บทที่ 19 ตัดสินเป็นตายในครั้งเดียว (ต้น)
แม้ว่าเยี่ยฉวนไม่ค่อยเข้าใจคำอธิบายของสตรีลึกลับเท่าใดนัก แต่หากมันไม่ถึงตาย เขาก็ไม่ได้คิดเก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ
ในระหว่างที่กำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ เยี่ยฉวนก็ได้ถามขึ้นอีกครั้ง “ผู้อาวุโส ท่านเคยพบนางมาก่อนหรือไม่ ท่านคิดว่านางเป็นอย่างไร ?”
เยี่ยฉวนกำลังหมายถึงอันหลานซิ่ว
สตรีลึกลับกระซิบด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “ก็ธรรมดา ตัวเจ้าและน้องสาวเจ้าไม่ได้แย่ไปกว่านางหรอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้องสาวของเจ้านั้น มีคุณสมบัติที่ดียิ่งกว่าเสียอีก”
“น้องสาวของข้าน่ะหรือ ?”
เยี่ยฉวนนิ่งงัน “ท่านหมายความว่าอย่างไร ?”
สตรีลึกลับพลันกล่าว “ลืมมันไปเสียเถิด เจ้าเริ่มเชี่ยวชาญกระบี่ขั้นพื้นฐานแล้ว ดังนั้นหากเจ้าจะลองฝึกทักษะกระบี่ในตอนนี้ก็ย่อมได้”
เมื่อได้ยินดังนั้นเยี่ยฉวนก็รีบถามขึ้น “ทักษะกระบี่งั้นหรือ ?”
ทักษะกระบี่ !
เป็นการยากหากจะกล่าวถึงทักษะชนิดนี้ ต้องรู้ก่อนว่าตระกูลเยี่ยนั้นมีทักษะวิชายุทธอยู่ในระดับต่ำเตี้ยเรี่ยดินในตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา !
ทั้งนี้ ทักษะวิชายุทธ์ก็สามารถแบ่งออกได้เป็นลำดับขั้นต่าง ๆ ดังนี้ หนึ่งคือขั้นสวรรค์ สองคือขั้นปฐพี สามขั้นจิตวิญญาณ สี่ขั้นลึกลับ ห้าขั้นมนุษย์ และหกขั้นสามานย์
แน่นอนว่าวิชายุทธที่ดีที่สุดของตระกูลเยี่ยเพิ่งจะอยู่ในลำดับขั้นมนุษย์เท่านั้น และมีแค่ผู้นำตระกูลที่ฝึกได้ ในขณะที่ลำดับที่สูงที่สุดในเมืองชิงตอนนี้ก็คือขั้นที่จิตวิญญาณของตระกูลเจียง !
ทักษะวิชายุทธ์นั้นมีค่ายิ่งกว่ายาลูกกลอนเสริมพลังเสียอีก ! ซ้ำร้าย ทักษะกระบี่นั้นนับว่าหาได้ยากยิ่งกว่า หรือกล่าวได้ว่าในเมืองชิงอาจไม่มีแม้แต่วิชาเดียว !
ทันใดนั้นสตรีลึกลับพลันกล่าวว่า “ข้ามีทักษะกระบี่อยู่ 2 แบบ ทว่าเจ้าเลือกได้หนึ่ง อย่างแรกเป็นทักษะกระบี่ที่ทรงพลัง และอันตรายอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามเมื่อเจ้าฝึกฝนไปได้จนถึงระดับหนึ่งก็จะถึงขีดจำกัด ส่วนอย่างที่สองนั้นเป็นทักษะที่สามารถพัฒนาได้โดยไร้ขีดข้อจำกัด ยิ่งเจ้าแข็งแกร่งขึ้นมากเท่าใด มันก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น แน่นอนทักษะนี้ย่อมติดตัวเจ้าไปตลอดชีวิต หากแต่มันก็มีจุดด้อยใหญ่หลวงอยู่ข้อหนึ่ง นั่นคือหากเจตจำนงในการฆ่าและศรัทธาที่เจ้ามีต่อเต๋าแห่งกระบี่ไม่มั่นคงเพียงพอ มันก็จะอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ในทางกลับกัน หากเจ้ามีเจตจำนงในการฆ่าและศรัทธาในเต๋าแห่งกระบี่มากพอ มันก็จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน !”
เยี่ยฉวนกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ผู้อาวุโส ข้าสามารถฝึกฝนทั้งสองแบบได้หรือไม่ ?”
สตรีลึกลับกล่าวตอบ “ไม่ เจ้าไม่ควรทำเรื่องใหญ่เกินตัว มันจะเป็นการดีกว่ามากหากเจ้าเชี่ยวชาญในทักษะด้านใดด้านหนึ่งมากกว่ารู้หลากหลายทักษะ แต่ชำนาญแค่เพียงหางอึ่ง เจ้าสามารถฝึกฝนแบบอื่น ๆ ได้ในภายภาคหน้า แต่สำหรับตอนนี้ หากเจ้าเลือกฝึกเพียงแค่เดียวแบบย่อมเป็นการดีที่สุด ถ้าหากเจ้าเรียนรู้หลาย ๆ ทักษะมากเกินไป เจ้าจะไม่เชี่ยวชาญสิ่งใดเลย นั่นเพราะว่าทั้งประสบการณ์ ความรู้ความเข้าใจในเต๋าแห่งกระบี่ของเจ้าไม่ลึกซึ้งพอ ทักษะกระบี่ในแต่ละแบบนั้น ไม่ใช่ทักษะธรรมดาทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกวิชาที่ข้าจะส่งต่อให้กับเจ้า มันแสดงถึงทัศนคติ ชีวิต และรวมไปถึงความคิดในเต๋าแห่งกระบี่ด้วย เจ้าเข้าใจหรือไม่ ?”
เยี่ยฉวนมองไปรอบ ๆ และเอ่ยถาม “ผู้อาวุโส ท่านเองก็เป็นผู้ฝึกกระบี่เหมือนกันอย่างนั้นหรือ ?”
สตรีลึกลับตอบกลับเสียงเบา “เจ้าถามมากเกินไปแล้ว”
เยี่ยฉวนสิ้นคำพูด “…”
สตรีลึกลับพลันกล่าว “ได้เวลาแล้ว เจ้าจะเลือกอย่างไหน ?”
เยี่ยฉวนยิ้มอย่างขมขื่น “แน่นอน ข้าเลือกแบบแรก”
สตรีลึกลับกล่าว “เจ้าช่างมีจุดมุ่งหมายที่ยิ่งใหญ่ แต่กระนั้นเจ้าก็ควรจดจำไว้ด้วยว่าความแข็งแกร่งของเจ้านั้นควรมากเท่ากับความทะเยอทะยานที่ว่าด้วย”
เยี่ยฉวนพยักหน้าตอบเบา ๆ “เข้าใจแล้ว”
สตรีลึกลับกล่าว “ทักษะกระบี่ของข้าเรียกว่า ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ แก่นแท้ของมันนั้น คือเมื่อไหร่ที่ข้าชักกระบี่ เมื่อนั้นข้าก็คือผู้ที่ตัดสินใจว่าอีกฝ่ายจะรอดชีวิตหรือมอดม้วย วิธีฝึกฝนนี้จะต่างจากวิธีฝึกฝนทักษะกระบี่อื่น ๆ ดังนั้นเจ้าจะบรรลุได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเองแล้ว !”
เมื่อเสียงของสตรีลึกลับแผ่วลง บางสิ่งบางอย่างก็พลันแล่นเข้ามาในความจิตใจของเยี่ยฉวน นั่นก็คือทักษะกระบี่ !
เยี่ยฉวนจับกระบี่หลิงเซี่ยวไว้มั่นและขยับมันตามทักษะดังกล่าว ก่อนที่ชายหนุ่มจะต้องตกใจมากเมื่อพบว่ามันไม่เกิดผลอันใดเมื่อใช้ออกไป …ไม่เพียงไม่มีผล แต่เขายังรู้สึกอึดอัดอยู่ในใจด้วย !
เยี่ยฉวนมองไปรอบ ๆ ด้วยความงุนงง “ผู้อาวุโส นี่คืออะไร ?”
สตรีลึกลับกล่าวว่า “วิธีฝึกฝนทักษะกระบี่นี้แบ่งได้ออกเป็น 6 ขั้น แต่เจ้ายังไม่ได้สำเร็จแม้แต่ขั้นที่หนึ่ง ดังนั้นเจ้าจึงจะยังใช้การมันไม่ได้ ส่วนระยะเวลาที่เจ้าจะสำเร็จได้ทั้ง 6 ขั้นนั้น มันก็ขึ้นอยู่ที่เจ้าแล้ว”
ใบหน้าของเยี่ยฉวนดูแปลก ๆ “นี่มันทักษะกระบี่อันใดกัน ? ไยต้องสำเร็จเป็นขั้นเป็นตอนด้วยเล่า ?”
ทันใดนั้นสตรีลึกลับก็พลันกล่าวขึ้น “ผู้ฝึกกระบี่มักไม่ใช้กระบี่ แต่เมื่อใช้แล้ว พวกเขาสามารถตัดสินชีวิตและความตายของศัตรูได้โดยพลัน องค์ประกอบพื้นฐานของทักษะกระบี่นี้คือเจตจำนงในการฆ่าและความศรัทธาในเต๋าแห่งกระบี่ เจ้าไม่จำเป็นต้องมุ่งมั่นมากก็ได้ เพราะถึงอย่างไรเจ้าก็จะบรรลุทั้งหมดนี้ในเวลาที่เหมาะสมอยู่ดี”
เยี่ยฉวนยิ้มอย่างขมขื่น ในเวลานี้การฝึกฝนกลับกลายมาเป็นแบบนี้ไปเสียแล้ว
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็เอาแต่ฝึกฝนกับเงาลวงอย่างบ้าคลั่งไม่มีหยุด ด้วยเหตุนั้นทั้งความรวดเร็ว ความแข็งแกร่ง และระยะเวลาในการตอบสนองของเขาจึงดีขึ้นมาก !
ชายหนุ่มเคยผ่านประสบการณ์การต่อสู้มามากมายหลายครั้ง ตอนนี้ไม่เพียงแต่สำเร็จขั้นกายาซ่อนเร้นเท่านั้น แต่ยังสำเร็จเป็นผู้ฝึกกระบี่อีกด้วย ความสามารถด้านการต่อสู้ของเขาในปัจจุบันนั้นนับว่าดีขึ้นกว่าตอนแรกเริ่มมากนัก !
แม้ว่าพลังของเยี่ยฉวนตอนนี้เพิ่งจะอยู่ในลำดับขั้นที่หกผสานลมปราณ แต่คนธรรมดาทั่วไปในขั้นผสานลมปราณด้วยกันก็ไม่อาจเทียบชั้นกับเขาได้เลย !
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว อีกไม่ช้าก็จวนจะถึงเวลาที่เยี่ยฉวนและเยี่ยหลางจะต้องเข้าประลองตัดสินชี้เป็นชี้ตายกันแล้ว
เป็นเพราะเยี่ยหลาง จึงได้มีเด็กหนุ่มตระกูลเยี่ยหลายคนป่าวประกาศไปรอบ ๆ จนในที่สุดทุกคนทั่วทั้งเมืองชิงต่างก็รับรู้เรื่องนี้
“เยี่ยฉวน !”
เยี่ยฉวนไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับผู้คนในเมืองชิง เพราะเขาคือผู้พลิกฟื้นสถานการณ์อันเลวร้ายของตระกูลเยี่ยเมื่อครั้งในอดีต อาจกล่าวได้ว่าเยี่ยฉวนเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตระกูลเยี่ยก็ว่าได้ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ตระกูลเยี่ยมีเยี่ยหลางเป็นผู้ถูกเลือกที่เพิ่งตื่นขึ้น
ตระกูลชนชั้นสูงไม่ได้อาศัยอยู่กันด้วยความรัก แต่มักจะทำตามความเหมาะสมเป็นหลัก ในเมื่อไม่สามารถมีทายาทผู้นำตระกูลถึงสองคนในเวลาเดียวกันได้ ดังนั้นทุกคนในครอบครัวจึงยกยอเฉพาะคนที่ดีที่สุด นี่จึงยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้นไปอีก ว่าใครจะได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลเพียงหนึ่งเดียวของตระกูล ในระยะสั้นนั้น ตระกูลเยี่ยจะต้องเลือกระหว่างเยี่ยฉวนและเยี่ยหลาง และหนนี้แม้แต่คนโง่เง่าก็ยังดูออกว่าพวกเขาคิดจะเลือกใคร
วันนี้เป็นศึกนัดชี้ชะตาเป็นตายระหว่างเยี่ยหลางและเยี่ยฉวน ตระกูลเยี่ยจึงไม่เพียงเชื้อเชิญชนชั้นสูงตระกูลอื่น ๆ ในเมืองชิงมาร่วมชม แต่ยังย้ายเวทีประลองออกไปอยู่นอกจวนตระกูลเยี่ยอีกด้วย !!