ฉินจุนชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอท่านอาจารย์หมอเหยียนที่นี่
ก่อนหน้านี้ที่การประชุมใหญ่แพทย์แผนจีน จ้าวลี่คุนเสนอให้ฉินจุนเป็นวิทยากรหลัก ตอนนั้นมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเกิดอาการสงสัย
หนึ่งในนั้นก็รวมถึงแพทย์แผนจีนระดับประเทศคนนี้ ท่านอาจารย์หมอเหยียน
ตอนนั้นท่านอาจารย์หมอเหยียนก็เข้าร่วมการทดสอบฉินจุน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามกลับโดนความสามารถของฉินจุนทำให้ต้องยอมศิโรราบ
ต่อมาการถ่ายทอดสดการประชุมใหญ่แพทย์แผนจีนได้เริ่มขึ้น คำพูดและการรักษาโรคในเหตุการณ์นั้นของฉินจุนทำให้ทุกคนต่างศิโรราบและนับถือในตัวเขา ท่านอาจารย์หมอเหยียนนั้นเคารพฉินจุนจากใจจริง
หลังจบการประชุมก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ไม่คิดว่าจะได้มาเจอกับฉินจุนอีกครั้งที่นี่ มันช่างโชคดีจริง ๆ
ฉินจุนเอ่ย “ท่านอาจารย์หมอเหยียนก็อยู่ที่นี่เหรอครับเนี่ย”
ท่านอาจารย์หมอเหยียนรีบเอ่ยอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน “ท่าอย่าเรียกผมว่าเป็นท่านอาจารย์หมอเลยครับ ผมไม่กล้าเป็นถึงขนาดนั้น ต่อหน้าท่านแล้ว ใครจะกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นปรมาจารย์ได้?ใบรับรองคุณวุฒิแพทย์แผนจีนระดับประเทศของเรานั้น มันไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิงที่จะมาเทียบกับท่านครับ”
ฉินจุนหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ ท่านอาจารย์หมอเหยียนพูดจาดูจะจริงจังเกินไปหน่อย แต่ว่าเขาดูออกว่า ท่านอาจารย์หมอเหยียนนั้นเคารพเขามากจริง ๆ
เหยาเหยาถึงกับตะลึงตาค้างไปเลย เธอดูท่านอาจารย์หมอเหยียนกับฉินจุนพูดคุยกับด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
“ท่านอาจารย์หมอเหยียน ทำไมท่านถึงเคารพนายหมอนี่ขนาดนั้นล่ะคะ?มันก็แค่นักต้มตุ๋นชอบหลอกลวงชาวบ้าน!”
ท่านอาจารย์หมอเหยียนได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วทันที “คุณพูดอะไรของคุณ นักต้มตุ๋นอะไรกัน?ท่านฉินจุนเป็นถึงสุดยอดปรมาจารย์ในวงการแพทย์ของเรา เป็นอาจารย์ของผมยังได้เลยด้วยซ้ำ คุณกล้ามาพูดว่าทานปรมาจารย์ฉินเป็นนักต้มตุ๋น?ถ้าอย่างนั้นคุณก็หมายความว่าคนแก่ ๆ อย่างผมก็เป็นคนไม่ดีด้วยน่ะสิ?”
สีหน้าของเหยาเหยาเปลี่ยนไปทันที เธอรีบเอ่ยอธิบาย
“ไม่ใช่นะคะ ไม่ใช่แน่นอน ท่านอาจารย์หมอเหยียนอย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคะ ฉันไม่ได้หมายถึงท่าน ฉันหมายถึงหมอนี่……”
ท่านอาจารย์หมอเหยียนส่งเสียงไม่พอใจ “ไม่คิดเลยว่าตระกูลไห่คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่ไม่เห็นหัวคนอื่นเลยแบบนี้ มองแต่คนที่ภายนอก ดูเหมือนว่าครั้งนี้ผมจะมองพวกคุณผิดไป อาการป่วยของคุณปู่คุณผมไม่สามารถรักษาได้ ขอตัวครับ”
พูดจบท่านอาจารย์หมอเหยียนก็ออกไปทันที สีหน้าของเหยาเหยาก็เปลี่ยนไป
เธอเองก็รู้ว่าอาการป่วยของคุณปู่นั้นรุนแรง ถ้าหากไม่รีบรักษาจะต้องยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอน เพราะฉะนั้นเธอถึงรีบหาแพทย์แผนจีนระดับประเทศจนแทบจะรอไม่ไหว
แต่มาวันนี้แม้แต่แพทย์แผนจีนระดับประเทศก็ไม่ยอมแม้แต่จะตรวจอาการคุณปู่ของเธอ ถ้าอย่างนั้นคุณปู่ของเธอก็จะไม่มีหนทางรักษาแล้วจริง ๆ เหรอ?
“เหยาเหยา!”
จู่ ๆ ไห่หนิงก็ตวาดเสียงดังเรียกชื่อเธอ
จากนั้นชายชราก็เดินก้าวพรวดพราดเข้ามาจากนั้นยกมือขึ้นฟาดลงไปบนใบหน้าของเธอ
เพียะ!!
ใบหน้าของเหยาเหยาแดงเป็นรอยนิ้วมือขึ้นมาทันที ไห่หนิงส่งเสียงอย่างไม่พอใจ
“ปู่สอนเธอมายังไง เราต้องรู้จักเคารพผู้อื่น อย่าตัดสินคนที่ภายนอก ยังไม่ชอโทษคุณฉินเขาอีก?”
เหยาเหยาเองก็รู้ว่าเป็นเพราะเธอหาเรื่องฉินจุนก่อน เพราะฉะนั้นท่านอาจารย์หมอเหยียนถึงได้โกรธ
เธอไม่คาดคิดเลยว่า นายฉินจุนคนนี้อายุแค่ไม่เท่าไหร่ แต่กลับเป็นถึงแพทย์อัจฉริยะ
“ขะ ขอโทษค่ะ เป็นเพราะฉันไม่รู้เรื่องเอง เป็นเพราะฉันเป็นห่วงอาการป่วยของคุณปู่เลยทำให้อารมณ์ไม่ดี คุณได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วยนะคะ”
พูดจบ เหยาเหยาก็ทำการโค้งคำนับให้ฉินจุนเพื่อแสดงความเคารพอย่างมาก
ฉินจุนเห็นถึงความจริงใจของเธอ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้เก็บไปใส่ใจอยู่แล้ว จึงเอ่ย
“ที่ผมพูดไปก่อนหน้านี้ไม่ได้พูดมั่ว ๆ อาการของท่านอาวุโสไห่ถ้าหากไม่รีบทำการรักษา ภายในหนึ่งเดือนอาการทรุดแน่นอน”
“เบาหน่อยก็อาจจะเป็นแค่อัมพฤกษ์ ถ้าหนักหน่อยก็ไม่มีหนทางรักษาได้เลย”
ชายชราขมวดคิ้วเข้าหากัน “ฉินมันเป็นอย่างที่คุณพูดจริงเหรอ?อาการป่วยของฉันมันรุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ไห่หนิงไม่ได้รู้สึกเลยด้วยซ้ำว่าร่างกายของตัวเองมีอะไรผิดปกติ รู้สึกว่าตัวเองปกติดีทุกอย่างด้วยซ้ำไป เพียงแค่สุขภาพอ่อนแอนิดหน่อยเท่านั้น ทำไมฉินจุนถึงได้พูดเหมือนมันร้ายแรงมาก?
ฉินจุนเอ่ย “ดูเหมือนท่านอาวุโสไห่ยังไม่เคยลองสังเกตดูตัวเองนะครับ วันนี้ไม่ได้รู้สึกว่าที่บ้านเกิดเรื่องอะไรแปลก ๆ บ้างเหรอครับ?”
ชายชราขมวดคิ้ว “เรื่องแปลก ๆ ?ไม่มีอะไรแปลกนี่……ถ้าจะพูดกันถึงเรื่องแปลก ๆ เป็นพิเศษเลย ก็คงเป็นเรื่องของกินที่บ้านไม่ค่อยจะมี เมื่อไม่กี่วันก่อนของที่จะใช้ทำอาหารเย็นไม่มี ฉันก็เลยด่าแม่บ้านไปยกใหญ่”
เหยาเหยาเองก็ขมวดคิ้วเอ่ย “แปลกจริง ๆ ค่ะ น้าจางอยู่บ้านเรามาตั้งนาน ไม่มีทางขโมยของบ้านเราแน่นอน อีกอย่างต่อให้ขโมยจริง ก็ไม่น่าเห็นได้ชัดขนาดนี้ไหมคะ?”
นี่เป็นเรื่องแปลกเรื่องเดียวที่เกิดขึ้นในบ้านตระกูลไห่ ส่วนเรื่องอื่น ๆ ทั้งสองคนก็คิดไม่ออกแล้ว
จู่ ๆ ฉินจนก็เอ่ย “ช่วงนี้คุณท่านมีอาการไม่อยากอาหารหรือเปล่าครับ?”
ไห่หนิงพยักหน้า “ใช่เลย กินอะไรไม่ลง ไม่อยากอาหารเลยสักนิดเดียว ยิ่งเวลาได้กลิ่นอาการยิ่งขยะแขยง”
ฉินจุนเอ่ย “ในบ้านมีกล้องวงจรปิดไหมครับ?”
“กล้องวงจรปิด?มีสิ คุณฉินคุณหมายความว่ายังไง?”
ฉินจุนเอ่ย “ท่านอาวุโสไห่มีอาการไฟในตับปะทุ อีกทั้งยังมีอาการขาดสารอาหาร ทำให้ไม่อยากอาหาร มีกลิ่นปากและตาแดง มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นโรคหยวนเสินชูเชี่ยวหรือจิตออกจากร่าง”
“ที่เรียกว่าจิตออกจากร่าง ไม่ได้เหมือนพวกนิยายต่อสู้อะไรพวกนั้นนะครับ แต่หมายถึงอาการเดินละเมอในแพทย์แผนตะวันตก”
“คนเรามีอวัยวะภายในห้าอย่างได้แก่ หัวใจ ตับ ม้าม ปอด และไต ในทางแพทย์แผนจีนจะเรียกว่าเสินทั้งห้า หรือเรียกว่าหยวนเสิน”
“ท่านอาวุโสไห่ท่านไปดูกล้องวงจรปิดดีกว่าครับ ไม่แน่อาจจะเจอความจริง”
ก่อนหน้านี้ตอนที่ท่านอาจารย์หมอเหยียนปรากฏตัว ทุกคนก็ค่อนข้างเชื่อมั่นใจตัวฉินจุนแล้ว ยิ่งประกอบกับสิ่งที่เขาพูดออกมาล้วนมีเหตุมีผล จนทำให้ไห่หนิงเองยังสงสัย
เขารีบเดินเข้าไปในห้องเพื่อไปที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดแล้วเช็กดู
ทุกคนยืนอยู่หน้าจอ และมองภาพตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่มีอะไรปกติดี แต่พอตกกลางคืนเวลากลางดึก
ท่านอาวุโสไห่ที่กำลังนอนหลับสนิท จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นจากเตียงเดินไปที่ตู้เย็น จากนั้นก็เปิดด้านเก็บของสด แล้วหยิบชิ้นเนื้อดิบมากินคำใหญ่
สีหน้าของไห่หนิงกับเหยาเหยาเปลี่ยนไปทันที พวกเขาไม่คิดเลยว่าจะได้มาเห็นภาพอะไรแบบนี้
โดยเฉพาะไห่หนิง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยด้วยซ้ำว่าคนในคลิปวิดีโอกล้องวงจรปิดจะเป็นตัวเอง!
ทำไมเขาถึงทำเรื่องแบบนี้ลงไปได้?
หลังจากละเมอต่อเนื่องประมาณสิบกว่านาที ไห่หนิงก็กัดกินชิ้นเนื้อดิบลงไป ชิ้นเนื้อดิบกว่าครึ่งกิโลก็ถูกไห่หนิงกินไปจนหมดเกลี้ยง
พอดูคลิปวิดีโอนี้ทำเอาท้องไส้ของไห่หนิงปั่นป่วน รู้สึกขยะแขยงมาก ๆ
ไม่แปลกใจเลยว่าทุกวันหลังตื่นนอน ปากของเขาจะเหม็นมาก ๆ แถมยังไม่หินอะไรเลย มันน่ารังเกียจมาก กลางดึกตื่นมากินเนื้อดิบๆ น่าขยะแขยงไหมล่ะ?
ก่อนหน้านี้เขายังกล้าต่อว่าแม่บ้านว่าขโมยของ ความจริงแล้วกลับเป็นเขาเองที่กินมัน!
“โอ้กก……”
ไห่หนิงทนไม่ไหว อาเจียนออกมาทันที หลังจากอาเจียนอยู่นานใบหน้าของเขาก็ซีดขาวไปเลย
“ท่านอัจฉริยะฉิน แล้วแบบนี้ผมจะทำอย่างไรดี”
ไห่หนิงเริ่มรู้สึกกลัว เขาละเมอกินเนื้อดิบแบบนี้ จะบอกว่าตัวเองไม่ป่วยได้อยู่อีกเหรอ?
ฉินจุนเอ่ย “มันก็ไม่ได้ยากมากครับ อาการของท่านเป็นตัวอย่างของโรคไท่หยาง จำเป็นต้องได้รับยาเสริม แต่ว่าอาการของท่านค่อนข้างรุนแรง ผมทำการครอบแก้วให้ท่านก่อนดีกว่า”
“ไปเตรียมกระบอกไม้ไผ่มา ไปหาซื้อตามร้านขายยาจีนก็ได้ครับ”
กระบอกไม้ไผ่นี้ไม่ใช่ของที่ใช่บ่อย ๆ และเป็นของสิ้นเปลือง ใช้เพียงแค่ครั้งเดียวก็ทิ้งแล้ว เพราะฉะนั้นไปซื้อที่ร้านขายยาจีนโดยตรงเลยดีกว่า
“โอเคค่ะฉันจะไปเดี๋ยวนี้!”
เหยาเหยารีบขับรถออกไปทันที
ท่านอาจารย์หมอเหยียนเองก็รู้สึกสนใจ เตรียมจะรอดูการรักษาของท่านปรมาจารย์ฉิน เดิมทีการครอบแก้วก็เป็นอะไรที่น่ามหัศจรรย์อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าแต่ตอนนี้การแพทย์แผนจีนใช้ในการรักษาน้อยลง ส่วนมากจะใช้เพื่อเสริมสุขภาพ
อีกอย่างท่านปรมาจารย์ฉินเป็นเซียนเรื่องการครอบแก้ว ครั้งนี้ท่านอาจารย์หมอเหยียนต้องตั้งตาดูให้ดี ๆ