ตอนที่ 164 จู่โจมถึงหน้าประตู
“นี่คืออาวุธวิญญาณระดับสวรรค์ขั้นสูง!” หลิวสุยเฟิงอุทานด้วยความประหลาดใจเป็นอย่างมาก มันเป็นอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์ขั้นสูงอย่างแท้จริง และอีกเพียง ล็กน้อยก็กลายเป็นอาวุธกิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว
หลายร้อยปีที่ผ่านมา มันไม่เคยปรากฏอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์มาก่อน หากคิดว่าเขาสามารถเห็นอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์ได้ที่นี่แล้ว ยิ่งกว่านั้น มันยังเป็นอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์ขั้นสูงอีกด้วย
หัวใจของเซี่ยวเฉินเองก็เต็มไปด้วยความตกใจ เขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าหลิวหรูเยว่ฟื้นฟูกระบี่เงาจันทร์กลับมาระดับสวรรค์ได้อย่างไร
หลิวหรูเยว่กุมกระบี่เงาจันทร์และยืนด้วยความภาคภูมิใจ เสื้อผ้าและเส้นผมของนางพลิ้วไหวไปตามสายลมขณะที่นางจ้องไปที่ด้านล่างของภูเขา และกล่าวอย่างไม่แยแส “ไปเถอะ พวกมันมาแล้ว!”
กระบี่เงาจันทร์กลับเข้าไปในฝัก และออร่าของมันก็หายไปทันที หลิวหรูเยว่รีบนําเซี่ยวเฉินและหลิวสุยเฟิงลงจากภูเขา โดยไม่มีใครกล่าวอะไร ใบหน้าของพวกเขาเผยให้เห็นการแสดงออกที่มืดมน
เมื่อพวกเขามาถึงเชิงเขา พวกเขาเห็นกลุ่มผู้บ่มเพาะพลังทั้งหลายแหล่กําลังพุ่งตรงสู่ยอดเขาฉิงหยุนอย่างอุกอาจพร้อมปลดปล่อยจิตสังหารอันแข็งแกร่ง พวกเขาวิ่งกันจนฝุ่นคลุ้งและทําให้นกน้อยมากมายหวาดผวา
เมื่อกลุ่มคนเข้ามาใกล้ พวกเขาสามารถเห็นรูปลักษณ์ของผู้คนที่มาได้อย่างชัดเจน บุคคลที่นําพวกเขามาคือลูกศิษย์ของเจ้ายอดเขาแห่งยอดเขาปี้อวิ๋น จ้าวกงหมิง
ด้านหลังของจ้าวกงหมิงมีผู้อาวุโสของยอดเขาซื้อขึ้นมากมาย พวกเขาทั้งหมดเป็นขอบเขตนักบุญ ท่ามกลางของฝูงคนมีคนที่ถูกผ้าพันหัวไว้เหมือนกับมัมมี่ คือซ่งเซียนเหอ
เซี่ยวเฉินนับจํานวนพวกเขาอย่างระวัง รวมทั้งจ้าวกงหมิงมันมีขอบเขตนักบุญทั้งหมด 7 คน นอกจากพวกเขาแล้ว ยังมีปรมาจารย์ยุทธ์อีก 10 คน
ถ้าไม่นับเป็นกลุ่ม จ้าวกงหมิงแข็งแกร่งที่สุด เขาเป็นขอบเขตนักบุญขั้นกลาง ส่วนคนอื่นเป็นเพียงขอบเขตนักบุญขั้นต้น มันไม่แปลกสําหรับพวกเขาที่มีขอบเขตนักบุญขั้นต้นมากมาย หลังจากคนผู้หนึ่งเข้าสู่ขอบเขตนักบุญ การพัฒนาในขั้นย่อยนั้นเต็มไปด้วยความยากลําบาก
สําหรับในหลายคน มันเป็นไปได้ที่พวกเขาจะติดอยู่ในขอบเขตนักบุญขั้นต้น ดังนั้น บุคคลเช่นหลิวหรูเยว่ที่เป็นขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดในตอนอายุ 24 นั้นน่าพรั่นพรึงเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่านางจะมีระดับการบ่มเพาะขนาดนั้น เซี่ยวเฉินก็ยังเป็นห่วงหลิวหรูเยว่ ด้วยขอบเขตนักบุญเป็นจํานวนมาก แม้ว่าการบ่มเพาะของพวกเขาจะต่ำกว่านาง พวกเขาสามารถเอาชนะนางได้ด้วยจํานวน
ซ่งเฉวซ่อนอยู่ในกลุ่มเมฆบนท้องนภา เขามองไปที่หลิวหรูเยว่และพรรคพวกด้วยสายตาที่มุ่งร้าย
ซ่งเซียนเหอไม่ได้อยู่ในอันตรายที่ถึงชีวิต นอกจากนี้ มันยังไม่มีหลักฐานว่าการตายของลูกศิษย์ของยอดเขาปี้อวิ๋น ถูกสังหารโดยเซี่ยวเฉินและหลิวสุยเฟิง
ในฐานะเจ้ายอดเขา มันไม่เหมาะสมนักที่เขาจะปรากฏตัวขึ้น ดังนั้น เขาจึงปล่อยให้คนรุ่นใหม่ไปและสร้างปัญหา สถานการณ์ที่เหมาะสมจะสามารถบังคับให้คนผู้นั้นปรากฏตัวเองออกมา
ซ่งเฉวมองไปที่ยอดเขาและพึมพํา “เจ้าแก่หลิว เจ้าซ่อนตัวอยู่ในยอดเขามาสิบปีแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะตายหรือยังไม่ตาย มันถึงเวลาที่จะตรวจสอบแล้ว
“ในเวลานี้ ศาลากระบี่สวรรค์อยู่ในสภาพที่อ่อนแอชั่วคราว ข้าค่อนข้างมั่นใจว่าเจ้าจะไม่เต็มใจให้เด็กสาวตัวน้อยกลายเป็นเจ้าศาลา!” สายตาของซ่งเฉวเจาะทะลุมิติอันไร้สิ้นสุด ราวกับว่าเขากําลังมองตรงไปที่ยอดของภูเขา
นับตั้งแต่เจ้าศาลาตายในภัยพิบัติเมื่อยี่สิบปีก่อน มันไม่เคยมีเจ้าศาลาคนใหม่ ลูกสาวของเจ้าศาลาคนก่อนถูกแต่งตั้งเป็นผู้สืบทอดในขณะที่เหล่าผู้อาวุโสในสภาร่วมกันจัด การดูแลศาลากระบี่สวรรค์
ครอบครัวไม่สามารถเดินต่อไปได้หากปราศจากหัวหน้าครอบครัว อาณาจักรไม่สามารถเดินหน้าต่อหากไร้พระราชา สถานการณ์เช่นนั้นล่อแหลมเป็นอย่างมาก มันเป็นธรรมดาที่จะมีการพูดเกี่ยวกับชื่อเสียงและการเติบโตของศาลากระบี่สวรรค์เป็นจํานวนมาก
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ท่านเจ้าศาลาคนก่อนจะสิ้นใจ เขาไม่ได้ทิ้งความประสงค์ไว้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ มันยังมีอีกหลายคนในศาลากระปสวรรค์ที่มีคุณสมบัติเป็นท่านเจ้าศาลา พวกเขาทั้งหมดต่อสู้กันอย่างเปิดเผยและวางแผนลับชิงตําแหน่ง
สถานการณ์ในวันนี้เป็นผลจากการอ่อนข้อของทุกคนที่ยอมให้ลูกสาวของเจ้าศาลาคนก่อนรับตําแหน่งไป
คนที่ไม่พอใจมากในผลลัพธ์ที่ออกมาของเรื่องนี้คือซ่งเฉว แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะต่ำกว่าสัตว์ประหลาดเฒ่า พวกนั้นเป็นอย่างมาก เขาก็ยังคงอยู่ในกลุ่มคนที่มีคุณสมบัติเข้ารับตําแหน่ง
ในแง่ของอายุ เขาอายุน้อยที่สุด ในบรรดาคนที่อยู่ในขอบเขตกษัตริย์ขั้นสูงสุด เขาอายุน้อยที่สุด เขาอายุเพียง 50 ปี
หากไม่มีอะไรไม่คาดคิดเกิดขึ้น หลังจากเข้าสู่ขอบเขตกษัตริย์ มันจะไม่มีปัญหาที่จะมีชีวิตอยู่ถึงสองร้อยปี ความปรารถนาในตําแหน่งเจ้ายอดศาลาของเขานั้นแข็งแกร่ง มากที่สุดในเจ้าแห่งยอดเขาทั้งหมดทุกคน
ในตลอดเวลาที่ผ่านมาเขามองหาโอกาสที่จะกลืนกินยอดเขาฉิงหยุน หากมีคนหนึ่งผงาดขึ้น เขาจะมีอํานาจของสองยอดเขาและจะมีอิทธิพลมากขึ้นในสภาอาวุโส
การกระทําของซ่งเชียนเหอรวมไปถึงการตามจีบหลิวหรูเยว่ ส่วนใหญ่จะถูกสั่งจากซ่งเฉวซ่งเฉวถึงขนาดมองข้ามวิธีการน่ารังเกียจที่เขาใช้ลงไป และปล่อยให้มันเกิดขึ้น
ที่จริง เขากําลังรอโอกาสนี้มานานแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะความหวาดหวั่นที่อยู่ในใจเขา เขาครอบครองอาวุธอันแข็งแกร่งที่จะทําให้เขาได้รับในสิ่งที่ต้องการแล้ว ซ่งเฉวมองไปที่ยอดของภูเขา ราวกับว่าเขาอยู่ในความคิด
ที่เชิงเขา หลิวหรูเยว่พยายามชิงความได้เปรียบโดยการพูดคุยก่อน “จ้างกงหมิง เจ้าวางแผนจะทําอะไรจึงนํากลุ่มของขยะและคนแก่มาที่นี่!”
ก่อนที่จ้าวกงหมิงจะได้พูดอะไร ซ่งเชียนเหอผู้ที่ปกคลุมไปด้วยผ้าพันแผลตะโกนออกมาด้วยความโกรธแค้น “หลิวหรูเยว่ ศิษย์ของเจ้าสังหารลูกศิษย์ของยอดเขา ปี้อวิ๋นของข้าไปถึงแปดคนตามกฎของนิกาย เจ้าจะต้องส่งตัวเขามา มิฉะนั้น เจ้าจะถูกกล่าวหาว่ามีความผิดเช่นเดียวกัน”
หลิวหรูเยว่ขมวดคิ้วอย่างหนัก ดวงตาดําของนางปลดปล่อยรังสีจิตสังหารในขณะที่จ้องไปที่ซ่งเชียนเหอ เพียงแค่เหลือบมอง ซ่งเชียนเหอตกใจกลัวและถอยหลังไปหลายก้าว
หลิวหรูเยว่เยาะเย้ยเขา “หากคิดว่าขยะเช่นเจ้าไม่ละอายที่ถือครองตําแหน่งผู้สืบทอดที่แท้จริงของยอดเขาซื้อขึ้นและถูกระบุไว้ว่าเจ้าอยู่ในสถานะนั้น แค่คนนอกก็ยังสามารถจินตนาการถึงความแข็งแกร่งของศิษย์ธรรมดาของยอดเขา ปี้อวิ๋นแล้ว ใครจะรู้ พวกเขาอาจจะถูกสังหารโดยใครบางคนก็ได้”
แม้จะเห็นหลิวหรูเยว่เป็นคนปากแข็ง จ้าวกงหมิงก็ไม่โกรธเคือง อันที่จริง เขามีความสุขซะด้วยซ้ำ เขากล่าว “ศิษย์พี่หลิว กรุณาอย่าเปลี่ยนเรื่อง มันเป็นความจริง ที่ลูกศิษย์ของยอดเขาปี้อวิ๋นทั้งแปดเสียชีวิต”
นอกจากนี้ น้องชายซ่งเห็นพวกเขาถูกสังหารโดยเย่เฉินด้วยตนเอง ไม่ว่าเขาจะน่าเชื่อถือหรือไม่ขนาดไหนเช่นไร เรื่องนั้นจะต้องถูกตัดสินโดยโถงคุมกฏ”
หลิวหรูเยว่ปลดเหรียญแสดงตนสีทองของตนออกและยกมันขึ้น นางกล่าวด้วยน้ำเสียงมืดมน “จงมองไปที่เหรียญแสดงตนที่อยู่ในมือของข้า ข้าคือเจ้า ยอดเขาของยอดเขาฉิงหยุน มิใช่ศิษย์พี่ของเจ้า ไม่ว่าลูกศิษย์ของยอดเขาปี้อวิ๋นจะตายหรือไม่ตาย แม้ว่าคนของโถงคุมกฏจะมา พวกเขาไม่สามารถจับคนของข้าได้โดยไม่มีหลักฐาน
จ้าวกงหมิงหัวเราะอย่างเย็นยะเยือก “ยอดเขาฉิงหยุนมีลูกศิษย์เพียงคนเดียว และเจ้ายังคงหน้าด้านที่ใช้สถานะของตนกดดันข้า?”
หลิวหรูเยว่ยิ้ม นางดูงดงามเป็นอย่างยิ่ง ทําให้ทุกคนที่มองนางต้องตาพร่ามัว “แม้ว่าจะมีศิษย์คนเดียวในยอดเขาฉิงหยุน ยอดเขาฉิงหยุนมิใช่สถานที่ที่ขยะเช่นเจ้าจะมาเย้ยหยันได้”
ทันทีหลังจากนางกล่าว หลิวหรูเยว่บินไปข้างหน้าและทิ้ ภาพติดตาไว้เบื้องหลัง นางปรากฏตัวด้านหน้าจ้าวกงหมิงในทันที จ้าวกงหมิงไม่ได้ตกใจ กลับกัน เขารู้สึกมีความสุข
แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานตราบใดที่หลิวหรูเยว่ลงมือก่อน และทําร้ายบางคน มันจะเป็นธรรมกับพวกเขาที่ลงมือในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าเขาก็ตกอยู่ในสภาวะที่เขาไม่สามารถยิ้มได้อีกต่อไป เกิดแสงสุกสกาวในขณะที่กระบี่เงาจันทร์วาดออกไปด้วยเสียง “ฟุบ” ออร่าของแก่นปีศาจระ ดับหก เทียบเท่ากับขอบเขตกษัตริย์ขั้นสูงสุดได้กลืนกินตัวเขา
ด้วยความแข็งแกร่งของนักบุญขั้นกลาง การหายใจของเขากลายมาเป็นรวดเร็วและหายใจไม่ลึกก่อนที่ออร่าของเขาจะพลุ่งพล่าน การเคลื่อนไหวที่ราบรื่นในตอนแรกของเขากลายมาเป็นตะกุกตะกัก
จ้าวกงหมิงยอมแพ้ที่จะวาดกระบี่ของเขาออกไปในขณะที่เขารีบบังคับร่างตนเองถอยกลับอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การโจมตีกระบี่นี้เร็วเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวนี้ยังใช้พลังอํานาจของอาวุธระดับสวรรค์ กระบี่สร้างแผลลากยาวไปด้านล่างที่ด้านหน้าของจ้าวกงหมิง
บาดแผลของเขาไม่ลึกแต่มีเลือดพุ่งออกมา ย้อมสีเสื้อด้านหน้าของเขาเป็นสีแดง เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น นักบุญทั้งเจ็ดคนที่เหลือได้สติกลับคืนมา และรีบโจมตีไปที่หลิวหรูเยว่
นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างขอบเขตนักบุญ ปรมาจารย์ยุทธ์ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ กระบี่ฉีลอยไปในทุกที่ ประกายแสงร่างคนอยู่ทั่วบริเวณ เซี่ยวเฉินและพรรคพวกมองเห็น เพียงร่างพร่ามัวไม่กี่ร่างเท่านั้น
พื้นที่การต่อสู้ขยายใหญ่ขึ้น บางครั้งก็มีเสียงคํารามเสียงดัง นักบุญขั้นต้นของยอดเขาซื้อปืนร้องคํารามออกมาอย่างน่าสังเวชขณะที่แขนของเขาถูกตัดออก
ทุกคนโกรธเป็นอย่างมาก การโจมตีของหลิวหรูเยว่นั้นไร้ปราณี นางเสี่ยงชีวิตของตนเพื่อจัดการพวกเขา เมื่อพวกเขาสร้างบาดแผลให้นาง นางจะโต้กลับทันทีเป็นสิบเท่า นางเพียงพุ่งไปข้างหน้าโดยไม่ถอยหลัง
โดยการยืมพลังอํานาจของอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์ หลิวหรูเยว่ไม่พบกับข้อเสียเปรียบใดๆ กลับกัน นักบุญทั้งแปดคนของยอดเขาปี้อวิ๋นได้รับความปั่นป่วนเป็นอย่างมากในการต่อสู้ยาวนานของพวกเขา ในบางครั้งก็จะมีแขนของใครบางคนถูกตัดลอยกระเด็นออกไป หรือบางคนจะสูญเสียเนื้อสดก้อนใหญ่ของตนเอง
มีกระแสของกระบี่ฉีไม่กี่เล่มที่บังเอิญบินมาทางเซี่ยวเฉินและหลิวสุยเฟิง เซี่ยวเฉินใช้ฝ่ามือของเขาราวกับกระบี่ และใช้ออกด้วยวาดกระบี่ เกิดเสียงดังและกระบี่ฉีหายไปในความว่างเปล่า
หลิวสุยเฟิงกล่าวอย่างร้อนใจ “เย่เฉิน เราควรจะทํายังไงดี? แม้ว่าพี่สาวจะได้ชัยชนะ นางก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกด้านหนึ่งยังมีปรมาจารย์ยุทธ์อีกสิบคนที่ยังไม่ได้เคลื่อน ไหวและพวกเราสู้พวกเขาไม่ไหว”
“อย่าเร่งข้า ข้ากําลังพยายามคิดอยู่” เป็นธรรมดา ที่เซี่ยวเฉินกําลังคิดเกี่ยวกับปัญหาเช่นเดียวกับที่หลิวสุยเฟิงกล่าว เขาเปลี่ยนสายตาไปมองซ่งเชียนเหอ ผู้ที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน ในขณะที่เขาคิดอย่างเร็วที่สุดเท่าที่ทําได้
ซ่งเชียนเหอกําลังมองไปที่หลิวหรูเยว่อย่างเย็นยะเยือก เขาไม่ได้สนใจจํานวนผู้บาดเจ็บล้มตายในการต่อสู้ นอกจากจ้าวกงหมิง นักบุญขั้นต้นทั้งหลายได้ติดอยู่ในระดับ การบ่มเพาะของตนเองมานานหลายปีแล้ว
จุดประสงค์ในการส่งพวกเขาออกไปที่จริงคือการส่งพวกเขาให้ไปตาย ระดับหัวกะทิของยอดเขาปี้อวิ๋นตัวจริงไม่ได้มาด้วย แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะตาย เขาก็ไม่รู้สึกกังวล
ยอดเขาซื้อนสามารถขาดทุนได้ ไม่เหมือนยอดเขาฉิงหยุนที่มีเพียงหลิวหรูเยว่เท่านั้น เมื่อนางล้มลง คนอื่นก็จะถูกจัดการง่ายดาย
“อาวุธวิญญาณระดับสวรรค์? ดูเหมือนว่าแผนการนี้จะล้มเหลว ข้าควรจะเคลื่อนไหว?” ซ่งเฉวมองการต่อสู้ด้านล่างจากภายในกลุ่มเมฆ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและไม่สามารถตัดสินใจได้
ด้านล่าง หลิวหรูเยว่ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ การป้องกันของนักบุญขั้นต้นผู้หนึ่ง นางใช้กระบี่เงาจันทร์ แทงตรงไปที่หัวใจของคนผู้นั้น มือขวาของนางสั่นเทิ้มขณะที่ปราณพลุ่งพล่านเคลื่อนจากแขนนางเข้าสู่กระบี่
“ตู้ม!”
มีเสียงระเบิดดังเกิดขึ้น และร่างกายของคนผู้นั้นถูกทําลายจนเป็นเศษส่วน เลือดพุ่งขึ้นไปบนฟ้าจากนั้นก็ตกลงมาเหมือนกับฝน
ความแน่วแน่และความเลือดเย็นของหลิวหรูเยว่ ทําให้ผู้บ่มเพาะที่อยู่โดยรอบทั้งหมดตัวสั่น แม้ว่าพวกเขาจะไม่กลัวความตาย แต่เมื่อพวกเขาเห็นวิธีการตายอันน่าสยอง พวกเขาอดไม่ได้เลยที่รู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก
นางโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว นางไม่ได้คิดอะไรเลยแม้แต่น้อย สังหารด้วยความตั้งใจของตนเอง นางไม่หวาดกลัวต่อกฎเกณฑ์ของศาลากระบี่สวรรค์เลยหรือ? ทุกคนอดไม่ได้ที่จะสงสัย
ใช้ประโยชน์ในตอนที่ทุกคนกําลังวอกแวก หลิวหรูเยว่ไม่หยุดลง และกวัดแกว่งกระบี่ไปในแนวขวาง ผ่านักบุญขั้นต้นเป็นสองส่วน
“เจ้า! หลิวหรูเยว่! อย่าให้มันเกินไปนัก!” จ้าวกงหมิงคํารามในขณะที่นักบุญขั้นต้นสองคนตายอย่างน่าสังเวชในทันทีด้วยมือของหลิวหรูเยว่
หลิวหรูเยว่ตอบกลับด้วยความโหดร้ายที่มากขึ้นในการโจมตีของนาง นางกุมกระบี่ด้วยมือทั้งสองข้าง ร่างกายของนางเต็มไปด้วยเลือด นางดูเหมือนปีศาจที่บ้าคลั่ง – เหมือนวิญญาณชั่วร้ายที่ออกมาจากส่วนลึกของยมโลก – ไม่สนใจบาดแผลทั้งหมดของตนเองอย่างสิ้นเชิง
“เคร้ง! เคร้ง!”