หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ – ตอนที่ 29 ข้ามันนิสัยไม่ดี ! (ปลาย)

บทที่ 29 ข้ามันนิสัยไม่ดี ! (ปลาย)

กร๊อบบ !

เสียงกระดูกแตกดังลั่น ฉินชางเบิกตากว้าง ความนึกคิดสุดท้ายคือไม่อยากเชื่อและเสียใจ

เห็นเยี่ยฉวนสังหารฉินชางแล้ว ภาพที่เกิดขึ้นมันก็ทำเอาคนอื่น ๆ ตะลึงค้างไป !

เยี่ยฉวนถอนเท้ากลับและเดินกลับไปทางด้านข้างของเยี่ยหลิง เขาลูบศีรษะเล็กของเยี่ยหลิงเบา ๆ แล้วกล่าว “นางไม่ได้ขอความเมตตา นางแค่อยากจะหนีไปก่อนแล้วค่อยกลับมาจัดการเราทีหลัง !”

ชายหนุ่มไม่ใช่คนประเภทที่ชอบอธิบาย เพียงแต่เขาก็ไม่อยากเป็นคนเลือดเย็นในสายตาของน้องสาว

เยี่ยหลิงส่ายหน้าเบา ๆ นางยึดแขนของเยี่ยฉวนไว้แน่น “ไม่ว่าท่านพี่จะถูกหรือผิด ข้าก็จะยืนอยู่ข้างท่านเสมอเจ้าค่ะ”

ความรู้สึกอบอุ่นผุดในใจของเยี่ยฉวน จากนั้นเขาก็หันไปมองคนเหล่านั้นที่อยู่ไม่ไกล “ทำไมพวกเจ้ายังไม่เริ่มโจมตีอีกล่ะ เข้ามาเถอะ …ข้ารู้ว่ามันเป็นหน้าที่ !”

ขั้นพลังของผู้คุ้มกันตรงหน้าเขาล้วนอยู่ต่ำกว่าขั้นสี่ สำหรับเขาแล้วพวกนี้ไม่ถือว่าเป็นภัยแม้แต่น้อย

หัวหน้ากลุ่มจ้องมองเยี่ยฉวน “เจ้าเป็นใคร ?”

เยี่ยฉวนตอบอย่างแห้งแล้ง “ข้าแซ่เยี่ย มาจากเมืองชิง !”

ชายคนนั้นเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “เมืองชิง… แซ่เยี่ย… เจ้ามาจากตระกูลเยี่ย !”

สีหน้าของเยี่ยฉวนเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ข้าไม่ได้เป็นคนตระกูลเยี่ยแล้ว และมันก็คือความสัตย์จริง ดังนั้นถ้าไม่สู้ก็จงถอยกลับไปเสีย !”

แต่พวกเขาจะเชื่อได้อย่างไร ? ในตอนนี้เยี่ยฉวนพลันเดินไปอยู่ข้างศพของฉินชางและเกี่ยวถุงสีดำบนเอวของฉินชางด้วยเท้าขวา จากนั้นถุงนั่นก็พลันลอยมาอยู่ในมือของเขา !

เห็นดังนี้แล้ว สีหน้าของหัวหน้ากลุ่มที่อยู่ไกลออกไปก็ดูน่าเกลียดเป็นอย่างยิ่ง

ดวงตาของคนในกลุ่มนั้นจับจ้องไปที่เยี่ยฉวน จากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้น “ตระกูลเยี่ย ตระกูลฉินแห่งเมืองชิงจะจดจำเจ้าไว้ให้ขึ้นใจ !”

หลังจากนั้นคนพวกนี้ก็แบกร่างของฉินชางหันหลังจากไป

พวกเขาไม่กล้าเริ่มการต่อสู้ เพราะตอนนี้ฉินชางถูกสังหารไปแล้ว นางมีพลังระดับหลอมรวมลมปราณแต่กลับไม่อาจต้านทานอีกฝ่ายได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว !

ต่อให้ชายหนุ่มอาศัยทีเผลอเพื่อลอบโจมตีฉินซาง แต่เขาก็ไม่อาจทำอะไรได้หากเขาไม่มีพลัง หัวหน้ากลุ่มกับคนอื่น ๆ จึบรู้ดีว่าเยี่ยฉวนแข็งแกร่งกว่าพวกเขามาก

พูดสั้น ๆ คือ พวกเขาต่างหวาดกลัวต่อความตาย !

หลังพวกเขาจากไปแล้ว เยี่ยฉวนก็จึงเปิดถุงดำออก ชั่วพริบตาเดียวสีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนไปจากเดิม !

หินเสริมปราณ !

ในถุงสีดำนี้ มีหินเสริมปราณอยู่ถึง 16 ก้อน !

สิ่งที่เรียกว่าหินเสริมปราณเป็นหินชนิดหนึ่งที่รวบรวมพลังลมปราณเอาไว้ หินเสริมปราณพวกนี้เป็นตัวช่วยชั้นยอดของผู้ที่อยู่บนเส้นทางการฝึกยุทธ์ โดยหินเสริมปราณจะถูกแบ่งออกเป็นระดับต่ำ ระดับสูง ระดับสูงสุด ระดับหยก ระดับอมตะ และระดับเทพเจ้า

ในเมืองชิง มันเป็นเรื่องยากยิ่งที่จะได้เห็นหินเสริมปราณระดับต่ำ แต่ในถุงนี้กลับมีแต่หินเสริมปราณระดับสูง ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีหินเสริมปราณระดับสูงสุดก้อนหนึ่งอยู่ในถุงอีกด้วย !

หินเสริมปราณระดับต่ำมีค่าอย่างน้อยที่สุดหนึ่งร้อยทอง และหนึ่งร้อยทองก็เพียงพอแล้วที่ครอบครัวคนทั่วไปจะมีชีวิตอยู่อย่างสุขสันต์เป็นสิบปี

ตอนนี้ในถุงนี้มีหินเสริมปราณระดับสูงอยู่ถึง 16 ก้อน !

แม้แต่ตระกูลเยี่ยก็ยังไม่มีหินเสริมปราณระดับสูงในปริมาณมากเท่านี้ !

“ข้ารวยแล้ว !”

เยี่ยฉวนเก็บถุงไว้ ใบหน้าของเขาค่อย ๆ ฉายแววยินดี !

เขาไม่รู้ว่าฉินชางไปได้หินเสริมปราณจำนวนมากมายขนาดนี้มาจากไหน แต่ชายหนุ่มแน่ใจว่าหากตนเป็นตระกูลฉินหรือชายกลางคนและคนอีกสองคนที่เหลือที่ไล่ล่าฉินชางเมื่อก่อนหน้านี้ พวกเขาย่อมไม่ยอมให้หินเสริมปราณระดับสูงในถุงนี้หลุดมืออย่างเเน่นอน !

สายเลือดหล่อเลี้ยงชีวิตเหล่าตระกูลชั้นสูงคือเหมืองทอง แต่ถ้าพวกเขาต้องการสร้างโชคลาภให้กับครอบครัว เพื่อปีนขึ้นมาและยืนหยัดอยู่เหนือตระกูลชั้นสูงธรรมดา พวกเขาจำต้องพึ่งพาหินเสริมปราณ มีเพียงการใช้หินเสริมปราณเท่านั้นพวกเขาจึงจะสร้างคนที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้ !

ในนี้มีหินเสริมปราณอยู่มากมายนัก และมันก็เพียงพอที่จะให้ตระกูลชั้นสูงสร้างคนแข็งแกร่งในระดับหลอมรวมลมปราณจำนวนมากหรือแม้แต่ทำให้คนผู้นั้นกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีพลังขั้นทะยานสวรรค์ได้เลยทีเดียว !

คิดดังนี้แล้วเยี่ยฉวนก็รีบดับกองไฟ เขาขับรถม้าออกไปพร้อมกับเยี่ยหลิงในพลัน

อย่างที่เยี่ยฉวนคาดการณ์ไว้ เกือบครึ่งชั่วยามผ่านไป ชายกลางคนและชายชราสองคนก็มาปรากฏตัวยังจุดที่เยี่ยฉวนเคยอยู่

ชายกลางคนนี้คือฉินปา ประมุขตระกูลฉิน จอมยุทธ์ผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริงที่มีพลังขั้นทะยานสวรรค์ ! ส่วนชายชราสองคนเบื้องหลังเขาก็มีพลังระดับทะยานสวรรค์เช่นกัน !

ฉินปาเหลือบมองไปรอบ ๆ จากนั้นจึงเอ่ยเสียงห้าวลึก “ข้าได้ยินว่าตระกูลเยี่ยมีผู้ถูกเลือกคนหนึ่งที่ชื่อเยี่ยหลาง คนผู้นี้ทำให้เกิดนิมิตแห่งฟ้าดิน มันเป็นเขาจริง ๆ หรือ ?”

แม้เมืองชิงกับเมืองลั่วจะอยู่ติดกัน แต่มันก็มีระยะห่างระหว่างพวกเขาอยู่ เนื่องจากตระกูลฉินไม่ใช่ตระกูลทรงพลังอำนาจ พวกเขาจึงห่างชั้นนักในเรื่องของการรวบรวมข้อมูล เลยทำให้พวกเขาไม่รู้ถึงสถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลเยี่ยในเมืองชิง !

เบื้องหลังฉินปา ชายชราคนหนึ่งเอ่ยเสียงทุ้ม “เขาจะเป็นเยี่ยหลางหรือไม่ ไม่สำคัญ แต่เขาเป็นคนตระกูลเยี่ยแน่นอน ตระกูลเยี่ยไม่อาจหนีเรื่องนี้ไปได้หรอก !”

ฉินปาพยักหน้าและเอ่ยเสียงเย็น “ข้าจะไปที่เมืองชิงเพื่อขอคำอธิบายจากตระกูลเยี่ย สำหรับชายผู้นั้น เขาคงหนีไปได้ไม่ไกล ฉินเยว่ เจ้าจงติดตามเขาไป เมื่อจับเขาได้ก็อย่าประมาทศัตรูเด็ดขาด หากเขาเป็นเยี่ยหลางคนนั้น !”

ชายชรานามฉินเยว่พยักหน้า เขาเขย่งเท้าเบา ๆ และทั้งร่างก็พลันทะยานไปบนอากาศ จากนั้นเขาก็หายตัวไปในราตรีอันมืดมิดในระยะทางไกลออกไปราวกับวิญญาณ !

มือขวาของฉินปาค่อย ๆ กำแน่นและมีสีหน้าเย็นชา “ตระกูลเยี่ย พวกเจ้าล้ำเส้นกันมากเกินไปแล้ว !”

หลังจากนั้นเขาก็หันหลังและหายตัวไป

ในราตรีอันมืดมิด เยี่ยฉวนขับรถม้าด้วยความเร็วยิ่ง โชคดีที่มีแสงจันทร์จาง ๆ เขาถึงสามารถมองเห็นถนนได้เลือนราง

“พี่ชาย ทำไมสตรีผู้นั้นถึงเจตนาสร้างปัญหาให้กับเรากันเจ้าคะ ?”

“เพราะนางคิดว่าเรามีฝีมือด้อยกว่าน่ะสิ !”

“คนที่ด้อยกว่าทุกคนจะถูกรังแกไหมเจ้าคะ ?”

“คนหลายคนเป็นเช่นนี้ ถ้าเจ้าอ่อนแอ พวกเขาก็จะรังแกเจ้า เจ้าไม่สามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคงในโลกนี้ หากเจ้าไม่แข็งแกร่งพอ !”

“ท่านพี่ ท่านฆ่าคนไปหลายคนแล้วใช่ไหมเจ้าคะ ?”

“อืม จะมีคนถูกฆ่ามากขึ้นอีกในภายภาคหน้า”

“ทำไมล่ะเจ้าคะ ?”

“ท่านพี่เจ้านิสัยไม่ดี จึงไม่อาจทนถูกรังเเกได้ หากใครสักคนยั่วโมโหข้า ข้าก็จะฆ่ามันเสีย !”

“…”

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

เยี่ยฉวนเติบโตขึ้นมาในฐานะนายน้อยตระกูลเยี่ย เขาทำทุกอย่างเพื่อตระกูล และน้องสาวที่กำลังป่วยหนัก เยี่ยหลิง ทั้งต่อสู้ แย่งชิง ฆ่าฟัน ทว่าสิ่งที่ชายหนุ่มได้กลับมาคือการทรยศหักหลัง !! แต่มีหรือที่เขาจะต้องยอมแพ้ !! ในเมื่อตระกูลเยี่ยไม่ต้องการข้า งั้นแล้วเราก็ถือว่าจบกัน ข้าเยี่ยฉวนผู้นี้จะพาน้องสาวจากไป และจะกลายเป็นเซียนกระบี่ผู้เหาะเหินตัดผ่านท้องนถาให้จงได้ !!! ชีวิตและความตายเป็นเพียงภาพลวง หากไม่ยอมรับแล้วไซร์ เช่นนั้นต่อให้เป็นเทพ เป็นมาร หรือเป็นเซียน ข้าก็จักประหารมันด้วยกระบี่ในมือ !!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset