ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 655 ข้าก็จะไปด้วย / ตอนที่ 656 เชิญหนานหยางอ๋อง

ตอนที่ 655 ข้าก็จะไปด้วย  

 

 

“พระอารามจีซูอยู่ทางด้านเมืองเฉิงเป่ย ไม่มีที่อยู่ตายตัว ขอเพียงตั้งใจสำรวจก็วางใจได้ มีจุดสังเกตพิเศษเป็นสัญลักษณ์ หากเจ้าตามสัญลักษณ์นั้นไป เพียงไม่นานก็จะหาเจอ แล้วเจ้าจะถามไปทำไมกัน”  

 

 

ยามที่ฉู่ป๋ายตอบนางนั้น เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติไป  

 

 

อวี้อาเหราไม่ได้ใส่ใจนัก ยังคงถามขึ้นมาอย่างแปลกใจ “ง่ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ”  

 

 

มีจุดสังเกตหรือ? จะง่ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ก่อนหน้านี้เคยบุกป่าฝ่าดง หากไม่คุ้นชินสักหน่อย แน่นอนว่าเท่ากับเป็นการรนหาที่ตายชัดๆ   

 

 

ฉู่ป๋ายกลับหัวเราะขึ้นมาเบาๆ “ไม่ได้ง่ายเหมือนที่เจ้าคิดหรอก ไม่อย่างนั้นระหว่างทางคงไม่มีคนมากมายจำนวนนับไม่ถ้วน เพราะหาพระอารามจีซูไม่พบ”  

 

 

อวี้อาเหราก้มหน้าลงคิดใคร่ครวญ เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้น นางก็ยิ่งคิดหนักยิ่งขึ้น  

 

 

ฉู่ป๋ายจึงก้มหน้าลงมองนาง  

 

 

“พี่เหราเอ๋อร์ ท่านจะไปพระอารามจีซูหรือ ข้าเองก็อยากไปด้วย”  

 

 

ในยามนั้นเอง ฉู่เกอก็พุ่งเข้ามาในห้อง  

 

 

ทำให้คนทั้งสองต้องชะงัก  

 

 

นางมาได้อย่างไร?  

 

 

เมื่อหันไปมองก็เห็นนางที่พุ่งเข้ามา ด้านหลังมีอวี้จื้อรวมไปถึงเจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้เองก็เดินเข้ามาด้วย  

 

 

ฉู่ป๋ายส่งสายตาไม่พอใจไปทางหานสือที่ก้มหน้าต่ำที่สุดพลางเดินรั้งท้ายเข้ามา “เกิดอะไรขึ้นกัน”  

 

 

“ซื่อจื่ออย่าได้กริ้วขอรับ บ่าวไม่ทันได้มอง ท่านหญิงก็แอบมองแล้วก็…” หานสือคุกเข่าลงพูดขึ้นด้วยนำเสียงสั่นเทา ราวกับกำลังเผชิญหน้าอยู่กับเสือร้าย ไหนเลยจะไม่กลัวกัน ซื่อจื่อเองก็ไม่อาจแตะต้องคนเหล่านี้ได้ แน่นอนว่าความคิดก็คงตกอยู่ที่เขาเป็นแน่  

 

 

“”ออกไปรับโทษเสีย” ฉู่ป๋ายว่าอย่างไม่สงสาร กล่าวออกไปตรงๆ  

 

 

ทว่าหานสือกลับรีบถอยออกไปราวกับถูกช่วยชีวิต  

 

 

ฉู่เกอนึกขึ้นมาได้เรื่องที่นางแอบมองอยู่ด้านนอกห้อง จึงเอ่ยเสียงเบากับฉู่ป๋าย “เมื่อครู่นี้เป็นเพราะน้องไม่ดีเอง อย่าโทษหานสือเลย…”  

 

 

“หากเจ้าพูดมากอีกแม้เพียงครึ่งคำ ก็ออกไปรับโทษด้วยกันกับเขาเลย” ฉู่ป๋ายว่าอย่างตรงไปตรงมา  

 

 

ไหนเลยฉู่เกอจะกล้าพูดอะไรอีก เพราะตกอกตกใจกับท่าทีของฉู่ป๋ายนั่นเอง  

 

 

อวี้อาเหรามองไปทางพวกของฉู่เกอ นางก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา หรือที่นางพูดเมื่อครู่นี้ พวกเขาจะได้ยินกันหมดแล้ว แล้วยังเหตุการณ์ที่นางจูบฉู่ป๋ายอีกเล่า…  

 

 

ในวินาทีนั้น นางก็อยากจะตายเสียให้ได้ อยากจะเอาเต้าหู้ทุบหัวตัวเองให้ตายเสียยิ่งนัก  

 

 

ฉู่ป๋ายชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปทางฉู่เกออีกครั้ง “เจ้าคิดว่าเล่นอะไรอยู่ แน่นอนว่าเจ้าต้องรู้แน่ว่าพระอารามจีซูเป็นสถานที่เช่นไร แต่เจ้ากลับรบเร้าจะไป อีกอย่าง พี่เหราเอ๋อร์ของเจ้าบอกตอนไหนกันว่าอยากจะไป”  

 

 

“อ้าว พี่เหราเอ๋อร์ ท่านไม่ได้จะไปที่นั่นหรอกหรือ” ฉู่เกอหันไปถามอีกครั้ง   

 

 

อวี้อาเหรานิ่งคิด ผ่านไปครู่แล้วนางก็ยังไม่ตอบ  

 

 

นางไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่านางจะไปพระอารามจีซู และไม่อยากจะเปิดเผยความลับที่นางมีต่อหนิงจื่อเย่ด้วย  

 

 

ฉู่เกอเห็นท่าทีลังเลของนาง จึงหันไปมองอวี้จื้ออีกครั้ง  

 

 

อวี้จื้อไม่ได้กล่าวว่าอะไร ทำเพียงส่ายหน้านิ่งๆ  

 

 

ในชั่วขณะนั้น ก็ไม่มีใครพูดอะไร  

 

 

ฉู่ป๋ายจึงเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง โดยหันไปทางอวี้อาเหรา “ในเมื่อเจ้าถามเรื่องที่อยากรู้แล้ว ก็กลับไปเถิด”  

 

 

“กลับหรือ? พี่เหราเอ๋อร์ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไปพระอารามจีซูหรือไม่ไปน่ะ” ฉู่เกอเห็นดังนั้นก็ร้องขึ้นมา หันไปทางฉู่ป๋ายแล้วกล่าวว่า “ท่านพี่ หากพี่เหราเอ๋อร์อยากไปจริงๆ ท่านก็ไปด้วยเลยสิ แล้วก็พาข้าไปด้วยนะ”  

 

 

“เจ้าจะไปที่นั่นทำไม” สายตาของฉู่ป๋ายเต็มไปด้วยความสงสัย  

 

 

สายตาของฉู่เกอมองไปทางอื่น “ก็บอกแล้วมิใช่หรือ ว่าจะไปเป็นเพื่อนพี่เหราเอ๋อร์น่ะ”  

 

 

มุมปากของฉู่ป๋ายโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา รอยยิ้มในสายตาแฝงแววเยาะเย้ย เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร น้องสาวร่วมครรภ์พระมารดาอย่างนางนั้น จะอยากไปด้วยเหตุผลธรรมดาเช่นนี้หรือ  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 656 เชิญหนานหยางอ๋อง  

 

 

แต่ไม่ว่าเขาจะมองอย่างไร ฉู่เกอก็คอยแต่จะหลบตาในที่สุด  

 

 

อวี้อาเหรามองพวกเขา “พวกเจ้าไม่ต้องพูดมาก ข้ายังไม่ได้บอกเลยว่าจะไปพระอารามจีซู หากพวกเจ้าอยากไปก็ไปกันเองสิ”  

 

 

“ใครอยากจะไปพระอารามอะไรกัน?” มีเสียงหนึ่งดังมาจากด้านนอก  

 

 

จึงเห็นว่าเป็นจวินอู๋เหินเดนเข้ามาจากด้านนอก เขาสวมเสื้อผ้าสีน้ำเงินเข้มหรูหรา ท่าทีสำเริงสำราญหล่อเหลา ทั้งยังมีแววเจ้าชู้ไม่เบา  

 

 

ดอกไห่ถัง[1] เด่นสะดุดตา จนทำให้คนมองรู้สึกละลานตาไปทั่ว เห็นแต่เพียงเป็นกลุ่มก้อนสีขาว ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเป็นดอกไม้ชนิดไหนกันแน่  

 

 

“ท่านมาได้อย่างไร” เมื่อเห็นจวินอู๋เหินก้าวเท้าเข้ามา ฉู่เกอก็เป็นเดือดเป็นร้อนทันที นางจ้องหน้าเขาแล้วยิ้มอย่างยินดีปรีดา “ท่านคงไม่อยากเสียเงินค่าผ่านทางหรอก แต่คนอย่างท่านหญิงนั้นใจกว้าง ก่อนหน้านี้เห็นท่านเสียเงินตั้งมากมาย ครั้งนี้ก็ไม่เอาเงินท่านหรอก”  

 

 

“ยายหนูแซ่ฉู่!” เมื่อพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่แล้ว จวินอู่เหินก็เป็นโกรธแค้นขึ้นมาอีกครั้ง  

 

 

เขาโดนฉู่เกอโกงไปเสียมากมายที่หอจุ้ยเสิยนเมื่อคราก่อน ก็ช่างกันไปเถิด ครั้งที่แล้วที่ไปกินเนื้อย่างที่จวนหลิงอ๋อง ก็ยังถูกอวี้อาเหราโกงเงินไปอีกห้าสิบตำลึง ไม่พูดถึงก็คงไม่เจ็บ เรื่องเช่นนี้จะไม่ให้เขาโกรธอย่างไรไหวเล่า  

 

 

“ท่านหญิงมีทั้งชื่อทั้งฃสกุลนะ ชื่อสกุลนั่นน่ะ” กลายเป็นฉู่เกอที่โกรธเสียจนแทบจะตีจวินอู่เหิน  

 

 

“ท่านอ๋องน้อยจวิน ที่นี่คือจวนเซิ่นอ๋อง” ฉู่ป๋ายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้กระแอมขึ้นมา เพียงคำพูดง่ายๆ ว่าที่นี่คือจวนเซิ่นอ๋อง หากเจ้ากล้าที่จะแตะต้องน้องสาวของข้า จะต้องมอบบทเรียนให้เจ้าแน่  

 

 

ทว่ากลับได้ผลเกินคาด  

 

 

จวินอู๋เหินไม่กล้าที่จะแผลงฤทธิ์อีก พยายามกล้ำกลืนความโกรธของตัวเอง มองไปทางอวี้อาเหรา แล้วถามว่า “อาเหรา เมื่อครู่นี้เจ้าพูดถึงพระอารามจีซู ข้าเองก็อยากไปเช่นเดียวกัน”  

 

 

“ทำไมต้องเป็นเจ้าตลอดด้วย” อวี้อาเหราช้อนตามอง สามารถมองเห็นความไม่แยแสในสายตาของนางได้อย่างชัดเจน   

 

 

จวินอู๋เหินว่าเสียงเยาะ เอ่ยขึ้นอย่างเกินจริง “อาเหราพูดอะไรเช่นนั้น อย่างไรเสียก่อนหน้านี้ข้าก็เป็นคนที่ลงเรือลำเดียวกับเจ้ามาก่อน ตอนนี้ข้าโดนกลั่นแกล้งถึงเพียงนี้ ขอเพียงช่วยข้าพูดบ้าง ก็คงไม่เปลืองแรงเท่าไหร่หรอกกระมัง”  

 

 

“เจ้า เหอะๆ” อวี้อาเหราหน้าแดง คนผู้นี้ทำไมถึงกล้าพูดออกมาได้หน้าตาเฉย ไม่รู้จักไว้หน้านางเสียเลย ทว่าก็ช่างน่าขันนัก เขาเป็นท่านอ๋องน้อยแห่งจวนหนานหยางอ๋องแท้ๆ กลับพูดจาออดอ้อนนางเช่นนี้  

 

 

“อาเหรา…” จวินอู๋เหินไม่สนใจท่าทีอึดอัดของนาง ยังคงเรียกต่อ  

 

 

ฉู่ป๋ายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เริ่มไม่พอใจ “ท่านอ๋องน้อยจวิน หากยังพูดจาส่งเดชอีก ก็อย่าโทษที่เราจะโยนท่านออกไปก็แล้วกัน”  

 

 

“เจ้าก็ลองโยนข้าออกไปสิ เราคุยอยู่กับอาเหรา เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย?”  

 

 

จวินอู๋เหินหันกลับไปปรายตามองด้วยสายตาไม่พอใจ ทั้งยังกลอกตาใส่เขาอีกด้วย  

 

 

คนที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็พากันหัวเราะท่าทีไม่สนใจของจวินอู๋เหินที่เฉยชาไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้น  

 

 

ดูแล้วคงมีแต่หนานหยางอ๋องเท่านั้นที่จะหยุดเขาได้  

 

 

ทุกคนกำลังคิดเช่นนี้ ฉู่ป๋ายจึงเอ่ยปากขึ้นมา “ในเมื่อท่านอ๋องน้อยจวินไม่ยอมฟังเช่นนี้ ก็คงต้องเชิญองค์หนานหยางอ๋องมาด้วยองค์เองเสียแล้ว มิเช่นนั้นหากเกิดอะไรขึ้น จะมาโทษว่าพวกเราจวนเซิ่นอ๋องรังแกท่านเอาได้”  

 

 

“เจ้ากล้าเรียกหรือ?” เมื่อเอ่ยถึงหนานหยางอ๋อง จวินอู๋เหินก็เปลี่ยนท่าทีเป็นอึกๆ อักๆ ในทันที ผ่านไปนานก็ยังตอบไม่ได้ ในโลกนี้เขากลัวเพียงหนานหยางอ๋องเท่านั้น หากทราบว่าเขาอยู่ที่นี่ ทั้งยังพูดจาส่งเดชกับฉู่ป๋ายและน้องสาว แน่นอนว่าเขาจะต้องถูกสั่งสอนแน่   

 

 

เมื่อคิดถึงแส้เส้นหยาบหนาสามนิ้วมือ ก็ไม่ต้องบอกเลยว่าความเจ็บปวดจะมากมายเพียงใด  

 

 

 

 

 

 

 

 

[1] ดอกไม้ตระกูลแอปเปิ้ล มีดอกสีขาว แดงหรือชมพู ออกดอกช่วงฤดูใบไม้ผลิ ผลมีสีเหลืองไปจนถึงแดง รสชาติหวานอมเปรี้ยว  

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ลิขิตฟ้าชะตารัก

วิญญาณของ อวี้อาเหรา หญิงสาวจากศตวรรษที่ 21 ได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของคุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องที่มีร่างกายอ่อนแอ ซ้ำยังถูกองค์รัชทายาทที่นางรักมานานหลายปีผลักตกเหวจนตายอย่างไร้เยื่อใย! หลังจากที่อวี้อาเหราได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้แล้ว ด้วยสภาพร่างกายของร่างเดิมทำให้นางต้องทนรับกับอาการป่วยไข้หลังจากที่ถูกน้ำซัดไปเป็นเวลานาน แต่นับว่าสวรรค์ยังมีเมตตานัก ที่ทำให้นางรอดชีวิตมาได้ด้วยความช่วยเหลือของ ฉู่ป๋าย ซื่อจื่อผู้โดดเด่นแห่งจวนเซิ่นอ๋อง ต่อหน้าบุรุษผู้โดดเด่นเช่นเขา นางไหนเลยจะกระโจนเข้าหาเฉกเช่นสตรีนางอื่น สิ่งที่นางทำนั้นคือการหลีกเลี่ยงเขาให้ไกลที่สุด แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเรื่องไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นเสียแล้ว… … “คุณหนู ท่าน…ท่านตั้งครรภ์แล้ว!” เสียงสาวใช้เอ่ยบอกด้วยความตกใจ “เหลวไหล! ข้ายังไม่เคยข้องเกี่ยวกับบุรุษใด แล้วจะตั้งครรภ์ได้อย่างไรกัน!” อวี้อาเหราเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ ฉับพลันนั้นเซิ่นซื่อจื่อที่นั่งอยู่ข้างกายจึงเอ่ยขึ้น “หากว่าเจ้าลำบากใจนัก เช่นนั้นข้าจะรับเป็นพ่อของเด็กให้เอง”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset