สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – ตอนที่ 8 ฉันคือฉินโม่หานเอง

บทที่ 8 ฉันคือฉินโม่หานเอง

ซูสือเยว่สับสนเล็กน้อย

เมื่อกี้ซิงหยุนเพิ่งจะออกไปเดินเล่นออกกำลังกายไม่ใช่เหรอ?

ถ้าอย่างนั้นนี่เป็นใคร?

เธอมองไปที่เด็กชายตัวน้อยตรงหน้า ที่กำลังถือตะเกียบคีบกินอาหารอย่างรวดเร็ว

“เธอ…”

หญิงสาวนั่งลงตรงหน้าเขา พลางมองใบหน้าของเขาอย่างละเอียด “เธอไม่ใช่ซิงหยุนใช่ไหม?”

มือของซิงเฉินหยุดชะงักเล็กน้อย

เขาเงยหน้าที่เปรอะรอยเปื้อนน้ำมันขึ้น “ผมก็ใช่ไง!”

ซูสือเยว่ยกมือขึ้นกอดอก “เธอเป็นน้องชายฝาแฝดของเขา? พี่ชาย?”

ความจำของเธอไม่ผิดพลาดแน่นอน อีกอย่างพอมองดูอย่างละเอียดแล้ว นิสัยใจคอของเด็กชายตรงหน้าก็ไม่เหมือนกับซิงหยุนเลย

เมื่อเห็นว่าปิดบังต่อไปไม่ได้แล้วซิงเฉินจึงทำได้แค่เป้ๆ ปาก “เอาล่ะ ผมชื่อซิงเฉิน”

“ซิงหยุนเป็นพี่ชายของผม”

“ฉินโม่หานเป็นแด๊ดดี้ของผม”

ซูสือเยว่ “!!!”

“เธอกับซิงหยุน…ทั้งคู่เป็นลูกของท่านชายฉิน?”

เด็กชายตัวน้อยกัดกุ้งตัวใหญ่อย่างดุเดือด

“ใช่”

ซูสือเยว่สับสนยุ่งเหยิงแล้ว

ก่อนแต่งงาน ไม่มีใครบอกเธอว่าท่านชายฉินยังมีลูกชายฝาแฝดด้วย

อีกอย่าง…

ท่านชายฉินหน้าตาแบบนั้น ลูกชายสองคนของเขาทำไมถึงได้หล่อเหลาน่ารักขนาดนี้!

หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็เหลือบมองไปที่ซิงเฉิน “ในเมื่อเธอกับซิงหยุนเป็นฝาแฝดกัน แล้วทำไมเธอต้องแกล้งปลอมตัวเป็นเขา?”

ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมทุกครั้งที่ซิงหยุนขึ้นไปชั้นบนแล้วลงมาชั้นล่างอีกครั้ง นิสัยเขามักจะเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบ

ก็เพราะที่แท้เป็นคนสองคนยังไงล่ะ!

ซิงเฉินก้มหน้ากินอาหาร ไม่กล้าตอบคำถาม

คืนนั้นเขาทำเธอตกใจกลัวซะน่าสงสารขนาดนั้น เขาก็กลัวว่าเธอจะรู้นี่นา

เพียงไม่นานซิงหยุนก็กลับมาจากเดินเล่นแล้ว

“ความแตกแล้ว?”

ทันทีที่เด็กชายตัวน้อยเดินเข้าประตูก็เดาได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น

เขานั่งลงบนเก้าอี้ ถือตะเกียบขึ้นมาอย่างสง่างาม พลางกินไปด้วยพลางมองไปทางน้องชายอย่างเยาะเย้ยไปด้วย “ฉันบอกแล้วว่านายทนได้ไม่นานหรอก”

ซิงเฉินเหลือบตาขาวหนึ่งที ก่อนจะเขี่ยข้าวในถ้วยด้วยตะเกียบอย่างรวดเร็วจนหมด แล้วขึ้นไปชั้นบน

ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว “เขากินแค่นี้เหรอ?”

“ที่จริงก็กินเก่งมากนะ”

“แต่เป็นเพราะตัวตนถูกเปิดเผย เขาอาย”

ซิงหยุนอธิบายอย่างเรียบเฉย “ก็ในเมื่อเด็กน่ะ มีความนับถือในตัวเองสูงมากนะ”

ซูสือเยว่ “…”

พูดอย่างกับว่าเธอไม่ใช่เด็กอย่างนั้นแหละ

การเคลื่อนไหวของซิงหยุนกำลังรับประทานอาหารอย่างสง่างาม “เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ฉันกับน้องชายจะพยายามเปลี่ยนไปเรียกเธอว่าหม่ามี๊”

หลังจากพูดจบ เขาก็เงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยดวงตาแวววาวสดใสคู่นั้น “ยินดีด้วย เธอมีลูกชายสุดหล่อแล้วถึงสองคน”

“แต่งหนึ่งแถมสอง”

เด็กชายตัวน้อยบอกกับเธออย่างเป็นเรื่องเป็นราว “เธอได้กำไรแล้ว”

ซูสือเยว่ “…”

อันที่จริงที่เธอแต่งงานกับฉินโม่หาน เป็นเพราะความหุนหันพลันแล่น

แฟนหนุ่มกับเพื่อสนิทหักหลังเธอตระกูลซูก็ปฏิบัติกับเธอเหมือนคนรับใช้ อะไรๆ ก็เอาแต่จะใช้บุญคุณที่เลี้ยงดูมาบีบบังคับเธอ

ดังนั้นเธอถึงได้เลือกที่จะแต่งงานออกมา

แต่…เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่า เธอต้องมาเป็นแม่ให้กับเด็กฝาแฝดสองคน!

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว เธอเตรียมจะพูดคุยกับท่านชายฉินดีๆ สักครั้ง

เธอคิดว่าตัวเองมีวุฒิภาวะไม่เพียงพอ อาจจะไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นแม่เลี้ยง

“วันนี้ท่านชายค่อนข้างยุ่ง แต่ผมก็เข้าใจ คุณกับท่านชายเพิ่งจะเป็นข้าวใหม่ปลามัน ความรู้สึกแนบแน่นยากจะแยกกัน”

พ่อบ้านยิ้มอย่างมีลับลมคมใน “ผมจะไปโทรหาท่านชายเดี๋ยวนี้เลยครับว่าให้เขากลับมา!”

“ฉันไม่ได้…”

ซูสือเยว่มองตามแผ่นหลังที่กำลังตื่นเต้นของพ่อบ้าน

เขาเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า?

เธอนั่งอยู่บนโซฟา พลางดูภาพยนตร์คอมเมดี้พลางรอท่านชายฉินไปด้วย

หนังตลกมาก อารมณ์ของซูสือเยว่ก็ค่อยๆ ดีตามขึ้นมาด้วยเหมือนกัน

จนกระทั่ง ——

เธอเห็นผู้ชายคนเมื่อเช้าเปิดประตูเข้ามา

ภายในใจของซูสือเยว่ตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างกะทันหัน “ทำไมนายถึงมาที่นี่อีกแล้ว?”

ท่านชายฉินกำลังจะกลับมาเร็วๆ นี้แล้ว เขามาทำอะไรที่นี่ตอนนี้?

ยิ่งกว่านั้น ทำไมเขาถึงมีกุญแจของที่นี่?

ชายในชุดสูทที่รีดจนตรงทื่อกำลังปลดกระดุมชุดสูทด้วยท่าทางแสนสง่า น้ำเสียงเรียบเฉย “ถ้าอย่างนั้นฉันถามเธอหน่อย ว่าที่นี่บ้านใคร ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?”

ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว “ที่นี่เป็นบ้านของฉินโม่หานท่านชายฉิน ฉันเป็นภรรยาของท่านชายฉินที่เพิ่งจะแต่งเข้ามา แน่นอนว่าฉันต้องอยู่ที่นี่สิ”

พูดจบเธอก็มองไปที่เขา “งั้นนายล่ะ? นายเป็นใคร?”

ชายคนนั้นแขวนเสื้อสูทไว้ที่ราวแขวนเสื้อ เหลือบมองเธออย่างเฉยเมย “ช่างบังเอิญจริงๆ”

“ฉันคือฉินโม่หานเองไง”

….

บรรยากาศภายในห้องนั่งเล่นเงียบลงทันที

ซูสือเยว่มองผู้ชายตรงหน้าซึ่งหล่อเหลามากจนสามารถทำให้คนอื่นหน้าแดงหัวใจเต้นระรัวได้อย่างตกตะลึง ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนมึนงง

เขาคือท่านชายฉิน?

เป็นไปไม่ได้ ในเมื่อในคืนนั้นเขาได้พบกับท่านชายฉินมาแล้ว

หน้าตาทั้งน่าหวาดผวาทั้งน่ากลัว เหมือนกับที่เล่าลือกันมาเป๊ะ!

เหมือนว่าเขาจะอ่านความคิดของหญิงสาวออกฉินโม่หานก้าวขาเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นอย่างสง่างาม “สิ่งที่เธอเห็นในคืนวันนั้น มันเป็นการแกล้งของซิงเฉิน”

ซูสือเยว่ “…”

ในคืนวันนั้นคือซิงเฉิน?

เธอเงยหน้าขึ้นมองชายตรงหน้า ภายในดวงตาเขียนคำว่าตะลึงเต็มไปหมด

ตอนเช้าเธอลุกลี้ลุกลนเกินไป จนไม่ได้มองอย่างละเอียด

ตอนนี้ เมื่อได้มองใบหน้าที่วาดเค้าโครงออกมาด้วยความเย็นชาเคร่งขรึมของเขาแล้ว ในที่สุดเธอก็เข้าใจ มิน่าล่ะซิงหยุนกับซิงเฉินถึงได้หน้าตาหล่อเหล่าขนาดนั้น

ที่แท้ก็เป็นเพราะเซลที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมดีนี่เอง

“ดังนั้น…”

หญิงสาวตกใจจนเสียงสั่น “เหตุกองเพลิงครั้งใหญ่เมื่อห้าปีก่อน คุณไม่ได้เสียโฉม?”

มีข่าวลือในสังคมชนชั้นสูงของเมืองหรง ว่าเมื่อห้าปีก่อนคุณชายน้อยสามตระกูลฉินประสบเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ หลังจากเพลิงดับเขาเสียโฉม ทำให้นิสัยใจคอเปลี่ยนไปอย่างมาก

ยิ่งไปกว่านั้น ซูสือเยว่ยังได้ยินข่าวลือมาอีกว่าเขาทรมานคู่หมั้นสองคนจนตาย

แต่ชายผู้เย่อหยิ่งเย็นชาที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้ ทำให้เธอไม่สามารถเอามาคิดเชื่อมโยงกับท่านชายฉินในข่าวลือที่เคยได้ยินมาได้เลย

แววตาประหลาดใจของหญิงสาว ทำให้ฉินโม่หานขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย

เขาเหลือบมองเธออย่างเย็นชา “ซิงเฉินบอกว่าเธอเตรียมอาหารเย็นให้ฉัน?”

อันที่จริงคืนนี้ฉินโม่หานมีงานเลี้ยงร่วมรับประทานอาหารทางธุรกิจ แต่เจ้าผีน้อยสองคนนั้นบังคับให้เขากลับมาให้ได้

ซิงหยุนแฮ็คเข้าคอมพิวเตอร์ของเขา ก่อนจะใช้อีเมลในชื่อของเขาส่งเมลไปยกเลิกงานร่วมรับประทานอาหารค่ำกับพันธมิตรคู่ค้า

ซิงเฉินโทรศัพท์ไปหาคุณปู่ บอกว่าเขาไม่ยอมพัฒนาความสัมพันธ์กับภรรยาใหม่ดีๆ

พ่อบ้านกับคุณพ่อผลัดกันวางระเบิด บอกว่าภรรยาใหม่กำลังเตรียมอาหารค่ำรอเขาอยู่ที่บ้านอย่างหลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้น

เขาถึงได้กลับมาอย่างจนปัญญา

ปรากฏว่าทันทีที่กลับถึงบ้าน ผู้หญิงที่ว่ากำลังรอเขาอย่างหลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้นในคำเล่าลือนั้น แม้แต่เขาเป็นสามารถของเธอก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ

“อาหารเย็น?”

ซูสือเยว่ตกใจไปเล็กน้อย แล้วรีบลุกตัวเดินไปที่ห้องครัว “คุณยังไม่ได้กินข้าวเหรอ?”

อาหารที่เหลืออยู่น้อยนิดเมื่อตอนเย็น เธอให้ซิงหยุนยกขึ้นไปให้ซิงเฉินหมดแล้ว

เธอเปิดตู้เย็น มองไปที่วัตถุดิบไม่กี่อย่างข้างในนั้น แล้วหันมามองเขา “คุณกินบะหมี่ไหม?”

ชายคนนั้นเลิกคิ้วขึ้น “ไม่ได้เตรียมให้ฉัน?”

ในน้ำเสียงเคร่งขรึมเย็นชานั้นของเขาแฝงความไม่พอใจอยู่ด้วยเล็กน้อย

ซูสือเยว่กัดริมฝีปาก รู้ว่าเขาต้องรู้สึกว่าเธอเป็นภรรยาที่ไม่ได้เรื่องแน่นอน

หญิงสาวชะงักไปชั่วขณะ ในขณะที่กำลังเตรียมวัตถุดิบอย่างรวดเร็วก็เอ่ยปากอย่างขลาดกลัวไปด้วยว่า “ฉันไม่รู้ว่าคุณจะกลับมาตอนไหน ไม่อยากให้คุณกินอาหารเหลือ ดังนั้นเลยอยากจะทำแยกให้คุณโดยเฉพาะอีกต่างหาก”

พูดจบ เธอก็หันมามองเขาด้วยรอยยิ้ม “ก็ในเมื่อในใจของฉัน คุณแตกต่างไปจากคนอื่นนี่นา”

ตอนที่ซูสือเยว่ยิ้มขึ้นมา ดวงตาแวววาวสดใสโค้งงอกลายเป็นพระจันทร์เสี้ยว ซึ่งมันดูน่ารักเป็นพิเศษ

ในใจของฉินโม่หานกระตุกเต้นอย่างประหลาด

บางทีผู้หญิงคนนี้อาจจะมีโชคชะตาผูกพันกับเด็กชายสองคนในบ้านของเขาจริงๆ แหละมั้ง?

ตอนเธอยิ้มขึ้นมาดูเหมือนกับซิงเฉิน แพรวพราวจับตาเหมือนกับดวงอาทิตย์ดวงน้อย

เมื่อได้มองเธอแบบนี้ คำพูดหนักๆ ของเขาก็ไม่สามารถพูดออกมาได้เลย

ชายคนนั้นหันกลับมา นั่งลงบนโซฟา ปิดโทรทัศน์ลงอย่างไม่แยแส ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทำงาน

ซูสือเยว่ที่อยู่ในครัวถอนหายใจยาวๆ ด้วยความโล่งใจ

ในที่สุดก็หลอกตบตาผ่านไปได้แล้ว

ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ เธอจะเอาเรื่องที่ต้องทำอาหารให้ท่านชายฉิน บันทึกไว้ในบันทึกช่วยจำในโทรศัพท์เลย!

สิบนาทีต่อมา บะหมี่ไข่ที่ไอร้อนกำลังคุกรุ่นชามหนึ่งก็ถูกยกมาเสิร์ฟบนโต๊ะอาหาร

“ท่านชายฉิน ทานข้าวได้แล้วค่ะ”

หลังจากเปล่งเสียงออกไปไม่นาน ชายผู้แสนเย็นชาเย่อหยิ่งก็ลุกตัวขึ้น แล้วนั่งลงตรงหน้าโต๊ะอาหาร

ท่าทางการทานอาหารของเขาช่างสง่างามแบบสุดๆ ไปเลย

นี่เป็นครั้งแรกที่ซูสือเยว่เห็นคนกินข้าวคนเดียวแล้วยังสง่างามได้ขนาดนี้ กินได้ผู้ดีมาก

เธอมองไปที่ฉินโม่หาน แล้วก็ใจลอยโดยไม่รู้ตัว

“น่ามองเหรอ?”

เสียงทุ้มต่ำของชายคนนั้นไม่เร็วไม่ช้า “ชอบมอง จะมองไปตลอดชีวิตเลยก็ได้นะ”

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset