บทที่ 19 นักฆ่าซุ่มสังหาร
เมื่อเซียวหยางกลับถึงบ้าน พบว่าเย่หยุนซูกลับถึงบ้านก่อนแล้ว
เมื่อเห็นร่างของเซียวหยางเดินเข้าบ้าน เย่หยุนซูดีดตัวลุกขึ้นจากที่นั่งด้วยความตื่นเต้น เธอคิดว่าเซียวหยางจะไม่กลับมาแล้วเสียอีก
ในเวลาอันรวดเร็วเธอรู้สึกได้ถึงตนเสียการควบคุม จึงตั้งสติ ก่อนเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเซียวหยาง
“เซียวหยาง ถ้านายรู้สึกน้อยใจ บอกฉันมาได้เลย”
เซียวหยางไม่เข้าใจสิ่งที่หญิงสาวสื่อ “น้อยใจอะไร?”
เย่หยุนซูคิ้วขมวด ยังจะแสร้งอีก เรื่องที่คุณปู่ไปหานาย ท่านบอกฉันหมดแล้ว ยังจะแสร้งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่อีก
“เรื่องของน้องสาวฉัน…..ทุกคนเข้าใจนายผิด นายไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือ”
เซียวหยางเอ่ยอย่างไม่แยแส “ผมไม่ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยพันธ์นี้หลอก”
คราแรกเย่หยุนซูที่รู้สึกผิดต่อเขา หากแต่เห็นทีท่าไม่แยแสของเขา ความรู้สึกผิดในใจเธอมลายหายไปสิ้น
“นายไม่แคร์ แต่ฉันแคร์!”
“ฉันติดนายฝ่ามือนึง หากนายอยากเอาคืน เอาไปได้เลยทุกเมื่อ” เย่หยุนซูชูคอขึ้น เพื่อให้เขาได้เอาคืนตนอย่างที่ตั้งใจไว้
เซียวหยางนิ่งค้างไป “หนึ่งฉาดนั่นเธอจะคืนให้ฉันหรือ?”
“ฉันไม่อยากติดค้างอะไรนาย นายจะตบฉันตอนนี้เลยก็ได้ ตบเสร็จแล้ว ก็ไสหัวไปทำอาหารในครัวซะ”
เซียวหยางไร้คำพูดใดๆ “ผมไม่ตบคุณหลอก ถ้าหากคุณหิว ผมจะไปทำน้ำซุปไก่ให้”
“ซุปไก่อีกแล้วหรือ?”
“เซียวหยาง นายทำอย่างอื่นไม่เป็นหรือยังไง?”
เย่หยุนซูพะอืดพะอมขึ้นมาเมื่อได้ยินคำว่าซุปไก่
“ทำอย่างอื่นได้อยู่แล้ว แต่ซุปไก่ ยังไงก็ต้องทาน”
เย่หยุนซูหน้าหงิกหน้างอ ด้วยสายตารังเกียจ
เมื่อเห็นทีท่าของเย่หยุนซู เซียวหยางระเบิดหัวเราะออกมา
เย่หยุนซูไม่รู้ว่าตนถูกนักฆ่าหมายหัว ส่วนเซียวหยางเองก็ไม่มีทางบอกเธออยู่แล้ว
เขาต้องการให้เย่หยุนซูใช้ชีวิตอย่างสบายใจ ส่วนอันตรายนั้น เขาจะรับมือกับมันเอง
เช้าวันที่สอง หลังจัดแจงตัวเองเรียบร้อย เย่หยุนซูเดินลงไปชั้นล่างเห็นอาหารเช้าที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ
ไข่เจียวที่ถูกทอดจนเป็นสีเหลืองทองทั้งสองด้าน ไส้กรอก และโจ๊ก
“นายนี่นะ ตื่นแต่เช้าอีกแล้ว ไปไหนซะล่ะ”
เย่หยุนซูรู้ดีเซียวหยางมีนิสัยชอบตื่นแต่เช้าตรู่ ขณะที่เธอนอนหลับปุ๋ยอยู่นั้น เซียวหยางได้ทำอาหารเช้าพร้อมออกจากบ้านไปแล้ว
หลังทานอาหารเรียบร้อย เมื่อเธอเดินไปถึงโรงจอดรถ พบว่าเซียวหยางได้นั่งรอเธออยู่ก่อนแล้ว
เมื่อเห็นเย่หยุนซูมุ่งมายังตน เซียวหยางลุกขึ้นยืนเปิดประตูรถ ก่อนผายมือออกเป็นสัญญาเชื้อเชิญ
“ประธานเย่ จากวันนี้เป็นต้นไป ผมจะเป็นคนขับรถประจำตัวของท่านเอง”
เย่หยุนซูขมวดคิ้วอย่างสงสัย “ใครต้องการคนขับรถกัน ขี่รถไฟฟ้าของนายไปซะ”
เซียวหยางยักไหล่ “นี่เป็นคำสั่งของคุณปู่ ไม่เชื่อก็ลองโทรถามดูสิ”
เย่หยุนซูต่อสายหาเย่วั่นเหนียนทันที คุณปู่เอาแต่ใจเกินไปแล้ว ถึงกับให้นายนี่เป็นคนขับรถส่วนตัวของตน
สักครู่ เธอกดวางสายอย่างผิดหวัง
“เซียวหยาง ฉันรู้ว่าคุณปู่ดีกับนายมาก แต่ถ้านายอยากพิสูจน์ตัวเอง ต้องพึ่งตัวนายเอง นายเป็นคนขับรถมันได้เรื่องที่ไหนกัน”
เธอเอ่ย พร้อมขึ้นไปนั่งยังเบาะหลัง รถของเธอ ไม่เคยมีชายใดได้ขึ้นมาก่อน
“เร็วสิ จะสายแล้ว หากไปไม่ทันก่อนเก้าโมง ฉันจะหักเงินเดือนนาย”
ได้ยินประโยค เซียวหยางหัวเราะออกมา พร้อมขับรถเคลื่อนออกจากโรงจอด
“เปิดเพลงหน่อยสิ”
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้อยู่ในที่คับแคบสองต่อสองกับเซียวหยาง เธอรู้สึกไม่ค่อยชินนัก
“หนวกหูชะมัด เปลี่ยนเพลงที”
ในเวลานี้เอง บนถนนสายหลัก ปรากฏรถยนต์สีดำพุ่งปิดทางข้างหน้า
เวลานี้ ในที่แบบนี้ บังเอิญเกินไปแล้ว
ผ่านความเป็นความตายมานักต่อนัก สัญชาตญาณเขารับรู้ถึงความผิดปกติได้ทันที
เขาลดความเร็วลง ลดหน้าต่างลง เพื่อรอดูสถานการณ์
“เห้ ฉันพูดกับนาย ได้ยินไหม”
ทันใดนั้น กระจกหลัง เกิดแสงไฟสะท้อน เซียวหยางเหยียบคันเร่งอย่างรู้งาน พวงมาลัยรถถูกหมุน360องศา
ทิศทางที่เปลี่ยนแปลงไปกะทันหัน ทำให้เย่หยุนซูมึนงง
เธอจับที่รองแขนแน่น พร้อมความโมโหที่ปะทุขึ้น
“เซียวหยาง ทำอะไรของนาย ขับรถไม่เป็นก็บอกมาสิ มีใครที่ไหนขับรถแบบนายกัน”
จบประโยค กระสุนปืนลอยมากลางอากาศหมายเอาชีวิต สัญชาตญาณเอาตัวรอดเพียงเสี้ยววินาที ทำให้เขารอดมาได้อย่างฉิวเฉียด
แสงเมื่อครู่ เป็นแสงที่สะท้อนจากเลนส์ปืนสไนเปอร์
สไนเปอร์!
เซียวหยางไม่สนใจคำของเย่หยุนซู พลันเหยียบคันเร่ง พร้อมหมุนพวงมาลัยรถอย่างบ้าคลั่ง เสียงล้อรถเสียดสีกับคอนคลีนเสียงดังลั่น รถแล่นไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง
ร่างอันบอบบางของเย่หยุนซูเอนไปข้างหลัง แผ่นหลังของหญิงสาวถูกผลักดันให้ติดกับเบาะหลังแน่น
เธอจับจ้องเซียวหยางด้วยความไม่เข้าใจ พร้อมความคิดที่แล่นเข้ามาในหัวเธอ ผู้ชายคนนี้ ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!
เขากำลังแก้แค้น ใช่แล้ว เขาแก้แค้นตนอยู่
ปากบอกไม่ใส่ใจเรื่องเมื่อคืน แต่เอาเข้าจริง กลับใช้การกระทำในการแก้แค้นตน
คนคิดเล็กคิดน้อย!
เครื่องยนต์แล่นไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง อย่างไม่ลดละ
ชายหนุ่มไม่สนใจ กฎจราจรใดๆทั้งสิ้น
“เซียวหยาง นายจะทำอะไรกันแน่ ลดความเร็วลงซะ”
เย่หยุนซูต้องการหยุดรั้งอาการบ้าคลั่งของเซียวหยาง
ชายหนุ่มเผยสายตาคมกร้าว พร้อมเพ่งมองเธอผ่านกระจก ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น นั่งนิ่งๆ”
เสียงแห่งความตายยังคงกึกก้องภายในรถ เสียงหัวใจเต้นโครมครามด้วยความหวาดเสียว
เย่หยุนซูรู้สึกน้อยใจเป็นอย่างมาก ตั้งแต่แต่งงานกระทั่งปัจจุบัน เซียวหยางไม่เคยตวาดตนเลยแม้สักครั้ง
วันนี้เขาเป็นอะไรกันแน่ เฮ้อ
ในเวลวนี้เอง เธอร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจ เซียวหยางหมุนพวงมาลัยจนสุดอีกครั้ง ทั้งร่างของหญิงสาวโอนเอนไปทางซ้ายด้วยความมึน
ขณะที่เครื่องยนต์โอนเอนไปมาอย่างหนักไม่หยุดยั้ง เกิดเสียงดัง “เปรี้ยง” ขึ้น ลูกกระสุนนัดหนึ่งพุ่งเข้าทิ่มแทงกระโปรงรถอย่างจัง
ภายใต้เสียงเพลงที่เปิดคลอ เสียงกระสุนกระทบของแข็งเมื่อครู่ถูกกลบจนมิด
หากแต่เซียวหยางขมวดคิ้วแน่น กระสุนมาจากบนหลังคารถ
ผ่านกระจกหลัง เซียวหยางสังเกตเห็นอพาร์ทเม้นที่เพิ่งสร้างเสร็จ
เปรี้ยง!
เสียงลูกกระสุนดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ เซียวหยางควบคุมเครื่องยนต์อย่างคล่องตัว ลูกกระสุนเพิ่งพุ่งออกจากกระบอกปืน เซียวหยางเปลี่ยนเส้นทางก่อนแล้ว
“ทางด้านซ้ายประมาณ500เมตร ความเร็วระดับสาม 1500หลา สไนเปอร์ดัดแปลงใหม่ M24”
ตัวเลขปรากฏขึ้นในหัวของเซียวหยาง
คิดได้ดังนั้น เซียวหยางหักพวงมาลัย มุ่งเข้าไปในอุโมงค์
เย่หยุนซูที่ตกอยู่ในภวังค์ได้สติกลับคืนมา
เมื่อคู่เขาตวาดตน กล้าดียังไง?
กล้าดียังไงมาออกคำสั่งกับตน
“เซียวหยาง ถ้านายจะเล่นรถแข่งก็ไปคนเดียว ลากฉันขึ้นมาด้วยทำไม นายรู้ไหมว่ามันอันตรายแค่ไหน ฉันผิดหวังในตัวนายมาก…..”