ความคิดยังคงยืนอยู่ตรงจุดเดิมจนถึงตอนนี้ ทว่าความรู้สึกกลับออกเดินไปตามอำเภอใจ ก่อนมันจะวกกลับ ดึงให้กลับมาที่เดิม ณ ตรงนั้นตัวเขาหวาดหวั่นว่าฝ่าบาททรงรู้สึกอย่างไรกับตน เป็นจุดที่มีความคิดจะเป็นดอกไม้ของพระองค์อยู่เต็มเปี่ยม
ความรู้สึกของโซกังเป็นเช่นนั้น แต่แทนที่จะแสดงความดีใจกลับปล่อยให้น้ำตารินไหล จาฮอนจึงไม่เข้าใจความนัยของหยาดน้ำตานั่น พลันกลายเป็นสร้างบาดแผลในใจอย่างคาดไม่ถึง
ร่างสูงยื่นมือออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อคว้าแขนเรียวอย่างแรง
“อ๊ะ!”
เสียงอุทานคล้ายกรีดร้องเล็ดลอดออกมาจากปากเจ้าตัวทันที จาฮอนปัดมือที่อีกฝ่ายยกขึ้นปาดเช็ดน้ำตาทิ้ง ทันใดนั้นใบหน้าหวานเปรอะเปื้อนน้ำตาก็ปรากฎสู่สายตา ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแสดงความกรุ่นโกรธอย่างเต็มเปี่ยม มันกดต่ำกว่าปกติและอันตรายอย่างยิ่ง
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ถึงเวลานี้แล้ว เจ้ายังไม่เต็มใจ ราวกับร่างกายตนบริสุทธิ์นักหนาอยู่อีกหรือ”
“มิได้พ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นใยถึงได้ร้องไห้ราวกับสตรีถูกขืนใจเล่า รังเกียจข้าหรืออย่างไร!”
“นั่นมัน… ไม่ใช่เช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท กระหม่อม…”
“นั่งลง”
จาฮอนปล่อยมือจากแขนโซกังแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะไม้กลมพร้อมออกคำสั่ง ทว่าโซกังกลับไม่ทำตาม เพราะเจ้าตัวอยากบอกกับอีกฝ่าย อยากป่าวร้องให้รับรู้ว่าร่างกายอันต้อยต่ำนี้ของตน บังอาจกอดเก็บความรักต่อฝ่าบาทผู้สูงส่ง ร่างบางจึงเอ่ยปากทั้งๆ ที่ยังยืนอยู่เช่นเดิม
“ทูลฝ่าบาท!”
“ตอนนี้ข้าไม่ฟังอะไรทั้งนั้น นั่งลงแล้วรินเหล้ามา”
“ฝ่าบาท”
“เจ้าก็รู้ว่าหากทำให้เราต้องพูดซ้ำคำเดิมอีกครั้ง เราจะจับเจ้ากรอกสุรามงคลสามจอกใส่ปาก แล้วโยนลงแท่นบรรทมเสีย”
จาฮอนใช้คำแทนตัวว่า ‘เรา’ ที่ไม่ค่อยได้ใช้บ่อยนักพร้อมกล่าวข่มขู่ วาจารุนแรงของเขาทำให้โซกังต้องนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามอย่างเสียมิได้ ก่อนจะยกกาสุราขึ้นเติมเต็มจอกสุราให้ฝ่าบาทก่อน แล้วถึงเติมจอกสุราของตนตาม
จอกแรกในค่ำคืนร่วมหอ ดื่มเพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้ายที่อาจจะแอบแฝงเข้ามา จอกสอง เพื่ออวยพรให้ช่วงเวลาแห่งการร่วมหอผ่านพ้นอย่างราบรื่นและสำราญ จอกสาม เพื่ออวยพรให้ค่ำคืนร่วมหอบังเกิดผลอันน่ายินดี
ตามธรรมเนียมของเหล่าเชื้อพระวงศ์แล้ว ภายในห้องหอก่อนขึ้นบรรทม บ่าวสาวจะต้องดื่มสุรามงคลสามจอกเสียก่อน เพราะหากไม่ดื่มสุรามงคลให้ครบสามจอกและขึ้นแท่นบรรทม ก็มีคำทายทักว่าภายภาคหน้าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเลวร้าย
เนื่องจากเป็นการขอพรจึงมักจะปล่อยให้เวลาค่อยๆ ผ่านไปกับการลิ้มรสสุรา เป็นของขั้นตอนการทำจิตใจให้สงบ หลังจากดื่มสุราสามจอกจึงล้างปากด้วยน้ำชาแล้วค่อยขึ้นแท่นบรรทม นี่เป็นลำดับขั้นตอนของธรรมเนียมดั้งเดิม ทว่าจาฮอนกลับดื่มติดต่อกันทีเดียวจนครบสามจอก อีกทั้งยังสั่งให้โซกังดื่มติดต่อเช่นเดียวกันด้วย
หลังจากวางสุราจอกที่สามลง ร่างสูงก็ล้างปากด้วยน้ำชาที่วางข้างๆ ก่อนจะลุกจากเก้าอี้ แล้วลากโซกังไปที่แท่นบรรทมทั้งๆ ที่น้ำชายังคงอยู่ในปาก ผลักให้อีกฝ่ายนอนลงอย่างแรง จาฮอนสวมอาภรณ์คลุมทับอาภรณ์สำหรับใส่นอน ก็ทำการปลดทั้งหมดออกในคราเดียว จากนั้นก็ดึงกระชากปมผ้าคาดเอวของโซกังออก แล้วโยนลงพื้นด้านล่าง ก่อนจะยื่นมือไปที่ปมของอาภรณ์ตัวใน
หากคิดถึงผู้อื่นจนร้องไห้ออกมาเช่นนี้ ก็ไม่ต้องสงสัยว่าจะพูดสิ่งใด และไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องรับฟัง
ให้สัมผัสของเขาทำให้อีกฝ่ายต้องบิดสะโพกเร่า ต้องดีดดิ้นอย่างร้อนรนกับความปรารถนาจากการร่วมรัก ให้รับรู้ถึงมันด้วยตนเอง
ไม่มีสิ่งใดที่ตัวเขาไม่สามารถครอบครองได้ ต้องไม่มีอีกต่อไป ปล่อยให้มีแค่ความรักของบิดามารดาก็เพียงพอแล้ว
ยูโซกัง เจ้าต้องเป็นของข้า เพราะข้าต้องการเจ้า
ความคิดสุดท้าย ส่งผลให้จาฮอนทำลายสำนึกที่ติเตียนการกระทำราวกับอันธพาลของตนในส่วนลึกของจิตใจลง ทว่าโซกังไม่ปล่อยให้ฝ่าบาทผลักตัวเองลงเช่นนั้น ด้วยการรั้งมือใหญ่ที่กำลังจะปลดอาภรณ์ตัวในของตนออก
“ฝ่าบาท! ประเดี๋ยวพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมีเรื่องอยากกราบทูล”
“เอามือออกไปเดี๋ยวนี้”
ร่างบางพรูลมหายใจออกมาแผ่วเบา ด้วยเป็นบัณฑิตมาตั้งแต่กำเนิด จำความได้ก็อ่านตำรามามากมายแล้ว เขาจึงกังวลอย่างยิ่งว่าสำหรับฝ่าบาทแล้ว หากเอ่ยถึงความรู้สึกเช่นนี้อย่างตรงไปตรงมา จะสามารถทำได้หรือไม่ ทว่าสุดท้ายก็เอ่ยปากโต้ตอบในทันที
“ทรงต้องฟัง ต้องรับฟังพ่ะย่ะค่ะ เพราะกระหม่อมผู้ต้อยต่ำบังอาจรักฝ่าบาทไปเสียแล้ว”
“ข้าบอกว่าไม่ฟะ… ว่าอย่างไรนะ”
จาฮอนตั้งใจจะแผดเสียงตวาดออกมาถึงกับไม่เชื่อหูของตน เขาอยากได้ยินใหม่ชัดๆ จึงย้อนถามกลับ ความละอายใจและความคิดถึงที่คั่งค้างอยู่ภายในเล็กน้อยคล้ายถูกกะเทาะออก ถึงได้มีหยาดน้ำตาเอ่อล้นออกมาจากดวงตาคู่สวยอีกครั้ง
โซกังปลดปล่อยสิ่งที่หลงเหลือภายในใจออกมาทั้งหมด ก่อนจะยกยิ้มน้อยๆ แล้วเอื้อนเอ่ยวาจา
“โปรดประทานอนุญาตให้กระหม่อมได้รักฝ่าบาทด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ไม่อาจละสายตาจากสีหน้าเช่นนั้นของโซกังได้เลย แม้เรียกได้ว่าเกิดความรู้สึกต่อบุรุษผู้ละม้ายคล้ายสตรี ทว่าอย่างไรแล้วคนตรงหน้าก็เป็นบุรุษผู้สง่างามเช่นเดียวกับเขาทุกระเบียดนิ้ว แต่รอยยิ้มช่างสว่างเจิดจ้าและงดงามยิ่ง
จาฮอนรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงจนกระเทือนไปทั้งอก ตึก ตึก ตึก เสียงกระแทกกับแผ่นอกเหมือนหัวใจกำลังเอื้อนเอ่ยบางอย่าง การเต้นเช่นนี้ทำให้มั่นใจอย่างยิ่งกับสิ่งที่มันบอกกล่าวต่อตน อีกทั้งถอดอาภรณ์ออกหมดแล้ว ช่วงล่างเองก็กำลังบอกกล่าวด้วยเช่นกัน
บุรุษผู้เป็นองค์จักรพรรดิของอาณาจักรฮยอนวอน นามว่ายังจาฮอน กำลังมีใจรักบุรุษเบื้องหน้าตนอย่างยูโซกังอย่างแท้จริง
ทันทีที่ยอมรับความรู้สึกของตนเอง ความร้อนรุ่มก็ยิ่งก่อเกิดมากขึ้น ขณะนั้นน้ำเสียงแฝงความไม่สบายใจบางเบาของโซกังก็เอ่ยถามออกมา
“ทรงไม่อนุญาตหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“อนุญาตสิ แต่คำอนุญาตนี้ไม่สามารถคืนกลับมาได้โดยเด็ดขาด เจ้าต้องสาบานต่อฟ้าและดินด้วยชีวิตของเจ้า ทั้งหมดทุกส่วนของเจ้าต้องมีเพียงข้าเท่านั้น ทั้งดวงตา ริมฝีปาก ใบหู ส่วนลับ รวมถึงหัวใจทั้งหมดด้วย เข้าใจหรือไม่”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
“กล่าวสาบานสิ”
“สาบานพ่ะย่ะค่ะ ต่อฟ้าและดิน กระหม่อมขอสาบานด้วยชีวิต กระหม่อมจะมีเพียงฝ่าบาทเท่านั้น”
คำสาบานนั้นทำให้บนใบหน้าหล่อเหลาปรากฎรอยยิ้ม มุมปากค่อยๆ ยกขึ้น กระทั่งความอ่อนโยนกระจายไปทั่ว ในที่สุดมันก็กลายเป็นรอยยิ้มสว่างไสว โซกังเองก็ยิ้มตามไปด้วย แล้วค่อยๆ ปล่อยมืออีกฝ่ายที่ตนรั้งไว้ก่อนหน้านี้ เป็นมือใหญ่ที่กำลังปลดคลายปมอาภรณ์ตัวใน ดังนั้นจึงเหมือนกับตนกำลังเอ่ยชวนให้ร่วมรักกัน ใบหน้าของเจ้าตัวพลันแดงระเรื่อขึ้นมา
จาฮอนปลดคลายปมออกช้าๆ เมื่ออาภรณ์ถูกปลดออก ก็ใช้มือข้างนั้นสัมผัสลงบนแผ่นอก
“อ๊ะ!”
โซกังเผลอร้องอุทานออกมาแผ่วเบา ด้วยความขัดเขินจึงกัดริมฝีปากล่างเอาไว้แน่น นั่นไม่ใช่เสียงที่จงใจเปล่งออกมา ทว่าเพียงแค่ใจยอมรับ บริเวณที่โดนสัมผัสมันก็เสียวซ่านและวูบวาบไปเสียหมด ไม่ใช่เฉพาะกับมือเท่านั้น กระทั่งสายตาคมปราบกวาดผ่านก็พาลให้เป็นเช่นนั้นด้วย
“อ๊ะ อื้อ ฝ่าบาท”
“ไม่ทันไรก็เกร็งเสียแล้ว เช่นนี้จะทำอย่างไรได้เล่า ผ่อนคลายแล้วนอนลงให้สบายๆ เก่งมาก”
ฝ่าบาทปลอบโยนด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม ไม่ใช่อันธพาลใช้กำลังบังคับข่มเหงร่างกาย ไม่ใช่ทรราชสอดนิ้วเข้ามาในส่วนแห้งผากอย่างรุนแรง แต่ทรงจ้องมองด้วยแววตารักใคร่ โซกังเองก็มองสบตากลับไปตรงๆ ช่างเป็นบุรุษผู้สง่างาม สมกับเป็นที่รักของสตรีมากมาย และถึงแม้จะเป็นบุรุษเช่นเดียวกัน ก็นับเป็นพวกสวามีของตน
โซกังขออภัยต่อโซยงเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะผลักนางไปในส่วนลึกของหัวใจ จากนั้นก็หลับตาลงเงียบๆ เนื่องจากสาบานต่อฝ่าบาทแล้ว จึงทำได้เพียงผลักนางและปิดตายประตูนั้น ช่องว่างในใจที่ใช้ซุกซ่อนนางเอาไว้ เขาเติมเต็มมันตามคำสั่งของฝ่าบาท
เก็บโซยงเอาไว้ในใจเช่นนั้น แล้วเติมเต็มความรู้สึกด้วยบุรุษผู้กลายเป็นความรัก ระหว่างนั้นริมฝีปากร้อนก็ทาบประกบลงมาอีกครั้ง สัมผัสอย่างอ่อนโยน ยามได้รับจุมพิตก็บังเกิดเป็นความสั่นไหวและไหวหวั่น เมื่อเรียวลิ้นเลียแผ่วเบา ร่างกายก็พลันสะท้านไหว จั๊กจี้บริเวณริมฝีปากจนสติรับรู้สับสน ก่อนจะสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากผ่านการเผยอแยกออก ไล้ตามแนวฟันเรียงสวยแผ่วเบา ช่วงเอวบางขยับไหวไปตามอารมณ์
“อื้อ อือ”
โซกังเริ่มดูดดึงและกลืนกินลิ้นร้อนที่แหวกว่ายอยู่ภายในด้วยริมฝีปากของตน คิ้วของจาฮอนขมวดมุ่นเล็กน้อย ลมหายใจหอบกระชั้น ความเป็นชายแข็งขืนจนถึงกับปวดหนึบ จนคิดว่าคงไม่ใช่ว่าตนเผลอกินปลุกกำหนัดเข้าไปโดยไม่ทันรู้ตัวหรอกนะ ปัญหาไม่ใช่ยานั่น แต่เป็นช่วงล่างของร่างกายที่เริ่มแข็งขืนตั้งแต่ก่อนเข้ามาในห้องบรรทมแล้วร่วมดื่มสุรามงคลกับโซกัง ยามทะเลาะกับอีกคน กระทั่งได้เห็นน้ำตา จนถึงตอนกระจ่างในความรู้สึก เขาอดทนรอคอยอยู่ตลอดทั้งๆ ที่กล้ามเนื้อส่วนนั้นแข็งเกร็ง และในเวลานี้ก็กำลังจุมพิตกับชายผู้งดงามอย่างหาที่สุดมิได้ ด้วยเหตุนี้มันก็ย่อมต้องคึกคักขึ้นมาแน่นอน
จาฮอนอ่อนด้อยประสบการณ์จึงไม่รู้เหตุผลแน่ชัด คิดไปว่าเป็นเพราะโซกังทำให้ความเป็นชายของตนฮึกเหิม เนื่องจากปรารถนาในตัวอีกฝ่ายอย่างยิ่ง อีกทั้งยังงดงามเกินจะบรรยาย ร่างกายของตนจึงมีปฏิกิริยาเช่นนี้