สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – ตอนที่ 352 เขาบอกว่าอาเล็กเป็นบ้าไปแล้ว

พอฟังฟู๋เชียนเชียนอธิบายจนจบ ซูสือเยว่ก็นั่งพิงเตียง เธอรู้สึกเหมือนกับตัวเองถูกฟ้าผ่าไม่สามารถขยับได้

เธอแทบจะไม่สามารถจินตนาการได้เลย……

ว่าหลังจากที่เธอเป็นลมไปเพราะรับไม่ได้ที่ฉินโม่หานกับเจียงหลีขึ้นเตียงด้วยกัน……

จะเกิดเรื่องราวมากมายขณะนี้

และเธอยิ่งนึกไม่ถึงเลยว่า เจี่ยนหมิงจงที่ออกมาจากเมืองสตัฟฟ์และกลับไปที่เมืองหรงกับเธอนั้น จะเก็บเรื่องที่ฉินโม่หานมีพี่ชายฝาแฝดเป็นความลับกับเธอ

ตอนแรกที่เจี่ยนหมิงจงบอกว่าหลิงซือยู่กับหลิงหรานไปหาแสาวชาวเน็ตของหลิงซือยู่นั้น เธอก็เคยรู้สึกสงสัย ว่าทำไมการที่หลิงซือยู่ไปตามหาสาวชาวเน็ต หลิงหรานต้องตามไปด้วย

ตอนนั้นคำตอบที่เจี่ยนหมิงจงมอบให้เธอก็คือ:

หลิงหรานแอบรักหลิงซือยู่มานานมากแล้ว ดังนั้นก็เลยหึง อยากจะจับตามองหลิงซือยู่เอาไว้ ไม่ให้หลิงซือยู่กับสาวชาวเน็ตของเขาเกิดความสัมพันธ์อะไรขึ้น

ตอนนั้นซูสือเยว่กำลังฟกช้ำดำเขียวกับการที่ฉินโม่หานหลอกลวงเธอ ก็เลยไม่ได้ไปถามอะไรมากมาย

ตอนนี้พ่อกลับมาย้อนคิดดูแล้ว ถึงได้รู้ว่าเหตุผลนี้มันดูเรื่อยเปื่อยขนาดไหน

ตอนแรกหลิงหรานรับได้กับการที่หลิงซือยู่แกล้งคบกับเธอ แล้วก็รับได้ที่หลิงซือยู่ติดต่อกับสาวชาวเน็ต 10 กว่าคน แล้วทำไมอยู่ดีๆ ถึงจะรับไม่ได้ที่หลิงซือยู่จะสนิทสนมกับสาวชาวเน็ตขึ้นมา?

เจี่ยนหมิงจงปิดบังเธอแม้แต่เรื่องนี้……

แล้วเขายังมีเรื่องอื่นที่ปิดบังเธออยู่อีกไหม?

แล้วก็ฉินโม่หาน……

ซูสือเยว่หลับตาลง เสียงแหบแห้ง

“ตอนนี้ฉินโม่หานเขา……อยู่ที่ไหนเหรอ?”

ฟู๋เชียนเชียนเม้มปาก “ตอนนี้เขานอนอยู่ที่ห้องผู้ป่วยICUพิเศษที่ตระกูลจี้จะเตรียมเอาไว้ให้ มีแพทย์เฉพาะทางคอยดูแลอยู่ ไม่อนุญาตให้ใครก็ตามเข้าใกล้”

ซูสือเยว่กัดริมฝีปาก “ไม่อนุญาตให้ใครก็ตามเข้าใกล้……”

เธอลืมตาและมองหน้าฟู๋เชียนเชียน:

“รวมถึงคุณชายสองอย่างจี้หนานเฟิงด้วยหรือเปล่า?”

ฟู๋เชียนเชียนอึ้งไป

ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็กัดริมฝีปากของตัวเอง “จี้หนานเฟิง……เหมือนกับว่าจะสามารถไปเยี่ยมเขาได้นะ”

“แต่ว่า……”

เพราะว่าครั้งที่แล้วเธอกลับจี้หนานเฟิงมีความเห็นแตกต่างกันเรื่องที่จะบอกความจริงกับซูสือเยว่หรือไม่ ก็เลยไม่ได้ติดต่อกันมา 3-4 วันแล้ว

จี้หนานเฟิงยังพูดว่า เรื่องของตระกูลจี้ไม่ได้จำเป็นต้องให้คนนอกอย่างฟู๋เชียนเชียนมายุ่งวุ่นวาย

“แปลว่าอะไรเหรอ?”

“ตอนนี้ฉันกับเขากำลังมีสงครามเย็นกันอยู่……”

ฟู๋เชียนเชียนถอนหายใจ และยื่นมือไปจับมือของซูสือเยว่:

“สือเยว่ ฉันเข้าใจความรู้สึกที่แกอยากจะเจอท่านชายฉิน แต่ว่าเรื่องนี้มันยากมากจริงๆ ”

“ต่อให้ฉันไม่ได้มีสงครามเย็นกลับจี้หนานเฟิง ฉันก็ไม่สามารถรับปากได้ว่าจี้หนานเฟิงจะช่วยให้เธอได้เจอฉินโม่หาน…”

ซูสือเยว่ยิ้ม “แกต้องทำให้จี้หนานเฟิงรับปากที่จะมาเจอฉันก็พอแล้ว”

พอเห็นท่าทางที่แน่วแน่ของเธอ ฟู๋เชียนเชียนก็พูดอะไรไม่ออก

ผ่านไปครู่หนึ่งเธอก็ยิ้มอย่างไม่มีทางเลือก “ฉันจะพยายามให้ถึงที่สุด”

“แต่ว่าสือเยว่ ตอนนี้แกต้อง……เสแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรทั้งนั้น”

“เข้าใจ”

ซูสือเยว่พิงหัวเตียงแล้วก็ยิ้มให้กับฟู๋เชียนเชียนอย่างขมขื่น

“วางใจเถอะ”

เธอแยกแยะเรื่องที่สำคัญและไม่สำคัญได้

ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะรีบร้อนอยากเจอฉินโม่หาน อยากเห็นอาการของเขาในตอนนี้

แปลว่า……

เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เธอจะหลับหูหลับตาทำโดยวู่วามไม่ได้

หลังจากพูดจบ เธอก็ถามฟู๋เชียนเชียนเกี่ยวกับพัฒนาการช่วงนี้ของพวกเด็กๆ

ถ้าเธอรู้ว่าตอนนี้ฉินหนานเซิงกับลั่วเยียนกำลังดูแลพวกเด็กๆ ให้เธออยู่ เธอก็ถอนหายใจยาวออกมา แล้วก็รู้สึกสบายใจ

ไม่ว่าลู่จิ่งเฉินจะมีเป้าหมายอะไรกันแน่ แต่ว่าการที่พวกเด็กๆ อยู่กับฉินหนานเซิงและลั่วเยียน เธอก็รู้สึกสบายใจ

สองคนนี้ คนหนึ่งคือคนที่เธอเคยชอบมากที่สุด และหลังจากนั้นก็เป็นเพื่อนกัน

ส่วนอีกคนหนึ่ง ก็ได้รับการดูแลจากฉินโม่หานมานานหลายสิบปี

ไม่ว่าจะเป็นพวกเขาคนไหน ก็ไม่มีทางโหดร้ายทารุณกับซิงหยุน ซิงเฉินแล้วก็ซิงกวงอย่างแน่นอน

สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ก็คือการที่ได้เจอฉินโม่หาน

ต้องได้เจอเขากับตา ถึงจะได้สบายใจลง

ไม่อย่างนั้น……

เธอจะรู้สึกว่าหัวใจของเธอนั้นช่างว่างเปล่า

หลังจากที่ฟู๋เชียนเชียนกลับไปได้ไม่นาน ฉินหนานเซิงกับลั่วเยียนก็พาเด็กทั้ง 3 คนมาเยี่ยมเธอ

ซิงหยุนนั่งกุมมือเธอเงียบๆ อยู่ข้างเตียง ไม่พูดอะไรเลย

ซิงเฉินก็ยังคงอบอุ่นกับเธอมาโดยตลอด

ซิงกวงเถียงกับพี่ลองไปด้วย แล้วก็ปอกเปลือกส้มให้ซูสือเยว่กินไปด้วย

“พวกเราได้ยินข่าวที่อาเล็กจะหย่ากับคุณแล้ว”

ฉินหนานเซิงถอนหายใจ แล้วก็เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของซูสือเยว่อย่างนิ่งเรียบ

“ตอนแรกผมกับลั่วเยียนอยากจะปิดบังเรื่องนี้กับเด็กน้อยทั้งสามคน แต่ว่าสุดท้ายก็เลือกที่จะบอกพวกเขา”

“แต่ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะโตเป็นผู้ใหญ่มากกว่าที่ผมคิดเอาไว้”

“เด็กน้อยทั้ง 3 คนแม้แต่เลือกว่าหลังจากที่พวกคุณหย่ากันแล้ว จะตามไปอยู่กับคุณ”

“ตอนแรกผมก็นึกว่าอาเล็กจะไม่มีทางตกลง แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะตกลง……”

พอพูดจบ ฉินหนานเซิงก็ถอนหายใจออกมา

“ครั้งนี้หลังจากที่อาเล็กกลับมา ก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ดูห่างเหินกับผมและลั่วเยียนมาก แถมยังเย็นชากับลูกๆ อีก”

“ไม่รู้ว่าเขาได้ไปเจอกับความล้มเหลวอะไรมาหรือเปล่า……”

ซูสือเยว่ฟังสิ่งที่ฉินหนานเซิงพูดอย่างเงียบๆ แล้วก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน:

“ปล่อยเขาเถอะ”

“เขาหักหลังฉัน หักหลังลูก แล้วตอนนี้ก็จะหย่ากับฉันอีก ฉันไม่เหลืออะไรให้ไปอาลัยอาวรณ์อีกแล้ว”

คำพูดของหญิงสาว ทำให้ฉินหนานเซิงกับลั่วเยียนมองหน้ากันด้วยความตื่นตกใจ

ผ่านไปครู่หนึ่ง ลั่วเยียนก็พาเด็กน้อยทั้งสามคนกลับมาที่รถ

ฉินหนานเซิงนั่งอยู่บนวิลแชร์ ขมวดคิ้วมองซูสือเยว่ แล้วก็ลดเสียงลง:

“คุณคิดว่าอาเล็กหักหลังคุณจริงๆ เหรอ?”

ซูสือเยว่ยิ้ม “แล้วเรื่องพวกนี้มันไม่ใช่ความจริงอย่างนั้นเหรอ?”

ชายหนุ่มเงียบอยู่นาน

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ถอนหายใจออกมา:

“คุณรู้ไหม?”

“อาเล็กกลับมาครั้งนี้ แล้วก็ผ่าเจียงหลีกลับมาด้วย”

ซูสือเยว่อึ้งไป

เธอไม่คิดเลยว่า ลู่จิ่งเฉินจะพาเจียงหลีกลับมาด้วยอย่างนั้นเหรอ?

เขาจะทำอะไร?

พอเห็นท่าทางที่ช็อกของซูสือเยว่ ฉินหนานเซิงก็ถอนหายใจ:

“ดูเหมือนกับว่าคุณยังไม่รู้”

“ตอนนี้เจียงหลีแสดงตัวไปทุกหนทุกแห่งว่าตัวเองคือคู่หมั้นในอนาคตของอาเล็ก……”

“ผมเคยถามเกี่ยวกับความรู้สึกที่อาเล็กมีต่อเธอ อาเล็กก็บอกว่า ในเมื่อเคยนอนด้วยกันแล้ว จะทิ้งเธอไว้ก็ไม่ได้”

“เขาบอกว่าเขาไม่มีทางบ้านกลับเจียงหลี และก็ไม่มีทางแต่งงานกับเจียงหลี แต่ว่า……”

“เขาจะเก็บเจียงหลีไว้ข้างๆ ตลอด”

“แล้วอีกอย่าง ช่วงนี้พอเขาไปออกงานต่างๆ ก็พาเจียงหลีไปด้วยเสมอ……”

ซูสือเยว่รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก

ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าฉินโม่หานในตอนนี้ ภายนอกจะดูเหมือนฉินโม่หาน แต่ว่าเบื้องหลังนั้นคือพี่ชายของเขาลู่จิ่งเฉิน

แต่ว่า ต่อให้ผู้ชายคนนั้นคือลู่จิ่งเฉิน ก็ไม่ควรจะเก็บเจียงหลีไว้ข้างกาย……

เจียงหลีหน้าตาเหมือนลู่เนี่ยนโหรวเป๊ะ แถมยังเคยวางแผนจัดฉากว่าว่าฉินโม่หานเคยนอนกับเธอ……

ลู่จิ่งเฉินควรจะเกลียดเธอเข้ากระดูกดำสิถึงจะถูก แล้วทำไมถึงเก็บเจียงหลีไว้ข้างกายแล้วล่ะ?

แถมยัง……พาเธอเข้าไปร่วมในงานเลี้ยงสำคัญด้วยอย่างนั้นเหรอ?

ฉินหนานเซิงถอนหายใจ “ตอนแรกผมก็ไม่รู้ ว่าเจียงหลีหน้าเหมือนแม่แท้ๆ ของอาเล็กมาก”

“จนวันหนึ่งที่พ่อของผมเห็นอาเล็กพาเจียงหลีมาปรากฏตัวต่อหน้าเขา……”

“เหมือนโลกทัศน์ของพ่อผมถูกโจมตี”

“เขาบอกว่าอาเล็กเป็นบ้าไปแล้ว”

ซูสือเยว่กัดริมฝีปาก

คนที่เป็นบ้าไม่ใช่ฉินโม่หาน แต่ว่าเป็นลู่จิ่งเฉินพี่ชายของฉินโม่หานต่างหาก

ตอนนี้เขาใช้ตัวตนของฉินโม่หานอยู่

ถ้าเกิดว่าเป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าหลังจากฉินโม่หานฟื้นขึ้นมาเราเห็นข่าวนี้ คงจะเป็นบ้าไปเลยใช่ไหม?

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset