ภายในห้องสอบสวน
นายตำรวจร่างกายสูงใหญ่กำยำสี่นาย จ้องมองเซียวหยางด้วยสีหน้าท่าทางไม่เป็นมิตร
คนที่นำหน้ากล่าวด้วยใบหน้าบึ้งตึง“เซียวหยาง เล่ามาซิ ว่านายจ้างฆ่าคนยังไง? ทางที่ดีบอกมาตรง ๆ ไม่งั้นละก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเจ็บตัว!”
ตั้งแต่ที่ถังเทียนหวาเสียชีวิตไป พูดได้ว่าถังหมิ่นได้ระดมเครือข่ายทั้งหมด กดดันทางฝ่ายตำรวจอย่างต่อเนื่อง
หวงหย่งกางรองผู้บัญชาการแห่งสถานีตำรวจประจำเมืองได้ออกคำสั่งขั้นเด็ดขาดกับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ภายในสามวัน จะต้องหาตัวฆาตกรออกมาให้ได้ ดังนั้นผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาถึงได้รีบร้อนที่จะไขคดีนี้ให้ได้ ถึงขั้นใช้ศาลเตี้ยกับเหล่าผู้ต้องสงสัย!
เซียวหยางมองผู้คนที่อยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางสงบเยือกเย็น พลางกล่าว“ผมยังไม่รู้เลยว่าพวกคุณจับผมมาทำไม พวกคุณควรจะอธิบายกับผมก่อนหรือเปล่า?”
“ยังจะมาแกล้งทำเป็นไม่รู้อีก!”
คนที่นำหน้าตกลงไปบนโต๊ะครั้งหนึ่ง แสงสว่างจ้าสาดส่องกระทบตาของเซียวหยาง ทำให้เซียวหยางต้องหลี่ตาลง
โดยปกติแล้วเวลาที่พวกเขาสอบปากคำผู้ต้องหา เรื่องบังคับให้สารภาพนั้นพวกเขาได้มีการศึกษามาเป็นอย่างดี พวกเขาจะใช้ทุกวิธีเพื่อให้ผู้ต้องหาเอ่ยปาก รับสารภาพในเรื่องที่พวกเขาไม่ยินยอม
“ตกลงแล้วนายได้เป็นคนฆ่าถังเทียนหวาหรือเปล่า? บอกมา!”
เซียวหยางยักไหล่ แล้วกล่าวอย่างเรียบ ๆ “ผมไม่ได้เป็นคนฆ่า พักคนจับผิดคนแล้ว ถ้าไม่มีหลักฐาน ผมแนะนำให้พวกคุณรีบปล่อยผมซะ”
คนที่อยู่ด้านหลังคนหนึ่งเห็นเซียวหยางมีท่าทางไม่เกรงกลัวเลยสักนิด สีหน้าเย็นชาลง เขาลุกขึ้นมาและต่อยเข้าไปที่ท้องของเซียวหยาง
“ปากแข็งนักใช่ไหม!”
ปัง!
หมัดนี้ราวกับต่อยลงไปบนแผ่นเหล็ก แรงกระแทกกลับ ทำให้มือของเขาถูกกระแทกจนชา
“แม่งเอ๊ย ร่างกายของไอ้หมอนี่ทำมาจากเหล็กหรือไง ทำไมแข็งแบบนี้วะ!?”
เซียวหยางถูกต่อยไปหนึ่งหมัด สีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด พละกำลังเช่นนี้ ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะทำให้เขาจักจี้ด้วยซ้ำ
แต่ว่าตำรวจคนถึงกับหนึ่งลงมือทำร้ายคน เช่นนั้นนับว่าเขาไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นตำรวจอีกแล้ว
“นี่พวกคุณกำลังใช้อำนาจทำร้ายคนมั่วซั่ว หรือว่าพวกคุณไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมาเลยเหรอ?”
“คิดจะขู่พวกเรางั้นเหรอ? ตอนที่พวกเรามาทำอาชีพนี้ นายยังสวมผ้าอ้อม (กางเกงเปิดเป้า) อยู่เลย ทางที่ดีนายรับสารภาพดีกว่า ไม่อย่างนั้นล่ะก็อีกเดี๋ยวจะต้องเจ็บตัวเอา!”
พวกเขาเองก็ดูออก เซียวหยางเหมือนจะไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด แค่จากที่เขาต้องเผชิญหน้ากับตำรวจสี่นาย ยังสามารถสงบได้สงบขนาดนี้ ก็ไม่ใช่คนธรรมแล้ว
แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ ก็ยิ่งน่าสงสัย คนตระกูลถังได้พูดแล้ว ไม่ว่ายังไง จะต้องสืบเรื่องนี้ให้กระจ่างแจ้งให้ได้
พวกเขาไม่สนใจกระบวนการ เพียงสนใจผลลัพธ์เท่านั้น
เซียวหยางทำเสียงหัวเราะในลำคอหนึ่งครั้งด้วยความเหยียดหยาม“คิดจะใส่ความใคร ยังไงก็มีข้ออ้าง”
ต่อให้เขาแก้ตัวยังไง ก็ไม่มีประโยชน์อะไรสักนิด ดังนั้นเลยถือโอกาสไม่สนใจคนพวกนั้น และเริ่มหลับตาสงบจิตขึ้นมา
ณ ห้องทำงานผู้บัญชาการ
“ท่านผู้บัญชาการคะ ผลการผลการชันสูตรศพได้ออกมาแล้วค่ะ” เจียงเซิ่งหนานได้ถือเอารายงานผลการชันสูตรศพมาถึงห้องทำงานผู้บัญชาการ
หม่าเจียเฉิงลุกขึ้นมาและรับเอาเอกสารรายงานผลไป จากนั้นก็เปิดออกดู
“คอนเฟิร์มเวลาตายที่ตีหนึ่ง สาเหตุการตายคือคอหัก แต่ไม่ใช่เพราะถูกไฟคลอกตาย”
“ถ้าอย่างนั้น เรื่องนี้ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเซียวหยางงั้นเหรอ?”
เจียงเซิ่งหนานเอ่ยตอบ“อืม ใช่ค่ะ จากกล้องวงจรปิดบนถนน เซียวหยางได้จากไประหว่างงานเลี้ยงค็อกเทล ปรากฏตัวที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ในเวลาสี่ทุ่ม และได้เข้าพักห้องสแตนดาร์ดห้องหนึ่ง ดูจากกล้องวงจรปิด เขาไม่ได้ออกมาจากห้องอีกเลยในคืนนั้น”
“ท่านผู้บัญชาการคะ พวกเราจะใส่ความคนดีไม่ได้นะคะ เซียวหยางมีหลักฐานว่าไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ ยิ่งไปกว่านั้น สองวันก่อนเซียวหยางยังได้จับพวกโจรชิงทรัพย์ถึงสองสามคน ทำให้พวกเราสามารถใช้เบาะแสตามจับพรรคพวกร่วมขบวนการของพวกมันได้อีกห้าสิบคน เขาเป็นพลเมืองดีนะคะ”
หม่าเจียเฉิงทอดถอนใจกล่าว“เซิ่งหนาน ฉันรู้ว่าเธอเที่ยงธรรมและจิตใจงดงาม แต่ว่าคนของสถานีตำรวจประจำเมืองได้มาแล้ว เรื่องนี้ทางที่ดีพวกเราอย่ายื่นมือเข้าไปแทรก ในความเห็นของฉันนะ มีความเป็นไปได้สูงว่าเซียวหยางได้ล่วงเกินตระกูลถัง”
คนอื่นดูไม่ออก หรือว่าเขาจะดูไม่ออกงั้นเหรอ สี่คนที่มาจากสถานีตำรวจประจำเมืองนั่น เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มาดี
“งั้นต้องทำยังไงคะ?” เจียงเซิ่งหนานร้อนรนขึ้นมาเล็กน้อย
ตั้งแต่ที่ทั้งสองคนกล้ายืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้องจนขึ้นพาดหัวข่าวเมื่อครั้งที่แล้ว เธอก็รู้สึกว่าถึงแม้เซียวหยางจะดูเหมือนไม่ค่อยจริงจังกับอะไรสักเท่าไหร่ แต่ความจริงแล้วเขากลับเป็นคนดีที่มีความยุติธรรม
เธอไม่อยากจะเห็นคนดีถูกใส่ความหรอกนะ สี่คนที่มาจากสถานีตำรวจประจำเมืองนั่น ดูก็รู้ว่าไม่ได้มาดี
หม่าเจียเฉิงแสดงท่าทางเฉลียวฉลาดออกมา พลางกล่าว“วางใจเถอะ พวกเราไม่มีวิธี ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นไม่มีวิธี ในเมืองหยินโจวแห่งนี้ ไม่ใช่ว่าจะมีตระกูลถังเป็นใหญ่ซะหน่อย พวกเราแค่รอดูก็พอ”
ณ เวลานี้ ภายในห้องสอบสวน
“สารเลว แกจะสารภาพไหม?”
“สารภาพแล้วยังไง ไม่สารภาพแล้วยังไง?” เซียวหยางยิ้มหยัน
“สารภาพแล้วก็รอนอนคุก ไม่สารภาพก็รอเจ็บตัวซะ!”
เซียวหยางเบ้ปาก“มันก็มีค่าเท่ากันนี่ รับสารภาพถูกลดโทษ แต่ต้องจำคุกเป็นเวลานาน ปฏิเสธอาจถูกเพิ่มโทษ แต่ก็ได้กลับบ้านไป”
คนที่นำหน้าคนนั้นแสยะยิ้ม“ดูเหมือนว่านายจะไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา เอาเครื่องมือมา”
ปัง!
ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ ประตูห้องสอบสวนก็ถูกกระแทกเปิดออก ผู้บัญชาการวางเชี่ยวฉู่ รองผู้บัญชาการหวงหย่งกางยืนอยู่ที่หน้าประตู ที่ด้านหลังยังมีผู้บัญชาการสถานีตำรวจเขตเมืองหม่าเจียเฉิงและเจียงเซิ่งหนานยืนอยู่ด้วย
และหวงหย่งกางที่ยืนอยู่ด้านข้างวางเชี่ยวฉู่นั้นมีท่าทางราวกับไก่ป่วย ไม่มีชีวิตชีวา แวบเดียวก็มองเห็นผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสี่กำลังจะลงมือกับเซียวหยาง เขาโมโหหน้าดำหน้าแดงขึ้นมาทันที แทบอดไม่ได้ที่จะฟาดเข้าไปที่กกหูของพวกเขา!
พวกเขาเดินเรียงกันเข้าไปเป็นแถว ส่วนนายตำรวจทั้งสี่คนที่วางมาดกำเริบเสิบสานอยู่เมื่อสักครู่ ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้นมา
พวกเขาคิดไม่ถึงว่า แม้แต่มือหนึ่งแห่งสถานีตำรวจประจำเมืองก็ได้มาแล้ว
ทุกการกระทำเมื่อสักครู่ของพวกเขา ยังถูกผู้บัญชาการวางเห็นเข้าเต็ม ๆ ตา!
วางเชี่ยวฉู่นั้นรู้จักเซียวหยาง เห็นเซียวหยางถูกล็อกตัวไว้บนเก้าอี้สอบสวน อีกทั้งบนเสื้อผ้ายังมีรอยเท้าใหญ่ ๆ อีกหลายรอย ทันใดนั้นเขาก็โมโหขึ้นมาอย่างหนัก
“สารเลวเอ๊ย ใครใช้ให้พวกนายลงมือ ใครให้ความกล้ากับพวกนาย!”
“เซียวหยาง เป็นยังไงบ้าง?”
วางเชี่ยวฉู่เดินขึ้นมาข้างหน้าและถามอาการเซียวอย่างด้วยตัวเอง เขาได้รับรายงานว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของหวงหย่งกางจะสอบปากคำเซียวหยาง จึงได้รีบมาที่สถานีตำรวจเขตเมืองทันที แต่ก็ยังมาช้าไปหนึ่งก้าว
ครั้งที่แล้วเซียวหยางได้ให้สำนักดราก้อนติดต่อมาที่สถานีตำรวจประจำเมือง เขาเองก็ไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนที่จริงของตัวเอง ดังนั้นจึงเพียงแค่ยิ้มให้กับวางเชี่ยวฉู่ และไม่ได้เอ่ยอะไร
เรื่องนี้ คงต้องดูว่าวางเชี่ยวฉู่จะจัดการยังไงแล้ว
“เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่?” วางเชี่ยวฉู่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หวงหย่งกางกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก คิดอยู่ภายในใจตลอดเวลาว่ายังไงก็อย่าเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย ถ้าไม่อย่างนั้น คนที่มีชื่อเสียงว่ายุติธรรมไม่เห็นแก่หน้าใครอย่างวางเชี่ยวฉู่จะต้องเล่นงานตัวเองแน่
เขาพึ่งจะเลื่อนขั้นได้ไม่นาน ตำแหน่งรองผู้บัญชาการนั้นยังไม่ทันมั่นคงเลย เขาไม่อยากที่จะโดนจัดการเร็วแบบนี้หรอกนะ
เจียงเซิ่งหนานไม่ได้ขี้เท่อเลยสักนิด เธอยืนออกมา
“ผบช.วางคะ ดิฉันทราบว่าเรื่องเป็นมายังไงคะ!”
“เล่ามาซิ” วางเชี่ยวฉู่กล่าวด้วยใบหน้าที่ไม่เป็นมิตรนัก
“ค่ะ ผบช.วาง เรื่องเป็นแบบนี้ค่ะ”
“ดิฉันได้รับแจ้งมาจากด้านบน รองผบช.หวงร้องขอให้พวกเราระดมกำลังตำรวจออกจับกุมผู้ต้องสงสัยเซียวหยาง พึ่งจะกลับมาก็ถูกทั้งสี่คนนี้มารับช่วงต่อ จากนั้นก็กลายเป็นอย่างที่เห็นในตอนนี้ค่ะ!”
ที่ให้เซียวหยางมาที่นี่ เดิมทีนึกว่าเพื่อสอบถามเรื่องราวอะไรบางอย่าง แต่ใครจะคิดล่ะว่าจะได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมเช่นนี้
วางเชี่ยวฉู่พยายามระงับความโกรธของตัวเองเอาไว้ แล้วหันหน้าไปเอ่ยกับหวงหย่งกาง:
“รองผบช.หวง ผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณ ทำไมถึงได้ใช้ศาลเตี้ยกับเซียวหยาง! นี่เป็นความหมายของคุณหรือเปล่า? รบกวนให้คำอธิบายที่เหมาะสมกับผมด้วย!”
ใจของหวงหย่งกางเป็นกังวลขึ้นมาทันที ยังไงเขาก็คิดไม่ถึงเลยว่า บุคคลตัวเล็ก ๆ อย่างเซียวหยาง แม้แต่ผู้บัญชาการหวงแห่งสถานีตำรวจประจำเมืองยังเข้ามาสอบถามด้วยตัวเอง
ผู้บัญชาการหวงและทางเมืองเย็นจีนนั้นมีการติดต่อเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิดไม่ขาดสาย มาที่เมืองหยินโจว ก็เพียงเพื่อมาหาประสบการณ์เท่านั้นเอง รองผู้บัญชาการเล็ก ๆ อย่างเขา เมื่ออยู่ตรงหน้าของวางเชี่ยวฉู่นั้นไม่นับอะไรด้วยซ้ำ
สมควรตายนัก เซียวหยางคนนี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่?
และหม่าเจียเฉิงในเวลานี้ กลับเหมือนกับกำลังชื่นชมเรื่องสนุกสนานอยู่ เขามองดูหวงหย่งกางที่หน้าเหลือเพียงสองนิ้ว
ดูแล้ว ที่เขาโทรหาวางเชี่ยวฉู่นั้นทำถูกต้องแล้ว……