ลู่อันดูฉากนี้จากระยะไกล ก๊าซสีเขียวได้หายไปและเขาก็เห็นร่างสูงสามเมตรยืนอยู่ตรงนั้นขณะที่กองซากศพของซอมบี้หายไป ร่างนี้ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นศพเช่นกัน
ใช่แล้ว ผิวหนังของสิ่งมีชีวิตตัวนี้เป็นสีเขียวตั้งแต่หน้าจรดเท้า มันมีงาสี่งาที่ยื่นออกมาจากปากของมันซึ่งทำให้มันดูน่ากลัวเล็กน้อย นอกจากนี้มันก็ไม่ได้สวมอะไรเลยนอกจากหนังสัตว์เพื่อปกปิดร่างกายส่วนล่างของมัน
นอกจากรูปร่างที่สูงใหญ่แล้ว มันก็ยังมีร่างกายที่แข็งแกร่งอีกด้วย หน้าท้องและกล้ามเนื้อที่ปูดโปนบนแขนของมันนั้นแสดงให้เห็นว่าสิ่งมีชีวิตตัวนี้แข็งแกร่งเพียงใด อย่างไรก็ตาม ลู่อันก็สังเกตเห็นว่ามันมีบางอย่างผิดปกติกับสิ่งมีชีวิตตัวเขียวนี่ ร่างนั้นดูเหมือนจะเบลอ
ในขณะเดียวกัน ถังเส้าหยางซึ่งอยู่ใกล้กับสิ่งมีชีวิตตัวเขียวก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับการปรากฏตัวของสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดนี้ สิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้าเขาดูเหมือนกับสัตว์ประหลาดในภาพยนตร์มากกว่า
‘ ต่อจากนี้ฉันก็จะต้องเอาชนะสิ่งมีชีวิตตัวเขียวนี่และทำให้มันยอมจำนนและทำสัญญากับมันด้วย [สัญญาวิญญาณ] สินะ…’
ผู้ทำสัญญาวิญญาณ เขาเดาได้ใกล้เคียงความจริง อย่างไรก็ตาม วิญญาณกับผีนั้นก็ต่างกัน ผู้ทำสัญญาวิญญาณจะยืมพลังแห่งวิญญาณเพื่อเพิ่มพลังของเขา และมันก็ขึ้นอยู่กับวิญญาณที่เขาเรียกออกมา บางทีเขาอาจจะได้รับสกิลพิเศษมาด้วย
ออริจิ้นแนะนำให้เขาลองใช้ซากศพของซอมบี้เพื่อเปิดใช้งาน [เครื่องเซ่นสังเวย] เพื่อเรียกนักรบวิญญาณออกมา หลังจากนั้น เขาก็ต้องทำสัญญากับวิญญาณผ่านสกิล [สัญญาวิญญาณ] หลังจากนั้นเขาก็จะสามารถใช้งานพลังแห่งวิญญาณได้ผ่านทักษะ [ผสานวิญญาณ]
นั่นคือแผน อย่างไรก็ตาม การทำสัญญากับวิญญาณโดยปกติแล้ววิญญาณก็มักจะท้าทายผู้ที่เรียกมันออกมาก่อน แม้แต่วิญญาณเองก็ยังไม่อยากจะก้มหัวให้เจ้านายที่อ่อนแอ
อย่างไรก็ตาม มันก็มีกรณีพิเศษที่วิญญาณเต็มใจจะทำสัญญาโดยไม่ต้องต่อสู้ อย่างไรก็ตาม มันก็มีโอกาสเพียงแค่หนึ่งในสิบล้านเท่านั้นตามที่ออริจิ้นบอก
เหตุผลที่ออริจิ้นคิดว่าผู้ทำสัญญาวิญญาณเป็นคลาสที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเขา นั่นก็เป็นเพราะพรสวรรค์ร่างกายศักดิ์สิทธิ์ของเขา พรสวรรค์นี้ทำให้เขามีค่าคุณสมบัติมากขึ้นและมันก็ทำให้ค่าคุณสมบัติของเขามีความสมดุลมากขึ้น
และเมื่อเปรียบเทียบกับลู่อันที่มีความว่องไวสูง มันก็เห็นได้ชัดว่าลู่อันนั้นไม่เหมาะกับคลาสนี้ มันเป็นเพราะเขาจะต้องเอาชนะวิญญาณให้ได้ด้วยเพื่อที่จะทำสัญญา เพราะฉะนั้นแล้ว ถึงเขาจะโครตเร็ว แต่เขาก็ยังขาดความสามารถและความแข็งแกร่งไปอยู่ดี
ท้ายที่สุดแล้ว มันก็จำเป็นที่จะต้องเอาชนะวิญญาณเพื่อให้ได้มาซึ่งพลัง นอกจากนี้ หากผู้อัญเชิญวิญญาณอ่อนแอเกินไป มันก็มีแต่จะทำให้คลาสผู้ทำสัญญาวิญญาณต้องเสียเปล่า
ในขณะเดียวกัน ถังเส้าหยางนั้นก็เน้นไปที่ความแข็งแกร่งและพลังชีวิตของเขาในขณะที่ค่าคุณสมบัติอื่นๆก็จะเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่เขาเลเวอัพ ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงมีโอกาสสูงที่จะเอาชนะวิญญาณที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับลู่อันที่มีความว่องไวที่เหนือกว่าเท่านั้น
ถังเส้าหยางจ้องไปที่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ข้างหน้าเขา และสิ่งมีชีวิตตัวเขียวก็จ้องกลับมาที่เขาด้วยเช่นกัน เมื่อสิ่งมีชีวิตตัวเขียวเห็นเดสทรอยเยอร์ที่วางอยู่บนไหล่ของถังเส้าหยาง ดวงตาสีเขียวของมันก็ส่องประกายด้วยความตื่นเต้น
สิ่งมีชีวิตตัวเขียวรีบพุ่งไปที่ถังเส้าหยาง มันบ่งบอกว่าอีกฝ่ายกำลังพุ่งเข้ามาโจมตีเขา อย่างไรก็ตาม สิ่งมีชีวิตตัวเขียวก็หยุดอยู่ห่างจากถังเส้าหยางห้าเมตร
มันชี้ไปที่ขวานศึกแล้วพูดว่า “ แก นักรบ?”
ถังเส้าหยางมองไปที่ขวานศึกของเขา จากนั้นเขาก็มองย้อนกลับไปที่สิ่งมีชีวิตตัวเขียวและพยักหน้า “ ใช่ ฉันเป็นนักรบ ฉันชื่อถังเส้าหยาง!”
เขาฟังคำแนะนำของออริจิ้นมาแล้ว และมันก็แนะนำเขาว่าอย่าทำตัวเป็นศัตรูกับวิญญาณที่เขาอัญเชิญมา ท้ายที่สุดแล้ววิญญาณก็จะกลายมาเป็นสหายของเขาในภายหลัง ดังนั้นการมีความสัมพันธ์ที่ดีจึงย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่า และการแนะนำตัวก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี นั่นคือสิ่งที่ถังเส้าหยางคิด
“ ข้า นักรบ เช่นกัน คาราน นักรบผู้ยิ่งใหญ่” คารานแนะนำชื่อของมันในขณะที่มันตรวจสอบถังเส้าหยาง
“ ฮึก… เจ้า สู้กับคาราน… ถ้าเจ้าอดทนจนพระอาทิตย์ตกดินได้… คาราน ตกลง สัญญา! คาราน ไม่ ยอมรับ คนอ่อนแอ!”
หลังจากได้ยินคำประกาศของคาราน ดวงตาของถังเส้าหยางก็ส่องประกายออกมาอย่างป่าเถื่อน สิ่งที่เขาไม่ชอบมากที่สุดก็คือการที่มีคนอื่นมาเขาลงมาจากที่ที่สูงกว่า ในอดีต เขามักจะทุบตีคนที่คิดจะดูถูกเขาเสมอ ยกเว้นอดีตหัวหน้าของเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว
“ ดี! ฉันจะสู้ แต่ฉันไม่ต้องการให้เวลามันนานขนาดนั้นเพื่อที่จะเอาชนะแก! ฉันจะเอาชนะแกก่อนพระอาทิตย์ตกดิน!” เมื่อพูดจบแล้วเขาก็ไม่ได้โจมตีวิญญาณในทันที เขาถอยกลับและให้เวลาคารานเตรียมตัว นี่เป็นการดวลที่ยุติธรรม และเขาก็จะต่อสู้อย่างยุติธรรม
“ คาราน ชอบ วิญญาณ ของแก! เตรียมตัวให้พร้อม คาราน ไป!” เมื่อพูดอย่างนั้น ขวานก็ปรากฎขึ้นในมือของคาราน ขวานของมันสั้นกว่าและหนากว่า มันเป็นขวานคู่ที่มีด้ามสั้นกว่า
ด้วยขวานในมือคาราน มันก็รีบวิ่งเข้าไปที่ถังเส้าหยาง ความเร็วของคารานนั้นเร็วกว่าถังเส้าหยางเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้วางแผนที่จะหลีกเลี่ยงการโจมตีของชายร่างใหญ่
คารานเหวี่ยงขวานไปทางถังเส้าหยาง ในเวลาเดียวกันถังเส้าหยางก็เหวี่ยงขวานศึกออกไปอย่างสุดกำลัง เขาไม่ได้วางแผนที่จะหลบ มันเป็นการปะทะกันของความแข็งแกร่ง
เพล้ง!
ขวานปะทะขวาน มันทำให้เกิดเสียงดังและลมก็กระเพื่อมออกไปกระทบกับลู่อันที่ยืนห่างจากสนามรบยี่สิบเมตร ลู่อันรู้สึกตกใจกับลมที่ตีมาโดนหน้าเขา เขาจ้องมองการต่อสู้ด้วยความกลัว
อย่างไรก็ตาม จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าบอสของเขาถูกสัตว์ประหลาดตัวเขียวผลักออกไป ใช่แล้ว ถังเส้าหยางแพ้ในการปะทะกันของความแข็งแกร่ง
ทั้งสองหยุดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่คารานจะผลักถังเส้าหยางออกไป ถังเส้าหยางรู้สึกประหลาดใจที่เขาพ่ายแพ้ในการปะทะกันของความแข็งแกร่ง เขาถูกผลักกลับในการปะทะครั้งแรก
“ แก แข็งแกร่ง แต่ คาราน แข็งแกร่งกว่า!” การันไม่ลืมที่จะโอ้อวดความแข็งแกร่งของมันหลังจากการปะทะครั้งแรกของพวกเขา
“ เอ่อ… ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตอนนี้สัตว์ประหลาดตัวเขียวกำลังเยาะเย้ยฉัน!” ถังเส้าหยางกัดฟันของเขา หลังจากหงุดหงิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดถังเส้าหยางก็พุ่งเข้าหาคารานและตะโกนว่า “ การต่อสู้ยังไม่จบ ไอ้ยักษ์เขียว!”
“ ข้า ไม่ เขียว ข้า คาราน!” คารานตอบกลับด้วยเสียงโห่ร้องพร้อมกับยกอาวุธขึ้น
ขณะที่ระยะห่างเหลือเพียงสามเมตร เขาก็กระโจนขึ้นกลางอากาศและเหวี่ยงขวานศึกลงไปที่คาราน ด้วยโมเมนตัมของเขา ความแข็งแกร่งของเขาจึงเพิ่มขึ้น
คารานทำสิ่งเดียวกันกับถังเส้าหยาง มันไม่ได้พยายามหลีกเลี่ยงการโจมตี แต่มันพยายามตอบโต้การโจมตีของเขา คารานเหวี่ยงขวานไปที่ขวานศึก การปะทะครั้งที่สองจบลงด้วยความเหนือกว่าเล็กน้อยของถังเส้าหยาง
คารานกัดฟันและพยายามต้านทานพลังอันยิ่งใหญ่ พื้นแตกร้าวจากการปะทะกัน แม้การโจมตีของถังเส้าหยางจะมีพละกำลังมหาศาลที่ซ่อนอยู่ แต่เขาก็ยังไม่อาจผลักคารานให้ถอยกลับไปแบบที่มันทำกับเขาได้
ด้วยความผิดหวัง ร่างของถังเส้าหยางก็เคลื่อนไหวต่อไปในอากาศขณะที่เขาเตะปากของคารานก่อนที่เขาจะร่อนลงบนพื้น การเตะนั้นกระทันหันเกินไปจนคารานไม่สามารถตอบสนองต่อการโจมตีนั้นได้ทัน
คารานเดินโซเซไปสองสามก้าวและจ้องไปที่ถังเส้าหยางอย่างไม่เชื่อ มันรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยเพราะมันไม่คาดคิดว่าการคู่ต่อสู้จะเคลื่อนไหวได้ดีขนาดนี้
ถังเส้าหยางยิ้มให้คารานและชูนิ้วกลางให้ฝ่ายตรงข้าม
แม้ว่าราคานจะไม่เข้าใจความหมายเบื้องหลังท่าทางของคู่ต่อสู้ แต่มันก็ไม่ได้โง่พอที่จะไม่เข้าใจความหมายเบื้องหลังการกระทำ ฝ่ายตรงข้ามกำลังเยาะเย้ยมันและแม้ว่ามันจะรู้ว่าเป็นการเยาะเย้ยนั้นเป็นการยั่วยุ แต่มันก็ยังตกหลุมพลางอยู่ดี
“ ย้ากก! คาราน โกรธ!” คารานแผดเสียงคำรามและพุ่งเข้าหาคู่ต่อสู้อีกครั้ง
“ เสียงคำรามของแกไม่มีประโยชน์กับฉัน!” ถังเส้าหยางไม่ต้องการที่จะแพ้ในขณะที่เขาพุ่งไปข้างหน้า
สัตว์ประหลาดและมนุษย์กำลังปะทะกันโดยใช้กำลังหยาบ ทั้งคู่ต่างก็ไม่มีใครอยากแพ้
ลู่อันดูการต่อสู้ด้วยความงุนงง การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด ทุกครั้งที่ขวานปะทะกัน เขาก็จะเห็นบอสของเขาถูกผลักออกมา อย่างไรก็ตาม ด้วยกลอุบายบางอย่าง บอสของเขาจะตอบโต้สัตว์ประหลาดด้วยการเตะหรือต่อยเสมอ
ในขณะที่พวกเขาต่อสู้กันนานขึ้น ลู่อันก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่างจากบอสของเขา เขาเริ่มสังเกตเห็นว่าสัตว์ประหลาดตัวเขียวไม่สามารถผลักบอสของเขากลับได้อีกต่อไป ในขณะที่การต่อสู้ดำเนินต่อไป ความแข็งแกร่งของถังเส้าหยางก็ดูเหมือนจะมีแต่เพิ่มขึ้น
สิ่งนั้นทำให้ลู่อันรู้สึกสับสน เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง พวกเขาก็จำเป็นจะต้องเลเวลอัพ และในการเลเวลอัพ พวกเขาก็จำเป็นจะต้องฆ่าสัตว์ร้ายหรือซอมบี้ อย่างไรก็ตาม บอสของเขาก็กำลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาดตัวเขียวมาเป็นเวลาสามชั่วโมงแล้ว มันไม่มีทางที่เขาจะเลเวลอัพได้โดยไม่ต้องฆ่าสัตว์หรือซอมบี้
ลู่อันใช้เวลาของเขาไปกับการสังเกตบอสของเขา จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าทุกครั้งที่พวกเขาปะทกัน ท่าทางของบอสของเขาก็จะเปลี่ยนไปทุกครั้ง
‘ ท่าทางที่ถูกต้องจะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาได้อย่างงั้นหรอ‘ ลู่อันสงสัยกับการวิเคราะห์ของเขา แต่เขาก็คิดไม่ออกถึงความเป็นไปได้อื่นๆว่าทำไมจู่ๆบอสชองเขาถึงได้สามารถรับมือกับความแข็งแกร่งของสัตว์ประหลาดตัวเขียวได้
ในขณะเดียวกัน ถังเส้าหยางก็ไม่ใช่คนเดียวที่พัฒนาขึ้น คารานเองก็เริ่มมีการพัฒนาเช่นกัน การลอบเตะและต่อยของถังเส้าหยางเริ่มที่จะใช้ไม่ได้กับมัน
ลู่อันสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงระหว่างทั้งสองในขณะที่พวกเขาแลกเปลี่ยนการโจมตีกันอย่างบ้าคลั่ง
มันยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ลู่อันสังเกตเห็น มันคือความคล้ายคลึงกันระหว่างทั้งสอง แม้ว่าฝั่งหนึ่งจะเป็นสัตว์ประหลาด และอีกฝั่งหนึ่งเป็นมนุษย์ แต่ทั้งคู่ต่างก็สนุกสนานไปกับการต่อสู้ มนุษย์กำลังยิ้มในขณะที่สัตว์ประหลาดก็กำลังหัวเราะในขณะที่พวกเขาแลกหมัดกันไปมา
การต่อสู้ดำเนินต่อไปเป็นเวลาแปดชั่วโมงและลู่อันก็เฝ้าดูการต่อสู้ด้วยความงุนงง เขายังไม่ได้กินข้าวกลางวัน แต่แค่การดูการต่อสู้ มันก็ไม่ได้ทำให้เขาหิวเลย
เป้ง!
ขวานปะทะกันอีกครั้ง มันทำให้เกิดประกายไฟกระจายไปทั่ว หลังจากการปะทะกัน ถังเส้าหยางก็ถอยกลับ เขาเริ่มหายใจไม่ออก และมันก็ทำให้เขาเริ่มอ้าปากหายใจเหมือนปลาทอง
สภาพของคารานเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าถังเส้าหยางมากนัก แม้ว่ามันจะเป็นวิญญาณ แต่มันก็ยังรู้สึกเหนื่อยจากการต่อสู้ที่นานเกินไป
คลัง! คลัง! คลัง!
ทันใดนั้นถังเส้าหยางก็ขว้างขวานศึกออกไปและตะโกนว่า “ ฉันยอมแพ้! แกสามารถกลับไปทุกที่ที่แกจากมาได้เลย! การต่อสู้ครั้งนี้ไร้ประโยชน์ มันจะไม่มีผู้ชนะระหว่างเรา!”
ก่อนหน้านี้เขาสนุกกับการต่อสู้ แต่เมื่อเขารู้ว่าเขาไม่มีทางเอาชนะคารานได้ เขาก็โยนอาวุธทิ้งด้วยความหงุดหงิดในทันที การต่อสู้นั้นไร้ประโยชน์อย่างแท้จริงเพราะเขาไม่สามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้
ดังนั้นแทนที่จะต่อสู้ต่อไป เขาจึงอยากจะเอาเวลาไปล่าซอมบี้หรือกลับไปที่สวนสาธารณะที่มีหมอกหนาอีกครั้ง เขาสามารถเอาเวลาไปอัพเลเวลของเขาได้โดยการล่าพวกมัน และแม้ว่าเขาจะสนุกกับการต่อสู้ แต่มันก็ไม่ใช่การต่อสู้ที่เขาจะไม่สามารถเอาชนะได้
ถังเส้าหยางนอนลงบนพื้น เขาหันหน้าเข้าหาหมู่เมฆสีเหลือง เขาหลับตาพักผ่อนหลังจากการต่อสู้อันยาวนาน
อย่างไรก็ตาม เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อได้ยินคำพูดของคาราน “ มนุษย์ เจ้า แข็งแกร่ง คาราน ยอมรับ เจ้า คาราน เต็มใจ ติดตาม เจ้า!”
ถังเส้าหยางลืมตาขึ้นและกระโจนขึ้นมา จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นคารานกำลังคุกเข่า เขาประหลาดใจและยินดีไปในเวลาเดียวกัน เพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ฟังผิด ถังเส้าหยางจึงถามคารานอีกครั้ง “ นายแน่ใจแล้วนะ?”
“ ใช่ คาราน ยอมรับ สัญญา!”
ถังเส้าหยางวางมือขวาลงบนศีรษะล้านของคารานโดยไม่ลังเล จากนั้นเขาก็เปิดใช้งาน [สัญญาวิญญาณ]
ในไม่ช้า คารานก็กลายเป็นก๊าซสีเขียวและเข้าไปที่หน้าผากของเขา หลังจากนั้น เขาก็รู้สึกได้ว่าความเย็นยะเยือกได้แผ่กระจายไปทั่วศีรษะและร่างกายของเขา
[ สัญญาถูกทำ ]
เสียงหุ่นยนต์ไร้อารมณ์ดังก้องอยู่ในหัวของเขา
ด้วยความใจร้อน ถังเส้าหยางก็รีบเปิดใช้งานสกิลใหม่ที่สามของเขาในทันที [ผสานวิญญาณ] จากนั้นภาพเบลอของคารานก็ก่อตัวขึ้นบนหลังของเขาเป็นเวลาห้าวินาที หลังจากนั้น ภาพเบลอนั้นก็ได้เข้าสู่ร่างกายของเขา
ผิวของถังเส้าหยางค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นสีเขียว จากนั้นกล้ามเนื้อของเขาก็ปูดโปนขึ้น เขาลืมตาขึ้นและตรวจสอบหน้าจอค่าสถานะของเขา
—————————————–
ชื่อ: ถังเส้าหยาง [ คาราน – นักรบผู้ยิ่งใหญ่]
คลาส: ผู้ทำสัญญาวิญญาณ
อายุ: 26
สังกัด: ไม่มี
เลเวล: 30
พรสวรรค์: ร่างกายศักดิ์สิทธิ์
คะแนนค่าคุณสมบัติ: 0
ความแข็งแกร่ง: 109 [+200]
ความว่องไว: 39
พลังชีวิต: 60 [+100]
สตามิน่า: 35
พลังเวทย์: 31
ประสาทสัมผัส: 8
สกิล: [การตรวจสอบขั้นพื้นฐาน], [เครื่องเซ่นสังเวย], [สัญญาวิญญาณ – เลเวล 1], [ผสานวิญญาณ – เลเวล 1]
วิญญาณที่ทำสัญญา (1/3): [ คาราน – นักรบผู้ยิ่งใหญ่ ]
สกิลวิญญาณ:
[สกิลคาราน]: [สงครามร่ำไห้] [ขวานคลั่ง] [แยกปฐพี]
————————————–