ่าสวยงาม แต่ตอนนี้กลับไม่เหลือเค้าเดิม โดยเฉพาะอาคารหลังที่อยู่ข้างหน้านี้

ที่หลังคาหายไปกว่าครึ่ง…

ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างเศร้าใจ เขาเดินบุกเข้าไปในดงวัชพืชที่ขึ้นเต็ม ทันในนั้นเองฝีเท้าพลันชะงักกึก เมื่อปรากฏสนามหญ้าเตียนเรียบอยู่ไม่ไกลทางขวามือ

…ที่แห่งนั้นล้อมรอบด้วยไม้ดอกและไม้ประดับ หาใช่สนามรกร้างแต่เป็นสนามหญ้าที่สวยงามทีเดียว

เห็นชั้นนั้น เยี่ยฉวนจึงใจชื้นขึ้นเล็กน้อย ส่งเสียงพึมพำกับตนเอง“น้องสาวของข้าจะต้องได้พักที่นี่ !”

ชายหนุ่มรีบสาวเท้าเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว มือผลักบานประตูเปิดออก ทว่าทันทีที่บานประตูเปิด ชายหนุ่มพลันรู้สึกชาไปทั้งร่าง เมื่อเห็นหญิงสาวนางหนึ่งกำลังแช่อยู่ในอ่างน้ำซึ่งว่างชิดผนัง สองขาแยกกางออก จากกันชี้ขึ้นในอากาศ

ด้วยความใสสะอาดของน้ำ ท่ามกลางสายตาของชายหนุ่ม เขาจึงสามารถเห็นทุกสิ่งอย่างได้อย่างชัดเจน

แน่นอน หาใช่เรื่องสำคัญอันใด เรื่องสำคัญที่สุดคือหญิงสาวคนนั้นร่างเปลือยเปล่า

นางมองตรงมาที่เยี่ยฉวน ด้วยสายตาสงบเยือกเย็น

เยี่ยฉวนสะดุ้งตกใจ ชั่วขณะนั้นเขารีบหันหลังกลับทันควัน พลันกลับรู้สึกว่ามีบางสิ่งเข้าประชิดทาง ด้านหลัง ทันใดปรากฏคมมีดบางราวปีกแมลงแนบกดกับลำคอ

ชายหนุ่มพลันสีหน้าแปรเปลี่ยน เขารีบยกมือว่างเปล่าขึ้นทั้งสองข้าง “ข้าชอบผู้ชายเท่านั้น !”

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

เยี่ยฉวนเติบโตขึ้นมาในฐานะนายน้อยตระกูลเยี่ย เขาทำทุกอย่างเพื่อตระกูล และน้องสาวที่กำลังป่วยหนัก เยี่ยหลิง ทั้งต่อสู้ แย่งชิง ฆ่าฟัน ทว่าสิ่งที่ชายหนุ่มได้กลับมาคือการทรยศหักหลัง !! แต่มีหรือที่เขาจะต้องยอมแพ้ !! ในเมื่อตระกูลเยี่ยไม่ต้องการข้า งั้นแล้วเราก็ถือว่าจบกัน ข้าเยี่ยฉวนผู้นี้จะพาน้องสาวจากไป และจะกลายเป็นเซียนกระบี่ผู้เหาะเหินตัดผ่านท้องนถาให้จงได้ !!! ชีวิตและความตายเป็นเพียงภาพลวง หากไม่ยอมรับแล้วไซร์ เช่นนั้นต่อให้เป็นเทพ เป็นมาร หรือเป็นเซียน ข้าก็จักประหารมันด้วยกระบี่ในมือ !!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset