เขาทราบว่าโซกังเข้านอนไปแล้วจึงคิดจะสั่งให้เปิดประตูเบาๆ ทว่าเหล่านางกำนัลกลับมีไหวพริบจัดการได้อย่างรวดเร็วกว่าที่คาด ดังนั้นก่อนจะออกคำสั่ง ประตูก็เปิดออกโดยไร้สุ่มเสียงและเชื่องช้าอย่างยิ่งแล้ว
ยังจาฮอนก้าวเข้ามาด้านในแล้วก็ต้องหลุดยิ้มขันออกมา เมื่อว่าเห็นร่างบางนอนคุดคู้อยู่บนแท่นบรรทมของตน แสงไฟจากเตาอุ่นและตะเกียงส่องให้เห็นภาพตัวอีกฝ่ายม้วนขดเป็นก้อน และนอนหลับทั้งๆ ที่มือยังคงกำผ้าห่มเอาไว้แน่น
ตอนนั้น ใยถึงหลงลืมเด็กน้อยที่ตนเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กสาวได้นะ
เมื่อกลับมาถึงวังหลวง เขาก็เฝ้าคะนึงหาเด็กผู้นั้นอยู่ช่วงหนึ่ง คิดกระทั่งว่าหากเป็นเด็กสาวจริงๆ ก็คงจะเลือกให้เป็นชายาไปแล้ว
นึกถึงยูโซกังในช่วงเวลานั้นพลางปลดอาภรณ์ของตนออกตามลำพังด้วยความคล่องแคล่ว แม้ว่าการผลัดเปลี่ยนอาภรณ์โดยไม่มีคนคอยปรนนิบัติจะไม่ใช่เรื่องคุ้นชินสำหรับฝ่าบาทเสียทีเดียว แต่หลังจากพาโซกังมาอยู่ที่ตำหนักคอนรยุง เขาก็สั่งห้ามเหล่านางกำนัลและเหล่าขันทีเข้าออก จึงไม่ได้รับการปรนนิบัติช่วยผลัดเปลี่ยนอาภรณ์มาถึงสิบวันแล้ว จนคุ้นเคยกับการผลัดเปลี่ยนด้วยตนเองตามลำพัง ไม่ยินยอมให้ผู้อื่นนอกเหนือจากตนเข้าใกล้โซกัง
ยังจาฮอนทำเช่นนั้นตลอดเก้าวัน และในวันที่สิบอย่างวันนี้ก็เช่นกัน เขาก้าวขึ้นแท่นบรรทมแล้วสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มด้วยร่างกายเปลือยเปล่า แต่พอขยับมือสัมผัสร่างกายบอบบางก็ต้องบ่นพึมพำออกมา
“ผู้ไม่เชื่อฟังวาจาของข้าเช่นนี้ ก็เห็นจะมีเพียงเจ้า”
“อืมม…”
“คำสั่งห้ามสวมอาภรณ์ มันทำตามยากนักหรือ”
ว่าพลางปลดสายคาดเอวที่ผูกอย่างแน่นหนา อีกฝ่ายส่งเสียงร้องท้วงออกมาในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น แต่ทันทีที่มือใหญ่เย็นเฉียบแหวกอาภรณ์ออกและสัมผัสแผ่นอก ในที่สุดเจ้าตัวก็ตื่นจากห้วงนิทรา ปรือดวงตาขึ้นและหันกลับมาสำรวจผู้สัมผัสหน้าอกตน
“ฝ่าบาท เสด็จมาแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ลืมคำสั่งของข้าแล้วหรืออย่างไร”
“อื้อ ไม่ลืมพ่ะย่ะค่ะ”
ยิ่งรุกรานขยับเคลื่อนมาภายในสาบเสื้อที่ถูกแหวกออก ทันทีที่เรียวนิ้วร้ายกาจขยี้ยอดถัน สะโพกอิ่มก็บิดเร้าเล็กน้อยพร้อมส่งเสียงครางแผ่วเบา ยังจาฮอนนวดเฟ้นยอดอกชูชันด้วยมือทั้งสองข้างของตนก่อนจะกล่าวออกมา
“ไม่ลืมงั้นหรือ… หากไม่ลืมเจ้าก็คงอยากถูกทำโทษจึงดื้อดึงสวมใส่สินะ”
“ฮือ อื้อ! หาใช่เช่นนั้น อ๊ะ!”
“ข้าอนุญาตให้สวมอาภรณ์ได้แค่สองวันที่เจ้ามีไข้ แล้วใยตอนนี้เจ้าถึงยังสวมอีกเล่า ผ่านมาถึงสิบวันแล้ว ข้าพูดอยู่ทุกวัน เจ้าก็ยังใส่มันทุกวัน เหตุผลคืออะไรกันแน่”
ใช้นิ้วบีบเค้นยอดอกโซกังจนเจ็บแล้วถึงปล่อย ก่อนจะลูบไล้ลงไปที่กระดูกซี่โครง โซกังครางพร้อมบิดกายยิ่งขึ้น แต่จาฮอนก็ไม่ได้ใส่ใจกระทั่งการเคลื่อนไหวเช่นนั้น ยังคงลูบไล้ร่างบอบบางอย่างคุกคาม เช่นเดียวกับที่ก่อให้เกิดความต้องการ ทว่าเมื่อเลื่อนตํ่าลงไปด้านล่างถึงขอบกางเกง โซกังก็รีบคว้ามือใหญ่เอาไว้
“ฝ่าบาท! หากทรงทำเช่นนี้ จะสามารถฟื้นฟูพละกำลังของกระหม่อมได้หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“วันนี้เป็นวันที่สิบแล้ว ข้าสู้อดทนมาตลอดมิใช่หรือ”
“ทรงไม่ได้ยินหมอหลวงกล่าวว่าพละกำลังของกระหม่อมอ่อนแอมากหรืออย่างไร”
“ได้ยินสิ แต่วันนี้หมอหลวงกล่าวว่าเจ้าดีขึ้นเพียงพอผ่านคืนวสันต์ได้แล้ว”
ข้ออ้างที่โพล่งออกมาถูกจาฮอนตอบโต้ด้วยน้ำเสียงเจือขบขัน ทั้งๆ ที่มือกำลังสัมผัสส่วนหน้าของโซกัง ทว่าใต้อาภรณ์หาใช่ผิวกายอ่อนนุ่มไม่ ทันทีที่สัมผัสโดนผืนผ้าอีกชั้น รอยยิ้มก็จางหายไปจากใบหน้าหล่อเหลา แม้ว่าตนจะกล่าวถึงเพียงนั้น แต่โซกังไม่เพียงสวมอาภรณ์ กระทั่งชั้นในก็ยังสวมใส่เอาไว้
ยามกลางวันต้องพบเจอกับขันทีโชที่นำสำรับอาหาร รวมถึงหมอหลวงที่นํายาเข้ามาส่ง จึงอนุญาตให้สวมชั้นในได้ ทว่ายามกลางคืนหาใช่เช่นนั้น เขาสั่งเอาไว้อย่างชัดเจนว่ายามกลางคืนห้ามสวมสิ่งใดเข้านอน
องค์จักรพรรดิต้องจัดการราชกิจที่ห้องอักษรส่วนพระองค์ของตำหนักคอนรยุง หาใช่ห้องบรรทม และฎีกาก็ท่วมท้นอยู่เสมอทุกวัน พอจัดการราชกิจเสร็จ โซกังก็มักจะเข้านอนไปก่อนแล้ว ทว่าทั้งๆ ที่สั่งห้ามไม่ให้สวมด้วยวาจาอย่างดีก็ยังคงดื้อดึงสวมอยู่ทุกครา ถึงกระนั้นก็ยอมอดทนมาจนถึงตอนนี้ แต่วันนี้เห็นทีคงไม่สามารถปล่อยผ่านได้อีกแล้ว เพราะรู้สึกเหมือนถูกอีกฝ่ายต่อต้านอย่างรุนแรง
หลังจากรัชทายาทยังจาฮอนขึ้นครองราชย์เป็นองค์จักรพรรดิ ก็ไม่เคยปล่อยให้ผู้ต่อต้านคำสั่งอยู่รอด และเพื่อแสดงให้เห็นว่าทรงอำนาจในการบริหารจึงจำต้องแสดงออกมาอย่างแข็งกร้าวสุขุมเยือกเย็น รวมถึงจงใจให้เหล่าขุนนางมองว่าตนเป็นจักรพรรดิผู้ไร้ความปรานี
ทว่าตอนนี้กลับตรงข้ามกับสิ่งเหล่านั้น ความรู้สึกประหลาดนี้ใกล้เคียงกับความหึงหวงอันน่าชัง ความไม่สบอารมณ์พลันเปลี่ยนเป็นโทสะ ร่างกายนั้นยอมปรนนิบัติเหล่าทาสสกปรกในเรือนทาสนั่นตั้งเท่าไร แต่กลับไม่ยินยอมปรนนิบัติตนแต่โดยดีเลย
มือใหญ่กำรอบส่วนอ่อนไหวจนมันเหยียดตั้งขึ้น ทันใดนั้นศีรษะของโซกังพลันเชิดขึ้นและหลุดเสียงครางออกมาอย่างทรมาน
“อึก! ฝ่าบาท! เจ็บพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม ต้องเจ็บสิ ความเจ็บปวดมันก็เป็นเช่นนี้”
“ปล่อยกระหม่อมเถิด”
“น่ารำคาญ อย่าได้คิดว่าความเมตตาที่ข้ามอบให้เจ้ามันจะไม่หมดลง”
“อึก ฝ่าบาท มัน ไม่ใช่… ฮึก!”
“อะไรไม่ใช่กันเล่า อย่างกับรู้เหตุผลของข้าเลยนะ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ แต่ผิดแล้ว เจ้าคิดว่าเจ้าอยู่ที่นี่ได้เพราะเหตุใดกัน! คุณค่าของเจ้าคือการใช้ร่างกายปรนนิบัติข้า แต่เจ้ากลับไม่ทำตามคำสั่งสักอย่าง!”
“อึก! อา ฮึก!”
ร่างสูงพลิกกายของอีกฝ่ายให้ควํ่าลงโดยยังกำรอบส่วนนั้น จากนั้นก็ปลดกระชากอาภรณ์ออกด้วยแรงอารมณ์
แม้จะรู้แล้วว่าโซกังคือเด็กน้อยที่ได้พบในครานั้น หากความรู้สึกเกี่ยวกับร่างบางในหัวก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง เป็นความรู้สึกคล้ายเสียดายหรือสงสาร กลับกันแล้ว เพียงครู่นึงที่นึกถึง ความรู้สึกที่ไม่อาจเข้าใจก็หลอมรวมเข้ากลับความปรารถนาและกระตุ้นให้มันมากยิ่งขึ้นเท่านั้น มันแปลกประหลาดอย่างยิ่ง ทว่านอกจากความประหลาดนั้น ความปรารถนาอยากรังแกอย่างรุนแรงและครอบครองอีกฝ่ายตามใจต้องการมันก็เข้ามาครอบงำอย่างแน่นหนา
ดังนั้นจึงแสดงโทสะออกมาเช่นนี้
จาฮอนปล่อยตัวกับโทสะบวกด้วยความต้องการที่ลุกโชน เรียวนิ้วรุกรานเข้าไปภายในช่องทางคับแคบทันที แม้ปากทางปิดสนิทอีกทั้งยังแห้งผาก แต่ก็พอให้สอดแทรกเข้าไปได้ ทันทีที่ภายในถูกข่มเหงเฉกเช่นยามถูกเหล่าทาสกระทำ โซกังก็ไม่อาจอดกลั้นความเจ็บปวดได้อีก
มิใช่ไม่รู้ว่าช่องทางของบุรุษไม่อาจชุ่มชื้นเองได้ดั่งของสตรี และหากเรียกให้ขันทีนำน้ำมันหอมเข้ามา อย่างไรก็สามารถเบิกช่องทางปิดแน่นได้อย่างง่ายดาย แต่ด้วยความดื้อรั้นชักนำความรู้สึกจึงส่งนิ้วไร้ความเปียกชื้นฝืนรุกราน พอร่างบางแสดงท่าทางขัดขืน ก็ส่งแรงกำรอบส่วนอ่อนไหวของอีกฝ่ายในทันที เมื่อถูกทรมานพร้อมกันทั้งส่วนหน้าและส่วนหลัง โซกังจึงบิดสะโพกด้วยความเจ็บปวดพร้อมเอ่ยอ้อนวอน
“ฝ่าบาท! อึก! ได้โปรด!”
“ดูเหมือนเจ้าจะยังไม่รู้ความ ข้าจึงช่วยสั่งสอน”
“อั่ก! อา อื้อ!”
“เมื่ออยู่ในอ้อมกอดข้า ไม่ว่าใจของเจ้าจะเป็นเช่นไร เจ้าก็คือของของข้า และข้าคือนายของเจ้า”
“อ๊ะ! ฮือ ฮึก…!”
“หากไม่รู้ว่านายของตนคือใคร การสั่งสอนให้หลาบจำก็เป็นเรื่องที่เจ้านายพึงกระทำมิใช่หรือ จงจำเอาไว้ให้ดี นายของเจ้าคือตัวเรา ดังนั้นหากคิดขัดคำสั่งหรือต่อต้านเรา เจ้าก็จะเจ็บตัว”
เรียวนิ้วที่ฝืนรุกส่งเข้ามาในกาย ต่างกับน้ำเสียงน่าหวาดหวั่นนั่น มันเคลื่อนขยับพร้อมมอบความเสียวซ่านจนขนลุกชัน ยามล่วงล้ำสร้างความเจ็บปวด แต่หลังจากเข้ามาถึงภายในก็ควานหาจุดไวต่อความรู้สึกแล้วกดย้ำลงไปอย่างแม่นยำ ทุกครั้งที่ถูกแตะต้องจุดนั้น เจ้าตัวถึงกับหอบหายใจพลางโยกสะโพกรับโดยไม่รู้ตัว
ไม่ใช่การยินยอมถูกล่วงล้ำด้วยความต้องการของตนก็จริง แต่ร่วมหนึ่งปีที่ร่างกายถูกบังคับให้เคยชินกับการเสพสังวาสกับบุรุษ แม้ว่าจะเจ็บปวดทรมาน ทว่าเหนือกว่าความเจ็บปวด คือการตอบสนองต่อความกระสันซ่าน
“อา! ฮือ อื้อ!”
แกนกายที่ถูกจับกุมเหยียดแข็งขึ้นก่อนจะขับส่งหยาดวสันต์สีใสออกมา ส่วนรองรับเรียวนิ้วก็กระตุกถี่บีบรัดสิ่งแปลกปลอม เสียงครางครวญก็หลุดรอดจากปากตาม เมื่อได้เห็นโซกังเสียวซ่านด้วยนิ้วมือของตน โทสะของฝ่าบาทก็ค่อยๆ สงบลง
“นำน้ำมันหอมเข้ามา”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
องครักษ์ฮวังรยงที่ยืนห่างออกไปจากแท่นบรรทมเล็กน้อย หันหลังให้ทันทีเมื่อเห็นฝ่าบาทเริ่มใกล้ชิดสนมคนโปรด ก่อนจะเอ่ยตอบรับคำสั่งอย่างแผ่วเบาและขยับก้าวไปทางประตูอย่างเงียบเชียบ หลังจากถ่ายทอดรับสั่งออกไป ประตูก็เปิดออกประมาณสี่ชี[1] อย่างไร้เสียงและมีกระปุกขนาดเล็กยื่นผ่านเข้ามา กระทั่งยามนั้นโซกังก็ยังคงครวญครางด้วยความกระสันออกมาอยู่เนืองๆ
องครักษ์ผู้นั้นวางกระปุกไว้ใกล้มือองค์จักรพรรดิแล้วค้อมคำนับ จากนั้นเหล่าองครักษ์สามคนที่เฝ้าระวังอยู่ด้านในจึงพากันออกไปรอด้านนอกแทน
[1] ชี 1 ชี เท่ากับประมาณ 3 เซนติเมตร