หลินโม่ป่ายจ้องไปยังแผ่นฟิล์มCT จากนั้นก็ละสายตาหันมามองซูย้าว เขาทำแบบนี้อยู่หลายครั้ง ในที่สุดก็ทำให้เธอรู้สึกถึงความประหลาดใจและอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “มีอะไรเหรอคะ?”
เขาวางแผ่นฟิล์มลง จากนั้นนั่งลงเอื้อมมือไปจับมือของเธอ “ช่วยบอกผมมาทีว่าคุณเคยผ่าตัดสมองมาก่อนหรือเปล่า?”
ซูย้าวผงะมองดูเขา ในความทรงจำของเธอ เธอไม่เคยทำการผ่าตัดด้านนี้มาก่อน แต่ความทรงจำของเธอนั้นก็ถูกดัดแปลงโดยคนอื่น จึงไม่แน่ใจว่าเคยทำมาก่อนหรือเปล่า เธอจึงไม่รู้ว่าจะตอบเขาไปอย่างไร
เมื่อหลินโม่ป่ายมองเห็นท่าทางของเธอเช่นนั้นก็พอจะรู้ถึงคำตอบ “สมองส่วนหน้าของคุณเคยถูกผ่าตัดมาก่อน แต่ดูจากวิธีการผ่าตัดนั้นมองไม่ออกว่าเป็นการรักษาเพื่อช่วยชีวิตหรือว่า……”
“การทำแบบนี้จะมีผลเสียอะไรตามมาคะ?” เธอเอ่ยถาม
หลินโม่ป่ายขมวดคิ้วเข้าหากัน “ความทรงจำจะถูกบิดเบือน”
ตามปกติแล้วนี่เป็นวิธีการรักษาทั่วไป ในการผ่าตัดด้านจิตเวชเมื่อหลายปีก่อน อีกทั้งเป็นการผ่าตัดสำหรับผู้ป่วยทางจิตประเภทโรคลมบ้าหมู เพราะสมองเป็นส่วนกลางของมนุษย์เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในร่างกาย หากมีข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจจะทำให้ผลเสียร้ายแรงตามมาได้ วิธีการรักษาเช่นนี้จึงถูกบังคับไม่ให้ใช้ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน
ความทรงจำจะบิดเบือน……แล้วเป็นไปได้หรือไม่ว่าจะถูกลบเลือนความทรงจำ จากนั้นใส่อย่างอื่นลงไปแทน?” เธอเอ่ยคำถามขึ้นมาอย่างสงสัย
หลินโม่ป่ายสุดลมหายใจเข้า “หากว่าทำควบคู่ไปกับการรักษาชนิดอื่นก็คงจะได้”
เมื่อพูดจบสายตาลึกล้ำของเขาก็มองไปที่เธออีกครั้งหนึ่ง “คุณอยากจะรู้ว่าทำไมคุณถึงความจำเสื่อม ใช่ไหมครับ?”
ซูย้าวได้ยินดังนั้นก็ก้มหน้าลงไป ขนตากงอนยาวปกปิดความรู้สึกอันซับซ้อนที่ดวงตานั้นเอาไว้ เธอเพียงยิ้มขึ้นแล้วพูดว่า “ถ้าฉันสามารถรู้ได้ว่าเพราะอะไรถึงความจำเสื่อม พอจะมีโอกาสรักษาให้ความทรงจำฉันกลับคืนมาได้ไหม?”
หากว่าเธอยังอยู่ต่อที่นี่ ต้องเผชิญหน้ากับอู๋หยานที่เต็มไปด้วยความน่าสงสัย เผชิญหน้ากับลูกและลี่เฉินซี ถ้าเธอฟื้นฟูความทรงจำกลับคืนมา บางทีหลายๆเรื่องก็คงจะง่ายขึ้นกว่านี้!
หลินโม่ป่ายมองดูแผ่นเอกซเรย์ของเธออีกครั้ง ใบหน้าอันหนักอึ้งยังคงเป็นดังเดิม เพียงแต่เขากุมมือเธอหนักแน่นขึ้นพูดว่า “ในฐานะเพื่อนที่คิดแทนคุณ ผมยอมที่จะช่วยให้คุณรื้อฟื้นความทรงจำขึ้นมา แต่ในฐานะแพทย์ จากมุมมองนี้ผมไม่แนะนำให้คุณทำแบบนั้น”
“การทำศัลยกรรมผ่าตัดสมองหลายครั้งติดต่อกันมีผลเสียต่อร่างกายของคุณมาก นอกจากนั้นความชัดเจนของความทรงจำก็มีอยู่หลากหลายวิธี นอกเหนือจากการทำการผ่าตัดแล้วก็สามารถใช้วิธีอื่นเข้ามาช่วยเหลืออีกได้ ต้องแน่ชัดว่าในตอนนั้นคุณผ่านอะไรมาบ้างจึงทำให้เกิดความสูญเสียความทรงจำ อีกทั้งยังต้องค้นหาวิธีที่ถูกต้อง ซึ่งนี่จะเป็นขั้นตอนที่ค่อนข้างยาวนาน”
“ไม่เพียงแต่เท่านั้น” หลินโม่ป่ายอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เขายกมือขึ้นสัมผัสไปที่แก้มของเธอเบาๆ แล้วเผยอริมฝีปากขึ้นพูดว่า “แต่ขั้นตอนเหล่านี้ สำหรับคุณคงจะเจ็บปวดมาก”
“หากว่าทำได้ไม่ดีพอ อาจจะเกิดผลเสียตามมาได้มากมาย”
ดวงตาอันสดใสของซูย้าวเผยถึงความซับซ้อน “จะเกิดผลเสียตามมาอย่างไรบ้างเหรอคะ? อาจต้องจบชีวิตลงเหรอ?”
“นี่เป็นเพียงหนึ่งในความที่เป็นไปได้ หรือบางทีการผ่าตัดอาจจะล้มเหลว และลบเลือนความทรงจำของคุณแม้แต่ในตอนนี้ออกไปจนหมด หรือบางทีคุณอาจจะมีความทรงจำทั้งของซูย้าวและอานหว่านชิง พฤติกรรมของทั้งสองคนนี้จะปรากฏขึ้นพร้อมกันในสมองของคุณไปตลอดชีวิต”
เขาครุ่นคิดแล้วพูดต่อไปว่า “และยังมีอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือไม่อาจจะรื้อฟื้นความทรงจำขึ้นมาได้
เนื่องจากบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บก็คือสมองส่วนหน้า บริเวณที่เสียหายไปนั้นไม่อาจซ่อมแซมให้สมบูรณ์ได้ด้วยตนเอง ยารักษาโรคอื่นๆ ปัจจัยเหล่านี้เขาต้องนำมาพิจารณาด้วย”
ซูย้าวก็พอจะฟังออกถึงความหมายนั้น “หมายความว่า บางทีฉันอาจจะไม่สามารถรื้อฟื้นความทรงจำขึ้นมาได้ จากนั้นจะต้องกลายเป็นอานหว่านชิงในตอนเช่นตอนนี้ ใช้ความทรงจำจอมปลอมไปตลอดชีวิต?”
แม้ว่าหลินโม่ป่ายไม่อยากจะพูดแบบนี้ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาแล้วพยักหน้าอย่างหนักอึ้ง “ก็ทำนองนั้น”
เธอใช้เวลาเพียงน้อยนิดในการครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ ก่อนจะหันกลับไปทางเขาแล้วยิ้มพูดว่า “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
หากว่าไม่สามารถรื้อฟื้นความทรงจำขึ้นมาได้อีกแล้วก็คงไม่มีหนทางอย่างอื่น สิ่งที่ทำได้เพียงอย่างเดียวก็คือจะต้องรีบไปสืบมาให้พบถึงหลักฐานพยานและนำตัวอู๋หยานออกมาเปิดโปงให้ได้ ใช้เวลาอันรวดเร็วกำจัดผู้หญิงที่น่าสงสัยนี้ไปเสีย
ส่วนเรื่องอื่นๆนั้น ก็คงต้องเปลี่ยนแปลงไปตามความเหมาะสม……
หลินโม่ป่ายเหลือบไปเห็นดวงตาที่ลึกล้ำของเธอ ใบหน้าอันงดงามแปดเปื้อนไปด้วยสีหน้าของความกังวลใจ “เป็นอะไรครับ? ชีวิตที่เป็นอานหว่านชิงของคุณไม่มีความสุขหรอกครับ? ทำไมถึงอยากจะรื้อฟื้นความทรงจำเดิมกลับมา?”
“เอ่อ……” ซูย้าวลากเสียงยาว เธอรู้สึกทำตัวไม่ถูกและไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี จึงทำได้เพียงถามกลับตามความสงสัยของเขาว่า “เมื่อก่อนซูย้าวมีความสุขดีไหมคะ?”
วินาทีนั้น หลินโม่ป่ายก็นิ่งเงียบไปเช่นกัน
ตัวของซูย้าวในตอนนั้นมีความสุขหรือเปล่านะ?
เขามองจากในมุมของตนเอง แต่กลับไม่สามารถให้คำตอบได้ทันควัน หลังจากพิจารณาอยู่เนิ่นนานจึงทำได้เพียงตอบกลับไปว่า “น่าจะมีทั้งสุขทั้งทุกข์ร่วมกันครับ ตอนที่เธออยู่กับลูกๆเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด”
ซูย้าวพยักหน้าเบาๆ “จริงด้วย จิตใต้สำนึกในก้นบึ้งของหัวใจซูย้าว การปกป้องลูกเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก”
ดังนั้นต่อให้เธอถูกลบเลือนความทรงจำทั้งหมดไป ไม่เหลือเรื่องราวในอดีตแม้แต่น้อย แต่เมื่อได้พบกับลี่เจิ้ง ลี่หมิงและซีซี เธอก็มีความรู้สึกสั่นคลอนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันพุ่งทะยานมาจากหัวใจ
นั่นคงจะเป็นความรู้สึกที่แม่มีต่อลูกล่ะมั้ง
ดังนั้นต่อให้ร่างถูกเผาไหม้จนเหลือแต่วิญญาณ ความตั้งมั่นและความคิดถึงที่จะปกป้องคุ้มครองลูกๆก็ไม่อาจมีใครมาควบคุมได้
นี่คือผู้เป็นแม่ คือสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่และดูลึกลับ
เมื่อเธอได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ของตนเองพอประมาณแล้ว อีกทั้งได้ไขความคล่องใจของเธอสิ้น ดังนั้นเธอจึงทำท่าจะลุกขึ้นและเดินจากไป แต่หลินโม่ป่ายกลับเข้ามาคว้าเธอเอาไว้ เขาพูดว่า “พวกเราไม่ได้เจอกันตั้งนานแล้ว นั่งต่ออีกสักพักเถอะครับ!”
ซูย้าวชะงักลงเล็กน้อย เดิมที่เธอต้องการจะปฏิเสธแต่เมื่อมองไปยังสายตาอันสดใสซึ่งมีความรู้สึกบอกไม่ถูกของชายหนุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งแววตาคู่ที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก เธอจึงพูดไม่ออกและทำได้เพียงมองเขาอย่างเงียบๆก่อนจะนั่งลงอีกครั้ง
“ผมอยากถามคุณว่าหลายปีมานี้คุณเป็นอย่างไรบ้าง เกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าคุณความจำเสื่อมเลยไม่อยากถามแล้วน่ะครับ”
เธอกะพริบตากลมโตของตนเอง “ฉันก็มีความสุขดีนะคะ ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆมากมาย แล้วก็ไปในที่ที่ไม่เคยไปอีกตั้งเยอะแยะ ที่จริงก็มีเรื่องราวหลายอย่างเกิดขึ้นทีเดียวค่ะ”
ชายหนุ่มพยักหน้า เขาครุ่นคิดก่อนจะเข้าไปกุมมือเธอไว้อีกครั้ง “ถ้าตอนนี้คุณคืออานหว่านชิง ผมควรจะเรียกคุณว่าชิงชิงใช่ไหม?”
ดวงตากลมโตของเธอขยับเล็กน้อย ก้มหน้าลงพูดว่า “ก็ได้ค่ะ”
“ถ้าเป็นแบบนี้ ก็หมายความว่าผมสามารถตามจีบคุณได้อีกครั้ง?” หลินโม่ป่ายพูดออกมาด้วยความตั้งใจ ดวงตาของเขาคู่นั้นเผยไปถึงความปรารถนาจากก้นบึ้งของหัวใจ
ซูย้าวชะงักลงในตอนแรก เธอจ้องมองเขาอยู่สองวินาทีก่อนจะส่ายหน้าพูดว่า “คนที่คุณต้องการจีบไม่ใช่ฉัน แต่เป็นซูย้าว เรื่องนี้คุณต้องพิจารณาให้ดีๆ”
“แต่พวกคุณก็คือคนคนเดียวกัน” ดวงตาของหลินโม่ป่ายลึกล้ำลงเล็กน้อย เขากุมมือเธอขึ้นมา แล้วลูบที่หลังมือของเธอเบาๆ “คือผู้หญิงคนที่ผมรักที่สุด ผมอยากจะตามคุณกลับมาแล้วอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข”
ซูย้าวฟังเขาพูดอย่างนิ่งเงียบก่อนจะพูดขึ้นเช่นกันว่า “เป็นความปรารถนาที่งดงามมากเลยนะคะ ฉันเองก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเชื่อว่าความรู้สึกที่คุณมีให้นั้นเป็นความจริงใจอย่างแท้จริง แต่ว่าผู้อำนวยการหลิน ท่านประธานหลิน คุณหลินคะ”
เธอเรียกคำนำหน้าเข้าที่แตกต่างกันออกไป อีกทั้งยังดึงมือน้อยๆที่ถูกชายหนุ่มกุมเอาไว้กลับไป เอนร่างพิงไปด้านหลังเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงเขา “ฉันกับคุณมันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก ในตอนนั้นพวกเราไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ ครั้งนี้ก็เช่นกัน แล้วก็คุณเป็นผู้ชายที่ไม่เลวเลย ฉันขออวยพรให้คุณพบกับอีกครึ่งชีวิตของคุณโดยเร็ววัน”
เมื่อพูดจบเธอก็ลุกขึ้นอย่างรีบร้อนแล้วเดินตรงออกไปด้านนอก แต่ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังก็รีบวิ่งตามเข้ามาโอบกอดเธอจากทางด้านหลังเข้าไปในอ้อมแขนของตน “นอกจากคุณแล้ว ผมจะไม่ยอมรับใครเด็ดขาด”
เขาค่อยๆจับไปที่มือของเธอแล้วนำนิ้วทั้งห้านิ้วประสานกัน “ถ้าไม่ลองดูคุณจะรู้ได้อย่างไรว่าครั้งนี้ก็คงไม่มีบทสรุป? คุณกลัวอะไรอยู่กันแน่?”
ซูย้าวชะงักลง คำพูดตั้งแต่แรกเริ่มของเขานั้นแต่ละประโยคช่างทำให้เธอรู้สึกอารมณ์ไม่สงบ มีเพียงประโยคนี้เท่านั้นที่ว่าคุณกลัวอะไรกันอยู่แน่?!
เธอมองไปที่เขาด้วยความประหลาดใจ พบว่าเขาสามารถอ่านใจเธอออก อีกทั้งยังใช้ระยะเวลาเพียงเล็กน้อย มองดูแล้ว หลินโม่ป่ายคนนี้คงจะรู้จักเธอเป็นอย่างดี!
เธอหลับตาลงอย่างช่วยไม่ได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ยังเอื้อมมือออกมาแกะมือของชายหนุ่มออก พยายามดิ้นรนให้หลุดจากพันธนาการของเขา “สิ่งที่ฉันบอกคุณได้เพียงอย่างเดียวก็คือ อย่ารักฉัน และอย่ามีความเชื่อมโยงกับฉัน”
เมื่อพูดจบเธอก็ไม่สนใจชายหนุ่มอีกต่อไป ได้แต่ปลีกตัวเดินถอยห่างไปจากดวงตาอันลึกล้ำคู่นั้นของเขา