ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1457 ลาก่อน ออโรร่า

หลังจากที่จิตสำนึกแห่งโพไซดอนคุ้นเคยกับเส้นทางแล้ว ฉินสือโอวก็รู้สึกกว่าการขี่เจ็ทสกีในสภาพแวดล้อมแบบนี้นั้นน่าอภิรมย์มากกว่าที่ฟาร์มปลามาก
การขี่เจ็ทสกีในฟาร์มปลา ด้านหน้าเป็นผืนท้องทะเลอันกว้างใหญ่ ทำแค่เพิ่มความเร็วเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว เจ็ทสกีนั้นมีความสมดุลที่ดีมาก ไม่เหมือนกับมอเตอร์ไซต์ที่สามารถเอนล้มได้ง่าย และตราบใดที่ไม่เสียสมดุลนี้ในทะเล อุบัติเหตุทางรถจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน
ดังนั้น เขาจึงเร่งความเร็วได้ตามใจ ทำให้ได้สัมผัสกับความงดงามของความเร็วนี้
แต่ทะเลแบบนั้นมันเรียบเกินไป ทำให้ขาดความรู้สึกท้าทาย เพียงแค่เพิ่มความเร็วก็พอแล้ว เหมือนกับการเล่นเกม ทำเพียงแค่กดแป้นคันเร่งส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ให้คอมพิวเตอร์แก้ปัญหาไป
แต่ที่นี่ไม่เหมือนกัน บางครั้งบนผืนทะเลจะมีแผ่นน้ำแข็งลอยขึ้นมา ฉินสือโอวจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงแผ่น้ำแข็งอย่างระวัง ไม่อย่างนั้นหากชนกับมันเข้าคงจะไม่ใช่เรื่องตลกแน่นอน แม้ว่าความเร็วของเขาจะไม่ได้เร็วมากจนถึงร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่การชนเข้ากับแผ่นน้ำแข็งจะทำให้เจ็ทสกีพลิกคว่ำ แบบนั้นก็ยังคงเป็นโศกนาฏกรรมอยู่
ด้วยความเร็วเช่นนี้ ทำให้ผิวทะเลกลายเป็นของแข็งที่เหมือนกับไม้ ช่วงเวลที่ร่างกายกระทบกับทะเล การบาดเจ็บ เช่นกระดูกหักหรือแตกถือว่าเป็นการบาดเจ็บที่เบาที่สุด
ความกลัวและการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ทำให้การขี่เจ็ทสกีสนุกมากขึ้น
ฉินสือโอวขี่เจ็ทสกีหลบแผ่นน้ำแข็งแผ่นแล้วแผ่นเล่า แต่ความเร็วก็ยังคงไม่เปลี่ยน ผืนน้ำแข็งที่ถูกทำลาย ทำให้เกิดน้ำกระเซ็นขึ้นมาตามหลัง เมื่อความเร็วจากทานด้านหลังเพิ่มขึ้น น้ำที่กระเซ็นขึ้นมาก็สูงขึ้น จนเหมือนกับหางของจรวดก็ไม่ปาน
นอกจากคอร์กินจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังตั้งแต่หนึ่งกิโลเมตรแรกแล้ว ตอนนี้ก็ยิ่งห่างมากขึ้นไปเรื่อยๆ ความเร็วของเขาอยู่ที่สี่สิบห้าสิบกิโลเมตรเท่านั้น หากเร็วกว่านี้ก็เหมือนเป็นการรนหาที่ตาย แผ่นน้ำแข็งไม่ใช่ภูเขาน้ำแข็ง จะมองเห็นพวกมันได้ก็ต่อเมื่อพวกมันมาอยู่ตรงหน้า!
คอร์กินอยากจะเอาชนะ แต่เขาไม่อยากที่จะต้องทิ้งชีวิตน้อยๆ ของตัวเอง
เขามองดูฉินสือโอวที่ขี่เจ็ทสกีออกไปไกล เขายอมแพ้แล้ว ระยะห่างของพวกเขาห่างไกลมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ…
“เฮ้ นายกลับมาเถอะ ฉันยอมแพ้!” คอร์กินตะโกนขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เพราะความเร็วในการขี่เจ็ทสกีของฉินสือโอว ทำให้เขาหวาดกลัวจริงๆ
ไม่เพียงแต่เขาที่กลัวเท่านั้น ผู้คนที่ยืนมองอยู่ที่ท่าเรือก็พากันตกตะลึงเช่นกัน พวกของแบล็คไนฟ์ยังดี พวกเขาเชื่อมั่นในตัวของฉินสือโอวที่สุด บอสคนนี้เป็นคนในมหาสมุทรที่ดีที่สุดที่พวกเขาเคยเจอมา ตราบใดที่เขายังคงสัมผัสกับทะเล ไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้
พวกแบล็กไนฟ์มีกันห้าคน มีสองคนที่เป็นทหารนาวิกโยธินชั้นสูงของอเมริกา ในตอนที่พวกเขาพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว พวกเขาต่างพูดว่าอยากจะชวนฉินสือโอวเข้าร่วมหน่วยนาวิกโยธิน หลังจากนั้นสิบปี การให้ตำแหน่งนายพลแก่เขาก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสม
พวกเขาเชื่อมั่นในตัวของฉินสือโอวมาก จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขา ทุกคนกำลังอยู่ภาวะวิตกกังวล ทอโรถามออกมาว่า “พวกนายเข้าใจเรื่องกฎหมายไหม? ถ้าชายคนนี้ถูกชนตาย พวกเราต้องรับผิดชอบร่วมกันหรือเปล่า?”
“พวกเราจะรับผิดชอบร่วมกันได้อย่างไร?” ชายคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยความหดหู่
ทอโรอธิบายออกมาอย่างระมัดระวังว่า “นายดูสิ เพราะพวกเรากับเขาพนันกัน ถ้าหากว่าคนที่เดิมพันเสียชีวิต พวกเราเป็นคนพนัน ไม่ต้องรับผิดชอบเหรอ?”
พูดไป เขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา หลังจากนั้นเขาก็ขึ้นขี่สโนว์โมบิลแล้วพูดว่า “อ่า ฉันนึกขึ้นได้พอดี ที่บ้านไม่มีเกลือ ฉันต้องไปซื้อเกลือ ต้องไปก่อนแล้วล่ะ”
เมื่อเขาจากไป ก็เหมือนเป็นการเริ่มต้นของการกระทำต่อเนื่องกัน มีคนขึ้นขี่สโนว์โมบิลและพูดออกมาว่า “ฟัค จู่ๆ ท้องฉันก็ปวดขึ้นมา ฉันต้องกลับไปถ่ายก่อน ไปก่อนนะ!”
ลอเรนซ์พูดขึ้นว่า “เพื่อน ที่นี่มีห้องน้ำนะ”
ชายคนนั้นถลึงตามองเขาพลางพูดว่า “ฉันจะถ่ายในห้องน้ำที่คุ้นเคย เข้าห้องน้ำคนอื่นแล้วถ่ายไม่ออก!” “รอฉันก่อนสิวะ ฉันก็จะไปห้องน้ำเหมือนกัน ฉันจะต้องไปห้องน้ำที่บ้าน ฉันก็คุ้นเคยกับห้องน้ำบ้านนายเหมือนกัน”
“พวกนายจะไปไหม? ฉันง่วงแล้ว ช่วงนี้นอนไม่ค่อยหลับ ฉันไปนอนก่อนล่ะ”
เพราะแบบนี้ คนพวกนั้นก็จากไปทันที ก่อนที่พวกเขาจะไป พวกเขายังคงมองไปยังฉินสือโอวที่ขี่เจ็ทสกีอยู่ไกลๆ อย่างดุดัน ราวกับกำลังมองคนตาย
ดังนั้น เมื่อฉินสือโอวกลับมา พวกเขาก็เห็นพวกของแบล็คไนฟ์ห้าคนเท่านั้น ส่วนพวกของคอร์กินไม่อยู่สักคน
“เกิดอะไรขึ้น คนไปไหนกันหมด?” ฉินสือโอวจึงถามอย่างสงสัย
แบล็คไนฟ์หัวเราะแห้งออกมาว่า “พวกเขาไปกันแล้วครับ”
“คอร์กินก็ไปแล้วเหรอ?” ฉินสือโอวไม่อยากจะเชื่อ คนพวกนี้ขี้ขลาดกันจริงๆ ที่แท้ก็ไม่กล้ารอให้เขากลับมาก่อน ไม่สนุกเลย เขายังอยากที่จะอธิบายถึงเชื้อสายชาวจีนของเขาอยู่
แบล็คไนฟ์พูดออกมาว่า “ใช่ครับ เขาถูกคุณทำให้กลัวจนหนีไปแล้ว”
หลังจากการแข่งขัน ข่าวเรื่องนี้ถือลือสะพัดไปทั่วเมืองอิลูลิสแซท ว่ากันว่าในเดือนมกราคม มีชายชาวอินูเปียตร่างใหญ่แข็งแรงคนหนึ่งจากอาร์กติกมายังเมืองเล็กๆ แห่งนี้ ในอุณหภูมิที่เย็นจัด เขาขี่เจ็ทสกีไปรอบๆ ทะเลอยู่พักใหญ่ ด้วยความเร็วสองร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง!
แน่นอนว่าในตอนแรกไม่มีใครเชื่อ แต่คอร์กินสาบานออกมา เขาบอกว่าตอนนั้นเขาแข่งขันกับชายอินูเปียตผู้ร้ายกาจคนนี้ เขาเห็นความมหัศจรรย์นี้ด้วยตาของตัวเอง
ทอโรและคนอื่นๆ พูดเสริมคำพูดของคอร์กินด้วยเช่นกัน ต่อมาก็เป็นลอเรนซ์ที่เข้ามาร่วมผสมโรง คนทั้งสามคนกลายเป็นเสือทันที ชาวเมืองต่างยอมรับในเรื่องที่พวกเขาเล่า ทำให้กลายเป็นตำนานท้องถิ่นตำนานหนึ่ง…
แน่นอนว่าฉินสือโอวไม่ได้รู้เรื่องตำนานไร้สาระนี้ พวกเขาอยู่ในเมืองเล็กๆ นี้แค่สิบวันหลังจากนั้นก็บินกลับไปยังเกาะแอตตู
อันที่แล้วหลังจากที่พวกเขาอยู่ที่มาหนึ่งสัปดาห์ เขาก็อยากที่จะออกมาแล้ว ใช่แล้ว แสงออโรร่า ณ เมืองอิลูลิสแซทในยามค่ำคืนนั้นสวยงามมาก แต่เมืองมองดูสิ่งสวยงามนี้ถึงเจ็ดวันติดกัน มันก็ออกจะน่าเบื่อนิดหน่อย
ในทางกลับกันในฤดูนี้ เวลากลางวัน ณ เมืองเล็กๆ แห่งนี้มีเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น แต่ต่อให้กลางวันยาวนานก็ไม่มีประโยชน์อะไร เมืองนี้ค่อนข้างเล็ก ใช้เวลาสิบนาทีก็เที่ยวทั่วทั้งเมืองแล้ว ฉินสือโอวรู้สึกว่าการตั้งถิ่นฐานของคนที่นี่ไม่ได้ต่างจากหมู่บ้านของเขาเท่าไรนัก
อันที่จริงแล้วกรีนแลนด์ไม่มีเมือง ที่นี่มีเพียงพื้นที่สำหรับตั้งถิ่นฐานเท่านั้น…
เมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง นอกจากแสงออโรร่าแล้วก็ไม่มีอะไรน่าสนใจอีก หลังจากที่ฉินสือโอวได้รับเครื่องแก้วรูปคนและเครื่องแก้วรูปสัตว์เลี้ยงแล้วเขาก็อยากจะออกจากเมืองแล้ว น่าเสียดายที่หลังจากสัปดาห์นั้นอากาศไม่ดี หิมะตกลงมาอย่างหนัก ทำให้เครื่องบินไม่สามารถบินได้ พวกเขาจึงติดอยู่ที่นี่
สองสามวันมานี้ เรื่องที่ท่านชายฉินทำได้มีเพียงมองหาปลาค็อดอาร์กติดเพื่อการดึงดูดงานประมง เขาเจอพวกมันจำนวนไม่น้อย ถือว่าเป็นกำไรที่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ในที่สุดอากาศก็ค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อดูพยากรณ์อากาศแล้วสองสามวันจากนี้จะไม่มีหิมะและลมแรงอีก พวกเขาจึงเช่าเครื่องบิน และลากกระเป๋าพาพวกเด็กๆ และคนอื่นๆ รีบกลับอย่างรวดเร็ว
เครื่องบินกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า ท้องฟ้ามืดสนิท แสงออโรร่าสีเขียวปรากฏขึ้นมาจางๆ อีกครั้ง
ฉินสือโอวเอนตัวมองออกไปนอกหน้าต่าง เขารู้สึกในเสี้ยววินาทีว่าเขาอยู่ใกล้แสงออโรร่ามาก ราวกับว่าหากเขายื่นมือออกไปเขาจะสามารถสัมผัสกับผ้าไหมสีเขียวอ่อนนี้ได้ทันที
เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินลำเล็ก ความเร็วไม่ได้เร็วมากนัก เมื่อไม่ได้บินผ่านก้อนเมฆก็จะเห็นแสงออโรร่าได้ หลังจากที่บินไปได้สองชั่วโมง แสงออโรร่าก็จะหายไปกลับมาเป็นท้องฟ้าอันมืดมิดนี้
พื้นหลังคือท้องฟ้าสีดำสนิท ด้านหน้าเป็นแสงออโรร่า ราวกับว่าเครื่องบินกำลังบินเข้าไปในมิติลึกลับ ในตอนนี้ เหมือนเวลาถูกหยุดไว้ชั่วคราว
ฉินสือโอวหันมามองแสงออโรร่าที่ค่อยๆ ห่างไกลออกไป เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและถ่ายภาพนั้น พลางพูดออกมาว่า “ลาก่อน แสงออโรร่า ลาก่อน อิลูลิสแซท ลาก่อน ค่ำคืนอาร์กติกในวัยหนุ่มของฉัน…”
เมื่อได้ยินเขาพึมพำขึ้นมาอย่างเศร้าสร้อย คิ้วของวินนี่ก็ขมวดเข้าหากัน “มีอะไรให้ช่วยไหมคะ? กำลังทำอะไรอยู่น่ะ? คุณเป็นซูจือโมวเหรอ? รีบๆ มาหาฉันเร็ว ลูกสาวคุณกับฉงเอ้อจะทะเลาะกันอีกแล้ว…โอ้ย ปล่อยมือนะลูก มือลูกกำลังดึงผมของม่าม๊าอยู่!”
…………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset