พอเหลยหงขับรถออกมาไม่นาน ก็ขับตามฉินจุนกับเฉินหยวนที่กำลังเดินเล่นกันอยู่ทันพอดี
“คุณฉินคะ!”
เหลยหงรีบลงจากรถ แล้วเดินไปข้าง ๆ ฉินจุน
พอเห็นเฉินหยวนที่อยู่ข้าง ๆ ฉินจุน แววตาของเหลยหงก็ฉายแววแปลก ๆ ขึ้นมาทันที
“ท่านนี้คือ?”
เฉินหยวนรีบตีตัวออกห่างจากฉินจุนทันที เพราะเมื่อกี้พวกเธอแค่แสดง พอออกมาก็กลับมาทำตัวตามปกติ
“ฉันเป็นเพื่อนของฉินจุนค่ะ เพื่อนธรรมดาเลย”
พอได้ยินดังนั้นสีหน้าของเหลยหงก็ดีขึ้น ก็จะหัวเราะแหะ ๆ แล้วแนะนำตัวเอง จากนั้นทั้งสามคนก็เดินไปด้วยกัน
ซ้ายขวาต่างก็เป็นสาวสวย เหลยหงกับเฉินหยวนนั้นก็ต่างเป็นคนสวย เวลาเดินก็มีแต่คนเหลียวมองนับไม่ถ้วน แถมยังมองฉินจุนด้วยแววตาอิจฉา
จู่ ๆ เหลยหงก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ที่คุณฉินมาเมืองหลวงครั้งนี้ เพื่อมาร่วมการแข่งขันการแข่งขันสุดยอดแพทย์อัจฉริยะโดยเฉพาะเลยเหรอคะ?”
ฉินจุนพยักหน้า “จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ ถ้าไม่มีอะไรผมก็เตรียมตัวกลับเลยครับ”
เดิมทีฉินจุนแค่ตั้งใจจะมาเป็นเพื่อนเย่หวันเอ๋อเพื่อเข้าแข่งขันการประกวด แล้วก็บังเอิญเจอเฉินหยวนเข้ากลางทาง
เหลยหงครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยอย่างหนักใจ
“ฉันมีญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ช่วงนี้สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ คุณฉินจุนถือว่าเห็นแก่หน้าฉันช่วยไปดูท่านให้หน่อยได้ไหมคะ?”
เหลยหงเอ่ยอย่างเกรงใจมาก ๆ ฉินจุนเองก็ไม่กล้าปฏิเสธ
“ไม่มีปัญหาครับ ไปตอนนี้เลยไหมครับ?”
เหลยหงพยักหน้า “ค่ะ เดี๋ยวฉันพาคุณไป”
พูดจบ ฉินจุนก็เตรียมจะไปกับเหลยหง “ผอ.เฉิน ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวไปก่อนนะ?”
เฉินหยวนพยักหน้า รู้สึกไม่อยากให้ไป แต่ก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรรั้งคนเขาไว้
“เอาไว้ค่อยคุยกัน”
เอ่ยลากันแค่ประโยคเดียว ทั้งสองคนก็แยกกัน ฉินจุนขึ้นรถของเหลยหงก่อนจะออกเดินทาง
ขับรถไปประมาณยี่สิบนาที ก็เข้ามาใจกลางเมือง จากนั้นรถก็ขับเข้ามาที่คฤหาสน์โบราณขนาดใหญ่ใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง
มูลค่าบ้านในเมืองหลวงนั้นแพงกว่าตงไห่มาก คฤหาสน์โบราณหลังใหญ่นี้ที่ยังตั้งอยู่ในใจกลางเมืองได้ สาเหตุหลักก็คงเป็นเพราะนักอสังหาสู้ไม่ไหว ค่าที่แพงเกินไป
สามารถมีคฤหาสน์ใหญ่ในบริเวณนี้ได้ ต้องไม่ใช่คนฐานะธรรมดาแน่นอน
“คุณฉินคะ เจ้าของที่นี่ชื่อว่าไห่หนิง ท่านอาวุโสไห่ เป็นญาติผู้ใหญ่ห่าง ๆ ของฉันเองค่ะ”
เหลยหงแนะนำไห่หนิงให้ฟังคร่าว ๆ เขาอายุหกสิบกว่าปีแล้ว มีฐานะไม่ธรรมดาในเมืองหลวง
สาเหตุที่เมืองหลวงได้เป็นเมืองเอกของมณฑล หลัก ๆ ก็เป็นเพราะว่าอุตสาหกรรมหนักค่อนข้างพัฒนา
เมืองหลวงถือว่าเป็นเมืองถ่านหิน มีเจ้าของธุรกิจถ่านหินมากมาย หนึ่งในนั้นซึ่งเป็นคนที่ร่ำรวยมากที่สุดและทำมาก่อนใครนั่นก็คือไห่หนิง
ปัจจุบันนี้ตระกูลไห่ถือว่าเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่สุด ๆ ในตงไห่ ทั้งความร่ำรวยและเครือข่ายคอนเนกชั่นก็ถือว่าเป็นที่สุดในมณฑลฮั่นตง
ไห่หนิงเข้าวัยเลขหกแล้ว ช่วงนี้สุขภาพนับวัน ๆ ยิ่งแย่ลง เหลยหงในฐานะที่เป็นลูกหลานคนหนึ่งก็ค่อนข้างเป็นกังวลใจ
พอทั้งสองขับรถเข้ามาในบริเวณคฤหาสน์ บอดี้การ์ดที่เฝ้าหน้าประตูต่างก็รู้จักเหลยหง เนื่องจากมาที่นี่อยู่บ่อย ๆ จึงปล่อยให้ผ่านเข้าไปได้อย่างสบาย ๆ พอจอดรถเข้าทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในเขตที่พัก
พอเดินเข้ามาในตัวบ้าน ก็มีชายชราผมขาวแซมดำกำลังไออยู่
สีหน้าของเหลยหงเปลี่ยนไปทันที เธอรีบเดินเข้าไปลูบหลังของชายชรา
“คุณปู่ไห่คะ!คุณปู่ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”
ไห่หนิงไอสองสามที ก่อนจะขากเสลด จากนั้นก็สูดลมหายใจลึก ๆ สีหน้าถึงกลับมาเป็นปกติ
“เสี่ยวหงเหรอ ปู่ไม่ได้เป็นอะไร เมื่อวานกินเผ็ดเยอะไปหน่อย วันนี้เลยไอน่ะ รีบมานั่งเร็ว”
ไห่หนิงหันกลับมาเห็นฉินจุน ก็ชะงักทันที
“เสี่ยวหง หนูมีความรักแล้วเหรอ?”
เหลยหงหน้าแดงด้วยความเขิน ก่อนจะรีบแก้ตัว
“เปล่าค่ะคุณปู่ ๆ นี่เป็นเพื่อนที่หนูรู้จักที่ตงไห่ เขาเป็นแพทย์อัฉจริยะท่านหนึ่ง หนูเห็นว่าช่วงนี้สุขภาพคุณปู่ไม่ค่อยดี ก็เลยขอให้เขาช่วยมาดู”
ไห่หนิงขมวดคิ้วมุ่น “ไร้สาระจริง ๆ ร่างกายปู่ไม่ได้ผิดปกติอะไร จะเรียกหมอมาทำไมกัน เชิญเขากลับไปเลย”
ไห่หนิงเอ่ยด้วยท่าทางธรรมดา แถมยังเอ่ยปากส่งแขก
เหลยหงเอ่ย “คุณปู่ไห่คะ ต่อให้ไม่ตรวจก็ไม่เห็นต้องไล่กันเลย เขาเป็นเพื่อนหนูนะคะ”
สีหน้าของไห่หนิงดีขึ้นมานิดหน่อย “ฮ่าฮ่า ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่เป็นไร แต่ว่าอย่าพูดถึงเรื่องรักษาอาการป่วยอีกนะ ปู่ว่าพ่อหนุ่มคนนี้ก็หน้าตาดูดี เราสองคนลองคุย ๆ กันดูก็ดีนะปู่ว่า”
เหลยหงถูกคำพูดของไห่หนิงทำให้หน้าแดงไปหมด เธอไม่รู้จะทำอะไรต่อเลย
เธอส่งสายตาให้ฉินจุน ไม่ควรพูดถึงประเด็นนี้ต่อ
ฉินจุนขมวดคิ้ว ไห่หนิงนี่ค่อนข้างจัดการยากอยู่เหมือนกัน
การรักษาที่ยากที่สุดก็คือการที่คนไข้ไม่ให้ความร่วมมือ ชายชราคนนี้หลีกเลี่ยงการพบแพทย์ ไม่ยอมให้ฉินจุนรักษาเลย ทำให้คนไข้นี้รักษาได้ยากมาก
ถ้าเปลี่ยนเป็นหมอคนอื่น ถ้าคนไข้ไม่ให้ความร่วมมือแบบนี้ เกรงว่าแม้แต่โรคก็คงวินิจฉัยออกมาไม่ได้
แต่โชคดีที่เขาคือฉินจุน ถึงแม้คนไข้จะไม่ให้ความร่วมมือ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะหมดหนทาง
เพราะอย่างไรเขาก็ถือว่าเป็นญาติผู้ใหญ่ห่าง ๆ ของเหลยหง ฉินจุนจึงค่อนข้างใส่ใจ
ตอนที่ไห่หนิงเดินมาชงชา ฉินจุนก็แอบลอบสังเกต ลิ้นหน้า หนังตาหย่อนคล้อย ในตาขาวมีเส้นเลือดฝอยเยอะมาก แถมยังมีกลิ่นปาก
สัญญาณเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าร่างกายมีอาการเจ็บป่วย แต่ว่าอาการป่วยอย่างเฉพาะเจาะจงนั้นเขาไม่สามารถวินิจฉัยได้จริง ๆ
“มาพ่อหนุ่ม ดื่มชากันหน่อย”
ไห่หนิงส่งชาดำให้ฉินจุน ฉินจุนจึงฉวยโอกาสนี้รีบเอื้อมมือไปรับอย่างยินดีพร้อมกับแอบสัมผัสมือทั้งสองข้างของชายชรา
“โอ่ คุณท่านระวังหน่อยครับ!”
ฉินจุนจงใจทำน้ำชาหกกระเด็น แล้วคว้าข้อมือชายชราแล้วค่อย ๆ ปล่อย
เพียงแค่เวลาสองสามวินาทีสั้น ๆ ชีพจรเต้นไปทั้งหมดเพียงสามสี่ครั้ง แต่ฉินจุนก็มีแผนการไว้ในใจแล้ว
ไห่หนิงเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ไม่ได้สังเกตเลยว่าฉินจุนกำลังวัดชีพจรของตัวเอง
เขาจึงรินน้ำชาให้ฉินจุนใหม่อีกแก้ว
พอดื่มชาเข้าไป ชาก็รสชาติดีอยู่หรอก แต่ว่ามันร้อนจนลวกเกินไป
ท่านอาวุโสไห่ยกแก้วน้ำชาขึ้น เหมือนไม่ได้รู้สึกเลยว่าน้ำชานี้ร้อนลวกปากตัวเอง เขาดื่มรวดเดียวหมด แถมยังมีรสชาติค้างในปาก
ฉินจุนเอ่ยถาม “คุณท่านครับ อากาศร้อนอบอ้าวขนาดนี้ ไม่ดื่มอะไรเย็น ๆ สักหน่อยเหรอครับ”
ท่านอาวุโสไห่ยิ้ม “ฉันเทียบกับพวกวัยรุ่นแบบพวกเธอไม่ได้หรอก ฉันอายุเท่านี้แล้วกินของเย็น ๆ ไม่ค่อยได้ ตอนกลางคืนเวลานอนต้องห่มผ้าเลยแหละ รักษาสุขภาพน่ะ”
ฉินจุนพยักหน้า เขามีแผนอยู่ในใจแล้ว
ไอ ขี้หนาว เส้นชีพจรอยู่ลึก นี่เป็นตัวอย่างของโรคไท่หยาง ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากลมเย็นกระทบร่างกายภายนอก
โรคไท่หยางมีหลายประเภท นี่เป็นแค่คำกล่าวหนึ่งของแพทย์แผนจีนเท่านั้น ตัวอย่างที่เห็นได้บ่อยสุดก็คือจ้งเฟิง
อีกอย่างอาการขอท่านอาวุโสไห่ไม่ใช่จ้งเฟิง แต่เป็นอาการหยางบกพร่อง
ขณะที่ฉินจุนกำลังคิดว่าจะสังเกตยังไงต่อดี ที่หน้าประตูก็มีรถเบนท์ลี่ย์คนหนึ่งขับเข้ามาจอดที่หน้าบริเวณบ้าน
ที่คฤหาสน์แห่งนี้จะแบ่งแย่งเขตบ้านกับที่จอดรถ รถจะจอดไว้ที่ลานจอดรถ แม้ว่าจะเป็นเหลยหงยังไม่สามารถขับเข้ามาจอดได้
แต่ว่ารถคันนี้กลับเข้ามาจอดได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นบ้านของตัวเอง
รถถูกจอดไว้ที่สวนหน้าบ้าน มีหญิงสาวรูปงามเดินลงมาจากรถ
รูปร่างสูงโปร่ง ดูแล้วน่าจะสูง 175 เซนติเมตรขึ้นไป สวมใส่รองเท้าส้นสูงทำให้สูงพอ ๆ กับฉินจุนเลยทีเดียว
เธอสวมชุดทำงานกระโปรงสั้น ยิ่งทำให้ดูสูงเข้าไปใหญ่ ถ้าขาเรียวคู่นี้ไปเดินตามถนน ร้อยทั้งร้อยต้องมีแต่คนหันมามอง
พอหญิงสาวลงจากรถ เห็นเหลยหงเข้าก็แสดงสีหน้าดีใจ
“พี่หงมาแล้วเหรอคะ”
“อื้ม เหยาเหยากลับมาแล้วเหรอ?”
“ค่ะ”
หลังจากนั้น ใบหน้าของเหยาเหยาก็จริงจังขึ้นมาทันที เธอมองไปที่ไห่หนิงแล้วกล่าวว่า
“คุณปู่คะ ทำไมยังมานั่งดื่มชาที่นี่อีก หนูบอกให้คุณปู่ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ เป็นยังไงบ้างคะ?”