หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ – ตอนที่ 21 บนสังเวียนชี้เป็นชี้ตาย การต่อสู้ชี้ชะตา !

บทที่ 21 บนสังเวียนชี้เป็นชี้ตาย การต่อสู้ชี้ชะตา !

“เยี่ยฉวนมาแล้ว !”

ใครบางคนตะโกนออกมาจากด้านนอกจวนตระกูลเยี่ย ทำให้สายตาของทุกคนพากันจับจ้องที่หน้าประตูจวน

ในจุดนั้น ชายหนุ่มในชุดยาวกรุยกรายก็เดินออกมา !

เยี่ยฉวน !

เมื่อเห็นเยี่ยฉวนแล้ว สีหน้าของผู้อาวุโสแห่งจวนตระกูลเยี่ยพลันมืดครึ้มพร้อมกับรอยยิ้มแสยะผุดที่มุมปาก

อีกฟากหนึ่ง ดวงตาของประมุขตระกูลจาง ประมุขตระกูลเจียง และประมุขตระกูลหลี่ต่างจับจ้องที่เยี่ยฉวน

เยี่ยฉวนย่างสามขุมตรงมาที่ลานประลอง จางเลี่ย ประมุขตระกูลจางก็ทำการพยักหน้าเล็กน้อยและเอ่ยขึ้นมา “ความแข็งแกร่งของเยี่ยฉวนคนนี้นับว่าดีจริง ๆ ไม่แปลกที่เหล่าคนหนุ่มในตระกูลจางของข้าพ่ายแพ้ให้กับเขานับครั้งไม่ถ้วน !”

หลี่อวี๋ ประมุขตระกูลหลี่พยักหน้าพลางกล่าว “เป็นบุคคลชั้นเลิศที่เด็ดเดี่ยว กล้าหาญ และรอบรู้ เขามีพรสวรรค์ระดับชั้นยอด โชคร้ายที่ไม่มีที่ยืนให้เขาในตระกูลเยี่ย ไม่อย่างนั้นหากแบ่งกัน ให้เขาพุ่งเป้าไปที่เรื่องภายนอก ขณะที่เยี่ยหลางพุ่งเป้าไปที่เรื่องภายใน ก็ไม่ยากเลยที่ตระกูลเยี่ยจะเป็นตระกูลที่มั่งคั่งทรงอิทธิพล”

ประมุขตระกูลเจียงเอ่ยเสียงเรียบ “เยี่ยหลางเป็นถึงหลานชายของผู้อาวุโส แต่จิตใจคับแคบนัก ดังนั้นมันจึงไม่ยอมให้ใครมาคุกคามสถานะของมันได้ แต่ยิ่งทำแบบนี้ โอกาสที่ตระกูลเยี่ยจะกลายเป็นตระกูลชั้นสูงอันมั่งคั่งก็จะยิ่งริบหรี่ลงมากเท่านั้น”

ได้ยินดังนั้นแล้ว หลี่อวี๋และจางเลี่ยก็พยักหน้าเห็นด้วย

ตระกูลชั้นสูงย่อมไม่อาจมีผู้นำตระกูลสองคนในเวลาเดียวกันได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมียอดอัจฉริยะสองคนไม่ได้ ในบางตระกูลใหญ่ชั้นสูงบางตระกูล พวกเขามักจะมีคนหนึ่งที่ดูแลกิจการงานภายในและอีกคนหนึ่งดูแลรับมือกับเรื่องภายนอก ส่วนใครจะเป็นคนดูแลเรื่องภายในหรือเรื่องภายนอกก็ขึ้นอยู่กับความสามารถส่วนบุคคลของพวกเขา

หากมีใครสักคนต้องการเล่นสกปรกก็เป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าหากตระกูลนั้นมีความสามารถ เหล่าผู้สืบทอดและคุณชายทั้งหลายคงไม่กล้าสร้างเรื่องวุ่นวายแน่ !

ทว่าตระกูลเยี่ยกลับสนับสนุนให้อัจฉริยชนคนหนึ่งสยบอีกคนหนึ่ง นับว่าตัดสินใจได้โง่เขลายิ่งนัก !

ไม่ช้า เยี่ยฉวนก็เข้าสู่สนามประลองชี้เป็นชี้ตายและฝั่งตรงข้ามก็คือเยี่ยหลาง

เยี่ยหลางเหลือบมองเยี่ยฉวนและคลี่ยิ้มอ่อนโยน จากนั้นก็มองผู้เฒ่าตระกูลเยี่ย แต่ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยกลับมองบนอัฒจันทร์ที่อยู่ไม่ไกลนัก ที่ตรงบริเวณที่ชายกลางคนกับสตรีเลอโฉมนั่งอยู่

พวกเขาไม่ได้มาจากเมืองชิง แต่มาจากเมืองเหยียนและเมืองลั่ว ทั้งคู่ต่างเป็นตัวแทนกองกำลังใหญ่ที่สุดจากเมืองของพวกเขา และเพราะแบบนั้น ตระกูลเยี่ยจึงไม่กล้าขัดใจพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด !

เมื่อรู้สึกถึงสายตาของผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยแล้ว ชายกลางคนกับสตรีเลอโฉมก็จึงพยักหน้าเบา ๆ เป็นการตอบสนอง

เห็นดังนี้แล้ว ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยจึงผุดยิ้มน้อย ๆ เขารู้แน่ชัดว่าคนเหล่านั้นพยายามผูกมิตรกับตน จึงทอดมองลงและเอ่ยประกาศ “จากกฎของตระกูลเยี่ย เมื่อใดที่อยู่บนลานประลองชี้ชะตาแล้ว คนผู้นั้นก็จะต้องรับผิดชอบชีวิตของตัวเอง ไม่มีใครสามารถเข้ามาแทรกแซงได้ ! พวกเจ้าสองคนจะต้องสู้เพื่อความเป็นความตายของตัวเองในวันนี้ ใครก็ตามที่รอดจากสังเวียนชี้ชะตานี้ไปได้จะมีชีวิตอยู่ ส่วนผู้แพ้ก็จะต้องตาย เริ่มการประลองได้ ณ บัดนี้ !”

เริ่ม !

เยี่ยหลางมองเยี่ยฉวนและคลี่ยิ้มน้อย ๆ “วันนี้ปีหน้าก็คือวันครบรอบวันตายของเจ้า เจ้า….”

ก่อนที่เยี่ยหลางจะเอ่ยจบ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปฉับพลัน เพราะเยี่ยฉวนพลันพุ่งตัวใส่เขาราวกับพยัคฆ์ร้าย !

เมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนก็ตะลึงไป “เขาไม่รอให้เอ่ยเปิดงานจบแต่กลับเริ่มลงมือเลยงั้นหรือ ?”

เยี่ยฉวนประสบกับการต่อสู้แบบชี้เป็นชี้ตายมานับไม่ถ้วนจนทำให้เขาเข้าใจความจริงข้อหนึ่ง ว่ามีหลายครั้งทีเดียวที่ศัตรูของเขาต้องตายเนื่องจากพูดมากเกินไป !

นี่คือการแข่งขันแบบตัดสินโดยใช้ชีวิตเข้าแลก ยังต้องเอ่ยอะไรก่อนจะเริ่มการต่อสู้แบบเอาเป็นเอาตายอีกหรือ ?

แน่นอนเขาไม่มีกฎพวกนี้อยู่ในหัวเลย !

เยี่ยฉวนโจมตีก่อนซึ่งหมายความว่าเขาเป็นฝ่ายนำ เมื่อเขาปรากฏตัวตรงหน้าเยี่ยหลาง ชายหนุ่มก็รวบรวมกำลังทั้งหมดและเหวี่ยงหมัดตรงไปที่หน้าของอีกฝ่ายทันที

หมัดทลายภูผา !

นี่คือทักษะวรยุทธ์ขั้นพื้นฐานของตระกูลเยี่ย แต่เขากลับฝึกฝนทักษะวรยุทธ์ระดับต่ำนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ชายหนุ่มสามารถปล่อยหมัดที่ทลายศิลาเพื่อสกัดทองคำได้เลยทีเดียว !

เมื่อตรวจจับระดับพลังในหมัดของเยี่ยฉวนแล้ว สีหน้าของเยี่ยหลางพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาไม่รีรอ รีบกระทืบเท้าขวาเข้ากับพื้นดินและไขว้แขนขึ้นสกัดไว้ด้านหน้า

ปัง !

ด้วยเสียงระเบิดดังก้อง เยี่ยหลางก็ถึงกับตัวสั่นเทิ้มและถอยกรูดไปข้างหลังหลายจั้ง !

เห็นภาพนี้เข้า ทุกคนก็ตะลึงไป

“เยี่ยหลางแพ้ในการปะทะกันครั้งแรกงั้นหรือ ?”

บนอัฒจันทร์ ผู้อาวุโสตระกูลเยี่ยต่างมีสีหน้าน่าเกลียดในบัดดล โดยเฉพาะผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยที่เคยยิ้มย่อง บัดนี้ใบหน้าถึงกับบิดเบี้ยวดูไม่ได้ !

บนลานประลอง เยี่ยฉวนประสบความสำเร็จในการโจมตีครั้งแรกแล้วแต่เขาก็ยังไม่หยุด ชายหนุ่มวิ่งมาโจมตีเยี่ยหลางซ้ำอีกครั้ง !

มันเป็นความแข็งแกร่งด้านพลังกายล้วน ๆ!

ในเมืองเล็กอย่างเมืองชิง ทักษะยุทธ์นับว่าเป็นสิ่งหายากยิ่ง ซึ่งความจริงแล้วการต่อสู้ของพวกเขาจะขึ้นกับความแข็งแกร่งด้านกำลังกายและประสบการณ์เสียเป็นส่วนใหญ่ !

เมื่อเยี่ยหลางหยุด สีหน้าของเขาก็กลายเป็นน่าเกลียดยิ่ง เพราะไม่คิดเลยว่าพลังของเยี่ยฉวนจะแข็งแกร่งเช่นนี้ …นี่มันอยู่เหนือความคาดหมายโดยสิ้นเชิง ! และเมื่อเห็นเยี่ยฉวนปล่อยหมัดอีกครั้ง เขาก็เลือกที่จะไม่สกัด แต่พลิกตัวหลบหมัดและสวนกำปั้นกลับไปที่เยี่ยฉวน !

หมัดของเขาฉายแสงเจิดจ้าเป็นประกาย !

มันเป็นสัญญาณแห่งขุมพลังระดับผสานลมปราณ !

ปัง !

เมื่อพลังหมัดทั้งสองปะทะกัน  สีหน้าของเยี่ยหลางก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ชั่วขณะต่อมาเขาก็ก้าวถอยหลังอย่างต่อเนื่องนับหลายจั้ง จนเหล่าคนที่มีสายตาเฉียบคมสามารถมองเห็นได้อย่างง่ายดายว่าแขนทั้งแขนของเยี่ยหลางถึงกับสั่นไหวรุนแรง !

บนอัฒจันทร์ ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยและคนอื่น ๆ ลุกขึ้นยืน ดวงตาของผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยเปี่ยมด้วยแววไม่อยากเชื่อ “ทำไมพลังของเขาถึงน่ากลัวถึงเพียงนี้ ? นี่ไม่ใช่พลังในระดับแสวงหาขั้นที่ห้าแล้ว !”

หลี่อวี๋กับคนอื่น ๆ รอบด้านต่างพากันประหลาดใจ พลังของเยี่ยฉวนคนนี้ช่างเหนือความคาดหมายนัก !

อีกฝั่งหนึ่ง ชายกลางคนและสตรีเลอโฉมจากเมืองเหยียนและเมืองลั่วต่างมองหน้ากัน แววตาของทั้งคู่ต่างมีความประหลาดใจซ่อนอยู่เหมือน ๆ กัน !

บนสังเวียนชี้ชะตาความเป็นความตาย หลังจากเยี่ยฉวนโต้กลับเยี่ยหลางได้ภายในหนึ่งหมัดแล้ว เท้าขวาของเขาก็ก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะพุ่งตรงไปอย่างรวดเร็ว

เขาทะยานผ่านระยะทางหลายจั้งที่คั่นระหว่างพวกเขาได้ในเวลาไม่นาน !

เมื่อชายหนุ่มอยู่ตรงหน้าเยี่ยหลาง เท้าขวาของเยี่ยฉวนก็ยกขึ้นสูงก่อนจะฟาดลงอย่างดุดันบนบ่าของอีกฝ่าย !

กร๊อบ !

แววเหี้ยมเกรียมฉายในดวงตาของเยี่ยหลาง เขาไม่ได้สกัดการโจมตี แต่กลับปล่อยให้ขาเตะฟาดลงมาบนบ่า ทว่าในขณะเดียวกันเขาก็ซัดหมัดไปกลางอกของเยี่ยฉวนด้วย !

ปั้ก !

ทั้งร่างของเยี่ยหลางกลิ้งหลุน ๆ ไปสองสามตลบข้างทาง ส่วนเยี่ยฉวนเองก็ก้าวถอยไปหลายก้าวเช่นกัน !

ทว่าเยี่ยฉวนไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย !

เขารับหมัดของเยี่ยหลางเต็ม ๆ ด้วยร่างกายของเขา !

“เป็นไปได้อย่างไรกัน ?”

บนอัฒจันทร์ ดวงตาของผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยเปี่ยมด้วยความไม่อยากเชื่อ “เขาไม่เป็นอะไรเลยงั้นหรือ ?”

ทางอีกฟากหนึ่ง หลี่อวี๋กับคนอื่น ๆ ต่างย่นคิ้วเช่นกัน “เยี่ยฉวนคนนี้รับหมัดหนักจากเยี่ยหลางแต่กลับยังสบายดีอยู่ !”

บนสังเวียนชี้ชะตา เยี่ยหลางก็ยังสบายดีอยู่เช่นกันเพราะเกราะอ่อนที่เขาสวมได้ต้านทานพลังส่วนใหญ่ของเยี่ยฉวนไว้ เมื่อเขาเห็นว่าเยี่ยฉวนก็ยังอยู่ดีเช่นกัน คิ้วของเยี่ยหลางก็พลันม้วนเป็นปมแน่น “ทำไมเจ้าไม่เป็นอะไรเลย ?”

เขาใช้พลังทั้งหมดของเขาไปกับหมัดนั้นเลยนะ ! แล้วเขาก็ใส่พลังปราณเข้าไปในหมัดนั้นด้วย !

แต่เยี่ยฉวนกลับรับมันทั้งหมดไว้อย่างง่ายดาย !

เยี่ยฉวนเหลือบมองเยี่ยหลาง เขาค่อย ๆ กำมือขวา และแขนเสื้อข้างขวาก็ระเบิดฉับพลัน จนเผยให้เห็นเส้นเลือดสีเขียวปูดนูนบนแขนทั้งท่อน ดูน่ากลัวไม่น้อย !

เยี่ยหลางจ้องเยี่ยฉวนนิ่งและเอ่ยขึ้น “เจ้าซ่อนพลังเอาไว้นี่เอง เจ้ามัน….”

พูดถึงจุดนั้นแล้ว ม่านตาของเขาพลันหดเกร็ง เนื่องจากเยี่ยฉวนได้มาถึงเบื้องหน้าเขาแล้ว

ผลัวะ !

ท่ามกลางสายตาของคนนับไม่ถ้วน เยี่ยหลางกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบอีกครั้ง เขาถูกซัดไปที่ขอบสังเวียนประลอง !

บนอัฒจันทร์ ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด “นี่คือการแข่งขันตัดสินความเป็นความตายนะ ทิ้งเรื่องไร้สาระไปเสีย !”

เห็นชัดว่าเขาไม่พอใจกับเยี่ยหลางอย่างยิ่ง !

ไม่ต้องพูดถึงผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยเลย ผู้อาวุโสที่เหลืออยู่ต่างก็ค่อนข้างไม่พอใจ เยี่ยหลางคนนี้พ่ายแพ้ทันทีตั้งแต่ประมือ แล้วยังเอาแต่พูดพร่ำอะไรไร้สาระ ช่างโง่เขลาจริง ๆ!

บนสังเวียนชี้ชะตาชีวิต เยี่ยฉวนไม่หยุดมือ ยังคงทะยานตัวตรงไปที่เยี่ยหลางอีกครั้ง !

ไกลออกไป สายตาของเยี่ยหลางพลันดูเหี้ยมเกรียม และเขาก็ยกมือขึ้นอย่างสงบเสงี่ยม

ตู้ม !

อากาศไหลเวียนอันทรงพลังพลันกระฉอกออกจากร่างของเขา !

“นี่มันพลังขั้นหลอมรวมลมปราณ !”

ท่ามกลางลานประลอง ต่างมีเสียงอุทานจำนวนมาก !

“สวรรค์ เป็นขั้นหลอมรวมลมปราณจริง ๆ ด้วย เยี่ยหลางคนนี้เพิ่งจะ 18 ปีแน่หรือ ? เขาบรรลุขั้นหลอมรวมลมปราณแล้ว !”

“เขาช่างสมกับเป็นอัจฉริยชนที่สามารถเรียกนิมิตแห่งฟ้าดินได้จริง ๆ”

บนอัฒจันทร์ ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยและคนอื่น ๆ ก็มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า เพราะอีกไม่นานพวกเขาก็จะได้มีอนาคตอันสว่างสดใสเป็นแน่ !

ชายชราเหลือบมองคนสองคนที่อยู่ไม่ไกลนักผู้มาจากเมืองเหยียนและเมืองลั่ว ก่อนพบว่าชายกลางคนกับสตรีโฉมงามต่างมีแววตกใจซ่อนอยู่ในสายตาของพวกเขา

เห็นดังนี้แล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยก็ดูเจิดจ้ามากขึ้น !

บนสังเวียนแห่งความเป็นความตาย เยี่ยหลางมองเยี่ยฉวนด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม “ข้าจะแสดงช่องว่างระหว่างมดอย่างเจ้ากับคนอย่างข้าให้ดูเอง !”

เมื่อสิ้นเสียงของเขา เท้าขวาก็กระทืบลง และทั้งร่างของเขาก็พุ่งออกไปราวกับสายวายุ !

รอบกายเขา ลมสลาตันรุนแรงได้กระจายตัวออก !

การที่มีขั้นหลอมรวมลมปราณ นั่นก็หมายความว่าเขาสามารถควบคุมลมปราณได้ ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่ขุมพลังระดับกายเนื้อสามารถต่อกรได้เลย !

ตรงข้ามกับเยี่ยหลาง เยี่ยฉวนยังคงมีท่าทางไร้อารมณ์ เขาค่อย ๆ กำหมัดขวาและในร่างของเขาก็พลันมีพลังหมุนเร้าขึ้นมาราวกับคลื่นทะเล !

กายาทองคำ !

หลังเข้าสู่กายาทองคำแล้ว พลังกายของเขาแข็งแกร่งกว่าเดิมสิบเท่าตัว !

ในสายตาของทุกคน เยี่ยฉวนได้พุ่งตรงไปหาเยี่ยหลาง !

บนอัฒจันทร์ ทุกคนต่างส่ายหน้า เยี่ยฉวนคนนี้กำลังต่อสู้อยู่กับการต่อสู้ไร้ความหวังอย่างไม่ต้องสงสัย

เสียงแค่นเบา ๆ และคำพูดเสียดสีพ่นออกมาจากปากของผู้อาวุโส ! “ใช้พลังกายสู้กับพลังลมปราณงั้นเรอะ ? รนหาที่ตายชัด ๆ!”

จากนั้นในสายตาของทุกคนก็เห็นเยี่ยหลางกับเยี่ยฉวนเข้ามาใกล้มากขึ้น

เกิดความเงียบงันไปครู่หนึ่ง

ตูม !

ในสายตาคนนับไม่ถ้วน ร่างหนึ่งก็ลอยกระเด็นออกมา !

จากนั้นทุกคนก็ถึงกับตะลึงงันไป !

เพราะคนผู้นั้นคือเยี่ยหลาง !

“เป็นไปได้ยังไง !”

ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยทอดมองอย่างไม่อยากเชื่อที่เยี่ยหลางผู้กระเด็นออกมา ทั้งร่างของเขาแข็งทื่อราวกับศพ !

รอบสังเวียนชี้ชะตา ทุกคนต่างจ้องมองไปยังลานประลองชี้เป็นชี้ตายอย่างขวัญผวา

“เขาแพ้แล้วหรือ ?”

“ผู้ถูกเลือกกลับพ่ายแพ้เช่นนี้น่ะหรือ ?”

บนสังเวียนชี้ชะตา เยี่ยฉวนไม่หยุดมือ แต่ยังคงมุ่งตรงไปหาเยี่ยหลางที่กระเด็นออกไป !

“กล้าดีอย่างไร !”

ในตอนนี้เอง ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยบนอัฒจันทร์พลันตวาดอย่างเกรี้ยวกราด ต่อมาเขาก็วิ่งไปที่สังเวียนประลองและซัดฝ่ามือใส่เยี่ยฉวน !

เห็นผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยโจมตีมา แววดุร้ายก็พลันฉายในดวงตาของเยี่ยฉวน เขาไม่ได้หลบหนี แต่กลับพุ่งตัวไปซัดผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยดอกหนึ่ง !

ปัง !

เสียงระเบิดทุ้มดังขึ้น ร่างของผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยถูกอัดกระเด็นไปหลายจั้ง !

เยี่ยฉวนกำลังจะลงมือต่อ แต่ในคราวนี้ผู้อาวุโสตระกูลเยี่ยหลายคนได้ทะยานเข้ามาบนสังเวียนชี้ชะตาทีละคน มากกว่านั้นก็คือผู้คุ้มกันตระกูลเยี่ยจำนวนนับไม่ถ้วนพร้อมหน้าไม้ที่ขึ้นลูกในมือที่ก็ปรากฏตัวรอบสังเวียนชี้ชะตาด้วย !

เยี่ยฉวนกำหมัดช้า ๆ เขาเหลือบมองรอบด้านด้วยสายตาเย็นชา “อะไรกัน ? พวกท่านต้องการเปลี่ยนการต่อสู้ชี้ชะตานี่ให้กลายเป็นการรุมแบบหมาหมู่แล้วงั้นหรือ ?”

ไกลออกไป ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยพลันชี้หน้าเยี่ยฉวนด้วยโทสะและเอ่ยขึ้น “เยี่ยฉวน เจ้ามันขี้โกง !”

เยี่ยฉวนมองผู้เฒ่าตระกูลเยี่ย แล้วอีกฝ่ายก็เอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว “ตันเถียนของเจ้าพังไปแล้ว ทำไมเจ้ากลับมีพลังมหาศาลเช่นนี้ได้ ?”

เยี่ยฉวนแค่นแสยะพลางเอ่ย “ไม่ใช่เรื่องของท่าน !”

ทุกคน “….”

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

เยี่ยฉวนเติบโตขึ้นมาในฐานะนายน้อยตระกูลเยี่ย เขาทำทุกอย่างเพื่อตระกูล และน้องสาวที่กำลังป่วยหนัก เยี่ยหลิง ทั้งต่อสู้ แย่งชิง ฆ่าฟัน ทว่าสิ่งที่ชายหนุ่มได้กลับมาคือการทรยศหักหลัง !! แต่มีหรือที่เขาจะต้องยอมแพ้ !! ในเมื่อตระกูลเยี่ยไม่ต้องการข้า งั้นแล้วเราก็ถือว่าจบกัน ข้าเยี่ยฉวนผู้นี้จะพาน้องสาวจากไป และจะกลายเป็นเซียนกระบี่ผู้เหาะเหินตัดผ่านท้องนถาให้จงได้ !!! ชีวิตและความตายเป็นเพียงภาพลวง หากไม่ยอมรับแล้วไซร์ เช่นนั้นต่อให้เป็นเทพ เป็นมาร หรือเป็นเซียน ข้าก็จักประหารมันด้วยกระบี่ในมือ !!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset