บทที่ 32 ยอดผู้ฝึกกระบี่ ! (ต้น)
ควับ !
ทันทีที่เยี่ยฉวนชักกระบี่ มือของฉินเยว่ที่อยู่ห่างจากศีรษะของเยี่ยหลิงเพียงครึ่งนิ้วก็พลันหยุดใน ทันที ก่อนที่ชั่วพริบตาเดียวแขนข้างขวาทั้งแขนของฉินเยว่จะหลุดออกจากกาย !
เลือดพุ่งกระฉูดออกจากบาดเเผลเป็นสายน้ำ !
สีหน้าของฉินเยว่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
เขาเร่งรีบถอยกลับไปหลายจั้ง แต่เมื่อเขาหยุด รัศมีกระบี่จาง ๆ ก็พลันปรากฏตรงหน้าเขา !
รัศมีกระบี่นี้ไม่ได้มาจากกระบวนท่าที่สอง แต่ปรากฏจากเพลงกระบี่คราแรก !
ในตอนนี้ฉินเยว่หวาดกลัวจนเกือบตาย ทว่ามันสายไปแล้วที่เขาจะคิดอะไรอย่างอื่นได้ เขากำหมัดซ้ายและซัดไปข้างหน้าอย่างแรง !
หมัดนี้เขาได้ใส่ความพยายามทั้งหมดลงไปด้วย !
ในช่วงเวลาเเห่งความเป็นความตาย เขาย่อมไม่กล้าออมมือใด ๆ!
เมื่อชายชราปล่อยหมัดออกไปแล้ว เสียงระเบิดทุ้มก็พลันดังขึ้น !
ทว่ากระบี่กลับถึงตัวก่อน !
ตูม !
เมื่อหมัดของพวกเขาปะทะกัน แขนซ้ายของฉินเยว่พลันลอยกระเด็น เช่นเดียวกับธารเลือดที่สาด กระจายออกมาราวกับน้ำพุ
ขณะเดียวกัน ทั้งร่างของฉินเยว่ก็ถูกซัดกระเด็นไปไกลหลายจั้ง
เยี่ยฉวนหยุดโจมตีเพราะทั้งแขนขวาของเขาเกิดรอยร้าว พร้อมกับมีเลือดซึมออกมา ยิ่งกว่านั้น ทันทีที่ชายหนุ่มใช้เพลงกระบี่ เขาก็รู้สึกว่าร่างกายรู้สึกปั่นป่วนไม่สบายตัวเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งเขายังรู้สึกว่า แขนขาอ่อนแรง ราวกับทั้งร่างถูกสูบพลังออกไป !
ช่างเป็นความรู้สึกที่ไม่สบายตัวเป็นอย่างยิ่ง !
ไกลออกไป ฉินเยว่มองเยว่ฉวนอย่างไม่อยากเชื่อ “รัศมีกระบี่…เจ้าเป็นผู้ฝึกกระบี่ เป็นไปได้อย่างไร… ไม่สิ รัศมีกระบี่เช่นนี้… เจ้าเป็นยอดผู้ฝึกกระบี่…. แต่พลังยุทธเจ้ามีพลังแค่ระดับผสานลมปราณเท่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะส่งรัศมีกระบี่ออกมาได้ เจ้าเป็นอะไรกันแน่ !”
หากคนคนหนึ่งสามารถฝึกทักษะเต๋าแห่งกระบี่เบื้องต้นได้อย่างเชี่ยวชาญ เขาจะถูกเรียกว่าเป็นผู้ฝึกกระบี่ ซึ่งผู้ฝึกกระบี่นั้นสามารถแบ่งออกเป็นผู้ฝึกกระบี่ธรรมดาและยอดผู้ฝึกกระบี่ เมื่อผู้ฝึกกระบี่สามารถ ใช้กระบี่เป็นสื่อในการส่งพลังกระบี่และรัศมีกระบี่ออกไปได้ นั่นหมายความว่าเขามีฝีมือถึงระดับยอดผู้ฝึก กระบี่ในด้านเต๋าแห่งกระบี่แล้ว
ทว่ายอดผู้ฝึกกระบี่นั้นหายากยิ่งนัก มียอดผู้ฝึกกระบี่อยู่ไม่มาก พวกเขามีแค่กว่าร้อยคนในแคว้น เจียง และส่วนใหญ่ก็มีอายุมากกว่าหลายทศวรรษแล้ว แต่เยี่ยฉวนที่อยู่ตรงหน้าเขามีอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น !
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ฉินเยว่ตกตะลึง !
เยี่ยฉวนเหลือบมองฉินเยว่อย่างเย็นชาและเอ่ยขึ้น “ทำไมท่านยังไม่ถอย ?”
ฉินเยว่ตกใจเล็กน้อย ครู่ต่อมาเขาก็รีบหันหลังและหายไปจากสายตาของเยี่ยฉวนกับน้องสาว !
ทันทีที่ฉินเยว่วิ่งหนีไป เยี่ยฉวนก็พลันล้มลงกับพื้น ทำให้เยี่ยหลิงหวาดผวาเป็นอย่างยิ่ง นางรีบมาประคองเยี่ยฉวนไว้แล้วเอ่ยถามเสียงสั่น “ท่านพี่ ท่านเป็นอะไรไหมเจ้าคะ ?”
เยี่ยฉวนฝืนตัวเองให้นั่งลง มองเยี่ยหลิงที่ยังกระวนกระวายไม่น้อยตรงหน้าแล้วจึงคลี่ยิ้มออกมา “ไม่ ข้าไม่เป็นไร อย่ากังวลไปเลย ตอนนี้ข้าต้องทำสมาธิเสียหน่อย !”
หลังจากนั้นเขาก็หลับตาลงช้า ๆ
“ผู้อาวุโส ?”
เยี่ยฉวนถามในใจ
สตรีลึกลับเอ่ยขึ้น “ข้ารู้ว่าเจ้าจะถามเกี่ยวกับอะไร หนึ่งกระบี่ชี้ชะตาเป็นเพลงกระบี่ที่ร้ายกาจดุดัน เกินไป ในตอนนี้พลังของเจ้าอ่อนแอนักจึงไม่อาจต้านทานพลังของมันได้ นับจากบัดนี้ เพลงกระบี่จะทำลายล้างไม่เพียงแต่ศัตรูของเจ้า หากแต่ยังรวมถึงตัวเจ้าด้วย และที่ข้ามอบเพลงกระบี่นี้ให้เจ้ามันก็เพราะอยาก ให้เจ้ารู้อะไรบางอย่าง …ว่าเต๋าแห่งกระบี่มักขึ้นอยู่กับความเข้าใจของเจ้าเอง ยิ่งกว่านั้นยังขึ้นกับทัศนคติ ดังนั้นเต๋าแห่งกระบี่ของเจ้าจึงจะเป็นไปตามทัศนคติของตัวเจ้าเอง”
ได้ยินดังนี้ เยี่ยฉวนก็พลันเงียบไป
ความเข้าใจ ? ทัศนคติ ?
ทำไมเขาถึงใช้ ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ ในตอนนี้ได้งั้นหรือ ? มันไม่ใช่เพราะเขาฝึกฝนอย่างหนัก แต่เป็นเพราะความคิดในตอนนั้นที่ต้องการเพียงให้น้องสาวปลอดภัย !
เมื่อสตรีลึกลับเอ่ยถึง ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ มันกลับไม่ใช่เพลงกระบี่ที่แท้จริง หากแต่เป็นแนวคิดอย่างหนึ่งในเต๋าแห่งกระบี่ !
สตรีลึกลับเอ่ยเสริม “หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา ในระดับของเจ้าแทบถือได้ว่าเป็นวิชากระบี่ระดับสูงในขั้น พิศวง เจ้ายังมีพลังไม่ถึงขั้นการหลอมรวมลมปราณจึงไม่สามารถหลอมรวมลมปราณได้อย่างแท้จริง นั่น คือเหตุผลว่าทำไมเจ้าถึงได้รับบาดเจ็บหนักจากผลข้างเคียง รังสีกระบี่ที่เจ้าเพิ่งส่งออกไปตอนนี้ไม่ใช่พลังที่ เจ้าสร้างได้ แต่มาจากพลังของกระบี่เอง หลังจากที่เจ้าส่งน้องสาวเข้าเมืองหลวง เจ้าน่าจะไปหากระบี่จิต วิญญาณเล่มใหม่โดยเร็วเพื่อเร่งการบรรลุขุมพลังหลอมรวมลมปราณให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
เยี่ยฉวนพยักหน้า “เข้าใจแล้ว ! นี่คือเหตุผลที่ข้ารู้สึกว่าร่างกายของข้าว่างเปล่าหลังจากใช้เพลง กระบี่นี้ มันไม่สบายตัวยิ่งนัก ! แต่โชคดีที่กระบี่ของข้าฟันแขนทั้งคู่ของตาเฒ่านั่นขาดได้ !”
เอ่ยดังนี้แล้ว มุมปากของเขาพลันโค้งขึ้นเล็กน้อย และเผยรอยยิ้มออกมา !
ชายชราผู้นั้นมีพลังยุทธ์ขั้นทะยานสวรรค์ !
“เจ้าช่างโง่งมนัก !”
สตรีลึกลับพลันอธิบายเสียงเย็น “ขั้นพลังของคนคนนั้นเหนือชั้นกว่าเจ้ามาก มันไม่ใช่ในระดับที่เจ้าสามารถต่อสู้ด้วยได้ในตอนนี้ เหตุผลครึ่งหนึ่งที่เจ้าสามารถฟันแขนของเขาขาดได้ในเพลงกระบี่เดียว เป็น เพราะเขาประมาทเจ้าหลังจากที่เจ้าถูกพลังฝ่ามือของเขาตบกลับ หากเขารู้ว่าเจ้าเป็นผู้ฝึกกระบี่และเตรียมการไว้ล่วงหน้า เจ้าคิดหรือว่าจะสามารถฟันแขนทั้งคู่ของเขาขาดได้ในกระบี่เดียว ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของนาง เยี่ยฉวนก็พลันดูเคร่งขรึมไปในทันที
“ท่านพูดถูก หากตาเฒ่านั้นเตรียมการมาตั้งแต่เเรกแล้ว ข้าจะยังฟันแขนทั้งคู่ของมันขาดด้วยเพลงกระบี่เดียวได้อยู่หรือไม่ ?”
จริง ๆ แล้วชายหนุ่มพ่ายแพ้ตั้งแต่คราที่หมัดของเขาปะทะกับหมัดของชายชรา แต่ต้องขอบคุณที่ เขาสำเร็จวิชากายาทองคำ ไม่อย่างนั้นชายชราคงสังหารชายหนุ่มในหมัดเดียวไปแล้ว !
สตรีลึกลับเอ่ยอีกครั้ง “ช่องว่างพลังระหว่างเจ้ากับเขาช่างห่างไกลนัก เจ้าไม่สามารถถมขั้นพลัง สองขั้นเพื่อต่อสู้กับเขาด้วยพลังในตอนนี้ได้เว้นแต่ว่าเจ้าจะบรรลุกฎแห่งเต๋าซักข้อเพื่อขับเคลื่อนหอคอย โลกเรือนจำในร่างของเจ้าได้”
กฎแห่งเต๋า ?
เยี่ยฉวนถามอย่างจริงจัง “ผู้อาวุโส ข้าได้ยินท่านพูดถึงกฎแห่งเต๋ามาก่อน กฎแห่งเต๋ามันคืออะไร หรือขอรับ ? ข้าจะหามันได้ที่ไหน ?”
สตรีลึกลับเอ่ย “เมื่อเจ้าบรรลุเต๋าแห่งกระบี่แล้ว เจ้าจะเข้าใจว่าอะไรคือกฎแห่งเต๋า”
เยี่ยฉวน “….”
สตรีลึกลับเอ่ยต่อ “ยังมีอีกอย่างหนึ่ง เจ้าไม่ควรพุ่งความสนใจเพียงแค่น้องสาวของเจ้า ผนึกบนชั้นสองกำลังมีสัญญาณว่าจะคลาย หากเจ้าไม่พัฒนาพลังยุทธ์ให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ถ้างั้นก็คงไม่มีใครสามารถช่วยเจ้าได้หากผนึกสลายตัวแล้ว”