คำพูดของซิงเฉินจากปลายสายนั้น ทำให้ซูสือเยว่ขมวดคิ้วลงทันที
เป็นไม่ได้ยังไง?
ความรักความผูกพันของฉินโม่หานที่มีต่อลูกทั้ง 3คน นั้นควรที่จะไม่น้อยไปกว่าที่มีต่อเธอ
แล้วทำไมเห็นลูกทั้ง 3คนแล้วถึงไม่ดีใจล่ะ?
หญิงสาวกัดริมฝีปาก รีบออกจากห้อง มือที่ถือมือถืออยู่นั้นก็บีบแน่นอย่างตึงเครียด แล้วถามว่า
“ซิงเฉิน ลูกพูดให้หม่ามี๊ฟังอีกครั้งสิ แด๊ดดี้ของลูกอาการเป็นยังไง?”
“เขา…… เขาจำพวกลูกไม่ได้หรือ?”
ซิงเฉินที่อยู่ปลายสายถอนหายใจออกมา
“ไม่ใช่ เขาจำได้ทุกอย่างเลย ไม่มีความทรงจำที่สูญเสียไป……”
เจ้าหนุ่มน้อยกัดปาก เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความไม่พอใจ
“หม่ามี๊ หม่ามี๊กับคุณลุงหานหยุนบอกว่า เทปเสียงเทปนั้นสามารถที่จะแก้ปมในใจของแด๊ดดี้ได้ แล้วจะทำให้แด๊ดดี้ฟื้นขึ้นมาไม่ใช่หรือ?”
“เพราะแบบนั้น ผมก็เลยให้พี่ใหญ่กับซิงกวง ทำวงแหวนขึ้นมาพร้อมเสียงเซอร์ราวด์ 360องศาที่ไม่มีจุดบอดแล้วตั้งไว้ในห้องผู้ป่วยของแด๊ดดี้”
“ตอนที่เริ่ม พวกเราทั้ง 3คนกับคุณลุงหานหยุนกังวลกันมาก กังวลว่าถ้าทำแบบนี้แล้วแด๊ดดี้ยังไม่ฟื้นขึ้นมาอีก แบบนั้นพวกเราคงหมดหนทางแล้วจริงๆ”
“แต่แล้ว สวรรค์ก็ไม่ทอดทิ้งคนที่มีความพยายาม หลังจากพวกเราเปิดไว้ต่อเนื่องเป็นเวลา 3ชั่วโมง แด๊ดดี้ก็ฟื้นขึ้นมาจริงๆ!”
“พวกเราทุกคนดีใจกันมากแล้วพุ่งตัวเข้าไปกอดเขา แต่เขากลับบอกให้พวกเรารีบปิดลำโพง……”
“พอรอพวกเราปิดเสียงแล้ว แด๊ดดี้ก็ดูอ่อนแรงมาก แต่ก็ยังจับมือพวกเราอย่างซาบซึ้งใจ แล้วถามพวกเราว่า เป็นความคิดของใคร ที่วางเทปนี้ให้เขาฟัง……”
“หลังจากนั้น พอเขารู้ว่าพวกผมเป็นคนวางเอาไว้ ก็โกรธเอามากๆ แล้วก็รีบไล่พวกเราออกมา”
“ตอนนี้ คุณหมอที่โรงพยาบาลกำลังบังคับให้แด๊ดดี้ตรวจร่างกายให้เรียบร้อย เพื่อยืนยันว่าร่างกายของเขาค่อยๆ ดีขึ้นแล้ว หลังจากที่เพียงแค่ต้องพักผ่อนให้มากๆ ก็โอเคแล้ว”
“แต่ว่า……”
ในน้ำเสียงของซิงเฉินนั้นเจือไปด้วยเสียงสะอึกสะอื้น :
“ตอนนี้แด๊ดดี้ขังตัวเองไว้ในห้องผู้ป่วย ไม่ยอมเจอใครเลย จะรอแค่หม่ามี๊ให้มาหา…….”
“หม่ามี๊ หม่ามี๊ว่านี้มันเกิดอะไรขึ้นหรือ?”
ซูสือเยว่เลิกคิ้วขึ้น
เธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น
ทุกอย่างคงต้องรอให้เธอไปถึงโรงพยาบาลก่อนแล้วค่อยไปคุย
“สือเยว่!”
ซูสือเยว่ขึ้นลิฟต์มา ลั่วเยียนก็ตามหลังเธอออกมา
เธอหายใจหอบพลางมองมาที่ซูสือเยว่ “ฉินโม่หานเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ฉันไปส่งเธอแล้วกัน”
ซูสือเยว่พยักหน้า
สภาพของเธอในตอนนี้ แน่นอนว่าไม่เหมาะที่จะขับรถ
ลั่วเยียนลากเธอออกมาจากร้านเหล้ามาขึ้นรถ พลางถามอาการของฉินโม่หานเสียงเบา
ซูสือเยว่นั่งลงที่เบาะข้างคนขับ มองออกไปนอกหน้าต่างรถอย่างกังวลใจ พลางเล่าในสิ่งที่ซิงเฉินบอกมาเมื่อสักครู่นี้ให้กับลั่วเยียนฟัง
ลั่วเยียนที่กำลังขับรถก็จับพวงมาลัยแน่น ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา!
ซูสือเยว่เลิกคิ้ว หันไปมองหน้าเธออย่าไม่เข้าใจ :
“เธอหัวเราะอะไรน่ะ?”
“ก็หัวเราะฉินโม่หานน่ะสิ!”
ลั่วเยียนหัวเราะจนปวดท้อง “สือเยว่ ตอนที่เธอไปเจอฉินโม่หาน ไม่ต้องบอกเขานะว่าเธอเป็นคนบันทึกเทปเสียงนั้น แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าการเล่นเทปเสียงให้เขาฟังนั้นเป็นความคิดของเธอกับหานหยุนและลูกทั้ง3คน”
“ก่อนอื่นเธอจะต้องตัดความเกี่ยวข้องของเธอกับเจ้าตัวเล็กทั้ง 3คนก่อน ปลอบโยนความรู้สึกของฉินโม่หานสักหน่อย แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยบอกเขา”
ซูสือเยว่มองหน้าของเธออย่างงงงวย :
“หมายความว่าอะไร?”
ลั่วเยียนถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา
“เธอกับลูกทั้ง 3คนของเธอโดยปกติแล้ว ค่อนข้างจะฉลาดมาก”
“ทำไมพอถึงตอนนี้ สมองถึงไม่ทำงานแล้วล่ะ?”
ซูสือเยว่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
ลั่วเยียนทำได้เพียงแค่ถอนหายใจออกมายาวๆ ขับรถพลางเปิดปากพูดอย่างจริงจังว่า
“เธอลองคิดดูดีๆ สิ เทปเสียงเทปนั้น แม้จะสามารถช่วยแก้ปมในใจของฉินโม่หานได้ แค่ว่าเนื้อหาในเทปเสียงเทปนั้นคืออะไร?”
“เป็นเสียงของเจียงหลีที่สารภาพ แผนการที่เธอวางไว้กับฉินโม่หานยังไงล่ะ ทำให้ฉินโม่หานคิดว่า เทปเสียงเป็นเจียงหลีที่มานอนกับเขา!”
“แต่ฉินโม่หานเป็นผู้ชายที่ทะนงตัวมาตลอดชีวิตของตนเอง แต่ตอนสุดท้ายเป็นเพราะขงเนี่ยนโหรวแทรกซึมเข้ามา เลยเกือบจะถูกผู้หญิงอย่างเจียงหลีวางแผนเองชีวิต……”
“หลังจากนั้น ตอนที่ตนเองไม่ได้สติอยู่ ก็ถูกเปิดเทปเสียงของผู้หญิงคนนี้ล้อมรอบ360องศาแบบนี้……”
“ถ้าเป็นเธอ เธอจะรับได้มั้ย?”
คำพูดของลั่วเยียนทำให้ซูสือเยว่มึนงง
เดี๋ยวเดียวเธอก็เข้าใจ
หญิงสาวตีหน้าผากตัวเอง “มันเป็นเพราะแบบนี้นี่เอง!”
พูดจบ เธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
แม้กระทั่งเธอยังจินตนาการได้เลยว่า ใบหน้าของฉินโม่หานนั้นคงจะมืดครึ้มและเยือกเย็น
ช่วงเวลานั้นเธอคิดหาวิธีต่างอย่างตั้งใจเพื่อจะทำให้เขาฟื้นขึ้นมา แต่กลับลืมไป ว่าผู้ชายคนนี้เป็น
คนทะนงตัว แม้ว่าวิธีการนี้ที่ทำให้ฉินโม่หานฟื้นขึ้นมาจะทำให้ดูไม่มีศักดิ์ศรี แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว นี้ก็เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
แต่ว่า……
เพื่อไม่ให้ผู้ชายคนนี้โกรธตนเอง
ซูสือเยว่ก็ทำได้เพียงแค่ทำตามวิธีที่ลั่วเยียนบอก ต่อให้เป็นเจ้าหนุ่มน้อยทั้ง 3 คนรวมทั้งหานหยุนเธอต้องตัดความเกี่ยวข้องให้หมด
รถมาถึงโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่ซูสือเยว่ลงจากลิฟต์ เจ้าหนุ่มน้อยทั้ง 3 คนกับหนุ่มใหญ่อีก 1คนก็ยืนอยู่ข้างกันที่ระเบียงทางเดินของโรงพยาบาล
เมื่อเห็นว่าซูสือเยว่มาแล้ว ซิงกวงเดินมาจับชายเสื้อของซูสือเยว่แล้วบอกอย่างน้อยใจ :
“หม่ามี๊ ทำยังไงดี ก่อนหน้านี้แด๊ดดี้รักหนูมากที่สุด ตอนนี้กลับไม่ยอมเจอหน้ากันแล้ว”
ซิงเฉินถอนหายใจแล้วพูดต่อว่า “ผมก็เคยเป็นผู้ชายที่เขารักมากที่สุดมาก่อน ตอนนี้แววตาที่เขามองมาไม่มีความรักปรากฏอยู่อีกแล้ว”
ซิงหยุนกวาดตามองน้องชายแล้วน้องสาวอย่างจนปัญญา ก่อนจะเหลือบตามองซูสือเยว่แล้วบอกว่า
“หม่ามี๊ รีบเข้าไปหาเขาก่อนเถอะ”
ด้านใน ชายที่มีใบหน้าซีดเซียว ยังคงมีความโกรธอยู่
ได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา เขาก็ขมวดคิ้วแน่น:
“ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่หรือ ว่านอกจากซูสือเยว่แล้ว ตอนนี้ฉันไม่อยากพบใคร?”
ซูสือเยว่มองอย่างจนปัญญา เป็นเพราะว่าตนเองเป็นผู้ชายถูกวางแผนทำร้าย แล้วยังรู้สึกขายหน้าเอามากๆ “งั้นคุณต้องเงยหน้าขึ้นมามองแล้วล่ะว่าฉันเป็นใครกัน?”
ชายหนุ่มที่กำลังก้มดูทะเบียนประวัติคนไข้ของตอนเองที่อยู่ในมือ ก็ชะงัก แล้วรีบเงยหน้าขึ้นมา
ตรงหน้า เป็นหญิงสาวที่สวมเสื้อผ้าสีขาวทั้งตัว กำลังเอียงหัวแล้วส่งยิ้มหวานมาให้เขา
เขาไม่ได้เจอเธอมานานแล้ว
ที่จริงแล้วในช่วงเวลานั้น เขาได้ยินสิ่งที่เธอพูดข้างหูของเขาไม่ค่อยชัดเจน
แต่ เขารู้สึก ขอโทษเธอที่ไม่มีคุณสมบัติที่จะกลับมาเคียงข้างเธอได้……
ในเวลานี้ ในที่สุดเขาก็รู้ ว่าตนเองไม่เคยที่จะกล่าวขอโทษซูสือเยว่มาก่อนเลย
แล้วยังรู้ว่า ตอนที่เธออยู่กับเขาตอนไม่ได้สติ เธอทำเพื่อเขาเยอะมาก เยอะมากจริงๆ ……
ดวงตาดันลุ่มลึกทั้ง2ข้างของชายหนุ่มจ้องมองมายังซูสือเยว่อย่างลึกซึ้ง ริมฝีปากของเขาสั่นไหวเล็กน้อย :
“สือเยว่……”
“ใช่แล้วฉันเอง”
ซูสือเยว่เดินเข้ามาหา กอดชายหนุ่มที่มีร่างผอมบางเบาๆ “คุณสามี”
เธอกอดเขาแน่น น้ำตาซึมออกมาคลอเบ้า
“คุณฟื้นขึ้นมาแล้ว……”
“ดีจริงๆ เลย……”
ฉินโม่หานถอนหายใจออกมาแล้วกอดตอบเธอแน่น
“ฉันยังต้องขอบคุณเธอ ที่ทำให้พวกเขาทั้ง 3คนประจานฉันอย่างไม่มีจุดจบ”