คำพูดของท่านเวิน ทำให้ลั่วเยียนนั้นตกตะลึงขึ้นมาทันที
เธอจับจ้องเขม็งไปที่คราบเลือดบนมือของท่าน และร่างกายที่ไม่ได้มีบาดแผลใดๆเลย “ท่าน…… ”
“ไม่ได้รับบาดเจ็บ?”
“ฉันจะบาดเจ็บได้ยังไงกัน?”
ท่านเวินหัวเราะออกมา “ถึงจะถือว่าฉันอายุมากแล้ว แต่ว่าร่างกายของฉันนั้นยังดีอยู่ จะสู้คนป่วยกระเสาะกระแสะคนหนึ่งไม่ไหวได้อย่างไรกัน?”
“แต่ว่า……”
ชายชราขมวดคิ้ว “บนร่างกายของเขาเหมือนว่ามีบาดแผลเก่าที่ถูกฉันไม่ระวังทำแผลปริออกแล้ว เลือดไหลออกมาเยอะทีเดียว”
พูดจบ เขามองลั่วเยียนด้วยสายตาเย็นชา “คุณไม่เห็น?”
ลั่วเยียนนั่งอยู่ด้านข้างของท่านปู่ รู้สึกแค่ว่าในสมองนั้นมีเสียงก้องอึกทึกครึกโครมอยู่
ท่านปู่ไม่ได้บาดเจ็บ คนที่เจ็บเป็นฉินหนานเซิง?
แต่ว่าท่าทางของฉินหนานเซิงเมื่อกี้ เธอนั้นดูไม่ออกเลยแม้แต่น้อยว่าเขานั้นบาดเจ็บอยู่?
มองไปที่ใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยความกังวล ท่านเวินก็ยื่นมือออกไปเปิดประตูรถยนต์ “ท่าทางว่าคุณลั่วยังมีเยื่อใยกับอดีตสามีอยู่ไม่น้อย”
“ลงไปดูเขาเถอะ”
ลั่วเยียนเม้มริมฝีปาก พอคิดถึงท่าทางฉินหนานเซิง ในที่สุดก็ยังคงอดกลั้นเอาไว้ได้
เธอร้อง “ชิ”ออกมาแล้วปิดประตูรถ “ไม่ไป”
ฉินหนานเซิงนั้นหย่ากับเธอมาตั้งนานแล้ว เขาจะเป็นจะตายยังไงก็ไม่เกี่ยวข้องกับเธอ!
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อกี้นี้ฉินหนานเซิงยังดูถูกเธอขนาดนั้น……
“มีความหยิ่งในศักดิ์ศรี สมแล้วที่เป็นผู้หญิงที่ลูกสาวของฉันชอบ”
หลังจากที่ท่านเวินยกนิ้วโป้งให้กับเธอแล้ว ก็ยัดบัตรหนึ่งใบเข้าไปในมือของลั่วเยียน “นี่เป็นรางวัลของคุณสำหรับเวลาที่ผ่านมานี้ เอากลับไปรักษาพ่อแม่ของคุณเถอะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ท่านเวินยิ้มพร้อมสั่งให้คนขับรถไปส่งลั่วเยียนที่บ้าน พร้อมกับมองออกไปด้านหน้านอกหน้าต้างรถยนต์อย่างเมินเฉย เอ่ยปาก:
“ที่จริงแล้วคุณนอกจากเป็นนักแสดงแล้ว คุณยังมีทางออกอย่างอื่นอยู่”
“อย่างเช่น ครั้งนี้คุณสั่งสอนลูกสาวสุดแสนจะดื้อรั้นสุดจะทนได้ของฉันจนว่านอนสอนง่ายได้ เช้าวันนี้ก็เข้าไปถ่ายทำอย่างเชื่อฟัง” “ยังบอกอีกว่ารอจนกว่าเธอจัดการถ่ายกี่ฉากนี้ให้เสร็จเรียบร้อยก็จะออกจากวงการบันเทิง ไปตามหาสิ่งที่เธอสนใจและอยากทำมันจริงๆ”
พูดจบ ท่านปู่จ้องมองลั่วเยียน:
“ด้านการศึกษา ฉันคิดว่าคุณเองก็น่าจะลองดูสักครั้ง”
เขาหยิบนามบัตรหนึ่งใบออกมาจากในกระเป๋าเสื้อส่งให้ลั่วเยียน:
“นี่คือลูกชายของเพื่อนฉันคนหนึ่งเป็นคนที่เชี่ยวชาญทางด้านการศึกษา คุณสามารถติดต่อเขาได้ ดูว่าจะมีงานที่เหมาะสมหรือเปล่า”
“หนุ่มน้อยคนนี้เป็นบุคคลที่มีความสามารถ ถ้าหากว่าไม่มีงานที่เหมาะสม ก็ไปเป็นแฟนของเขาได้ เป็นทางเลือกที่ไม่เลวเหมือนกัน”ลั่วเยียนรับนามบัตรไป อดไม่ได้ที่จะยิ้มให้ท่านปู่:
“ขอบคุณค่ะ”
“ฉันจะกลับไปลองคิดดูค่ะ”
ที่จริงแล้วเธอกับการสอนนั้น……ก็ไม่ได้มีความสนใจเลยแม้แต่น้อย
ได้รับเงินมาหนึ่งล้านสองแสนหยวนในตั้งนี้ เธออยากจะกลับบ้านเดิมไปดูแลมารดาสักพัก รอจนกว่าการผ่าตัดของมารดาจะเสร็จเรียบร้อย สถานการณ์คงที่แล้ว ค่อยตัดสินใจกันอีกที
ทันใดนั้น ท่านเวินก็มาส่งเธอถึงหน้าประตูบ้าน
ลงจากรถ ลั่วเยียนจ้างมองรถของท่านปู่จากไป คิ้วขมวดขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ไม่รู้ว่าฉินหนานเซิงสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
จากปากของท่านเวินเปิดบาดแผลจนปริออกนั้น ที่จริงแล้วเธอรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น……
เป็นเรื่องไม่นานมานี้มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนที่เธอและฉินหนานเซิงออกไปข้างนอก เจอกับแอนตี้แฟนที่ถ่ายรูปเธอ ฉินหนานเซิงเพื่อที่จะคุ้มกันเธอ สุดท้ายก็ถูกแอนตี้แฟนใช้มีดทำร้ายจนบาดเจ็บ
ในตอนนั้นบาดแผลก็ไม่เล็กเลย แต่ว่าฉินหนานเซิงกลับหัวเราะแล้วพูดว่า เมื่อเทียบกับเขาที่ขาทั้งคู่ใกล้จะพิการแล้ว บาดแผลจากมีดนั้นถือว่าเล็กน้อยไม่มีผลอะไรเลย
วันนั้นลั่วเยียนทุกข์ใจอย่างมากเป็นเวลานาน ตรวจสอบหาสูตรอาหารทุกที่ตุ๋นน้ำแกงให้เขา และยังสาบานกับเขาว่า ต่อจากนี้ไปจะออกจากบ้านกับเขา จะต้องติดอาวุธให้เพียบพร้อม ไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกต่อไป
วันเวลาพวกนี้นั้นเกิดเรื่องราวต่างๆมากมาย ถ้าหากว่าวันนี้ไม่ใช่เพราะท่านเวิน ลั่วเยียนก็เกือบจะลืมไปแล้ว……
ตัวเองและฉินหนานเซิงนั้น ที่จริงแล้วครั้งหนึ่งก็เคยมีความทรงจำที่มีคุณค่าผ่านมาเหมือนกัน
แต่ตอนนี้พอมาถึงดู……
ไม่มีความหมายอะไรอีกต่อไปแล้ว
ผู้หญิงสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ พยายามแยกความคิดฟุ้งซ่านที่ไม่จริงออกไปจากสมอง
ฉินหนานเซิงตอนนี้จะมาต้องการให้เธอช่วยและดูแลได้อย่างไรกัน?
เขาคือคุณชายใหญ่ตระกูลฉิน รอบกายก็มีคนคอยติดตามดูแลมากมายทุกครั้ง……
ไม่เหมือนกับคนอย่างเธอ คนหาเช้ากินค่ำคนหนึ่ง ถึงจะตายอยู่ในห้องเช่า ก็คงจะไม่มีคนรับรู้
พอคิดแบบนี้แล้ว ลั่วเยียนก็กลับบ้านอย่างสบายใจไม่กังวล ถึงขั้นที่หลังจากกลับมาบ้านแล้ว ยังเริ่มที่จะหาตั๋วรถไฟราคาถูกทางอินเทอร์เน็ต ตัดสินใจว่าพรุ่งนี้เช้าจะกลับบ้านเดิมไปรักษาอาการป่วยของมารดา
……
คฤหาสน์ตระกูลฉิน
ฉินหนานเซิงนอนอยู่บนโซฟา หน้าตาบิดเบี้ยวที่ถูกหมอตรวจไปมา
“นอกจากส่วนขาที่มีบาดแผลภายนอกแล้ว รอยบาดแผลเก่าตรงช่วงท้องของเขาก็ถูกเปิดออกแล้ว”
หมอก้มหน้าจัดการกับปากบาดแผลไปก็ขมวดคิ้วไป “คุณชายฉิน ไม่ใช่ว่าเคยพูดกับคุณไปแล้วเหรอ แม้ว่าจะสามารถยืนขึ้นมาได้แล้ว แต่ก็ทำได้เพียงแค่เดินเบาๆเท่านั้น”
“คุณจะสามารถไปต่อยตีกับคนอื่นได้อย่างไรกัน?”
“ตอนนี้กระดูกได้รับความเสียหายอีกครั้ง คุณจะต้องนั่งอยู่บนรถเข็นไปอีกสองเดือนเลย”
สีหน้าของฉินหนานเซิงมืดครึ้มลง เหลือบมองไปที่ซูสือเยว่และฉินโม่หานที่นั่งอยู่ไกลๆ ไม่ได้พูดอะไร
ยังคงต้องโทษซูสือเยว่ไม่ใช่เหรอ?
รู้ทั้งรู้ว่าลั่วเยียนกับท่านเวินคนนั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์อย่างว่ากัน ยังจะไม่ยอมพูดกับเขาให้ชัดเจน ให้เขาเข้าใจผิดลั่วเยียน จนไปอวดเก่งไปทะเลาะกับท่านเวิน
และก็ยังรู้ด้วยว่า ท่านเวินคนนั้น เป็นทหารที่ปลดประจำการ!
ฉินหนานเซิงเดิมทีก็ไม่มีศิลปะการต่อสู้ติดตัวเลย และยังเป็นคนที่เพิ่งหายจากการป่วยหนัก……
ผู้อาวุโสไม่ได้ตีจนขาแข้งของเขาจนหักไปอีกรอบ ก็ถือว่าไว้หน้าเป็นอย่างมากแล้ว!
พอคิดถึงตรงนี้ ฉินหนานเซิงก็ไม่อดทนจะจ้องมองซูสือเยว่อย่างเอาเรื่อง
ฉินโม่หานหรี่ตาจ้องเขม็ง ปกป้องซูสือเยว่ไว้ในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยน มองไปที่ฉินหนานเซิง น้ำเสียงเย็นชา:
“ท่านเวินกับคุณปู่ของคุณนั้นเป็นคนรู้จักกันมาหลายชั่วอายุคน ถ้าหากว่าคุณใช่สมองตรวจสอบสักหน่อย ก็คงไม่ผิดพลาดขนาดนี้ออกมาหรอก”
“นี่มันเป็นความผิดของตัวคุณเอง อย่ามาโทษสือเยว่ของพวกเรา”
ฉินหนานเซิงเบะปาก “แต่เธอหลอกให้ฉันเข้าใจผิด”
ซูสือเยว่ยักไหล่:
“ฉันยอมรับ ฉันหลอกให้คุณเข้าใจผิดจริงๆ”
“แต่ว่าฉินหนานเซิง คุณเคยคิดมาก่อนหรือเปล่าว่า จุดสำคัญของเรื่องนี้นั่นคือปัญหาของคุณ?”
“ถ้าหากว่าคุณนั้นไว้ใจลั่วเยียนด้วยใจจริง คุณจะยังสงสัยว่าลั่วเยียนจะทำเรื่องพวกนั้นได้อย่างนั้นเหรอ?”
“เหมือนฉันกับฉินโม่หาน……”
เธอพูดไป ก็หันศีรษะไปมองฉินโม่หาน “ถ้าหากว่ามีคนบอกกับคุณมา ฉันไปเรื่องแบบนั้น คุณจะเชื่อหรือเปล่า?”
ฉินโม่หานหยิบสตรอว์เบอร์รี่ด้วยท่าทางสง่างามใส่ปากของซูสือเยว่:
“ฉันจะต่อยปากคนนั้นให้ฟันร่วง”
ฉินหนานเซิง: “……”
นี่เขาไปทำบาปทำกรรมอะไรเอาไว้ ทั้งบาดเจ็บแถมยังต้องเสียภรรยาไป และยังต้องมาอยู่ที่นี่มองซูสือเยว่กับฉินโม่หานพลอดรักหวานดูดดื่มอีก?
“ที่จริงแล้วนะฉินหนานเซิง”
เห็นฉินหนานเซิงไม่พูดไม่จา ซูสือเยว่ก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ สุดท้ายก็มองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้อย่างตรงไปตรงมา:
“ฉันคิดว่าคุณควรจะต้องคิดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคุณลั่วเยียนใหม่อีกครั้งหรือเปล่า?”
“คุณไม่เชื่อใจเธอขนาดนั้น พวกคุณอยู่ด้วยกันไปก็คงไม่มีความสุข”
“ไม่อย่างนั้นคุณปล่อยเธอไป หาผู้หญิงคนอื่น แล้วเริ่มต้นใหม่เถอะ”