ประธานเจิ้งมีสีหน้าตกใจแล้วเอ่ยพูด : “รุ่นพี่ซุน ชายหนุ่มคนนั้นที่คุณพูดถึงมาตลอด เป็นเขาจริงเหรอ?”
ซุนจ้าวเหนียงพยักหน้า “ใช่แล้ว คือหมอเทวดาน้อยคนนี้แหละ”
“วันนั้นถ้าหากไม่ใช่เขา ฉันก็คงต้องเห็นคนตายไปต่อหน้าต่อตาแล้ว ชีวิตนี้ฉันคงต้องอยู่อย่างรู้สึกผิด ทักษะการแพทย์ของหมอเทวดาน้อยคนนี้แหละที่ช่วยชีวิตผู้ป่วยเอาไว้”
“แนวคิดทางการแพทย์ของเขา รวมถึงทักษะทางการแพทย์ที่น่าทึ่งนั้น ล้วนควรค่าแก่การเรียนรู้ทั้งนั้น”
คำพูดของซุนจ้าวเหนียง เหมือนระเบิดลูกใหญ่ที่ถูกโยนออกมาอีกครั้ง
พวกเขายากที่จะทำใจยอมรับ เสี้ยววินาทีก่อนยังเป็นขยะที่ถูกทุกคนเยาะเย้ยอยู่เลย ตอนนี้กลับกลายเป็นหมอเทวดาที่แม้แต่ซุนจ้าวเหนียงก็ยกย่องชื่นชม!
หักมุมแบบนี้ พวกเขารับไม่ได้จริง ๆ
“พอเถอะ”
เซียวหยางโบกปัดมือ “คนที่ไม่รู้แล้วยังทำอวดดี ผมสอนไม่ได้หรอก”
พูดจบ ก็หมุนตัวเดินจากไป ไม่มีทีท่าจะหยุดเลยสักนิด
“หมอเทวดาน้อยหยุดก่อนเถอะครับ!”
ซุนจ้าวเหนียงรีบเดินตามไปทันที แล้วจับแขนเซียวหยางไว้ เอ่ยพูดด้วยสีหน้าท่าทางถ่อมตัวและจริงใจ : “หมอเทวดาน้อย ใครทำให้คุณไม่พอใจเหรอครับ?”
ฐานะของซุนจ้าวเหนียงในวงการแพทย์นั้น ไม่มีใครในที่นี้เทียบชั้นกับเขาได้เลย แต่เขากลับเรียกหมอเทวดาน้อยอย่างเต็มปากเต็มคำ มีท่าทีเคารพนับถืออย่างจริงใจ ไม่เย่อหยิ่งทะนงตนเลยแม้แต่น้อย
นี่คือความแตกต่างระหว่างแพทย์ผู้ยิ่งใหญ่กับหมอธรรมดาทั่วไป
ผู้รู้คืออาจารย์ ผู้มีความสามารถคือผู้ยิ่งใหญ่!
แม้ว่าซุนจ้าวเหนียงมีอายุมากกว่าเซียวหยางสี่สิบกว่าปี ก็ยังไม่กล้าเรียกตัวเองว่าผู้อาวุโส
แต่เซียวหยางกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใด ๆ ยังคงไม่สนใจเขาเหมือนเดิม
ซุนจ้าวเหนียงรู้สึกอายเล็กน้อย จึงหันไปมองทุกคนด้วยสายตาโมโห แล้วพูดว่า : “เมื่อกี้พวกแกล่วงเกินหมอเทวดาน้อยกันใช่ไหม พูดมาเดี๋ยวนี้!”
“คือว่า……” ทุกคนต่างเลิ่กลั่กมองหน้ากันไปมา
แม่งเอ้ย ล่วงเกินก็ล่วงเกินไปแล้ว ใครจะกล้าพูดออกมาล่ะ พูดไปคุณก็ระเบิดอารมณ์ใส่น่ะสิ
ประธานเจิ้งฝืนยิ้มออกมา แล้วพูดอย่างรู้สึกผิดว่า : “รุ่นพี่ซุน เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ เมื่อกี้……”
ประธานเจิ้งอธิบายเรื่องราวให้ฟังคร่าว ๆ เขายังพูดไม่ทันจบ ซุนจ้าวเหนียงก็ตบโต๊ะอย่างแรงทันที
ปัง!
“ไม่ได้เรื่อง พวกแกนี่มันไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ!”
“มิน่าล่ะหมอเทวดาน้อยถึงได้มีสีหน้าไม่รับแขกอย่างนั้น บอกว่าพวกแกอวดดียกตนข่มท่าน พวกแกมีสิทธิ์อะไรไปทำแบบนั้นกับหมอเทวดาน้อย พวกแกมีคุณสมบัติอะไร?”
ลูกศิษย์ผู้หญิงของซุนจ้าวเหนียงพูดขึ้นมาด้วยความรู้สึกไม่ชอบธรรม : “อาจารย์ นี่มันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรานะคะ”
“พวกเราจะไปรู้ได้ยังไงว่าเขาคือหมอเทวดาน้อยคนนั้นที่อาจารย์พูดถึง แถมเจ้าหนุ่มนั่นยังพูดว่าทักษะการแพทย์ของอาจารย์ธรรมดาและอ่อนด้อยล้าหลัง พวกเราก็ต้องโกรธเป็นธรรมดา”
“ทักษะการแพทย์ธรรมดาแล้วมันยังไง?”
“อ่อนด้อยล้าหลังแล้วมันทำไมห๊ะ?”
“ฉันคิดว่าหมอเทวดาน้อยพูดถูกต้องแล้ว!” ซุนจ้าวเหนียงพูดออกมาด้วยความหวังดี
“พวกแกนี่นะ แต่ละคนเหมือนกบในกะลา เมืองหยินโจวเป็นเพียงพื้นที่เล็ก ๆ เท่านั้น แต่คนที่รู้เรื่องการแพทย์กลับมีมากมายทั่วทุกแห่งหน คนที่ฉลาดรอบรู้กว่าซุนจ้าวเหนียงมีเยอะแยะถมเถไป หรือพวกแกจะต้องหาเรื่องระรานแต่ละคนไปเรื่อยงั้นเหรอ?”
ซุนจ้าวเหนียงเป็นคนที่โมโหไม่บ่อยนัก แต่ถ้าโมโหขึ้นมาเมื่อไหร่ กลับทำให้ทุกคนกลัวจนตัวสั่นงันงก เหมือนกำลังเหยียบอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ
ไม่เพียงแต่หมอพวกนี้เท่านั้น แม้แต่ผู้ประกอบการพวกนั้น ก็ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออกมา
ถึงแม้พวกเขาไม่เข้าใจเรื่องทักษะด้านการแพทย์ แต่เคสตัวอย่างเมื่อครู่นี้ที่ผู้อาวุโสซุนกล่าวถึง กลับเข้าใจได้อย่างง่ายดายแม้เป็นเรื่องยากก็ตาม อธิบายได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง จนพวกเขาก็สามารถฟังเข้าใจ
ส่วนไอ้คนสติไม่ดีคนนั้นที่พวกเขาพูดถึง ไอสวะที่สมองมีปัญหาคนนั้น กลับเป็นหมอเทวดาน้อย!
หลี่เป่าเหนิงสีหน้าดูแย่หน้าดำหน้าแดงเหมือนตับหมู เพราะเมื่อครู่นี้เขาเป็นคนด่าแรงที่สุดแล้ว
แต่เขาก็ยังคงรู้สึกสงสัยและระแวงอยู่
“ผู้อาวุโสซุน ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่เชื่อคำพูดของคุณนะครับ เพียงแต่ไอหนุ่มนี่อายุน้อยขนาดนี้ พูดจาโอหังอวดดี พวกเราอดสงสัยไม่ได้จริง ๆ ว่าคนคนนี้จะมีความคิดชั่วร้ายแอบแฝง”
“นายหมายความว่ายังไง?”
หลี่เป่าเหนิงยิ้มอย่างร้ายกาจออกมา แล้วพูดว่า : “คุณคิดดูนะครับ วันนั้นจู่ ๆ ที่ห้างฯก็เกิดมีคนล้มป่วย คุณก็อยู่ที่นั่นพอดี แล้วอาการป่วยของคนป่วยรายนั้นคุณก็ไม่สามารถรักษาได้พอดีเช่นกัน แต่ไอหนุ่มนี่กลับรักษาได้”
“และการแข่งประมูลในวันนี้ ไอหนุ่มนี่ก็โผล่มาอยู่ในบริษัทหยุนซู เรื่องนี้มันบังเอิญเกินไปหน่อยไหมครับ?
เมื่อพูดแบบนี้ออกมา ก็ทำให้ทุกคนในที่นั้นต่างพยักหน้าเห็นด้วยทันที ราวกับว่าคำพูดนี้สะกิดให้พวกเขากระจ่างขึ้นมา
ถ้าหากตั้งแต่วันนั้น เป็นแผนการที่บริษัทหยุนซูวางไว้ตั้งแต่แรกล่ะ แม้แต่ซุนจ้าวเหนียง ก็เป็นหมากในแผนการนี้ด้วย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อทำให้บริษัทหยุนซูได้รับความร่วมมือในโครงการนี้
พระเจ้า แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว
ลูกศิษย์ผู้ชายคนนั้นของซุนจ้าวเหนียงก็มีท่าทางเหมือนเข้าใจขึ้นมาทันที แล้วรีบพูดว่า : “ใช่แล้วครับอาจารย์ ที่เขาพูดมามีเหตุผลนะครับ”
“คุณเน้นย้ำมาตลอด ว่าการแพทย์แผนจีนให้ความสำคัญกับเรื่องของประสบการณ์ เขาอายุน้อยขนาดนี้ ต่อให้วันนั้นเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ ก็อาจเป็นเพราะเขาเคยรักษาผู้ป่วยที่มีอาการแบบนี้มาก่อน ถึงได้เชี่ยวชาญคล่องแคล่ว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทักษะทางการแพทย์ของเขาจะเก่งกาจนะครับ”
ทุกคนต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วย จริงด้วย คำพูดนี้ฟังดูมีเหตุผล
เซียวหยางได้ยินเขาพูดอย่างนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะทำเสียงเหอะออกมา
บนโต๊ะที่อยู่ด้านข้างของเขา มีถุงเข็มเงินวางอยู่พอดี เซียวหยางแค่หงายฝ่ามือ เข็มเงินหลายเล่มก็มาอยู่ในมือของเขา
จากนั้นถูนิ้ว แล้วสะบัดข้อมือ เสียงเข็มเงินก็ดังฟึบ แล้วทิ่มเข้าไปอยู่บนผิวโต๊ะทันที
ฟึบ ฟึบ ฟึบ!
เสียงเบา ๆ ดังขึ้นต่อเนื่องหลายครั้ง เข็มเงินเหล่านั้นก็ทิ่มเข้าไปอยู่บนผิวโต๊ะ
เข็มเงินที่ยาวประมาณสิบเซนติเมตร ทิ่มเข้าไปในผิวโต๊ะถึงครึ่งเล่ม
ผู้ประกอบการจำนวนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างประหลาดใจกันเล็กน้อย แต่ก็ไม่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงมากเกินไป แต่พวกหมอทั้งหลายกลับมีสีหน้าที่คาดไม่ถึง
เข็มเงินไม่ได้เหมือนกับที่คนภายนอกคิดกันหรอก แต่แข็งเหมือนเข็มปักดอกไม้ เพียงแค่ขยับมือเล็กน้อย ก็มีประสิทธิภาพเหมือนเข็มจอมโจรปักดอกไม้
ส่วนหัวของเข็มเงินนั้นแข็งแรงมาก ส่วนปลายหางมีความอ่อนนุ่ม เวลาแทงเข็มเงินเข้าร่างกาย จำเป็นต้องหมุนปั่นเข็มอย่างต่อเนื่อง ยิ่งถ้าแทงเข้าไปในโต๊ะก็ยิ่งยากไปใหญ่
ประธานเจิ้งลูกตาแทบจะถลนออกมา ลมหายใจเริ่มมีไอร้อนแผ่ออกมา แล้วอุทานออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ส่วนหมอคนอื่น ๆ ก็ส่งเสียงร้องอย่างตกตะลึงออกมา
“เข็มเงินฝังไม้!”
“พระเจ้า เข็มเงินฝังเข้าไปในไม้จริง ๆ ด้วย ในโลกนี้มีคนทำแบบนี้ได้จริง ๆ เหรอเนี่ย?”
ในวงการแพทย์แผนจีน เรื่องเข็มเงินฝังไม้ เรียกได้ว่าเป็นตำนานเล่าขานกันมาเรื่องหนึ่ง มีบันทึกไว้เพียงประปรายในคัมภีร์โบราณ แพทย์ผู้ยิ่งใหญ่บางคนเท่านั้นถึงทำได้
แต่แม้ว่าจะเป็นถึงแพทย์ผู้ยิ่งใหญ่ ก็ต้องใช้พละกำลังในการแทงเข็มเงินเข้าไปในเนื้อไม้ แต่เซียวหยางกลับใช้มือหนีบเข็มเงินหลายเล่มไว้เพียงชั่วพริบตาเดียวเข็มก็ทิ่มเข้าไปในโต๊ะแล้ว
น่าตื่นตะลึงมาก!
เหลือเชื่อจริง ๆ!
“ยังต้องให้ฉันพิสูจน์อีกไหม?”
น้ำเสียงที่เฉยชาของเซียวหยางดังขึ้น เข็มเงินฝังไม้ในสายตาของพวกเขาถือเป็นทักษะที่ไร้เทียมทาน แต่สำหรับเซียวหยางก็แค่เป็นการแสดงระดับเริ่มต้นเท่านั้นเอง
“เหลือเชื่อจริง ๆ น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!”
ประธานเจิ้งตกใจจนพูดไม่ออก ได้แต่อุทานออกมาไม่หยุด
“ทักษะระดับนี้ กำลังแขนแบบนี้ อายุเท่านี้! ฉันยอมศิโรราบให้เลย!”
ส่วนลูกศิษย์ทั้งสองคนของซุนจ้าวเหนียง ตอนนี้ได้แต่นิ่งอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
เทคนิคเข็มเงินฝังไม้ พวกเขาก็เคยอ่านผ่านตามาบ้าง แต่เพราะยากเกินไป พวกเขาจึงล้มเลิกไปนานแล้ว พวกเขาถึงขั้นฟันธงเลยว่า บนโลกใบนี้ ไม่มีใครสามารถทำได้ถึงขั้นนี้แน่นอน
แม้ว่าซุนจ้าวเหนียงจะสามารถฝังเข็มเงินเข้าไม้ได้สามส่วน แต่หนุ่มคนนี้กลับฝังเข็มเงินลงไปได้ถึงห้าส่วน และฝังเข็มเงินได้พร้อมกันหลายเล่มอีกด้วย
ความแตกต่างระดับนี้ เห็นได้ชัดเจนมาก
พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ เพราะอายุของเซียวหยางก็เพิ่งยี่สิบกว่าปีเอง แต่สามารถทำได้ถึงขั้นนี้ พวกเขาได้แต่ถามตัวเองว่า ไอหนุ่มคนนี้ยังเป็นคนจริง ๆ หรือเปล่า?