สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – ตอนที่ 112 ลูกสาวหน้าตาเหมือนคุณก็ดีนะสิ

มือของซูสือเยว่ที่กำโทรศัพท์เอาไว้แน่นพลันสั่นเล็กน้อย

จะยังไงเธอก็คิดไม่ถึงว่า ตอนที่เจี่ยนเฉิงให้ป้ายหยกชิ้นนั้นกับเธอ ตอนนี้จะตกอยู่ในมือของซูจิ่นเฉิงแล้ว!

แต่ว่า ….

หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกๆ “คุณซู ทำไมฉันรู้สึกว่าคุณกำลังโกหกฉันอยู่เลย”

“ป้ายหยกชิ้นนั้น ฉันจำได้ดีว่าครั้งที่แล้วก่อนที่ฉันจะไปบ้านตระกูลซูมันได้หายไปก่อนนั้นแล้ว”

“ตอนนี้คุณมาพูดกับฉัน คือฉันได้ทำมันหายครั้งที่แล้วใช่ไหม?”

ซูจิ่นเฉิงพูดแสยะยิ้มอย่างเย็นชา “คุณก็อย่าไปสนใจเลยว่ามันจะหายไปตอนไหน เพราะถึงอย่างไร ป้ายหยกชิ้นนี้มันคงสำคัญสำหรับคุณมาก”

เมื่อสิ้นเสียงน้ำเสียงของเขาแล้ว พลันข้อความในวีแชทของซูสือเยว่ก็ได้รับรูปภาพมาจากเขาหนึ่งรูป

ในรูปภาพนั้น เจี่ยนเฉิงส่งป้ายหยกให้กับเธอครั้งก่อน!

ซูสือเยว่ใจเต้นเล็กน้อย

เธอกดเสียงพูด “คุณต้องการอะไร?”

“แล้วคุณรู้สึกว่ายังไงล่ะ?”

น้ำเสียงของซูจิ่นเฉิงเย็นชามาก “ดึกขนาดนี้แล้ว โม่โม่ถูกพาตัวไปยังสถานีตำรวจแล้ว”

“นิสัยใจคอของเธอถูกเลี้ยงให้เสียนิสัย สถานีตำรวจสถานที่เช่นนั้นเธอคงอยู่ได้ไม่คุ้นชินนัก”

“ฉันให้อยากเธอกลับมา”

ซูสือเยว่เม้มปากเอาไว้ พลันเงยหน้าเหลือบตามองฉินโม่หานแวบหนึ่ง จากนั้นก็เปิดโหมดเปิดลำโพงบนหน้าจอโทรศัพท์

น้ำเสียงโอ้อวดหยิงผยองของซูจิ่นเฉิงดังก้องตรงทางเดิน

“ซูสือเยว่” นี่ฉันไม่ได้ข่มขู่แกนะ ก็แค่ป้ายหยกชิ้นนี้อยู่ในมือฉัน มันก็กลายเป็นของฉันแล้ว

“ถ้าแกไม่ทำตามที่ฉันบอกให้ทำ ฉันก็จะไม่เอาของชิ้นนี้ให้กับแก”

“ว่ากันว่าป้ายหยกชิ้นนี้ มันเกี่ยวข้องกับแม่ของแกที่แม่แต่แกก็ไม่เคยเจอหน้ากันเลยสักครั้งนี่”

“อีกอย่าง ถ้าฉันเป็นห่วงโม่โม่มากเกินคาด เกิดไม่ทันระวังจนทำป้ายหยกอันนี้ร่วงหล่นลงมา….”

“งั้นคุณก็ทำให้มันแตกไปเถอะ”

เขาพูดยังไม่ทันจบ ฉินโม่หานที่อยู่ทางนี้เริ่มอ้าปากพูดอย่างเย็นชา “คุณซู ตอนนี้ผมแนะนำให้คุณเอาป้ายหยกชิ้นนั้นทำให้มันแตกละเอียดไปซะเลย”

ซูสือเยว่ผงะทันที พร้อมทั้งจ้องมองฉินโม่หานอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ฉินโม่หานดึงโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของซูสือเยว่มาทันที

น้ำเสียงของชายหนุ่มเคร่งขรึมพร้อมทั้งถากถางเยาะเย้ยเล็กน้อย “คุณซู อย่าโทษที่ผมไม่ได้เตือนคุณนะ ตอนนี้ทุกคนในบ้านของคุณ สิ่งของที่สามารถมาข่มขู่ซูสือเยว่ได้ ก็เหลือแค่ป้ายหยกชิ้นนี้แล้วมั้ง?”

“เช่นนั้นคุณก็จัดการป้ายหยกชิ้นนี้ให้มันแตกละเอียดไปเลย การที่ทำเช่นนี้ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ก็ไม่สามารถมาข่มขู่พวกเราได้ พวกเราสามารถให้ซูโม่ตกทุกข์ได้ยากในสิ่งที่เธอควรจะสัมผัส”

ซูจิ่นเฉิงที่อยู่ปลายสายเงียบขรึมลง

แท้จริงแล้ว ในมือของเธอนั้นเหลือเพียงแค่ป้ายหยกชิ้นนี้เท่านั้นที่สามารถทำให้ซูสือเยว่ยอมประนีประนอมได้

แม้ว่าเขาจะใช้การข่มขู่ซูสือเยว่ว่าจะทำให้ป้ายหยกชิ้นนี้แตกละเอียด แต่ว่าเขาก็มิอาจจะทำเช่นนี้ได้

คำพูดข่มขู่นั้น แต่กลับถูกฉินโม่หานมองออกทันที

“ถ้าผมเป็นคุณแล้วล่ะก็”

เมื่อเห็นว่าซูจิ่นเฉิงไม่พูดไม่จา ฉินโม่หานพลันเอ่ยปากพูดอย่างเย็นชาต่อ “ผมจะดูแลเอาใจใส่ซูสือเยว่เป็นอย่างดี อีกทั้งยังคิดหาสิ่งของอันมีค่าที่สุดมาแลกเปลี่ยน แต่ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ การทำลายป้ายหยกให้แหลกละเอียดเพื่อเอามาแลกกับการนอนหลับฝันหวานของซูโม่ในคืนนี้”

เสียงของชายหนุ่มเคร่งขรึมลง จนทำให้คนไม่สามารถทนทานต่อต้านอำนาจความเคร่งขรึมนั้นได้เลย

คฤหาสน์ตระกูลซู ร่างกายของซูจิ่นเฉิงเริ่มสั่นเทา

เมื่อเขามองไปทางป้ายหยกที่วางอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟา ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าป้ายหยกชิ้นนี้เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้

ใช่สิ

เมื่อครู่ที่เขาพูดว่าทำป้ายหยกให้แตกละเอียด ก็เป็นการข่มขู่เด็กสาวที่ไม่มีจุดยืนอย่างซูสือเยว่เท่านั้นเอง

เมื่อได้เจอกับผู้ชายที่นิ่งเฉยเย็นชาอย่างฉินโม่หาน แค่แผนล่อหลอกนิดหน่อยก็เผยออกมาแล้ว

ชั่วครู่ ซูจิ่นเฉิงถอนหายใจออกมา “ท่านชายฉิน”

น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึม “ฉันอยากจะใช้ป้ายหยกชิ้นนี้ในการปกป้องโม่โม่”

ฉินโม่หานยิ้มให้อย่างเย็นชา “หยกชิ้นหนึ่ง มันด้อยค่ากับชีวิตของซูโม่อีกไกลโข”

“ถึงแม้ว่าป้ายหยกชิ้นนี้มารดาของสือเยว่ทิ้งไว้ให้ แต่ว่าผมก็เชื่อว่า ไม่ว่ามารดาของเธอนั้นจะมีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม ขอแค่ผมฉินโม่หานยินยอม ผมก็สามารถหาตัวเธอเจอ”

“ถึงเวลานั้น หยกชิ้นนี้ของคุณ ก็ไม่ได้มีค่ามีราคาอะไรแล้ว”

มือของซูจิ่นเฉิงที่กำโทรศัพท์เอาไว้สั่นเทาอย่างหนักหน่วง

เขาพูดออกมาอย่างโกรธแค้น “เช่นนั้นท่านชายฉินรู้สึกว่า ผมสามารถใช้ป้ายหยกชิ้นนี้แลกกับอะไรได้?”

“ถ้าไม่ได้เกินความคาดหวังของผมแล้ว ผมก็จะจัดการทำลายป้ายหยกชิ้นนี้ให้แหลกละเอียดไป!”

“เช่นนั้นผมแนะนำให้คุณทำลายมันให้แตกละเอียดในตอนนี้เลยแล้วกัน”

“ถึงอย่างไรคนที่ซูโม่ทำร้ายนั้นไม่ใช่ภรรยาของผม ผมก็ไม่สามารถเข้าไปยุ่มย่ามได้ แต่ว่าถ้าคุณทำป้ายหยกแตกแล้ว ผมเองก็มีเหตุผลเพียงพอในการที่จะลงมือกับซูโม่”

ซูจิ่นเฉิง “….”

เขามองป้ายหยกที่อยู่ด้านหน้าราวกับสิ่งที่รับมือยากๆในมือ

ทั้งๆ ที่เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ตอนที่เขาหาป้ายหยกนี้เจอ ราวกับมันการเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้!

ทว่าตอนนี้ เขาก็ไม่สามารถเอาป้ายหยกชิ้นนี้ทำอะไรกับซูสือเยว่ได้

ไม่สามารถปกป้องซูโม่เอาไว้ได้ และก็ไม่สามารถทำให้ซูโม่มีชีวิตดีขึ้นกว่าเดิมได้ กระทั่ง ยังไม่สามารถทุบให้เสียหายและให้แหลกละเอียดคามือได้!

ที่แท้ ….นี่คือสิ่งตอบแทนของการไปยั่วยุฉินโม่หานเหรอเนี่ย?

ทั้งๆ ที่ในมือของเขากำลังกำสิ่งของที่ซูสือเยว่สนใจที่สุด แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย!

สักพัก ซูจิ่นเฉิงสูดลมหายใจเข้าลูกๆ “ท่านชายฉิน ตอนนี้ผมสามารถทำอะไรได้?”

“เก็บของที่อยู่ในมือของคุณเอาไว้ให้ดี รอเวลาสำคัญที่สุด บางทีคุณอยากจะได้รับของในสิ่งที่คุณต้องการ”

“แต่ต้องจำไว้ว่า คุณไม่มีสิทธิ์มาพูดคุยเรื่องเงื่อนไขกับผม”

เมื่อพูดจบแล้ว เขาไม่รอให้ซูจิ่นเฉิงตอบกลับอะไรเลย พลันตัดสายทิ้งทันที

ซูสือเยว่อ้าปากค้าง

ชายหนุ่มนำโทรศัพท์ยังใส่ในมือของเธอ ริมฝีปากกระตุกรอยยิ้มบางๆ “มองจนเอ๋อไปแล้ว”

“อื้อ”

ซูสือเยว่พยักหน้าอย่างหนักหน่วง เธอนั่นมองจนเอ๋อไปแล้วจริงๆ แหละ

บางทีอาจจะเป็นเพราะว่า ฉินโม่หานอ่อนโยนต่อหน้าเธอมาตลอด เธอไม่เคยเห็นเขาที่ตีหน้าเครียดด้านนี้มาก่อนเลย

โทรศัพท์เมื่อครู่ ทั้งๆ ที่เป็นซูจิ่นเฉิงโทรมาข่มขู่ก็ตาม แต่สุดท้ายแล้ว มันกลายเป็นฉินโม่หานคอยบดขยี้ซูจิ่นเฉิงอยู่ฝ่ายเดียว

นอกจากเธอพูดออกมาประโยคหนึ่งว่าสุดยอดแล้ว ยังสามารถทำอะไรได้อีก?

“กลับไป”

เมื่อเห็นว่าเธอยืนตะลึงงึงงันอยู่ ฉินโม่หานพลันยกมือขึ้นลูบศีรษะของเธออย่างหมดความอดทน พร้อมทั้งดึงมือเธอขึ้นลิฟต์ “พรุ่งนี้ยังมีเรื่องมากมายต้องทำกัน”

ซูสือเยว่พยักหน้าหงึกหงัก และเดินออกไปพร้อมกับเขา

ตอนทางกลับ เธอนั่งอยู่ที่เบาะด้านหลัง และมักจะอดใจไม่ไหวในการใช้หางตาแอบมองเขาอยู่เสมอ

เขากำลังหลับตาหลังพิงเบาะหลังที่เป็นหนังแท้เพื่อพักสายตา

รูปลักษณ์ของชายหนุ่มเด่นสันชัดเป็นสัดส่วน แม้ว่าจะหลับตาก็ตาม แต่ทั้งตัวก็เปล่งรัศมีความแข็งแกร่งออกมาจนอยากให้คนเพิกเฉยได้

ผู้ชายคนนี้ ….มีความหยิ่งผยองอยู่เป็นทุนเดิมอย่างแท้จริง

ฉินโม่หานยังไม่ทันลืมตาด้วยซ้ำ “ผมหน้ามองขนาดนั้นเชียว?”

ซูสือเยว่ตัวแข็งทื่อ พลันรีบเบนสายตาทันที “ฉันก็แค่รู้สึกว่า …คุณเก่งมาก”

ก่อนหน้านี้โทรศัพท์ของซูจิ่นเฉิง มันทำให้เธอจมอยู่กับความชื่นชมและตกใจเขาไปพร้อมกัน

“ผ่านเรื่องมาตั้งมากมาย ก็ไม่เคยถูกข่มขู่ได้เลย”

ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

ซูสือเยว่เม้มริมฝีปาก “ก่อนหน้านี้คุณถูกคนข่มขู่มาก่อนเหรอ?”

ชายหนุ่มเงียบขรึมอยู่ชั่วครู่

สุดท้ายแล้ว เขาคลี่ยิ้มออกมา “ในทางธุรกิจ เรื่องพวกนี้พบเจอได้บ่อยมาก”

ซูสือเยว่พยักหน้าให้

ก็ใช่

เขาทำธุรกิจ เรื่องพวกนี้น่าจะเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง

เมื่อเห็นว่าเธอไม่พูดไม่จา ชายหนุ่มเลยเปลี่ยนเรื่องคุย “วันนี้คือวันคล้ายวันเกิดของจี้ซิงกวงคนก่อนคนนั้นเหรอ?”

“อืม”

ซูสือเยว่พยักหน้า “คุณยังจำเธอได้”

เธอคิดว่าเขาเป็นคุนยุ่งมากขนาดนี้ ก็คงไม่จดจำเด็กสาวที่เจอหน้ากันด้วยความบังเอิญ

“แน่นอนสิ”

ฉินโม่หานfดึงตัวเธอเข้าสู่อ้อมกอด “เธอหน้าตาเหมือนกับคุณเลย”

นานพอควร พลันมีเสียงชายหนุ่มดังขึ้นอยู่เหนือศีรษะของซูสือเยว่ “ถ้าลูกสาวของเราหน้าตาเหมือนกับคุณก็คงดี”

การอยู่ในอ้อมกอดของเขานั้น เมื่อได้ยินน้ำเสียงทุ้มต่ำอย่างสดใสดังขึ้น ใบหน้าของซูสือเยว่ร้อนผ่าว “แต่เรื่องสมองก็ต้องให้เหมือนคุณนะ ความฉลาดอ่ะ”

ไม่ต้องเหมือนเธอ โง่จะตาย

ชายหนุ่มยิ้มให้ทันที “ก็ถูกอีก”

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset